คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ...๙ สาวหัวกะทิ
รูปนี้เหมือนพร้อมจะหอบผ้าหนีตามสาว 555++
เป๋าพร้อม ตังพร้อม นุ้งเทียนไม่ต้องกังวล
9
สาวหัวกะทิ
กลิ่นหอมของแกงสายบัวใส่ปลาทูกระตุ้นให้คนที่นั่งรออยู่ในห้องอาหารต่างพากันลอบกลืนน้ำลาย ฟาบิโอ้ชะเง้อคอมองไปทางประตูครั้งแล้วครั้งเล่า ชัยพฤกษ์พี่ชายของลีลาวดีเองก็เช่นกัน มีเพียงไอยเรศที่ยิ้มอย่างอ่อนใจ หนุ่ม สว. (สูงวัย) ที่ลูกๆ เธอชอบล้อมักตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้มารอทานอาหารที่ ‘สาวหัวกะทิ’ ซึ่งเอาแต่ร่ำเรียนเป็นคนทำ จนไม่ค่อยได้มาสังสรรค์กับครอบครัวมากนัก
เทียนกัลยาเรียนจบปริญญาตรีภายในเวลาสามปี หญิงสาวมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการเรียนจนผู้คนรอบข้างต่างห่วงใย เป็นเหตุให้พี่ๆ ซึ่งร่ำเรียนที่อังกฤษเหมือนกันผลัดกันดึงตัวสาวหัวกะทิให้ออกมาทานข้าวนอกบ้าน ไม่ก็พามาสังสรรค์ที่บ้านของชัยพฤกษ์และไอยเรศซึ่งตั้งอยู่ในเมืองออกฟอร์ด
หกปีที่ผ่านมาเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นหลายอย่าง เทียนกัลยากลายเป็นคนโปรดของครอบครัวฟาเบรกลาส ลีลาวดีและฟาบิโอ้มักเดินทางมาเยี่ยมหญิงสาวบ่อยๆ กัลปพฤกษ์เองก็แวะเวียนมาไม่ขาด ส่วนพฤกษ์ลดากลับไปอยู่วังเวียงเมื่อหกปีที่แล้วพร้อมกับลูกในท้อง ปัจจุบันราชพฤกษ์และราชาวดีมีหลานสาววัยสี่ขวบที่ช่างเจรจาจนผู้เป็นตากับยายไม่เหงาอีกต่อไป สนฉัตรเป็นอีกคนหนึ่งที่ไปๆ มาๆ ทุกสองถึงสามเดือน ชายหนุ่มทำเหมืองอยู่ในเมืองไทยจึงไม่ค่อยได้แวะเวียนมาบ่อยเหมือนกัลปพฤกษ์ซึ่งปักหลักทำงานอยู่ที่อิตาลี
ส่วนพุทธชาดที่เคยออกปากว่าจะไม่โทร.
หาเทียนกัลยาบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อนซึ่งเคยโทร. คุยกันทุกสัปดาห์ ตอนนี้ชายหนุ่มเปลี่ยนจากโทร.
มาพูดคุยเป็นส่งข้อความหาเทียนกัลยา ‘วันเว้นวัน’ ทั้งสองคนก็มีโอกาสพบกันเพียงปีละครั้งในงานวันเกิดของช้องนาง ครั้งละสองสามวันเท่านั้นที่ทั้งสองมีโอกาสได้พบและพูดคุยกันท่ามกลางบรรดาญาติพี่น้อง
พุทธชาดไม่เคยเดินทางไปเยี่ยมเทียนกัลยาที่อังกฤษ เทียนกัลยาก็ไม่เคยเดินทางไปหาชายหนุ่มที่สเปนเช่นเดียวกัน!
“มาแล้วค่ะ ฝีมือแม่ครัวหัวกะทิขวัญใจทุกคน” เสียงของลีลาวดีนำมา ก่อนจะตามด้วยหญิงสาวรูปร่างบอบบางผู้มีใบหน้าสวยหวาน ดวงตาเนื้อทรายถูกพรางด้วยแว่นสายตารูปทรงสี่เหลี่ยม ยังให้หญิงสาวแลดูเหมือนสาวเนิร์ด
“กว่าจะได้กินฝีมือเทียน พวกเราถึงกับต้องรอปีละครั้งกันทีเดียว” ชัยพฤกษ์กระเซ้าหลานสาว ยอมรับว่าเอ็นดูหญิงสาวไม่น้อยไปกว่าสายน้ำผึ้งที่ยังเรียนตามเพื่อนไม่จบ เทียนกัลยาเรียนจบภายในสามปี แต่สายน้ำผึ้งน่าจะจบภายในสามปีครึ่งซึ่งก็เหลืออีกไม่กี่เดือน
“แหม ลุงพฤกษ์ก็พูดเกินไป ลุงโทร. เรียกเทียนทีไรเทียนก็มา” คนที่จะมาก็ต่อเมื่อถูกโทร.
ตามถึงห้าครั้งบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากสังสรรค์หรือพบปะผู้คน หากแต่เป้าหมายของเธอมันยิ่งใหญ่เสียจนไม่มีเวลาให้ทุกคน เธอต้องอ่านหนังสือแถมเรียนหนักมากในสามปีนี้ แต่สุดท้ายผลลัพธ์มันก็ออกมาน่ายินดียิ่ง เธอจบภายในสามปีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
“จ้ะ โทร. เกินห้าครั้งทีไรเราก็มาทุกที”
“โธ่ ก็เทียนเรียนหนักนี่คะ” สาวดอกเทียนในวัยยี่สิบปีโอดเสียงออดอ้อน
“เชื่อแล้ว ถ้าแม่กับป๋าไม่ขยันมาเยี่ยม ก็คงได้เห็นหน้ากันตอนงานวันเกิดยายนั่นแหละ” ลีลาวดีที่นับวันนับเดือนนับปีก็ยิ่งหลงรักสาวดอกเทียนพูดพลางค้อน แม้จะยุ่งแค่ไหนแต่เทียนกัลยาไม่เคยพลาดงานวันเกิดของช้องนาง
“อย่าว่าแต่พี่จำปาจะไม่ได้เจอเลยค่ะ ถ้าพี่พฤกษ์ไม่ขยันโทร.
ไปตามเทียน ไอวี่ก็ไม่มีโอกาสได้เจอหน้าหลานเหมือนกัน เด็กอะไรอยู่เมืองเดียวกันแท้ๆ ที่พักก็อยู่ไม่ห่างจากที่นี่นักแต่ไม่ยักมาเยี่ยมป้ากับลุงบ้าง อ้างแต่ว่าเรียนหนัก ทียายน้ำผึ้งเรียนหนักเหมือนกันยังได้เห็นหน้าบ่อยกว่าอีก”
“ง่า…ทุกคนรุมเทียนกันหมดเลย คุณป๋าขา…คุณป๋ามีอะไรจะต่อว่าเทียนอีกไหมคะ” คนโดนต่อว่าหันไปอ้อนฟาบิโอ้ที่ยังไม่พูดอะไรออกมา
“ป๋าจะไปว่าอะไรเราได้ ตอนนี้เรียนจบแล้วก็ช่วยเป็นฝ่ายไปเยี่ยมป๋ากับแม่เขาที่บ้านบ้างนะ” คนที่นับเทียนกัลยาเป็นเหมือนลูกสาวอีกคนบอก
“คุณป๋าใจดีที่สุดเลย เทียนรับรองค่ะ หลังจากนี้ทุกคนจะได้เห็นหน้าเทียนจนเบื่อ” หญิงสาวบอกพร้อมกับนั่งลงข้างลีลาวดี
“แล้วคุยกับน้ำผึ้งหรือยังเรื่องเราจะไปเมืองไทย” ลีลาวดีหันมาถามระหว่างรับประทานอาหาร คนอื่นๆ ก็ทานไปด้วยคุยไปด้วย
“บอกแล้วค่ะ ระหว่างที่ตามเก็บหน่วยกิตที่เหลือ น้ำผึ้งจะย้ายมาอยู่กับป้าไอวี่ตามที่พี่สนกับพี่พริกสั่งค่ะ”
“อืม ดีเหมือนกัน อยู่คนเดียวแม่เป็นห่วง”
“แล้วเทียนจะกลับเมืองไทยกับใครล่ะลูก ให้ป๋าไปส่งไหม” ฟาบิโอ้ถามขึ้นหลังจากตักแกงสายบัวใส่ปลาทูอาหารโปรดของลูกชายไปหลายคำ ไม่รู้เป็นยังไง มาที่นี่ทีไรเขามักได้กินของโปรดของพุทธชาดทุกที
“ไปคนเดียวได้ค่ะคุณป๋า จริงๆ อยากไปวังเวียงก่อน คิดถึงยายแล้วก็คิดถึงรถด้วย” หญิงสาวหมายถึงเวสป้าสีเขียวอ่อนซึ่งจอดอยู่วังเวียง แต่เธอรับปากการะเกดเอาไว้ว่าหากเรียนจบจะรีบกลับไปหาพี่สาว แล้วหลังจากนั้นจะเดินทางไปร่วมงานวันเกิดของช้องนางที่จะมีขึ้นในเดือนถัดไปพร้อมกัน
“ให้ป๋าไปเป็นเพื่อนดีกว่านะ คุณว่าไงลีล่า เราไปเป็นเพื่อนลูกดีไหม” ฟาบิโอ้หันมาถามความเห็นภรรยา
“ดีเหมือนกันค่ะ ถือโอกาสกลับไปเยี่ยมหลานด้วย”
เทียนกัลยาประนมมือไหว้ขอบคุณด้วยความซาบซึ้งที่ท่านทั้งสองดูแลเธออย่างลูกสาวคนหนึ่ง พวกท่านทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง สำคัญและรักเท่ากับลูกแท้ๆ
NumDokPud: ส่งรูปกับข้าวมายั่ว รู้ไหมคนกำลังประชุมแถมตอนนี้ยังไม่ได้กินข้าวด้วย
SawDokTian : หิวให้ไส้ขาดเลยนะคะ เทียนรอสมน้ำหน้า
NumDokPud : ตัวแสบบบ…
SawDokTian : haha…
เทียนกัลยาส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนหัวเราะตามไปก่อนจะปิดโปรแกรมแชทตอนที่สายน้ำผึ้งเดินเข้ามาในห้อง สายน้ำผึ้งในวัยยี่สิบปีมีส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรเท่ากับเทียนกัลยา ทั้งสองเติบโตขึ้นเป็นสาวที่มีใบหน้าสวยหวานขนาดที่มีหนุ่มแวะเวียนมาขายขนมจีบให้บ่อยๆ แต่สายน้ำผึ้งแลจะฮอตกว่าเทียนกัลยาที่ชอบหมกตัวอ่านหนังสืออยู่ในห้อง
ความมุ่งมั่นของหญิงสาวทำให้เธอกลายเป็นคนเก็บตัว ชอบหมกตัวอ่านหนังสืออยู่ในห้อง แต่ถึงอย่างนั้นเทียนกัลยาก็ยังเป็นคนโปรดของอาจารย์หลายท่าน ด้วยว่านอกจากเรียนเก่งแล้วยังมีความมุ่งมั่น ตอนเธอประกาศจะเรียนจบให้ได้ภายในสามปี หลายคนต่างแสดงความห่วงใย แต่ไม่ว่าใครทัดทานหรือเอ่ยเตือนอย่างไร เทียนกัลยาก็ไม่หวั่นไหว ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อไป
ปากอิ่มสีกุหลาบยิ้มให้คนที่เป็นทั้งเพื่อนและญาติ แม่น้ำผึ้งขมตอนนี้กลายเป็นน้ำผึ้งเดือนห้าที่ทั้งหวานและหอมจนหนุ่มๆ ต่างพากันมาเข้าแถวต่อคิวยื่นใบสมัครขอเป็นแฟน
“คุยกับพี่พุดเหรอเทียน”
“ฮื่อ”
“ไปยั่วอะไรพี่พุดอีกล่ะ ถึงได้ยิ้มหน้าบานเชียว” สายน้ำผึ้งถามหลังจากเห็นอีกฝ่ายยังยิ้มไม่หุบ ตั้งแต่มาที่อังกฤษสองคนนี้มักติดต่อกันทางโปรแกรมแชทในมือถือเกือบทุกวัน แล้วเพื่อนของเธอก็เอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
สายน้ำผึ้งนึกถึงท่าทางซังกะตายเมื่อหลายปีก่อนของเพื่อนแล้วนึกขำ นับวันพุทธชาดยิ่งมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของเทียนกัลยา ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้ตัวไหมว่า ‘คุณพุดของเทียน’ นั้นมีอาการไม่แตกต่างกันนัก เรื่องนี้ถูกเมาท์มอยในกลุ่มญาติพี่น้องมาหลายปีแล้ว มหาเสน่ห์ถึงกับเล่าว่ามีครั้งหนึ่งพี่ชายหลุดขำกลางห้องประชุมหลังจากที่ก้มหน้าดูโทรศัพท์ ก่อนชายหนุ่มจะปั้นหน้านิ่งบอกให้ลูกน้องพรีเซ้นต์งานต่อโดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นิดหน่อยน่ะ ว่าแต่วันนี้จะออกไปไหนอีกไหม”
“ทำไม ตัวจะชวนเราไปไหน”
“เปล่า จะให้ช่วยเก็บของน่ะ” เทียนกัลยาหัวเราะร่าที่อีกฝ่ายทำหน้างอเป็นจวัก
“คนไม่รักเพื่อน มาด้วยกันแต่ชิ่งหนีกันไปเฉยเลย”
“ก็เราบอกให้น้ำผึ้งลงเรียนเหมือนกันก็ไม่ยอม”
“โอ๊ย ไม่เอาละ แค่นี้ก็ไม่มีเวลาหายใจหายคอ ไม่รู้จะรีบเรียนจบไปไหน แค่ที่เรียนก่อนเกณฑ์มาหนึ่งปีนี่ก็นำคนอื่นเขาแล้ว”
“เถอะน่า เอาเป็นว่าเรารีบแล้วกัน” เทียนกัลยาบอกอย่างมีเลศนัย
“เชอะ แล้วนั่นอะไร เก็บทำไมเยอะแยะ ทำอย่างกับจะไม่กลับมาอีกแล้ว”
“ก็เอาไปให้มากที่สุด ตอนกลับมาขนจะได้ไม่เหนื่อยไง”
“ที่เหลือจะเก็บไว้ที่วังเวียงเหรอ” สายน้ำผึ้งแย็บถาม หญิงสาวรู้มาก่อนเหมือนกัน เทียนกัลยามีความตั้งใจจะไปอยู่เมืองไทย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองสาวไม่มีใครพูดถึงเรื่องครอบครัวของเทียนกัลยาแต่อย่างใด สายน้ำผึ้งรู้แต่ว่าเทียนกัลยาโทร.
ถามไถ่หานายหล้าทุกเดือน ฝ่ายนั้นยังคงให้คำตอบเดิม เจ้าของบ้านหลังนั้นยังคงไม่กลับไปที่นั่น
“ที่เหลือจะฝากไว้ที่บ้านพี่คาวีน่ะ”
“สรุปจะย้ายไปอยู่เมืองไทยจริงๆ ใช่ไหม”
“อืม ในเมื่อพ่อกับแม่เขาเลือกทางของเขา” …เลือกที่จะลืมเรา เทียนกัลยากลืนประโยคหลังลงคอ “เราก็ควรมีชีวิตของเราเอง” จริงอย่างพุทธชาดพูดเอาไว้ เธอต้องมองไปข้างหน้า การยึดติดกับอดีตไม่เป็นผลดีกับเรา เขาเคยบอกให้คิดถึงตากับดาวเรืองได้ แต่ให้เธอนำความคิดถึงนั้นมาเป็นแรงผลักดัน เทียนกัลยาไม่เคยทำได้สักครั้งเดียว เพราะยิ่งคิดถึงก็ยิ่งบั่นทอนจิตใจ อยากจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อออกไปตามหาน้องสาวและครอบครัวที่แท้จริง
ต่อให้มีความคิดนั้นขึ้นมาหลายชั่ววูบ แต่เทียนกัลยาก็ไม่เคยละทิ้งปัจจุบันและอนาคตให้กับอดีต เพราะเธอมีพุทธชาดคอยตักเตือนอยู่เสมอ คุณพุดอยากให้เทียนมีอนาคตสดใส เธอจึงตั้งใจเรียน ทำตามเป้าหมายอย่างมีความสุข เธอชอบเรียน ชอบอ่านหนังสือ ชอบอยู่ท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่นซึ่งอวลไปด้วยความรัก ชอบ…คุยกับพุทธชาด สิ่งเหล่านี้เองที่ผลักดันทำให้เธอมีวันนี้
“ทำไมไม่ไปอยู่สเปน” สายน้ำผึ้งยังคงซักอย่างอยากรู้ เธอทราบว่าที่ผ่านมาฟาบิโอ้เคยชวนเทียนกัลยาไปอยู่ด้วยหลายครั้ง
“เราอยากกลับบ้าน เอาเป็นว่าเรื่องจะอยู่ที่ไหนถาวรให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ”
“เชอะ สวยเลือกได้ น่าหมั่นไส้”
“ว่าแต่เรา น้ำผึ้งเองก็เหมือนกัน เรียนจบแล้วจะอยู่ที่ไหน วังเวียง อิตาลีหรือที่เหมือง…”
“อร๊ายยย…ห้ามพูดออกมานะ ใครจะไปอยู่เหมืองบ้าๆ นั่นกัน”
“พี่สนเลิกดุน้ำผึ้งหลายปีแล้ว ยังทำเป็นกลัวอยู่ได้”
“เฮอะ เลิกดุ! เอาสมองส่วนไหนคิดว่าเขาเลิกดุฉันยะ” คนที่ยังโดนดุอยู่เรื่อยๆ โวย
“ก็ตัวไปกวนพี่สนก่อน ตัวเลิกกวนเมื่อไหร่พี่สนก็เลิกดุเองละน่า”
“โอ๊ย ไม่พูดด้วยแล้ว พูดไปเทียนก็เข้าข้างเขาอยู่ดี พูดอย่างกับตัวไม่กวนพี่พุด ทำเหมือนกันแต่รายนั้นไม่เห็นดุเทียนสักนิด”
“เราไม่เคยกวนคุณพุด แล้วก็ไม่เคยโทร. หาก่อน จำเอาไว้ด้วย” คนที่ไม่เคยทำอย่างนั้นจริงๆ บอก หญิงสาวจำได้ว่าก่อนมาอังกฤษเขาเป็นคนพูดเองว่าจะไม่ติดต่อเธอบ่อยๆ อีก แต่พอมาถึงที่นี่วันแรก พุทธชาดก็ส่งข้อความมาหา หลังจากนั้นก็ส่งมาวันเว้นวัน ถามโน่นถามนี่วนเวียนซ้ำๆ จนเธอรู้สึกชินที่ต้องตอบคำถามเขาไปเสียแล้ว
“แหวะ ไม่เคยโทร. หาหรือส่งข้อความหาก่อนก็จริง แต่สาวดอกเทียนเนี่ยตอบทุกข้อความของหนุ่มดอกพุดตลอดเลยนะ” คนที่ชอบแอบดูเพื่อนแชทบ่อยๆ ล้อ เธอยังเคยเอาไปเล่าให้พี่ๆ ฟัง ตอนแรกทุกคนฟังแล้วบอกว่าเธอเพ้อเจ้อ อย่างพุทธชาดไม่ทำอะไรเด็กๆ แบบนั้น แต่หลังๆ มาทุกคนเริ่มเชื่อและคล้อยตาม จากนั้นเลยเริ่มจับตามองความสัมพันธ์ของหนุ่มดอกพุดและสาวดอกเทียน
“ก็เราเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ถามมาก็ตอบไป” เทียนกัลยาตอบขำๆ จริงๆ แล้วเมื่อก่อนเธอไม่ได้ใช้ชื่อในไลน์ว่าสาวดอกเทียน แต่ที่เปลี่ยนเพราะหลังๆ กัลปพฤกษ์ที่ทราบเรื่องเธอคุยกับพุทธชาดทางข้อความบ่อยๆ จากปากสายน้ำผึ้งจึงชอบเอามาล้อ ว่าหนุ่มดอกพุดกับสาวดอกเทียนคุยกันบ่อยเกินไป พุทธชาดทราบเข้าเลยชวนเธอเปลี่ยนชื่อให้คล้องจองกัน แรกทีเดียวเทียนกัลยาไม่ยอม แต่ถูกอีกฝ่ายขู่จึงต้องเปลี่ยนตาม
“จ้า เด็กมากเลยเนอะ หน้าน่ะนะ ส่วนนมนี่ไปไกลมากอย่างกับแม่ลูกอ่อน”
“อร๊ายยย…ยายน้ำผึ้งปากเหรอนั่น”
“ปากสิ”
“ปากเสีย”
“ปากหวานย่ะ เราชมว่านมตัวใหญ่” คนชมเบิกตากว้างจับจ้องไปยังหน้าอกหน้าใจของเพื่อน ความจริงมันก็ไม่ใหญ่โต เรียกว่าพอดีตัวเทียนกัลยาจะถูกกว่า แต่เธอชอบล้ออีกฝ่ายเพราะเห็นว่าสนุกดี
“อี๋…เลิกพูดเลย ถ้าของเราใหญ่ ของตัวก็ใหญ่เหมือนกันนั่นแหละ”
สองสาวต่างพากันหัวเราะ การได้อยู่ห้องเดียวกันหลายปีทำให้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้น เทียนกัลยาเองก็ใจหายไม่น้อยที่ต้องแยกจากสายน้ำผึ้ง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง สายน้ำผึ้งอยู่ทางนี้อย่างไรก็มีชัยพฤกษ์กับไอยเรศดูแล
NumDokPud : ออกเดินทางวันไหน
SawDokTian :?
NumDokPud : อย่าทำเป็นงง เรานี่น้า…ยิ่งโตยิ่งกวน ทำไมไม่ยิ่งโตยิ่งสวยเหมือนยายน้ำผึ้งนะ
SawDokTian : กลับพรุ่งนี้ค่ะ แม่กับคุณป๋าบอกให้รอไปพร้อมพวกท่าน
NumDokPud : อืม แล้วโกรธหรือเปล่า?
เทียนกัลยานิ่วหน้าตอนอ่านข้อความล่าสุด จะว่าไปแล้วเธอก็เคืองอยู่หน่อยๆ ที่เขาชมแต่สายน้ำผึ้งคนเดียว สาวแว่นทำหน้างอก่อนใช้นิ้วจิ้มแป้นมือถือ
SawDokTian :?
สาวดอกไม้ตอบกลับด้วยเครื่องหมายคำถามอย่างจงใจกวนอีกฝ่าย มาหาว่าเธอกวนเธอก็กวนให้ปั่นป่วนเลยคอยดู
NumDokPud : ร้ายใหญ่แล้วนะเรา เดี๋ยวฉันต้องเข้าประชุมแล้ว เดินทางปลอดภัยนะ
NumDokPud : See you, babe.
“เชอะ แล้วเจอกันนะ เด็กน้อย!” เจ้าของปากอิ่มสีกุหลาบตั้งใจแปลความหมายของอีกฝ่ายผิดเพี้ยนไปเพื่อลดระดับการเต้นแรงของหัวใจ เขามักลงท้ายอย่างนี้มาสักสองปีแล้ว ตอนแรกที่อ่านเจอก็คิดว่าเขาอาจส่งผิดไม่ก็พิมพ์ผิด แต่หลังจากนั้นก็เจออยู่เรื่อยๆ เทียนกัลยาไม่อยากทักท้วงเขาให้ใจเต้นเลยทำเมินๆ เหมือนไม่เห็นประโยคส่งท้ายชวนให้คิด
‘Babe’ คำนี้กินความหมายกว้างใหญ่นักในความรู้สึกเธอ เขาจะหมายถึงเด็กน้อยหรืออย่างอื่น เทียนกัลยาไม่กล้านึกหาคำตอบ ได้แต่คิดตีความหมายเอาเองทื่อๆ ว่าเขาคงเห็นเธอเป็นเด็ก เด็กหญิงเทียนกัลยาที่เคยจับมือคุณพุดวิ่งหนีการะเกด เคยร้องไห้กับอกคุณพุด เคยร้องไห้จะเป็นจะตายตอนทราบว่าโลกนี้ไม่มีคุณพุดอยู่แล้ว
หญิงสาวนั่งอมยิ้มยามอ่านทวนข้อความอีกครั้ง บทสนทนามักจะเป็นประมาณนี้ เพราะถามกันแทบทุกวันเลยไม่รู้จะคุยกันเรื่องอะไร ส่วนใหญ่เธอมักจะพิมพ์เล่าเรื่องเรียน ส่วนเขาก็มักบ่นเรื่องงานที่ยุ่งบ้างเป็นบางครั้ง หลังจากเปิดกาสิโนให้น้องชาย พุทธชาดมีเวลามากขึ้นกว่าเดิม ชายหนุ่มยังเคยพิมพ์บอกอย่างติดตลกว่า…เหมือนหลุดออกจากขุมนรกอย่างไรอย่างนั้น เธออ่านตอนนั้นถึงกับหัวเราะ แต่ก็แอบเห็นด้วยกับเขาเหมือนกัน ตอนนั้นเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งกลับไปร่วมงานวันเกิดช้องนางด้วยซ้ำ
SawDokTian : See you ka my brother.
NumDokPud :?
“ไหนบอกจะเข้าประชุม” หญิงสาวหัวเราะเมื่อถูกเขากวนกลับ ไอ้เครื่องหมายคำถามนี่ค่อนข้างเป็นปัญหาสำหรับเธอกับเขา คือถ้าอีกฝ่ายไม่รู้จะพูดอะไรหรือคิดจะกวน มันมักถูกนำมาใช้เสมอ
NumDokPud :?
NumDokPud :?
อีกฝ่ายส่งข้อความมาติดกันสองครั้ง เทียนกัลยาก็ยังไม่ยอมตอบ หลังจากนั้นหญิงสาวเจอยิงข้อความแบบเดิมมาเป็นสิบๆ ข้อความก็ได้แต่หัวเราะ ก้มหน้าก้มตาตอบอีกฝ่ายเพื่อเอาบุญ เดี๋ยวลูกน้องไม่เป็นอันทำงานเพราะเจ้านายมัวแต่แชทข้อความ
SawDokTian : See you ka.
NumDokPud : อืม…
“สั้นเหลือเกิน ทีเราให้พิมพ์ไปเสียตั้งเยอะ คนอะไรชอบเอาเปรียบน้อง” คนเป็นน้องที่ไม่ยอมเรียกพี่ชายว่าพี่ค้อนใส่โทรศัพท์
Mahasane F.: ขอบคุณที่หยุดแชทกับเจมี่นะเทียน ห้องประชุมได้ความสงบกลับมาอีกครั้ง เมื่อกี้รู้สึกเหมือนมีพายุบุแคมลงกลางห้อง เจมี่เอาแต่จิ้มๆ หน้าจอจนมันเกือบทะลุแน่ะ
Mahachoke F.: Thank you.
Mahalap F.:…
มหาโชคพิมพ์คำว่าขอบคุณสั้นๆ ไม่ได้ขยายความซะเห็นภาพเหมือนมหาเสน่ห์ ส่วนมหาลาภส่งสติกเกอร์รูปการ์ตูนพูดคำขอบคุณ วันนี้พุทธชาดไปร่วมประชุมที่โรงแรมกึ่งกาสิโนของน้องชาย แม้จะไม่ได้มีหุ้นหรือยุ่งเกี่ยว แต่ชายหนุ่มก็ยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาให้น้องๆ ทั้งสามคน
“อะไรเนี่ย กลายเป็นว่าเราผิดงั้นเหรอ” สาวดอกเทียนบ่นงึมงำคนเดียวก่อนจะปิดโปรแกรมแชท ก่อนมองกระเป๋าใบโตที่ถูกวางตรงปลายเตียง ในนั้นมีของฝากของหลานๆ ลูกของพี่สาวน้องสาวของพุทธชาด ปัจจุบันการะเกดมีลูกสองคนคือพรรษกรและกรรณิการ์ บุษบามีลูกสามคนคือ บารมี บุญสิริ บุษบัณ อัญชันเองก็มีลูกสามคนเช่นเดียวคือ เทียบพนา เทียบธารา เทียบวารี ส่วนพี่สาวคนโตอย่างบัวสวรรค์เดินตามรอยผู้เป็นแม่ด้วยการมีลูกดก หญิงสาวกลายเป็นคุณแม่ลูกห้า โดยมีดุสิตาเป็นลูกสาวคนโต ตามด้วยภูมิสมุทร บงกชรัตน์ บุณทรีย์ซึ่งเป็นฝาแฝด ภีมวัจน์คือลูกชายคนสุดท้อง
ครอบครัวฟาเบรกลาสตอนนี้มีเพียงพุทธชาด มหาลาภ มหาเสน่ห์เท่านั้นที่ยังโสด ส่วนมหาโชคเธอได้ยินลีลาวดีเอ่ยปากเปรยว่าอีกไม่นานนี้จะเรียกลูกสะใภ้กลับมาอยู่ด้วยซึ่งทุกอย่างจะถูกจัดการโดยไม่ให้มหาโชครู้ ท่านบ่นว่ามีหลานตาหลานยายเยอะแล้ว อยากมีหลานปู่หลานย่าบ้าง
เทียนกัลยาคิดถึงผู้คนในตระกูลฟาเบรกลาสอย่างมีความสุข ไม่รู้อย่างไร…ตั้งแต่มาอยู่อังกฤษเธอรู้สึกว่าผู้คนเหล่านี้วนเวียนมาพบเจอเธอมากกว่าพี่ๆ ฝั่งตระกูลวงศ์บุษบาเสียอีก ลีลาวดีและฟาบิโอ้ยิ่งแล้วใหญ่ ค่าเล่าเรียนของเธอท่านทั้งสองเป็นคนออกให้ แรกทีเดียวราชพฤกษ์ค้านหัวชนฝา บอกรับเธอเป็นลูกแล้วก็ต้องเป็นหน้าที่เขาที่จะส่งเสียเธอให้เรียนจบ แต่ไม่รู้ไปเถียงกันต่ออีกท่าไหน ที่สุดแล้วเธอก็กลายมาเป็นเด็กในอุปการะของตระกูลฟาเบรกลาส แต่ไม่ว่าจะเป็นฟาเบรกลาสหรือวงศ์บุษบา เทียนกัลยาก็รู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาและตั้งใจจะตอบแทนบุญคุณ
“ไฮ้จินนี่ บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะ” เสียงทุ้มทำให้เทียนกัลยาซึ่งกำลังเดินซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตแถวที่พักหันไปมอง หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ ให้คนชอบบังเอิญมาเจอกับเธอบ่อยๆ
“สวัสดีค่ะพี่ลูคัส” หญิงสาวยกมือไหว้อีกฝ่าย แม้จะมาร่ำเรียนถึงอังกฤษแต่เทียนกัลยาก็ไม่เคยลืมวัฒนธรรมบ้านเกิด…ไปลามาไว้
“สวัสดีจ้ะ มาซื้ออะไร” คนถามมองไปยังตะกร้าในมือหญิงสาว เร็วเท่าใจคิด…ลูคัสคว้ามันมาถือไว้เอง “พี่ช่วยถือ จินนี่เลือกของต่อแล้วเราก็คุยกันไปด้วย ประหยัดเวลาดี”
“อ่า ไม่เป็นไรค่ะ” คนถูกแย่งตะกร้าขัดเขินต่อสายตาเปิดเปลือยของชายหนุ่ม ปากพูดกับเธออย่างสบายๆ ไม่กดดัน หากแต่สายตาเขากลับไม่ใช่ เธอมีโอกาสได้เจอกับลูคัสบ่อยมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่เขาซื้อหุ้นกิจการแห่งหนึ่งที่อังกฤษ
หลังจากที่มีเรื่องกันเมื่อหลายปีที่แล้ว ทุกอย่างจบลงด้วยดี โดยที่ชายหนุ่มได้รับเงินสดและหุ้นในกาสิโนของตระกูลเฉียน เขาเริ่มทุกอย่างใหม่ รวมถึงความสัมพันธ์ฉันเพื่อนกับมหาเสน่ห์ด้วย แม้จะไม่เกลียดกัน ไม่สนิทสนม แต่ทั้งสองก็วางตัวไม่เป็นศัตรูต่อกันเพราะเห็นแก่พุทธชาด
ปัจจุบันมหาเสน่ห์และพี่ชายสองคนไม่ได้ล่วงรู้ถึงแผนการเอาคืนอันแยบยลของพุทธชาด เรื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ไม่ต้องเกรงใจ ว่าแต่…เย็นนี้ทำอะไรกิน”
แววตากรุ้มกริ่มทำให้เทียนกัลยาย่นหน้าให้อีกฝ่าย ปากถามหาของกิน แต่ตานี่สิ…มองอย่างกับจะกลืนกินเธอ ขนอ่อนบนแขนหญิงสาวลุกชัน เมื่อก่อนเธอไม่รู้หรอก หากแต่สายน้ำผึ้งเป็นคนบอกว่าสายตาแบบนี้แหละที่หมายมั่นปั้นมือจะกินเธอให้ได้ ฟังทีแรกเธอก็ต่อว่าเพื่อนที่คิดบ้าๆ แต่หลังๆ มาก็เริ่มเชื่อว่าน่าจะจริง
“ทำไมชอบมองเทียนแบบนั้นคะ แล้วก็เลิกเรียกว่าจินนี่ได้แล้ว ชื่อเทียนค่ะ” เธอบอกแล้วเดินหาซื้อของต่อ แอบต่อว่าสายน้ำผึ้งในใจ ชวนให้มาด้วยกันก็ไม่ยอมมา
“พี่จะเรียกจินนี่ มันพิเศษดี” คนที่ต้องการให้หญิงสาวเป็นคนพิเศษบอก ชายหนุ่มถูกตาต้องใจเทียนกัลยาตั้งแต่แรกพบ แม้ตอนนั้นหญิงสาวจะอายุยังน้อย หากแต่ลูคัสไม่เคยลืมเลือนเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักได้ หลายปีมานี้เขาพยายามทำดีต่อคนในครอบครัวฟาเบรกลาส แม้กระทั่งมหาเสน่ห์เขาก็ยังเลี่ยงที่จะปะทะ ทั้งที่อยากกระทืบมันเต็มแก่ ลูคัสไปๆ มาๆ ระหว่างอังกฤษและสเปน เงินสดที่ได้ชดเชยมาจากการถูกโกงถูกนำมาลงทุนจนออกดอกให้กำไรมหาศาล
“แต่เทียนไม่ชอบนี่คะ”
“แต่พี่ชอบ…เธอเหมาะที่จะชื่อจินนี่เพราะสดใสเหมือนดอกไม้”
“เทียนก็มีความหมายว่าดอกไม้เหมือนกัน ดอกเทียนไงคะ”
“ถึงงั้นก็เถอะ พี่อยากให้เธอเป็นจินนี่ของพี่คนเดียว พี่จะเรียกอย่างนี้…เราเลิกเถียงกันเรื่องชื่อเถอะ ว่าแต่เราจะทำอะไรกินเย็นนี้”
“จะอะไรก็ช่างเถอะค่ะ ยังไงเทียนก็ไม่ชวนพี่ไปกินด้วยหรอก” หญิงสาวดักทางเช่นทุกครั้ง ลูคัสมักขอไปกินข้าวที่ห้องเธอทุกครั้งที่เจอ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาได้ไปเยือนที่นั่น เหตุเพราะเธอรับปากพุทธชาดและพี่ๆ คนอื่นเอาไว้ว่าจะไม่พาผู้ชายไปที่นั่น ยกเว้นญาติพี่น้องกัน
“ใจร้าย กี่ปีๆ เทียนก็ไม่ใจอ่อนกับพี่สักที”
“ใจอ่อนเรื่องอะไรคะ ถ้าเรื่องกินข้าวเราคุยกับจบแล้วนะคะว่าเทียนจะไม่ให้พี่ไปที่ห้องเด็ดขาด ส่วนเรื่อง…” เสียงหวานอึกอัก ก่อนรวบรวมพลังใจพูดต่อ “ที่พี่ชอบเทียน เทียนยังยืนยันคำเดิมค่ะ พี่ลูคัสเป็นได้แค่พี่ชาย”
ลูคัสยิ้มอย่างอ่อนใจแต่ไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแปลบๆ ที่หัวใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดย่อท้อ เขาเชื่อว่าสักวันหญิงสาวจะมองเห็นความจริงใจของเขา
“พี่จะรอ…สักวันเทียนอาจยอมให้พี่เป็นได้มากกว่าพี่ชาย พี่ยังยืนยันคำเดิมนะ…ว่าจะไม่กดดันเทียนไปมากกว่านี้”
เพราะเขาไม่ยอมกดดันเธอไปมากกว่านี้ เทียนกัลยาจึงไม่สามารถหักหาญน้ำใจเขาเช่นกัน แม้แววตาจะเปิดเปลือยความรู้สึก หากแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนัก
“งั้นวันนี้ให้เทียนเลี้ยงกาแฟพี่สักแก้วนะคะ ตอบแทนที่พี่ไม่กดดันเทียน อ้อ ขอย้ำอีกครั้งว่านี่ไม่ใช่การเปิดโอกาสหรืออะไรทั้งนั้น เทียนอยากเลี้ยงเพราะเห็นพี่เป็นพี่ชายอีกคนค่ะ”
คนถูกมอบตำแหน่งพี่ชายยักไหล่คล้ายไม่แคร์ ทว่าในใจกลับเจ็บแปลบยิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มมองใบหน้าหวานซึ้งที่เฝ้าฝันหาทุกค่ำคืน
“รู้ตัวไหม เราน่ะใจร้ายที่สุด” แม้ปากบอกไปอย่างนั้นแต่ชายหนุ่มก็ยอมเดิมตามก้นสาวต้อยๆ และยอมให้เธอเลี้ยงกาแฟหนึ่งแก้วตามที่เธอบอก หนุ่มสาวแยกกันเมื่อลูคัสเดินมาส่งเทียนกัลยาที่หน้าแฟลตที่พัก
“จินนี่…จะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่” ก่อนที่เทียนกัลยาจะผลักบานประตูเสียงทุ้มรีบตะโกนถาม
“อาทิตย์หน้าค่ะ” หญิงสาวหันมาตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พี่จะไปส่งนะ” นั่นอย่างไร…เทียนกัลยาทำหน้างอง้ำ นึกอยากตบปากตัวเองสักที ค่าที่เผลอปากเร็ว
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ คุณป๋ากับแม่ไปด้วย เทียนไม่อยากให้มีเรื่องกัน”
ฟาบิโอ้แสดงท่าทางไม่ชอบลูคัสอย่างไม่ปิดบัง อีกทั้งเคยสั่งห้ามไม่ให้เธอพูดคุยกับชายหนุ่มอีกด้วย หากแต่ดีที่ลีลาวดีคัดค้านเอาไว้ บอกว่าเธอไม่สมควรทำกิริยาไม่น่ารักใส่ชายหนุ่มหรือกับใครก็ตาม
‘เขาคุยด้วยก็คุยไปเถอะลูก แต่พยายามอย่าให้ความหวังเขา ผู้ชายบางคนน่ะ ลองได้ปักใจรักแล้ว เขาไม่ถอนตัวถอนใจคืนง่ายๆ’
ไม่ว่าลูคัสจะพยายามฝากตัวฝากใจกับเธอกี่ครั้ง เทียนกัลยาก็ไม่เคยรับมา…เธอไม่ชอบให้ความหวังใคร ที่สำคัญที่สุด…เธอไม่ได้รักเขา!
หญิงสาวยอมรับว่าลูคัสเป็นหนุ่มหน้าตาดีมากทีเดียว ดวงตาเขาเป็นสีฟ้าใส เรือนผมสีทองถูกตัดเป็นทรงทันสมัย การแต่งตัวของชายหนุ่มแม้จะไม่ใช้แบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็ต้องบอกว่าเขาดูดีในแบบของเขา ชายหนุ่มชอบแต่งตัวง่ายๆ ด้วยกางเกงยีนและเสื้อยืด รูปร่างเขาบึกบึนขึ้นจากเมื่อหลายปีก่อน หญิงสาวเชื่อว่าเขาต้องออกกำลังกายเป็นประจำแน่ๆ ถึงได้มีเรือนร่างสมบูรณ์แบบนั้น
“คุณป๋าของเทียนหวงลูกสาวจนโอเวอร์” คนที่รู้เพียงว่าเทียนกัลยาเป็นเด็กที่ตระกูลฟาเบรกลาสอุปการะบอก
“นั่นเพราะคุณป๋ารักเทียนค่ะ แล้วถ้าพี่ลูคัสไม่อยากให้คุณป๋าเกลียด…พี่ก็อย่ามารักเทียนเกินน้องสาวเด็ดขาด”
“ยายตัวแสบ” คนฟังได้แต่คำรามในลำคอ “วกเข้าเรื่องหักอกพี่จนได้ ใจคอเราจะจากกันแบบนี้ทุกครั้งหรือไง” ชายหนุ่มตัดพ้อ หัวใจเจ็บจริงแต่ปากกลับพูดออกไปเหมือนไม่ได้เจ็บมากมาย…
“ใช่ค่ะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่ลูคัส บายค่ะ” หญิงสาวโบกมือให้ชายหนุ่ม ก่อนจะผลักประตูสอดร่างเข้าไปด้านในด้วยความรู้สึกโล่งใจ ทิ้งให้อีกคนยืนมองบานประตูที่เพิ่งปิดลงอยู่นาน
“พี่ไม่ถอดใจง่ายๆ หรอกน่าจินนี่”
ความคิดเห็น