กว่าจะมาเป็นนิยายเรื่อง เพื่อนผมเธอเป็นแวมไพร์(จริงๆนะครับ...)
ก่อนจะนำเสนอต้องขอเกริ่นนำสักนิดครับ
ผมเคยอิงมาครั้งหนึ่งแล้วว่านิยายเรื่องนี้ผมได้แต่งโดยรับแรงบันดาลใจจากเรื่องฮิกุราชิ โดยสิ่งที่ผมชอบที่สุดจากการ์ตูน(โนเวล)เรื่องนี้คือบรรยากาศในอดีตที่มีการใช้ธรรมชาติเข้ามาช่วยในการกดดันกับอารมณ์ในเรื่องซึ่งผมคิดว่าทำได้ลงตัวดีมาก
ด้วยความอินก็เลยอยากลองแต่งนิยายแนวนี้บ้าง แต่ความยากมันอยู่ตรงที่ว่าเรื่องที่จะออกมานั้นต้องเป็นในแบบของตัวเองและไม่อิงฮิกุราชิเกินไปจนมีกลิ่นอายติดมาจนแยกไม่ออก
มานึกดูแล้วถ้าจะให้เหมาะธีมของเรื่องนั้นควรเกิดในถิ่นฐานที่ตนเองเคยอยู่เพื่อให้ง่ายต่อการสร้างจินตนาการและไม่เหมือนกับทางญี่ปุ่นแน่นอน
แรกเริ่มเดิมทีผมอยากลองแต่งแนวลึกลับซ่อนเงื่อนไปเลย ธีมเรื่องว่าจะใช้โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา ใกล้กับบ้านญาติ ที่ๆสมัยเด็กผมชอบไปเที่ยวบ่อยๆ
พอเวลาผ่านไปพักใหญ่เกิดมีโครงการแข่งขันของทางรักพิมพ์เป็นเรื่องสั้น ผมก็เลยอยากลองมือแต่งนิยายแนวที่ว่าสักที ส่วนแนวนั้นก็อยากให้เป็นสยองขวัญนำ และต้องมีโรงเรียนนักเรียนเข้ามาเกี่ยวข้อง
พอดีจังหวะนั้นผมก็กำลังติดโทโฮเอาเรื่อง เลยอยากหยิบปีศาจสักตัวมาเป็นนางเอก ซึ่งพอพิจารณาแล้วที่เข้าท่าที่สุดก็ไม่พ้นแวมไพร์ แม่แบบแรงบันดาลใจมาจากสองศรีพี่น้องฟรันดอลกับเรมี่เลียนั่นแล
พอได้คอนเซ็ฟก็กำหนดทางเรื่องคร่าวๆแล้วลงมือแต่งไป
แต่ทว่าพอแต่งไปสักพักปรากฎว่านิยายจบแบบสั้นๆไม่ลง ยิ่งแต่งไปยิ่งรักในตัวละครเลยเสริมบทนานาเข้าไปจนทำให้เลยความเหมาะสมไปมากโข
ผลที่สุดก็เลยถอนตัวจากการประกวดแล้วแต่งให้เป็นเอกเทศไปเลยดีกว่า ไม่มีข้อผูกมัดเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวด้วย ก็เลยมาเป็นนิยายที่เห็นในทุกวันนี้
นิยายเรื่องนี้ก็เป็นการผูกระหว่างผีนอกกับผีไทย ผสมระหว่างแฟนตาซีกับลึกลับแซมความรักเล็กๆน้อยๆ และแน่นอนว่าต้องมีความลับและหักมุมพอสมควรตามสไตล์ถนัด
ก็ถือเป็นอีกนิยายที่ผมรวมความชอบในหลายแง่มุมเข้าด้วยกัน อาจดูแปลกๆไปนิดแต่ผมก็จะพยายามเรียบเรียงให้ออกมาเป็นบรรยายกาศไทยๆเห็นภาพมากที่สุดล่ะครับ
การใช้บรรยากาศเก่าๆในอดีตมาเป็นจุดยืนพื้นก็ทำให้การแต่งง่ายขึ้นเยอะเลยจริงๆ
เอาล่ะครับ จากนี้ไปก็จะเป็นภาพที่พึ่งไปเก็บมาเมื่อสัปดาห์ก่อน
คือจริงๆแล้วอยากได้ภาพสมัยสัก 10-15 ปีก่อน ซึ่งจะเข้ากับยุคในนิยายที่พูดถึง แต่ภาพก็ไปเก่าเก็บที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
ผมเลยต้องไปถ่ายมาใหม่อย่างเลี่ยงเสียไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอเสนอที่ๆมีอยู่จริง กลายมาเป็นแรงบันดาลใจจริงก็แล้วกันครับ แล้วจะอธิบายประกอบทีละภาพไปแทนนะครับผม
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
อนึ่งชื่อของสถานที่ในภาพผมขอเรียกด้วยชื่อจริง ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อเป็นการแสดงความเคารพแก่ที่นั้นๆในการบรรยาย มิได้มีเจตนาไม่ดีหรือจะลบหลู่แต่ประการใด หากมีอะไรบกพร่องหรือไม่เหมาะสมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
เริ่มแรกสุดคงต้องกล่าวถึงบ้านที่ตัวเอกในเรื่อง อิม จะไปอยู่
อันนี้เป็นสถานที่ๆมีอยู่จริงแน่นอนที่สุดครับ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าหลังจากที่ไม่ได้ไปที่แห่งนี้มานานเกือบจะสิบปีถนนก็ยังคงเดิมอยู่
ก็ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปไม่มากนัก นอกจากมีการลาดยางอย่างดี มีการตีเส้นกลางถนน
แต่บ้านสองข้างทางยังเหมือนเดิมครับ ถือว่าไม่ต่างจากจินตนาการที่วาดไว้ในนิยายเลย
แต่ที่เหนือความคาดหมายของผมเห็นจะเป็นตัวบ้านมากกว่า...
ไม่นึกเลยว่าจะเปลี่ยนไปแบบผิดหูผิดตาเช่นนี้ ก็ขอให้เข้าใจเหมือนๆกันนะครับว่าเป็นบ้านจริงๆเคยมีคนอยู่ มิใช่บ้านสยองขวัญในรายการช็อคเอฟเอ็มแต่อย่างใด
ต้องบอกไว้ก่อนว่าบ้านหลังนี้เป็นของน้าผม ซึ่งด้วยหน้าที่การงานแล้วทำให้ต้องย้ายจังหวัดเป็นระยะๆ ภรรยาก็ตามไปช่วยราชการ ลูกชายก็จบแล้วทำงานที่เชียงใหม่ ลูกสาวก็ตามไปด้วยกัน
พอไม่มีใครดูแลบ้านก็เลยโทรมลงไปตามกาลเวลาเช่นนี้แลครับ โรงรถกับกำแพงกั้นระหว่างสวนหายไปแล้ว เลยดูรวมแบบรกๆไปหน่อย
แต่สมัยก่อนถือว่าเป็นบ้านแสนสุขหลังหนึ่งของผมทีเดียวล่ะ เคยมาอยู่บ้านนี้แต่ยังเด็ก และก็มาเที่ยวอยู่บ่อยๆ
ซึ่งก็มีอะไรให้เล่นได้เสมอๆ เนื่องจากบ้านมีพื้นที่สวนครับ
สมัยก่อนนั้นเป็นดงกล้วยที่มุมกำแพง ส่วนต้นมะม่วงต้นลำใยยังมีให้เห็นอยู่ในภาพครับ
ด้วยความที่อยู่เกือบสุดซอย ไกลถนนหลักก็เกือบสองถึงสามร้อยเมตร แถมหลังบ้านก็อย่างที่เห็นครับมีพวกต้นไม้สูง ซึ่งจริงๆแล้วเป็นต้นไม้ในโรงเรียนร้าง เลยทำให้บ้านที่นี่สงบเงียบเย็นสบายน่าอยู่มาก
มาดูอีกมุมหนึ่งบ้าง ด้านหลังประตูที่เปิดทะลุให้เห็นนั่นคือห้องครัวครับ ก่อนหน้านี้ใกล้ๆต้นลำใยนั่นเคยมีเล้าไก่มาก่อน ผมเคยเอาไปนั่งเล่นบ่อยๆครับ เย็นแล้วก็เงียบดี
ส่วนนี้มีการอิงถึงในนิยายตอนที่ลูน่าพาอิมบินมาส่งก็ตรงจุดนี้เลย
ข้ามจากบ้านมาก็เดินผ่านบ้านหลังติดกันมาอีกสักหลัง ก็จะเป็นถนนสุดซอยครับ
จริงๆก็ไม่มีผลกับนิยายสักเท่าไหร่ ที่ผมถ่ายภาพนี้มาเพราะเห็นว่าสภาพทุ่งหญ้ายังคงสมบูรณ์อยู่ ตอนท้ายๆก็มีฉากหนึ่งที่อิมหนีตายข้ามเส้นทางนี้ไป
แน่นอนว่าไม่ใช่ป่าจริงหรอกครับในยุคนี้ แต่ในนิยายผมเมคให้ข้ามทางนี้ไปเป็นป่ากับทุ่งนาร้างติดกัน ในส่วนนี้จะมีการพูดถึงในช่วงหลังครับ
จากจุดที่ยืนอยู่เดิม หันมาสัก 45 องศาครับ
จะเห็นว่ามีคลองอยู่ สมัยก่อนตอนผมเด็กนี่น้ำในคลองใสมากครับ ข้างๆรอบๆก็มีต้นไม้ขึ้นเรียงเลย หนีร้อนมาเล่นน้ำที่นี่ก็บ่อยๆ
ในนิยายก็ถูกจับมาใช้เช่นกัน แต่ขนาดคลองในนิยายจะถูกขยายขึ้นเพื่อความเหมาะสมกับทิศทางเรื่องครับ
เสร็จเรื่องที่พักแล้วเรามาต่อในเรื่องของโรงเรียนกันบ้าง
ในตอนสองนั้นจะเห็นว่าอิมไปเรียนที่โรงเรียนคาทอริกชื่อเซนต์มิชเชล แน่นอนว่าที่มีของโรงเรียนก็มีจริง เป็นโรงเรียนสมัยอนุบาลและประถมที่ผมเคยเรียนมานั่นเอง
ก็เป็นโรงเรียนคาทอลิกครับ ชื่อ อัสสัมชัญลำปาง
ต้องบอกเลยว่าผมเองก็แทบไม่ได้ไปโรงเรียนเก่าอีกเลยหลังจากจบป.6มา
จนกระทั่งสัปดาห์ก่อนนี้เองที่คิดว่าจะต้องไปเก็บภาพเลยได้กลับไปเหยียบโรงเรียนเก่าสมัยยังเด็กอีกครั้ง ก็เป็นอะไรที่ประทับใจไปอีกแบบ แม้ว่าตัวโรงเรียนหลายส่วนจะเปลี่ยนไป แต่บรรยากาศก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิด
ก่อนอื่นต้องอธิบายสักนิด สมัยก่อนโรงเรียนอัสสัมชัญนั้นเป็นโรงเรียนชายล้วนครับ ส่วนนักเรียนหญิงจะเรียนอยู่โรงเรียนคราทอริกเช่นกันชื่ออรุโณทัย
สองโรงเรียนนี้อยู่ติดกันครับ แต่ในเรื่องผมได้เมคให้กลายเป็นโรงเรียนเดียวกันแบบ สหะ ไปครับ
นี่ก็เป็นประตูโรงเรียน อรุโณทัยจากทางด้านข้างครับ
อันนี้มุมทะแยงมาอีกนิด อยากให้เห็นตัวตึก มุมสวยครับ ตั้งใจว่าอยากจะเอามามีบทในภาคสองตอนสู้กัน ท่าทางจะอลังการดี
ติดกับด้านข้างโรงเรียนอรุโณทัยก็คือโรงเรียนอัสสัมชัญที่ผมว่านี่ล่ะครับ
ซูมเข้าไปใกล้ๆดูตราโรงเรียนกัน
เข้าประตูโรงเรียนมาก็จะเจอรูปปั้นพระแม่มาเรีย นี่ก็เปลี่ยนไปเยอะครับ สมัยผมรู้สึกจะเป็นฐานปูนอยู่เลย
เอาล่ะ เข้าเกี่ยวกับเนื้อเรื่องกันต่อ นี่คือตึกเรียนที่ผมเคยเรียนสมัยประถม และก็หยิบมาใช้ในนิยายเสียเลย ไม่มีการดัดแปลงเลยทั้งลักษณะตึกและมุมมอง
ซึ่งถ้ามองลงมาจากชั้นสามล่ะก็จะเห็นโรงเรียนได้กว่าครึ่งเชียวล่ะครับ
ส่วนนี่ก็สนามฟุตบอล ที่อัฒจรรย์เป็นสแตนด์เชียร์ครับ แบ่งได้หกสี แต่ในนิยายก็มีปรับเพิ่มตามสมควร
มาดูอีกมุมหนึ่งกัน ชื่อเต็มของอัฒจรรย์คือ รัชตสมโภชครับ
ข้างในตัวอัฒจรรย์เป็นที่จอดรถจักรยานยน มีห้องซ้อมดนตรี ห้องของวงโยธวาทิต ห้องคอมพิวเตอร์ แล้วก็ห้องสมุดครับ ไม่รู้เดี๋ยวนี้เป็นยังไงบ้าง ผมถอดแบบมาใช้ในนิยายโดยตรงเลยเช่นกัน
ตอนที่สองที่อิมช่วยหนูจันก็ที่นี่ล่ะครับ เดินออกไปที่ประตูทางออกข้างโรงเรียน ก่อนที่พ่อหนูจันจะขับรถมารับ
ต่อกันที่ตึกในสุดของโรงเรียน ตึกเซนต์หลุยส์ ตึกนี้ก็ถือเป็นตึกเก่าแก่อีกหลัง ผมเองก็เคยเรียนตึกนี้เช่นกัน
ดูอีกมุมหนึ่งข้างๆ
สำหรับในตอนสองที่อิมถูกผีดึงตกตึกแล้วหนูจันมาช่วย ผมก็อ้างอิงมาจากอาคารเรียนหลังนี้เอง ม้าหินอ่อนที่อิมมานั่งพักหลังเอาตัวรอดมาได้ก็ระยะประมาณนี้เลยครับ กำลังเห็นภาพผีที่ชั้นสามได้แบบพอเหมาะพอเจาะมาก
ก็ต้องถือว่ามองจากมุมนี้แล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนจากสมัยก่อนสักเท่าไหร่ รางล้างหน้าดื่มน้ำเหมือนเดิม ถัดไปเป็นโรงอาหาร ทางเดินระหว่างตึกกับโรงอาหารคือที่ไปลานเวิ้งหลังโรงเรียนที่ๆจัดค่ายลูกเสือ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกจะเป็นตึกไปแล้ว ถัดจากโรงอาหารแต่เดิมเป็นห้องน้ำ ในนิยายก็มีช่วงหนึ่งที่เจ๋งพาไปสำรวจผีล่ะครับ เดี๋ยวนี้ก็ถูกทุบตัดถนนออกข้างโรงเรียนไปล่ะ
ก็มีประมาณนี้ล่ะครับ รายละเอียดปลีกย่อยในโรงเรียน
คราวนี้เรามาดูรายละเอียดด้านอื่นๆที่มีกล่าวถึงในนิยายกันต่อบ้าง
ในตอนสามจะเห็นว่าอิมเล่นกีฬาสีต้องมีการไปฝึกซ้อมที่สนามกีฬา แล้วขากลับก็เจอดีเข้า ตอนที่ห้าก็ผีที่ถนนเส้นนี้อีก
แน่นอนอีกว่า สถานที่เกิดเหตุทั้งหมดผมก็เอามาจากที่ๆมีอยู่จริง
ก็ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ถ้าจำไม่ผิดสมัยผมเป็นเด็กถนนยังแค่สองเลนแคบๆอยู่เลย รถก็ไม่เยอะแบบนี้ด้วย เสาไฟก็ห่างกัน
ก่อนอื่นต้องเริ่มต้นจากถนนหน้าปากซอยครับ
อันนี้ถ้าเลี้ยวซ้ายก็เข้าในตัวเมือง ถนนเส้นนี้ผมใช้ในตอนห้า ที่อิมปั่นจักรยานชนเสาไฟข้างถนนนั่นล่ะครับ
มองทางขวาบ้าง
นี่ล่ะครับ ครบทุกรายละเอียด ตรงหน้าคือโรงเรียนเคนเน็ตแม็คเคนซี เป็นฉากหนึ่งที่ผมเขียนให้อิมปั่นจักรยานผ่านโรงเรียนยามดึก ก็เอามาจากที่นี่เลย
แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงในนิยายหลายจุดอยู่น่ะครับ อย่างเช่นโรงเรียนอยู่ห่างปากซอยไปไกล แล้วก็บรรยากาศค่อนข้างเก่า
ภาพประตูหน้าโรงเรียน
ก็เปลี่ยนแปลงเชิงบวกเยอะเลยครับ สมัยก่อนเป็นโรงเรียนที่มีพื้นที่กว้างแต่ตึกเรียนน้อย พูดง่ายๆคือมีลานว่าง สนามฟุตบอล รั้วไม้เหมือนกับภาพแต่ไม่ได้ทาสีใหม่ ช่วงดึกๆเวลาผ่านก็ชวนหลอนเอาเรื่องเลยล่ะ
นี่ก็อีกหนึ่งที่ในอีเวนท์สำคัญครับ ป่าช้า สุสาน...
พูดถึงป่าช้านี่ไม่ไกลจากโรงเรียนเคนเน็ตเลยนะครับ ย้อนขึ้นไปสองภาพบน ไปตามถนนแล้วขึ้นเนินไปก็ถึงป่าช้าล่ะครับ ไปอีกนิดก็ถึงสนามกีฬาที่ว่า
ก็ไม่ไกลกันเลย แต่ในนิยายผมยืดเส้นทางออกไปเป็นกิโลเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ยืดระยะในการบิวด์อารมณ์สยองครับ
อืม... จากภาพนี่ ข้ามรั้วลวดหนามไปก็เขตป่าช้าล้วนๆล่ะครับ ก็เป็นป่าช้าฝรั่ง แต่ไม่แน่ใจว่าลึกเข้าไปเป็นอะไร ได้ยินน้าชายบอกว่าเป็นป่าช้าไทย พวกเมรุเผาอะไรเทือกนั้น
ข้ามมาถึงฟากสนามกีฬาบ้าง
นี่ก็เป็นสนามบอลที่อิมต้องปั่นจักรยานมาฝึกซ้อมกัน
มองกันอีกมุมหนึ่ง
แต่ก่อนก็มีเสาโกล์ให้ด้วย ตัวผมเองก็เคยมาซ้อมช่วงกีฬาสีกับเพื่อนครั้งถึงสองครั้งที่นี่เหมือนกันครับ ก็ใช้ได้เลยทีเดียว สะดวกสบาย ไม่น่ากลัวเหมือนในนิยาย (ฮ่ะๆ)
ข้ามถนนมาก็เป็นสนามใหญ่อย่างที่ว่า ใกล้กันจริงๆ
อันนี้ถนนหลังสนามกีฬา
ก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องหรอกครับ พอดีขี่รถผ่านแล้วรู้สึกว่าให้อารมณ์บรรยากาศเก่าๆดีครับ อย่างตอนที่อิมปั่นแล้วเปลี่ยวๆ ก็เป็นอะไรทำนองนี้เลย ถ้าเปลี่ยนรั้วริมทางเป็นป่าหรือดงพุ่มไม้ล่ะก็ใช่เลย
พูดถึงตอนเข้าค่ายลูกเสือสยองขวัญแล้วล่ะก็ จริงๆต้องอิงจากโรงเรียนครับ แต่ก็อย่างที่ว่า พื้นที่ถูกเอาไปสร้างตึกหรือสนามกีฬาไปแล้ว
แต่ไม่เป็นไรครับ สืบเนื่องจากภาพบน ผมขี่รถไปหลังสนามกีฬาก็พบสถานที่เข้าค่ายลูกเสือ
แต่เดิมสมัยอยู่ ม.ต้นผมก็เคยมาเข้าที่นี่แหล่ะ ก็แตกต่างอิมเมจอยู่บ้าง แต่ก็มีส่วนใกล้เคียงอยู่เหมือนกัน อย่างต้นไม้สูง พงหญ้าที่อิมต้องใช้เดินเป็นทางลัด
โดยรวมแล้วหลักๆก็น่าจะมีประมาณนี้ครับ แต่ไหนๆก็อุตส่าห์ได้กล้องมาแล้ว ผมเลยเก็บภาพที่คิดว่าจะใช้ประกอบอ้างอิงบ้างมาแจมพร้อมกันเลยละกัน
อันนี้เป็นสวนสาธารณะหนองกระทิง
ตั้งใจจะใช้ในภาคสามตอนสู้กันแล้วถูกกระชากตกน้ำ แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นแค่ความคิดน่ะครับ จะแต่งไปถึงหรือเปล่านี่อีกเรื่อง ฮ่ะๆ
สะพานรัษฎา
[
เป็นสะพานเก่าแก่ประจำจังหวัดอีกที่หนึ่งเลย เก็บมาเห็นเข้ากับบรรยากาศเก่าๆของเรื่อง
ซึ่งถ้าอิงตามความจริงแล้ว หากอิมจะเข้าเมืองก็ต้องปั่นจักรยานข้ามสะพานเส้นนี่ครับ
แฟชั่นสโตร์(เก่า)(ตึกสีน้ำเงินขาวแดง)
ห้างเก่าแก่ แต่ปิดตัวไปแล้ว ตอนนี้เป็นร้านขายยาไป
ผ่านสะพานรัษฎาแล้วเลี้ยวขวาก็ถึงล่ะครับ จะว่าไปสี่แยกที่นี่ก็ใกล้ศาลหลักเมืองครับ มีตลาดใกล้ๆด้วย ก็ถือเป็นจุดหนึ่งในตัวเมืองที่มีคนผ่านไปมาเยอะ
เสรีสรรพสินค้า (ทางซ้าย)
จากแฟชันก็เลยมาอีกสัก 5-6 ซอยก็ถึงล่ะ
นี่ก็เป็นอีกห้างเก่าแก่ และยังคงดำเนินกิจการอยู่ สมัยก่อนลำปางยังไม่มี BigC มาที่นี่ก็หรูล่ะครับ ฟากตรงข้ามแต่ก่อนก็เป็นร้านขนม
ก็จะมีสักตอนที่อิมชวนหนูจันมากินเค้กหลังสอบเสร็จ ก็ร้านนี้ล่ะครับ
ห้าแยกหอนาฬิกา
อีกสถานที่ขึ้นชื่อของจังหวัดลำปาง แย่ไปหน่อยที่ตอนผมไปถ่ายภาพเขากำลังปรับปรุงอยู่ เลยออกมาไม่โสภาอย่างที่เห็นนัก
แต่แน่นอนแต่งฟิคที่เกี่ยวกับลำปางจะไม่แต่งถึงสถานที่สำคัญของจังหวัดก็ใช่เรื่อง ผมวาดภาพในจินตนาการไว้ล่ะครับ ถึงฉากสุดท้ายของเรื่องจริงๆในภาคสาม อิมกับลูน่าจะสู้กับปีศาจแวมไพร์ที่บนหอนาฬิกานี่เอง
แถมท้ายสักภาพ
รถม้าลำปาง อีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำจังหวัด
ตอนแรกกำลังถ่ายภาพหอนาฬิกา พวกขี่ผ่านเลยเก็บมาฝากเสียเลย เวลาแวะมาลำปางก็ลองนั่งกันดูได้นะครับ (ช่วยกันโปรโมทซะ หึๆ)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดยรวมก็มีอะไรราวๆนี้ล่ะครับ เหมือนบ้างไม่เหมือนบ้างก็ว่ากันไป เพราะสิบห้าปีนี่ก็นานเอาเรื่องเลยทีเดียว
แต่กระนั้นภาพอดีตหลายๆภาพตอนเด็กผมก็ยังคงอยู่ล่ะ ก็หยิบมาผสานรวมเติมแต่งกันไป
เพราะมีอะไรที่อ้างอิงถึงสถานที่จริงในอดีตเยอะมาก ฉะนั้นอย่าแปลกใจเลยครับถ้าหากตัวเอกเรื่องนี้จะชื่ออิม
หึๆ แบบนี้ก็ง่ายต่อการอิมเมจินมากเลยเชียวแล
ความคิดเห็น
มาเยี่ยมค่ะ อิอิ น่าสนุกดีนะคะ พอดียังไม่ได้ลองอ่านเลย พอมาเห็นแบบนี้ ก็อยากอ่านขึ้นมาเลยอ่ะ อิอิ บายค่ะ
ปกติไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับจังหวัดอื่นหรอก แค่ในจังหวัดที่ตัวเองอยู่ยังรู้ไม่ละเอียดพอเลย -_-"