ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน (Super Junior Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : หอเพี้ยนหรือหอเฮี้ยน?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.18K
      26
      17 มี.ค. 53



    Chapter3 : หอเพี้ยนหรือหอเฮี้ยน?
     
     
     
     
     
                    เสียงร้องของฮีชอลที่ดังขึ้นสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้เพื่อนๆที่กำลังตั้งใจฟังเรื่องเล่าของชินดงอย่างมาก ซีวอนที่รู้ว่าเป็นเสียงของรูมเมทตัวเองก็รีบวิ่งไปทางต้นเสียงทันที ตามด้วยฮันคยองและคนอื่นๆที่ลุกตามไป
     
                    “ฮีชอลนายเป็นอะไร!” มาถึงก็เห็นฮีชอลนั่งก้มหน้าตัวสั่นอยู่ ซีวอนจึงรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความรวดเร็ว
     
                    ไอ้โรคจิต! เมื่อกี้ตรงนั้น เมื่อเห็นว่าซีวอนอยู่ตรงหน้าฮีชอลก็โผเข้าหาทันที น้ำเสียงสั่นราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง นิ้วเรียวสวยชี้ไปที่ทางเข้าห้องน้ำ ก่อนจะรีบชักกลับมา มือทั้งสองข้างจิกไหล่ของซีวอนไว้แน่น
     
                    ตรงนั้นมันทำไม พูดให้รู้เรื่องหน่อยสิ ซีวอนเกิดอาการเซ็งเล็กน้อยที่โดนเรียกว่าไอ้โรคจิตอีกครั้ง แต่ในใจลึกๆก็รู้สึกเป็นห่วงเพราะเห็นท่าทางของฮีชอลแล้วมันดูน่ากลัวจนเขาคิดว่าต้องเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นแน่ๆ
     
                    ตรงนั้นไงตรงนั้น ฮีชอลเอาแต่พูดซ้ำๆคำเดิม แล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ จนซีวอนต้องดึงมากอดไว้แล้วลูบผมเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบใจ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าฮีชอลเป็นอะไร
     
                    หรือว่า.... ชินดงลากเสียงยาวแล้วหยุดไว้แค่นั้น หรือว่าจะเป็นพี่ยุนโฮกับพี่แจจุง
     
                    หรือว่าอะไรของนายชินดง อีทึกเป็นคนถามขึ้น คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันยืนกอดอกมองเพื่อนร่วมคณะเพื่อรอคำตอบ
     
                    คนอื่นๆที่กำลังรอฟังคำตอบก็เริ่มออกอาการกลัวอย่างเห็นได้ชัด ดงแฮเกาะคิบอมไม่ปล่อยตั้งแต่ที่วิ่งมาหาฮีชอล เรียวอุกก็ถูกเยซองกอดเอาไว้ ซองมินยืนข้างๆคยูฮยอนพร้อมกับจับชายเสื้อรูมเมทเอาไว้แน่น ฮยอกแจพยายามเขยิบเข้าไปใกล้ฮันคยองที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ ส่วนคังอินก็ยืนประกบอีทึกไม่ยอมห่าง
     
                    เขาว่ากันว่าวิญญาณของพี่ยุนโฮกับพี่แจจุงจะออกมาสังสรรค์กับพวกนักเรียนในวันเลี้ยงหอ และก็มีคนเห็นพี่เขาทุกปี ชินดงพูดจบทุกอย่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครออกความคิดเห็นอะไรทั้งสิ้น
     
                    ฉันเห็น ฮีชอลพูดออกมาเสียงสั่น ใบหน้าหวานยังคงซุกอยู่ที่อกของซีวอนไปยอมผละออกมา ทุกคนที่อยู่ในที่นี่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
     
                    มันไม่มีอะไรหรอกน่าฮีชอล นายน่ะขี้โวยวายไปได้ ซีวอนปลอบและพยายามผละออกจากฮีชอลแต่อีกคนไม่ยอมท่าเดียวกลับกอดเอาไว้แน่น
     
                    ฉันว่าเราออกไปกันเถอะนะ ซองมินพูดอย่างหวาดๆ ร่างเล็กเข้าไปใกล้คยูฮยอนจนเรียกได้ว่าเบียดแบบแนบชิดเลยทีเดียว
     
                    ฉันก็ว่างั้นชินดงมองซ้ายมองขวาอีกรอบก่อนจะเดินนำออกไปเป็นคนแรก ตามด้วยเหล่าเพื่อนๆและปิดท้ายด้วยซีวอนกับฮีชอล
     
                     สายลมเย็นๆพัดมาทำเอาทุกคนขนลุกซู่ ชินดงชะงักเท้าทันทีเมื่อเห็นอะไรผ่านหน้าไปแวบๆ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนที่เดินตามหลังมาด้วยใบหน้าแหยๆ
     
                    ชะ...ชินดง อีทึกที่ยืนอยู่ข้างหลังชินดง ชี้ไปด้านหน้า ผู้ชายใส่ชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยยิ้มมาทางพวกเขา ก่อนจะเดินหายไปช้าๆ
     
                    ฮีชอลร้องไห้โฮออกมาทันทีที่เห็นพลางซุกตัวเข้าไปหาซีวอน คนอื่นก็ได้แต่ยืนตัวแข็งมองภาพด้านหน้าต่อไป ซึ่งมีผู้ชายใส่เครื่องแบบของมหาวิทยาลัยอีกคนกำลังเดินผ่านทางเดียวกับผู้ชายที่ผ่านไปคนแรก
     
                    นะ...นายรู้มั้ยว่าพี่เขาหน้าตายังไง ซองมินถามขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ดวงตากลมโตมองไปที่เท้าของผู้ชายที่กำลังเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ แล้วก็หลับตาปี๋ เหมือนไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว ก็ในเมื่อเท้าของผู้ชายคนนั้นไม่ได้ติดพื้น แล้วจะเดินได้ยังไง
     
                    “บะ....แบบนี้เลย!!” พูดจบชินดงก็วิ่งหนีคนแรก ตามด้วยเหล่าเพื่อนๆที่แตกกระจายกันไปคนละทิศละทาง เว้นก็แต่ฮีชอลที่ยืนนิ่งขยับไปไหนไม่ได้เพราะขามันแข็ง แต่เพราะกอดซีวอนไว้อยู่เลยทำให้ซีวอนขยับไปไหนไม่ได้เช่นกัน
     
                    เพื่อนน้องเขารีบไปไหนกันเหรอ~” เสียงยานคางของผู้ชายที่กำลังจะเดินผ่านซีวอนกับฮีชอลไปดังขึ้น ให้ฮีชอลทั้งสั่นและร้องไห้หนักกว่าเดิม
     
    แต่เมื่อซีวอนหันไปมองก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะตอนนี้ไม่ได้มีแค่หนึ่ง คนที่เพิ่งจะเดินผ่านไปกลับมาอยู่ข้างๆ กันเสียแล้ว แถมยังยิ้มหวานมาให้อีกต่างหาก
     
    ฮีชอลวิ่ง!” ซีวอนพยายามจะฉุดฮีชอลให้ไปด้วยกันแต่อีกคนกลับขาแข็งขยับไม่ได้ เลยตัดสินใจช้อนตัวฮีชอลขึ้นแล้วใส่เกียร์หมาวิ่งทันที
     
    นายก็ไปแกล้งน้องเขายุนโฮ เสียงหัวเราะคิกคักของแฟนหนุ่มทำให้แจจุงต้องออกปากดุ มือซีดขาวฟาดไปที่ไหล่หนาเบาๆ แล้วมองตามสองคนที่เพิ่งวิ่งออกไป
     
    ผมไม่ได้แกล้งซักหน่อย แค่ถามเองว่าเพื่อนน้องๆเขาหนีไปไหน ยุนโฮตอบกลั้วหัวเราะ จริงๆเขาตั้งใจจะแกล้งรุ่นน้องเล่นๆ ถือเป็นการรับน้องใหม่ไปในตัว
     
    ถ้านายโกหกจมูกนายจะยาวขึ้นนะยุนโฮ ผีที่ดีไม่ควรโกหก แล้วก็ไม่หลอกใครพร่ำเพื่อ
     
    ผมไม่ใช่พิน็อกคิโอนะ อีกอย่างเมื่อกี้แจจุงก็ทำให้น้องเขากลัวเหมือนกันนั่นแหละ คนโดนดุก็ยังพยายามเถียงออกมาจนได้ ยุนโฮแบะปากน้อยๆ ทำตาละห้อยให้แฟนตัวเองเห็นใจ ก็ปิดเทอมไปตั้งหลายเดือน ไม่มีพวกนักศึกษามาพักที่หอมันก็เหงาเป็นธรรมดา และที่สำคัญเพื่อนรุ่นเดียวกับเขาก็จบออกไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยูชอล จุนซูและชางมิน
     
    ฉันไม่คุยกับนายแล้วยุนโฮ ไปที่งานเลี้ยงดีกว่า แจจุงว่าอย่างงอนๆ ก่อนจะหายตัวไป
     
    แจจ๋า~ หมีขอโทษ~” ยุนโฮบอกเสียงกระเส่าก่อนจะหายตัวตามไป ตั้งแต่เป็นวิญญาณปีนี้ก็ปีที่สามแล้ว แจจุงก็กลายเป็นวิญญาณขี้งอนไปเลย เพราะยังเคืองยุนโฮเรื่องที่ทำให้เขาต้องตายไม่หาย โดยโทษว่าถ้ายุนโฮไม่ทำให้โกรธเขาคงไม่ไปอาบน้ำคนเดียวแล้วเลื่อนหัวกระแทกอ่างตาย ที่สำคัญแทนที่ยุนโฮจะมาช่วยกลับมาตายตามซะอย่างนั้น
     
     
     
     
     
    ไม่เอาๆ อย่าขึ้นลิฟต์ ทันทีที่วิ่งผ่านหน้าลิฟต์เยซองก็ตรงเข้าไปกด แต่เรียวอุกกลับพยายามจะลากเยซองขึ้นบันได เขาว่ากันว่าหนีผีอย่าขึ้นลิฟต์ (???)
     
    ไม่ขึ้นลิฟต์ก็ถึงห้องช้าน่ะสิ เยซองกดย้ำมันอยู่นั่นแต่เรียวอุกก็พยายามจะดึงให้ไปขึ้นบันไดให้ได้ และในที่สุดลิฟต์ก็มา
     
    งั้นนายก็ขึ้นไปคนเดียวแล้วกัน เรียวอุกปล่อยแขนรูมเมทตัวเองทันที บรรยากาศแบบนี้ในลิฟต์นั่นแหละน่ากลัวที่สุด
     
    มาด้วยกันสิ แขนของเยซองคว้าเอาเอวของเรียวอุกมาก่อนที่จะได้หนีแล้วพาเข้าลิฟต์ไปทันที นิ้วสั่นๆจิ้มย้ำๆที่เลขสี่ ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ เพราะสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเห็นมาเมื่อกี้นี้
     
    ฝ่ายเรียวอุกก็ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจอย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย ถึงแม้สิ่งที่เห็นจะไม่ได้น่ากลัวมากมายแต่เมื่อนึกว่าเขาไม่เหมือนเราแล้วมันก็รู้สึกสยองขึ้นมา
     
    นี่มันในลิฟต์นี่ เสียงหวานๆดังขึ้นข้างเยซอง คนตาตี่หันไปมองใบหน้านั้นเหยเกขึ้นทันที ก่อนจะหันกลับมาอย่างช้าๆ เช่นเดียวกับเรียวอุกที่พอได้ยินเสียงเท่านั้นก็พร่ำอะไรออกมาไม่หยุดแถมยังฟังไม่รู้เรื่องอีกด้วย
     
    ไม่ได้ออกมาแค่ไม่กี่วันถึงขนาดหลงทางเลยเหรอแจจ๋า งานมันจัดข้างนอกนู้น บทสนทนาของคนที่ไม่ใช่คนยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจอีกสองชีวิตที่อยู่ร่วมลิฟต์กันเลยแม้แต่น้อย
     
    เยซองกระเถิบเข้าใกล้ประตูลิฟต์เรื่อยๆแล้วกดย้ำๆให้ประตูลิฟต์เปิดออก แค่ชั้นสี่ทำไมมันถึงได้รู้สึกเนิ่นนานขนาดนี้
     
    ก็เพราะนายนั่นแหละยุนโฮ ชิ!” งอนใส่แฟนหนุ่มเสร็จแจจุงก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเยซองกับเรียวอุกที่ได้แต่มองกันตาค้าง นิ้วของเยซองจิ้มค้างอยู่ที่ปุ่มเปิดลิฟต์ และในที่สุดประตูลิฟต์ก็เปิดออก
     
    ขอโทษนะครับ แฟนผมก็ขี้งอนแบบนี้แหละ ยุนโฮหันมาพูดกับทั้งสองยิ้มๆ แล้วก็หายตัวตามไป
     
    อ๊ากกกก!!!!” เยซองกับเรียวอุกร้องออกมาพร้อมกันแล้ววิ่งออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องพักของตัวเองทันที เกิดมาจะครบยี่สิบปีเพิ่งจะเจอผีจังๆก็ครั้งแรก แถมยังมาอยู่ร่วมหอเดียวกันอีก
     
     
     
     
     
    ฮันคยองวิ่งเร็วๆหน่อยสิ เดี๋ยวผีมันก็ตามมาทันหรอก ฮยอกแจว่าพลางตีบ่าฮันคยองไปด้วย ขืนวิ่งช้าแบบฮันคยองคงหนีไม่ทันแน่ๆ
     
    ก็เพราะนายไงเล่า! ฉันถึงได้วิ่งช้าแบบนี้!” เสียงหอบใจหายของฮันคยองดังขึ้นเป็นพักก่อนเจ้าตัวจะตะโกนกลับมา ก็ฮยอกแจดันเล่นกระโดดขึ้นหลังเขาแล้วก็วิ่งหนีออกมา ไม่ช้ากว่าวิ่งปกติก็บ้าแล้ว แบกคนไว้บนหลังแบบนี้
     
    พูดมากน่า! แล้วนายจะวนกลับมาที่เดิมทำไม!” เมื่อมองไปรอบๆก็พบว่าตัวเองกลับมาที่เดิมที่เพิ่งจะวิ่งหนีมาเมื่อกี้ฮยอกแจก็โวยวายใหญ่ ก็บรรยากาศตรงนี้มันน่ากลัวแบบสุดๆ
     
    เออว่ะ ฮันคยองปล่อยฮยอกแจให้ลงจากหลังตัวเองก่อนจะมองรอบๆอย่างงงๆ เขาวิ่งวนกลับมาตรงนี้ได้ยังไงกัน ก็วิ่งไปเรื่อยๆแล้วนี่นา
     
    ยังจะเอออีก อย่าบอกนะนายจำทางของหอไม่ได้น่ะ ถ้าเกิดผีมันกลับมาจะว่าไงฮยอกแจว่าอย่างหัวเสีย สายตากวาดมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวงว่าจะมีอะไรโผล่มาหรือเปล่า
     
    แจจ๋าจะกลับมาที่เดิมทำไมล่ะจ๊ะ ทำไมไม่ไปที่งานเลย เสียงกระเง้ากระงอดที่ดังแว่วๆมา ทำให้ฮันคยองกับฮยอกแจหันขวับไปมองทันที ถึงเสียงมันจะไม่ได้ฟังดูน่ากลัวมาก แต่เสียงกับชื่อมันคุ้นแปลกๆ
     
    ก็กลับมาเริ่มต้นที่เดิมไง ไม่งั้นเดี๋ยวก็ไปผิดที่อีก แจจุงตอบแฟนหนุ่มแล้วเดินไปยังจุดที่ตังเองเพิ่งจะจากไปเมื่อกี้นี้
     
    อ้าว! น้องๆ เห็นวิ่งไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ หรือว่าจำทางไม่ได้เหมือนแจจ๋า พูดจบยุนโฮก็หัวเราะออกมาเบาๆ เลยโดนแจจุงตีที่แขนไปหนึ่งทีโทษฐานทำตัวน่าหมั่นไส้ไม่ได้สังเกตเลยว่าน้องๆที่ตัวเองกำลังคุยด้วยอยู่อาการไหน
     
    เป๊ะเลย! เสียงใช่ หน้าใช่ แถมชื่อคุ้น แล้วแบบนี้จะอยู่ทำไมล่ะ!
     
    ว่าแล้วฮยอกแจก็กระโดดขึ้นขี่หลังฮันคยองทันที คนจีนที่เพิ่งโดนผีเกาหลีหลอกเป็นครั้งแรงติดเกียร์หมาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต รอบแรกแค่ยิ้มแต่รอบนี้มีหันมาคุยด้วย ผีอะไรจะอารมณ์ดีปานนั้น ตอนแรกที่ว่าไม่เชื่อเรื่องผีตอนนี้ฮันคยองเชื่อแบบสนิทใจเลย
     
     
     
     
     
    อ๊ากกกก!!!” เหมือนกับเป็นการประสานเสียงของวงออร์เคสตราที่น่ารำคาญยังไงยังงั้น เครื่องดนตรีทั้งสี่ที่แหกปากร้องโววายเมื่อซักครู่หันกลับมามองหน้ากันให้ชัดๆแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะนึกว่าวิ่งหนีมาเจอสิ่งที่วิ่งหนีมา
     
    มันไม่ตามมาใช่มั้ย อีทึกมองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก จนคังอินยังแอบขำกับท่าทางแบบนี้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
     
    คงไม่ตามมาแล้วมั้ง ซองมินตอบอย่างระแวง เมื่อกี้เขาจำได้ว่าวิ่งไปคนละทางกับอีทึกแล้วก็คังอิน แต่ยังโชคดีที่มาเจอกัน ไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะเป็นยังไงบ้าง
     
    เมื่อกี้ชินดงมากับเราไม่ใช่เหรอ หายไปไหนซะแล้วล่ะ คังอินมองหาเพื่อนร่างท้วมที่วิ่งมาด้วยกันแต่กลับไม่เห็นเสียแล้วตอนนี้
     
    หรือว่าชินดง.... เสียงถูกลากยาวในคำสุดท้าย ซองมินมีสีหน้าตื่นตระหนกกับสิ่งที่ตัวเองคิด หรือว่าชินดงจะโดนผีลากไป
     
    อย่าพูดไร้สาระน่า คยูฮยอนปราบรูมเมทตัวเองที่คิดอะไรไม่เข้าท่า
     
    แล้วชินดงไปไหนซะล่ะ อีทึกกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อมองหาชินดง แต่กลับไม่มีใครกล้าขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาทั้งสี่คนยืนอยู่ตรงบันไดชั้นสอง เพราะวิ่งวนด้านล่างอยู่หลายรอบเลยวิ่งขึ้นมาชั้นบนเพื่อจะขึ้นห้องพักแล้วเจอกันพอดี
     
    อ๊ากกกกก!!~ ฮือ~ ปล่อยน้า!~” อยู่ๆซองมินก็ดิ้นเหมือนกับเจ้าเข้าแล้วก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ คนตัวเล็กสั่นขาไปมาเหมือนต้องการจะสะบัดอะไรซักอย่างออกจากขา
     
    สายตาของทุกคนมองต่ำลงไปที่ขาซองมินทันที แสงสว่างจากดวงไฟที่เปิดอยู่ทำให้เห็นบางอย่างที่ขาซองมิน ลักษณะเหมือนกับมือของมนุษย์ เห็นดังนั้นทุกคนก็แหกปากร้องแล้ววิ่งหนีไปทันที
     
    ซองมินคว้าแขนคยูฮยอนเอาไว้ก่อนที่จะได้วิ่งไปไหน ใครจะยอมอยู่ให้โดนหลอกคนเดียว ต้องหาเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยถึงจะถูก
     
    จะจับไว้ทำไมเล่า! ปล่อย!” คยูฮยอนพยายามสะบัดมือซองมินให้หลุดออก แต่มันไม่หลุดง่ายๆ อยากจะขอเห็นแก่ตัวซักครั้งหนึ่ง เรื่องอื่นไม่ว่าจะยอมอยู่ช่วย แต่เรื่องภูตผีวิญญาณแบบนี้ขอบาย
     
    นายเป็นพื่อนฉันนะ! อยู่เป็นเพื่อนฉันสิ! ไอ้มือบ้านี่ก็ไม่ยอมปล่อยซักที! ปล่อยดิวะ!” ท่าทางซองมินเหมือนจะร้องไห้เข้าไปทุกที ขาที่สะบัดแรงในตอนแรกเริ่มเบาลง เสียงที่พยายามตะโกนด่ากลับกลายเป็นน้ำเสียงที่ใช้ในการขอร้องแทน
     
    นายจะดิ้นทำไมซองมิน เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้น ทุกอย่างเงียบกริบไปพักนึงก่อนที่ซองมินจะเริ่มโวยวายอีกครั้ง
     
    มันรู้ชื่อฉันด้วยคยู~” ซองมินเขย่าแขนคยูฮยอนไปมาทำท่างอแงเหมือนเด็กๆ เขากลัวจริงๆนะตอนนี้
     
    คยูฮยอนเริ่มจะเอะใจก้มลงไปมองที่ขาซองมินอีกครั้ง ทำใจแข็งนั่งลงเพื่อมองดูว่าจริงๆแล้วใช่มือผีอย่างที่เขาคิดหรือเปล่า เพราะเสียงพูดเมื่อกี้มันฟังดูคุ้นๆ
     
    ชินดง!” คยูฮยอนร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นคนที่จับขาซองมินอยู่ชัดๆ ร่างของชินดงพาดอยู่กับขั้นบันไดเหมือนกับคนหมดแรง ซองมินเลิกร้องโวยวายแล้วหันกลับไปมองข้างหลังก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่แท้ก็ชินดงนี่เอง
     
    นายไปนอนทำอะไรตรงนั้น ซองมินนั่งลงจับมือชินดงไว้ ส่วนคยูฮยอนเข้าไปช่วยประคองเพื่อนให้ลุกขึ้นด้วยความลำบากพอสมควร
     
    ก็ฉันวิ่งตามอีทึกกับคังอินมาไง เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว สองคนนั้นวิ่งไวเป็นบ้า ฉันเลยต้องคลานขึ้นบันไดมาแบบนี้ไง แล้วตอนนี้มันสองคนอยู่ไหน ชินดงพูดไปก็หอบไปพลางมองหาคนที่ตัวเองวิ่งตามมา
     
    ไปแล้ว ซองมินว่าพลางยู่ปากไปตามทางที่คังอินกับอีทึกวิ่งหนีไป
     
    ฉันว่าเรากลับห้องกันเถอะ สยิวว่ะ ฉันแค่เล่าตามที่ได้ฟังมาไม่นึกว่าจะเจอจริง ชินดงพูดแล้วทำท่าขนลุก
     
    แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับห้องด้วยความเร็วติดสปีด แค่คืนที่สองก็เจอดีซะแล้วสิ
     
     
     
     
    คิบอม
     
    หืม
     
    นายยังอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย ท่าทางของดงแฮทำให้คิบอมเผลอยิ้มออกมา ก็กอดกันอยู่แท้ๆยังจะมาถามอีก เขาเพิ่งรู้ว่าดงแฮกลัวผีมากขนาดนี้
     
    ฉันก็กอดนายอยู่นี่ไง คิบอมกระชับกอดให้แน่นขึ้น แล้วกระซิบบอกเบาๆ
     
    มันจะไม่ตามเรามาถึงในห้องใช่มั้ย เสียงหวานที่ติดจะสั่นๆยังคงเอ่ยถามต่อด้วยความไม่แน่ใจนัก
     
    ไม่ตามมาแล้ว คิบอมดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมตัวเองกับดงแฮเอาไว้ หวังจะให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดหลับซะทีเพื่อจะได้ลืมเรื่องที่กลัวซะแขนที่โอบกอดเมื่อกี้ถูกเปลี่ยนมาเป็นหมอนให้ดงแฮหนุนแทน
     
    คืนนี้นายนอนกับฉันนะคิบอม ฉันกลัว ดงแฮพูดออกมาเบาๆ ซุกตัวเข้าใกล้คิบอมมากขึ้น เพราะรู้สึกผวาไปหมด พอคิดว่าข้างหลังตัวเองไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักอยู่มันก็เริ่มกลัวขึ้นมาทันที
     
    ฉันก็อยู่กับนายอยู่นี่ไง เมื่อได้ฟังที่ดงแฮพูดคิบอมก็ยิ้มแล้วยิ้มอีก รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เพิ่งเจอเรื่องน่ากลัวมาแท้ๆ
     
    กอดฉันสิ รู้สึกหลังมันโล่งๆไงไม่รู้ คนที่อ้อนเริ่มออกปากสั่ง ถึงคิบอมจะอยู่ข้างๆก็เหอะแต่มันก็ยังเสียวอยู่ดี เขาน่ะเป็นโรคกลัวผีขึ้นสมอง ยิ่งเจอแบบนี้คงหลอนไปอีกหลายวันแน่เลย
     
    คิบอมไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แขนสอดเข้าไปใต้เอวของดงแฮแล้วดึงเข้าหาตัวเองกอดเอาไว้แน่น มือของคิบอมที่สัมผัสอยู่ที่หลังทำให้ดงแฮอุ่นใจขึ้นเป็นอย่างมาก
     
    กอดนายอุ่นดีจังคิบอม ดงแฮอมยิ้มส่งไปให้ ก่อนจะรีบซุกหน้าเข้าหาไออุ่นจากอกคิบอมทันที พูดเองกลับรู้สึกเขินเอง บ้าไปแล้วเหรอลีดงแฮ นายเขินรูมเมทตัวเองได้ไง
     
    ฝะ...ฝันดี คิบอมเงียบไปเมื่อดงแฮพูดออกมาแบบนี้ แต่แล้วก็ยิ้มออกมาแล้วอวยพรแบบตะกุกตะกักเพราะเขาก็ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน
     
    ฝันดี เสียงหวานตอบกลับมา แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบของยามค่ำคืน แต่เสียงหัวใจกลับไม่เงียบตามไปด้วย
     
    ต่างฝ่ายจะรู้สึกบ้างมั้ยนะ....ว่าความรู้สึกดีๆเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว
     
     
     
     
    หนักเป็นบ้าเลย!” ซีวอนทิ้งตัวฮีชอลลงกับเตียงอย่างแรงเมื่อวิ่งมาถึงห้อง เพราะฮีชอลไม่ยอมวิ่งตามมาเขาถึงต้องอุ้มวิ่งขึ้นบันไดมาตั้งสี่ชั้น ตัวก็ใช่ว่าจะเบาเหมือนนุ่น แถมดิ้นอีกต่างหาก เขาไม่ทิ้งกลางทางก็ดีเท่าไหร่แล้ว
     
    เจ็บนะ! ทิ้งมาได้! ไอ้.... ฮีชอลร้องโอดโอยแล้วก็ทำท่าจะโวยวายใส่ซีวอนที่บังอาจทุ่มตัวเขาใส่ที่นอน
     
    หยุดเลย! คนเขาช่วยยังจะมาโวยวายใส่อีก ขอบคุณน่ะมีบ้างมั้ย ซีวอนยืนกอดอกทำหน้านิ่ง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
     
    ฮีชอลนิ่งไปเหมือนกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ขอบคุณดีหรือไม่ขอบคุณดี เขากับอีรูมเมทโรคจิตยิ่งไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่
     
    รู้งี้ฉันปล่อยให้นายโดนผีหลอกซะให้เข็ดก็ดี ****ทำคุณได้โทษจริงๆ ซีวอนบ่นอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเดินไปยังเตียงของตัวเอง หยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าแล้วเตรียมจะเดินเข้าห้องน้ำ
     
    ขอบคุณ ฮีชอลเอ่ยออกมาเบาๆ ใบหน้าหวานเบี่ยงหนีสายตาที่หันมามองอย่างเจ้าเล่ห์ของซีวอน
     
    อะไรนะไม่ได้ยิน ทั้งหน้าตาและน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของซีวอนทำเอาฮีชอลเริ่มจะโมโหขึ้นมา แต่ซีวอนกลับยิ้มร่า
     
    ก็บอกว่าขอบคุณไง!” เสียงที่เหมือนตวาดของฮีชอลทำเอาซีวอนเบ้ปากทันที เวลาจะขอบคุณกันเขาใช้น้ำเสียงแบบนี้หรือไง
     
    พูดให้มันดีๆหน่อยสิ ซีวอนทำหน้าบึ้งใส่ เหมือนว่าไม่รับคำขอบคุณจากฮีชอล
     
    ขอบคุณครับคุณชเวซีวอน พอใจยัง!” ใส่จริตในประโยคแรกก่อนจะกระแทกเสียงในประโยคหลัง ไม่รู้ซีวอนจะมาเอาอะไรกับเขาหนักหนา
     
    ยัง!”
     
    คำตอบของซีวอนทำเอาฮีชอลเริ่ม***ฉุนหนักขึ้นไปอีก ร่างบางพยายามควบคุมอารมณ์อย่างเต็มที่ วันนี้ซีวอนเป็นคนช่วยไว้ อย่าโกรธๆ
     
    ขอบคุณนายมากนะ...ซีวอน ฮีชอลยิ้มน้อยๆขณะที่พูดขอบคุณ แต่พอถึงชื่อบุคคลที่แสนจะเหม็นขี้หน้าถึงกับต้องกัดฟันพูดเลยทีเดียว
     
    ก็แค่นั้นแหละ ฮ่าๆๆ พูดจบซีวอนก็หัวเราะอารมณ์ดีเดินเข้าห้องน้ำไป
     
    เรื่องมากจริงวุ้ย!” ฮีชอลสบถขึ้นเบาๆ นั่งชันเข่าขึ้นมากอดไว้ พออยู่คนเดียวก็ชักจะเริ่มกลัวขึ้นมาอีกแล้ว
     
    ผ้าห่มผืนหนาที่พับอยู่ปลายเตียงถูกดึงขึ้นมาคลุมจนมิดหัว ฮีชอลขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความหวาดระแวง ในใจอยากจะตะโกนเรียกไอ้คนที่อาบน้ำอยู่ให้คุยเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวจะเสียหน้า โชคดีหรือโชคร้ายกันล่ะเนี่ยที่เขาเห็นผีคู่รักยุนโฮกับแจจุงเป็นคนแรก นึกแล้วก็ขนลุก


                                                                         -------------------------------------------------------

    kr...Talk
    สวัสดีจ้า
    เป็นงัยผีคู่รักยุนแจของเรา
    ทำเพื่อนหลอนกันเลยอ่ะดิ
    ก็บอกแล้วว่าผีของเราออกจะน่ารัก
    มาต่อความหวานแหววกัน


    หยอกล้อกันเล่นภาษาคนรัก มี๊แจยิ้มสวยมาก


    โอ้ว!!! ท่านี้ทำหลายคนจิ้นเลย แล้วแต่จะคิดนะค่ะ


    แจจ๋ากำลังคุยกับเพื่อน ส่วนหมียุนก็นอนพิงซะหน่อย (สงสัยเหนื่อย?)


    อันสุดท้ายเป็นภาพหวานก็ผียุนแจตายนะค่ะ แจทำปากน่ารักน่าจูบซะไม่มี


    ไรเตอร์มันบ้าอีกแล้ว
    ขอบคุณนะค่ะที่บอกว่าเรื่องนี้สนุก
    สนุกก็อย่าลืมเม้นและอ่านกันต่อไปล่ะ
    เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×