ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคือเธอ (พุทธชาด + เทียนกัลยา)

    ลำดับตอนที่ #14 : ...๑๓ คิดถึ้งคิดถึง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.05K
      23
      30 มี.ค. 59

    13

    คิดถึ้งคิดถึง

    คนที่เทียนกำลังรออยู่ละมั้ง!

    “เทียนไม่ได้รอใครสักหน่อย!” เจ้าของเสียงหวานสวนฉับก่อนจะตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้าง ในหัวคิดว่าตัวเองกำลังฟั่นเฟือนนึกถึง ‘เขา’ มากเกินไป มากพอที่จะทำให้จินตนาการว่าได้ยินเสียงเขา มากพอทำให้เธอบ้าตอบกลับอีกด้วย เทียนกัลยายังไม่กล้าหันไปด้านหลัง หญิงสาวหลับตาปี๋ยามมองเงาที่พาดผ่านตัวเธอ บริเวณนี้ถูกแสงแดดพาดผ่านเป็นแนวเฉียงเพราะเป็นยามบ่ายคล้อย

    เงาร่างสูงใหญ่จากด้านหลังยังให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่ต้องใช้จินตนาการหญิงสาวก็ทราบว่าเขามีทรงผมแบบไหน ใบหน้าหล่อเหลาเพียงใด อีกทั้งเรือนกายสูงใหญ่นั้นอีกเล่าที่เธอไม่ต้องจินตนาการว่ากำลังสวมเสื้อผ้าแบบใด เทียนกัลยาไม่เคยจินตนาการถึงเรือนร่างยามไร้อาภรณ์ของเขา เพราะเธอไม่เคยเห็นและไม่ปรารถนาจะได้เห็น เพียงแค่ใบหน้าและรูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ทำให้เธอใจเต้นแรงแทบกระเด็นกระดอนออกมาด้านนอกแล้ว

    “ไม่ได้รอแล้วทำไมต้องทำท่าแบบนั้นกันเล่า” ผู้มาใหม่กระตุ้นคนที่เอาแต่นั่งตัวแข็งทื่อมองเงาเขา พุทธชาดอยากถามเธอเหลือเกินว่าใบหน้าเขาไม่น่ามองกว่าหรือ เธอถึงได้จ้องแต่เงาเบื้องหน้า

    “คุณพุดเหรอคะ” เทียนกัลยาที่เอาแต่จ้องเงาเอ่ยถามเสียงแผ่ว เธอกลัวว่าพอหันไปทั้งหมดนี้จะกลายเป็นแค่ความฝัน

    “แล้วคิดว่าใครกันล่ะ หรือการที่เทียนไม่ตอบข้อความ ‘พี่’ สามสี่วันทำให้เทียนลืม”

    คิ้วโก่งเรียวขมวดมุ่น หญิงสาวยังไม่กล้าหันกลับไป ‘พี่’ งั้นหรือ…คุณพุดตัวปลอมหรือเปล่าหนอ เขาไม่แทนตัวว่าพี่สักหน่อย อย่างคุณพุดต้องฉันๆ เทียนๆ ไม่ใช่พี่กับเทียนเสียหน่อย

    “ตัวปลอม” เจ้าของเสียงหวานเถียงแผ่วๆ ใจบอกว่าใช่เขาแน่ แต่สมองที่จดจำน้ำเสียงของเขาได้กลับทักท้วง

    “งั้นก็มองเสียให้เต็มตา ดูสิ…ผู้ชายคนนี้ตัวจริงหรือตัวปลอม” ชายหนุ่มก้าวมายืนด้านหน้า ใบหน้าต้องแสงแดดที่ลอดผ่านซุ้มระแนงสีขาวทรงสี่เหลี่ยมสำหรับให้ต้นกระดังงาจีนเลื้อย มุมนี้พุทธชาดตั้งใจสร้างให้เป็นมุมนั่งเล่นรับลมยามบ่าย แต่เหมือนมันจะโตช้า กิ่งก้านใบถึงยังเลื้อยไม่เต็มระแนงเสียที

    ดวงตาเนื้อทรายมองพุทธชาด ‘ตัวจริง’ ตาไม่กะพริบ ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวและกางเกงยีนขาสามส่วนสีซีดพร้อมรองเท้าเอสปาดริลสีกรมท่า เป็นสไตล์การแต่งตัวที่เขาชอบซึ่งดูแตกต่างกับตอนสวมสูทที่ดูภูมิฐานตั้งแต่หัวจดเท้า เทียนกัลยาพบว่าเธอชอบคุณพุดในลุคสบายๆ แบบนี้มากกว่าลุคที่เป็นทางการ เพราะเวลาเขาสวมสูท เธอมักคิดว่าเขาเหมือนเจ้าชายที่สูงเกินเอื้อม

    “คุณพุด!”

    พุทธชาดกางแขนรับร่างน้อยที่โถมตัวเข้ามากอดอย่างลืมตัว ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นหน่วยตางามจับคลอด้วยน้ำตา

    “คิดถึงพี่ไหม”

    เทียนกัลยาพยักหน้ากับอกอุ่น ความลืมตัวทำให้หญิงสาวกอดเขาไว้แน่น ในหัวตอนนี้มีแต่คำว่าคิดถึงสุดหัวใจ หญิงสาวไม่รู้ว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน กระทั่งได้พบเขาโดยที่ไม่คาดฝัน

    “มากแค่ไหน” คนตัวโตหลอกถาม

    “มากเท่าฟ้าเลยค่ะ” คนที่หลงลืมตัวตอบฉะฉานทั้งๆ ที่ยังกอดเขาไว้แน่น ครั้นพอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายเธอจึงได้สติ แก้มสาวร้อนผ่าว เทียนกัลยารู้สึกว่าแก้มเธอจะไหม้ในเร็วๆ นี้หากยังไม่ผละออกจากอกอุ่น ภาพเหตุการณ์ในครั้งก่อนฉายชัดในครรลองสายตา

    ‘คิดถึงคุณพุดที่สุดเลย’

    ‘คิดถึงมากแค่ไหนกันเชียว’

    ‘มากเท่าฟ้าเลยค่ะ’

    ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กอายุสิบสองสิบสามปีจะไปรู้ประสาอะไรกับการกอดและบอกคิดถึงมากเท่าฟ้า แต่วันนี้เธอโตเป็นสาวและเรียนจบแล้วด้วย การกอดและบอกคิดถึงเท่าฟ้าจึงไม่เหมือนเดิม

    ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปทำให้เทียนกัลยาปล่อยมือจากเขาอย่างเงอะงะ หญิงสาวเอาแต่ก้มหน้างุดมองพื้น พุทธชาดใช้นิ้วเรียวแกร่งเชยคางมนขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายสานสบตา

    ดวงตาคมดุผสานกับตาเนื้อทราย ความงดงามที่นับวันยิ่งทวีคูณทำให้พุทธชาดเกือบอดใจไม่ไหว…

    “สูงขึ้นไหมเรา” ชายหนุ่มถามเพื่อเลี่ยงความคิดไม่น่าไว้ใจของตัวเอง

    “ไม่ค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าทั้งที่ยังขวยเขิน “เป็นเพราะเทียนหน้าแก่ขึ้นหรือเปล่าคะ คุณพุดถึงถามอย่างนี้”

    นิ้วเรียวแกร่งไล้บนแก้มนวลสีเรื่อ “ไม่แก่หรอก ถ้าเทียนแก่ พี่คงชราไปแล้ว”

    “ฮื้อ คุณพุดยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวจะตาย” ลูกศิษย์คุณพริกป้อยอชายหนุ่ม “เอ่อ ว่าแต่…ทำไมถึงแทนตัวว่าพี่ล่ะคะ เทียนฟังแล้วไม่ชินยังไงก็ไม่รู้”

    “ไม่ชอบเหรอ”

    ใบหน้างามพยักหงึกๆ “ชอบสิคะ แต่…ไม่ชิน”

    “อีกหน่อยเดี๋ยวก็ชินเอง ว่าแต่ตอบพี่ได้หรือยัง นั่งบ่นอะไรอยู่คนเดียว”

    “ไม่ได้บ่นเสียหน่อย เทียนแค่พูดอะไรเรื่อยเปื่อยค่ะ”

    พุทธชาดหรี่ตามองอีกฝ่าย “เด็กดื้อ ไม่บอกก็แล้วไปเถอะ ว่าแต่กำลังทำอะไรอยู่” เมื่อเห็นหญิงสาวเขินจัดจนหน้าแดง ชายหนุ่มเลยชวนคุยเรื่องอื่น

    “กินฝรั่งที่เก็บจากหลังบ้าน แล้วก็แอปเปิลที่แม่ห่อให้ค่ะ”

    “หืม เรายังเด็กถึงขนาดต้องให้แม่ห่อข้าวห่อผลไม้ให้อยู่เหรอ” เขากระเซ้าด้วยสุ้มเสียงอารมณ์ดี ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างหญิงสาว

    “ใช่ที่ไหนล่ะคะ” เทียนกัลยาค้อน ซึ่งคนมองคิดว่าน่ารักเหลือเกิน

    “ทำเสียงแบบนี้แสดงว่าโตแล้ว”

    “ก็โตสิคะ เรียนจบแล้วด้วย”

    “อืม…” อีกฝ่ายรับสั้นๆ สั้นเสียจนเทียนกัลยานิ่วหน้า ทบทวนคำพูดอีกรอบว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

    “แล้วคุณพุดมาได้ไงคะ งานทางโน้นใครดูแลแทน” หญิงสาวถามด้วยความห่วงใย ลีลาวดีและฟาบิโอ้อยู่กับเธอ ทางโน้นย่อมไม่มีใครคอยช่วย เว้นก็แต่…

    “ฝากให้พวกมหาช่วยดูน่ะ ไม่ได้พักนานๆ มาหลายปีแล้ว”

    “เอ่อ…คุณพุดกินน้ำไหมคะ เทียนทำน้ำใบเตยไว้เมื่อเช้า”

    “ครับ”

    เทียนกัลยารีบเผ่นแผล็วไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าแต้มด้วยรอยยิ้มดีใจ หากเขาได้พักนานอย่างนี้คงมีเวลาได้คุยกันให้หายคิดถึงมากขึ้น ไม่ถึงห้านาทีหญิงสาวกลับมาพร้อมกับน้ำใบเตย หนุ่มสาวพูดคุยกัน ผลัดกันถามสารทุกข์สุกดิบ เทียนกัลยารู้สึกเหมือนได้วันคืนเก่าๆ กลับคืนมา บรรยากาศแบบนี้เหมือนตอนที่เธอไปวังเวียงได้สักปีสองปี เธอสามารถพูดกับเขาได้ทุกเรื่อง ยิ้มหัวเราะให้อย่างไม่เก้อเขิน


    ตกเย็นที่บ้านพักของครอบครัวฟาเบรกลาสอุ่นหนาฝาคั่งด้วยญาติมิตร วงหมูกระทะที่จัดหน้าบ้านแยกเป็นสามวง ผู้ใหญ่สองเด็กหนึ่ง เทียนกัลยานั่งรวมอยู่กับพี่ๆ ที่เอาแต่คุยกันจนลืมกิน หญิงสาวทำหน้าที่ย่างและคีบให้ทุกคนรวมถึงพุทธชาดด้วย

    “พรุ่งนี้ไปทำบุญกันไหม” จู่ๆ การะเกดก็หันมาพูดกับเธอ เทียนกัลยาพยักหน้าให้คนที่นั่งฝั่งซ้ายของพุทธชาด ส่วนเธอนั่งอยู่ฝั่งขวามือเขา

    “ไปสิคะ เทียนว่าจะชวนพี่เกดหลายวันแล้ว แต่เห็นยุ่งๆ อยู่”

    “โอเค งั้นพุดไปด้วยกันนะ” คนเป็นน้องหันมาชวนพี่ชาย

    “อืม ให้เทียนไปปลุกด้วยแล้วกัน”

    “เอ้อ…ว่าแต่คุณพุดนอนห้องไหนคะ คือ…” หญิงสาวถามอย่างกระดากปาก เพราะเธอยึดครองห้องเขา เลยสงสัยว่าชายหนุ่มไปนอนห้องไหน

    “นอนห้องติดกับเทียนนั่นแหละ ห้องพี่มหาเขาไง” การะเกดเป็นคนตอบแทนพี่ชาย

    “อ้อ แต่ถ้าคุณพุดอยากนอนห้องเดิม เทียนย้ายให้ก็ได้นะคะ” เธอบอกอย่างเกรงใจ

    “บอกหรือยังว่าอยากได้ห้องคืน” พุทธชาดย้อนถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่าเทียนกัลยากลับรู้สึกว่ากำลังถูกเขาดุ

    “เปล่าค่ะ เทียนแค่เกรงใจ”

    “แม่คนขี้เกรงใจคนนี้ บอกสอนไม่จำเลย พุดว่าไหม” การะเกดทำเสียงดุ

    “ก็เทียนยึดห้องคุณพุดนี่คะ”

    “ถ้าพุดบอกยกให้จะเลิกเกรงใจไหม”

    เทียนกัลยาเหลือบตามองเจ้าของห้องที่ไม่รู้จะยกห้องนอนให้เธอจริงไหม หญิงสาวพบว่าเขากำลังยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตาทำให้หญิงสาวใจฝ่อ

    “เลิกสิคะ จะรีบตะครุบไว้เชียว ห้องคุณพุดวิวดีจะตายไป” เห็นสายตาดุๆ แล้วเทียนกัลยาจึงรีบเอาใจอีกฝ่าย

    “งั้นพี่ยกให้เทียน” ชายหนุ่มบอก

    “เดี๋ยวก่อนนะ” การะเกดแทรกขึ้น “เมื่อกี้พุดพูดว่าพี่ยกให้งั้นเหรอ”

    “อืม” คนเป็นพี่ครางรับในลำคอ ก่อนจะเสคีบเนื้อย่างที่สาวตักให้เข้าปาก

    “แหม…ก้าวหน้าเนอะ มาวันแรกเป็นพี่ซะละ” สาวดอกไม้กระเซ้าพี่ชายอย่างอารมณ์ดี

    เทียนกัลยาเลิกคิ้วมองสองพี่น้องสลับกัน

    “อะแฮ่ม เทียนคีบตับให้พี่หน่อย” เสียงกระแอมไอของพรรษชลทำให้หญิงสาวละความสงสัย รีบหันไปคีบตับบนกระทะส่งให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันไปเห็นกระทะที่อยู่เยื้องไปอีกอันซึ่งบนนั้นก็มีและใกล้มืออีกฝ่ายกว่าด้วย

    “พี่อยากกินกระทะโน้นน่ะ ขอบใจนะ” คุณหมอหม่อมหลวงบอกพร้อมคีบตับย่างจนสุกดีแล้วเข้าปาก

    “ขี้หวง” การะเกดหันไปแซะสามี

    “เอาอีกไหมครับพี่หมอ” พุทธชาดถามด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ซึ่งดูอย่างไรก็เป็นยิ้มที่ขบขัน

    “ขอบใจ กระทะนี้ยังเยอะอยู่”

    “สองมาตรฐานเห็นๆ เลยเนอะพุด” สาวดอกไม้ยังกระแนะกระแหนสามีไม่เลิก พุทธชาดไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้ม “ว่าแต่…มาวันแรกก็รุกเลยเรอะ ตัวนี่ใจร้อนไม่สมกับอายุเลย” แซะสามีเสร็จก็หันมาแซะพี่ชายต่อ คืนนี้ในกลุ่มสนทนาเดือดแน่ เธอมีเรื่องจะเล่าเยอะแยะเชียว

    “พูดอย่างกับตอนนี้เกดใจเย็นงั้นแหละ” คนเป็นพี่ย้อนเสียงเบา

    “ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ตัวนี่สิ ร้อนแรงชะมัด”

    “พูดบ้าๆ เทียนมองใหญ่แล้ว” ชายหนุ่มหันไปทางเทียนกัลยาที่จ้องมองพวกเขาตาเขม็ง

    “คุยเรื่องอะไรกันคะ เป็นความลับหรือเปล่า”

    “ลับเฉพาะคนรู้ใจจ้ะ เทียนอยากรู้ถามพุดสิ พี่ว่าพุดยินดีตอบ”

    “อ่า…ไม่ดีกว่าค่ะ” สาวดอกไม้ตอบปฏิเสธก่อนจะหันไปพลิกเนื้อในกระทะ คำตอบกินนัยทำให้เธอใจเต้นแรง ‘ลับเฉพาะคนรู้ใจ’ อย่างนั้นหรือ หากเป็นอย่างที่พี่สาวบอก ก็แสดงว่าเธอเป็นคนรู้ใจของเขาอย่างนั้นสิ

    “เทียนเอาหมูเพิ่มไหมลูก” ลีลาวดีที่อยู่อีกวงถาม เทียนกัลยาส่งยิ้มนำทัพไปก่อน

    “ยังเหลืออีกเยอะเลยค่ะแม่ วงนี้เขามัวแต่คุยกัน เทียนกินคนเดียวจนอิ่มแล้ว”

    “ต่างจากวงนี้ ‘สอวอ’ ปอบแดกกันเหลือเกิน กินอย่างเดียว” ฟาบิโอ้หันไปแขวะบรรณซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มสูงวัยด้วย

    “กูกินคนเดียวงั้นสิ” เพราะสนิทสนมกัน เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายปี บรรณและฟาบิโอ้จึงคบหากันอย่างเพื่อนแทนที่จะเป็นเพียงพ่อสามีพ่อภรรยาของลูกๆ

    “ฟาบี้นี่ก็ ทำไมชอบพูดไม่เพราะต่อหน้าลูกต่อหน้าหลาน”

    “ผมขอโทษ” ประธานชมรมคนกลัวเมียออด “เทียนถ้าอิ่มแล้วมาพลิกหมูให้พ่อหน่อยนะ วงนั้นปล่อยเขาไปเถอะ”

    “ได้ค่ะคุณป๋า งั้นเทียนขอตัวไปวงโน้นก่อนนะคะ” สาวดอกไม้หันไปบอกพี่ๆ ก่อนที่เธอจะลุก มือหนารั้งท่อนแขนเอาไว้

    “พี่ยังไม่อิ่ม” คนข้างกายบอกแค่นั้นก็ใช้มืออีกข้างคีบผักบุ้งเข้าปาก แถมยังทำตาเป็นนัยบอกว่าจานเขาหมูหมดแล้ว

    เงียบกริบไปสองวง ยกเว้นวงเด็กๆ ที่ยังครึกครื้นโดยมีพี่เลี้ยงคอยดูแล หากตัดเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ออกไป เทียนกัลยาคิดว่าคงได้ยินเสียงฉ่าของกระทะ

    “พุดเป็นพี่เทียนตั้งแต่เมื่อไหร่” บรรณโพล่งถามขึ้น

    “นั่นสิ” คาวีผู้เป็นลูกซึ่งนั่งรวมกลุ่มเดียวกับเทียนกัลยาสำทับขึ้น

    “เอ่อ…อ่า…ก็เป็นมานานแล้วนี่คะ” เทียนกัลยาติดอ่าง ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องสงสัยเรื่องนี้กันด้วย ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ดูแลเธออย่าง ‘น้องสาว’ หรืออย่างไร ถึงทำให้ทุกคนสงสัย

    “เป็นมานานแล้ว?” คาวีทวนคำตอบ ก่อนหันไปยิ้มให้น้องภรรยา สีหน้าแววตาของทุกคนยิ่งทำให้เทียนกัลยาประหม่า

    “ครับ” พุทธชาดยิ้มตอบพี่เขย

    คำตอบแสนสั้นยังให้หัวใจดวงน้อยเหี่ยวแฟบลงทันใด สาเหตุนี้อย่างไรล่ะที่เธอไม่อยากอ่านข้อความในกลุ่มสนทนาต่อ เธอกลัวจะได้รับคำตอบแบบนี้

    ‘พี่พุดจะเข้ามาปฏิเสธใช่ไหม’

    ไม่แคล้วเขาคงตอบข้อความในกลุ่มเหมือนอย่างที่กำลังตอบคาวีในตอนนี้ พวกพี่มหาปากหมาพากันปากเปราะไปเอง เขาไม่ได้คิดกับเธอเกินเลยเสียหน่อย ดวงตาเนื้อทรายหันไปทางการะเกดซึ่งมองอยู่ก่อน หญิงสาวฝืนยิ้มให้ ก่อนจะแอบถอนหายใจ

    เขาคงคิดกับเธออย่างน้องสาวจริงๆ ด้วย


    อย่างไรก็ตามแม้พ้นจากสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อแล้ว เทียนกัลยาก็ไม่อาจหยุดคิดเรื่องบ้าบอได้ หญิงสาวพยายามสั่งให้ตัวเองหักห้ามใจเสีย พร้อมทั้งย้ำเตือนว่าเธอเป็นเพียงเด็กในอุปการะและหากจะเป็นมากกว่านั้นก็เป็นได้เพียงน้องสาวของพุทธชาด ความรักความเอ็นดูที่ได้รับจากลีลาวดีและฟาบิโอ้ไม่อาจทำให้เธอทรยศพวกท่านได้ ทั้งสองดีกับเธอมาก ดูแลอย่างลูกแท้ๆ ซึ่งก็คงหมายรวมไปถึงเธอได้กลายเป็นลูกสาวของพวกท่าน หาได้ใช่…ลูกสะใภ้แต่อย่างใด

    ท้องฟ้ามืดมิดไร้ดาวที่มองเห็นจากหน้าต่างยิ่งทำให้หญิงสาวจิตใจห่อเหี่ยว เธอไม่น่าเปิดอ่านข้อความในกลุ่มสนทนานั้นเลย ไม่งั้นคงไม่ต้องมานั่งคิดมากกับข้อความของมหาเสน่ห์และพี่ชายฝาแฝด เทียนกัลยานึกอยากโทรศัพท์หาสายน้ำผึ้ง แต่ดูเวลาแล้วเพื่อนคงกำลังติดธุระอยู่แน่ๆ การมีเพื่อนคอยเคียงข้างอยู่ด้วยกันทุกค่ำคืนแล้วจู่ๆ ต้องมาอยู่คนเดียวทำให้เธอรู้สึกเหงา

    ‘ถ้าว่างๆ เหงาๆ ไม่มีเพื่อนคุย เอาเวลาคิดถึงเราไปเปิดข้อความในไลน์กลุ่มอ่านบ้างเถอะไป๊’

    หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเปิดโปรแกรมสนทนา ซึ่งในกลุ่มคงกำลังคุยกันอย่างดุเดือด ระบบจึงแจ้งเตือนว่าเธอยังไม่อ่านเป็นร้อยข้อความ หญิงสาวจิ้มนิ้วเปิดกลุ่มก่อนจะกดออกโดยไวเพื่อให้การแจ้งเตือนหายไป เธอเปิดห้องแชตส่วนตัว ไล่ตอบข้อความของกัลปพฤกษ์ เทียนกัลยาพรมนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่สักพักจึงวางโทรศัพท์มือถือลง ทว่าไม่ถึงห้านาทีดี…เจ้าโทรศัพท์มือถือเครื่องบางก็แผดร้อง

    “เทียนเป็นไงบ้าง” เสียงกัลปพฤกษ์ดังขึ้นทันทีที่เธอกดรับสาย

    “สบายดีค่ะพี่พริก”

    “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ตอบข้อความพี่แล้วก็หายไป ไม่อยู่คุยกันก่อนเหมือนทุกที” ชายหนุ่มรัวคำถาม

    “เทียนแค่ง่วงน่ะค่ะ เมื่อตอนหัวค่ำกินหมูกระทะไปเสียเยอะเลย”

    “อ้อ เห็นพี่เกดถ่ายรูปส่งมาให้ดูเหมือนกัน ว่าแต่สบายดีแน่นะ พี่เห็นเราไม่ตอบข้อความแล้วเป็นห่วง” ความห่วงใยของอีกฝ่ายช่วยสร้างรอยยิ้มให้คนจิตใจห่อเหี่ยว

    “สบายดีค่ะ” เธอย้ำอีกครั้ง “เพียงแต่แปลกที่นิดหน่อย สงสัยอยู่อังกฤษจนเคยชินกับอากาศ ที่นี่อากาศดีมากเลยนะคะพี่พริก ท้องฟ้าปลอดโปร่งทั้งวัน เทียนละอยากให้พี่พริกกับน้ำผึ้งมาอยู่ด้วยกันจัง” คนติดพี่ติดเพื่อนออด

    “คิดถึงยายน้ำผึ้งละสิ รายนั้นก็บ่นคิดถึงเทียนเหมือนกัน ถึงว่าแหละ…อยู่ด้วยกันมาหลายปี พอห่างๆ กันไปมันเลยไม่ชิน แต่อีกเดี๋ยวเทียนก็ชินเชื่อพี่” คนเป็นพี่ปลอบน้อง

    “ขอให้เป็นอย่างนั้นไวๆ เถอะค่ะ นอนคนเดียวเทียนเหงา ทุกคืนเทียนต้องคุยกับน้ำผึ้งจนผล็อยหลับ”

    “อืม ถ้าน้ำผึ้งเรียนจบแล้วพี่จะพาไปหาเทียนให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน”

    “พี่พริกรับปากแล้วนะคะ อย่าให้เทียนรอเก้อล่ะ”

    “จ้ะ ถ้าสบายดีแล้วก็เข้านอน อย่าลืมแปรงฟันก่อนนอนล่ะสาวน้อย” คนที่ยังเห็นน้องเป็นเด็กหยอกล้ออย่างที่เคยทำ

    “แปรงแล้วค่ะ ฝันดีนะคะพี่พริก”

    “จ้ะ ฝันดีน้องรักของพี่”

    วางสายจากกัลปพฤกษ์เทียนกัลยาก็ซุกตัวลงบนที่นอนนุ่ม กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย ความง่วงเข้าครอบงำหลังจากหญิงสาวปัดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกจากหัวอีกครั้ง เปลือกตาบางค่อยๆ ปรือและปิดลงในที่สุด ภายในห้องเงียบสนิทตรงข้ามกับข้อความแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันที่กำลังพุ่งขึ้นอย่างดุเดือด


    รูปหล่อมีสไตล์แต่ไร้สตางค์: สรุปว่าพุดตอบรับว่าเป็นพี่ชายแล้วเทียนก็หน้าซีดใช่ไหม

    ข้อความของเทียบศิขรที่นานๆ มาทีเด้งขึ้นในกลุ่ม

    Mahasane F.: พี่เทียบมา คืนนี้มีอาถรรพ์

    Kavee: ไอ้ตัวเค็มมาอย่างนี้ พรุ่งนี้พุดต้องถวายสังฆทานไหม

    คาวีแซวไอดอลของตัวเอง เทียบศิขรเป็นคนเดียวที่ตั้งชื่อไลน์เป็นภาษาไทยเพราะชายหนุ่มไม่ค่อยได้ติดต่อใครทางแอปพลิเคชัน ส่วนคนอื่นๆ ตั้งเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความสะดวกในการติดต่อพูดคุยติดต่องานซึ่งส่วนใหญ่จะพูดคุยกับคนต่างชาติ

    รูปหล่อมีสไตล์แต่ไร้สตางค์: คนเขามีงานมีการทำ ไม่ว่างมาคุยเล่นกับใครหรอก เข้าเรื่องพุดกับเทียนทีเถอะ ต่อมเผือกทำงานแล้ว

    Kavee: ก็ไม่มีอะไร แค่พี่ชายน้องสาวจริงไหมพุด?

    คาวีโยนเผือกร้อนให้น้องภรรยา ยอมรับว่าสองปีให้หลังเขาลุ้นคู่นี้จนหื่น เอ๊ย หืดขึ้นคอ เพราะพวกมหาแท้ๆ เชียวที่ขยันแซวพุทธชาด เขาเลยพลอยอิน ฟิน จิ้น มโนไปด้วย

    NumDokPud: ขอไม่ตอบ เป็นเรื่องส่วนตัวครับ

    คนที่ตกเป็นขี้ปาก เอ๊ย เป้าสนทนาของบรรดาพี่น้องเข้ามาตอบ เรื่องเมื่อหัวค่ำยังรบกวนจิตใจเขาไม่น้อย ชายหนุ่มไม่ถือโกรธพี่น้องที่เอาเรื่องเขามาพูด

    รูปหล่อมีสไตล์แต่ไร้สตางค์: สรุปแล้วมีอะไรในกอดอกพุดน่ะสินะ ยังไงก็เอาใจช่วย

    เทียบศิขรเปรียบเทียบอย่างคนที่เป็นศิลปิน

    NumDokPud: ขอบคุณครับพี่สิงห์

    Kavee: คุยกันได้เป็นทางการมาก จนป่านนี้พุดยังไม่เลิกคลั่งไอ้เกลืออีกเหรอวะ

    คาวีแทรกขึ้นอย่างหมั่นไส้พี่เขยน้องภรรยาคู่นี้ เป็นที่ทราบกันดีในหมู่พี่น้องว่าพุทธชาดปลื้มผลงานภาพวาดของเทียบศิขรเข้าขั้นแฟนพันธุ์แท้ โรงแรมในเครือฟาเบรกลาสล้วนมีรูปของศิลปินชื่อ ‘เทียบมาลา’ ประดับอยู่ ซึ่งก็คือนามแฝงของเทียบศิขรนั่นเอง

    Mahasane F.: คงยากแหละพี่คาวี เจมี่น่ะปลื้มพี่สิงห์อย่างยอมตายถวายหัวเชียว

    รูปหล่อมีสไตล์แต่ไร้สตางค์: อย่าเสือก

    Mahasane F.: แรงงองูสองล้านสามแสนตัวถ้วน

    พุทธชาดนั่งอ่านข้อความที่พี่น้องพิมพ์โต้ตอบกันอีกพักจึงวางโทรศัพท์มือถือ ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะเบนสายตาไปทางผนังห้องซึ่งติดกับห้องนอนเก่าของตัวเอง เขาจงใจยกห้องนั้นให้เทียนกัลยาเพราะอยากให้หญิงสาวได้เห็นวิวทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่เขาชอบมองทุกครั้งที่มาที่นี่

    ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ที่เขายกเทียนกัลยาให้เป็นคนพิเศษ อาจจะสักสองสามปีที่ผ่านมา แต่คงไม่นานไปกว่านั้น พุทธชาดค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ได้เข้าข่ายผิดปกติทางจิตจนเป็น Pedophilia หรือเป็นโลลิคอน แต่อย่างใด เขาไม่เคยคิดกับเทียนกัลยาในแง่นั้น แม้แต่ตอนที่เห็นสาวเจ้านุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวตอนเธออายุสิบห้าปี ภาพนั้นก็หาได้ติดตาตรึงใจชายหนุ่มไม่

    แม้ไม่ได้มีช่วงวัยหนุ่มที่โลดโผนเหมือนน้องๆ แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าและหญิงสาวทุกคนก็ล้วนแต่เต็มใจ การไม่มีพันธะหรือความสัมพันธ์ใดๆ ผูกมัดทำให้ชายหนุ่มสบายใจ พุทธชาดเคยคิดค้นหา ‘คนที่ใช่’ หลังจากน้องสาวอย่างการะเกดแต่งงานมีครอบครัว แต่ยิ่งค้นยิ่งไม่พบ กอปรกับที่มีเรื่องของเทียนกัลยาและเรื่องสร้างกาสิโนของน้องชายเข้ามา เขาจึงลืมเลือนเรื่องนั้นไปเสียสนิท

    การได้พูดคุยกับเทียนกัลยาทำให้เขาหายเหงาหลังจากต้องปล่อยให้น้องสาวแต่งงานกับพรรษชล ชายหนุ่มคิดเสมอว่าเทียนกัลยาคือตัวแทนของการะเกด เขารักและเอ็นดูเธออย่างน้องสาว จวบจนหญิงสาวอายุสิบเจ็ดปี เขาก็ค้นพบว่าตัวเองไม่ได้รักและเอ็นดูเทียนกัลยาอย่างน้องสาวอีกต่อไป สีหน้า รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเธอเหมือนยาชูกำลังปัดเป่าความเหนื่อยล้าจากการทำงาน

    จากตั้งใจจะไม่ติดต่อเธออีกเพราะอยากให้เธอมีสมาธิในการเรียน กลายเป็นว่าเขาส่งข้อความคุยกับเธอวันเว้นวัน สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นความเคยชิน พุทธชาดดีใจที่บรรดาคนในครอบครัวไม่มีใครรังเกียจหญิงสาวและไม่ตำหนิเขา หลังจากจับได้ว่าเขากลายเป็นพี่ที่คิดไม่ซื่อกับน้อง ชายหนุ่มเคยยืนกรานกับทุกคนว่าจะรอให้เทียนกัลยาเรียนจบก่อน และเคยให้คำมั่นสัญญากับพรรษชลว่าจะไม่บังคับฝืนใจน้อง

    ‘ไม่ใช่เพราะพี่รังเกียจพุด แต่ที่พี่ต้องขอเพราะเทียนเป็นน้องพี่ เทียนยังมีอนาคตที่ดี พุดเข้าใจพี่ใช่ไหม’

    ครั้งแรกที่ได้ยินประโยคนั้นจากปากพรรษชล เขาไม่โกรธชายหนุ่มสักนิด กลับเห็นด้วยกับประโยคที่ว่าเทียนกัลยายังมีอนาคตที่ดีรออยู่ข้างหน้า เขาไม่เคยรุกหรือทำมากกว่าการถามไถ่ทุกข์สุข ส่วนสิ่งของเครื่องใช้ของหญิงสาว เขาขอไว้ว่าเคยซื้อให้อย่างไรก็จะทำอย่างนั้น

    ทว่าการทำเช่นนั้นยิ่งทำให้หัวใจถลำลึก ชายหนุ่มพบว่าคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว และคงไม่สามารถลงเอยกับใครได้นอกจากเทียนกัลยา แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ หากเทียนกัลยาได้พบกับคนที่ใช่ คนที่เธอรักและรักเธออย่างสุดหัวใจเหมือนกับที่เขารักได้...

    ไม่แน่ เขาอาจหลีกทางให้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×