Ms. Nanissa
ดู Blog ทั้งหมด

เรื่องสั้น (แจกฟรี) สามารถนำไปเผยแพร่ได้

เขียนโดย Ms. Nanissa

นากาตะ

ในโลกที่สับสนและวุ่นวาย ยังมีเมืองๆหนึ่งที่สงบสุขใจมากกว่าเมืองใดในโลกนี้ เมืองนั้นมีชื่อว่า  “นากาตะ” มีผู้นำที่จิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตา ใจบุญมาก และด้วยอุปนิสัยของท่านผู้นำผู้นี้ ทำให้ในวันวาเลนไทน์ของทุกๆปีนั้น ท่านผู้นำจะจัดงานกุศลครั้งยิ่งใหญ่ โดยงานที่จัดขึ้นนั้นได้ดำเนินการมาตั้งแต่บรรพบุรุษของท่านผู้นำแล้ว

งานกุศลนี้จะจัดขึ้นในวันวาเลนไทน์เท่านั้น โดยท่านผู้นำได้ตั้งชื่องานนี้ว่า “นากาตะน้ำใจ” เป็นการมอบเงินจากการเก็บภาษีต่างๆ ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่สุดในเมืองนากาตะ ซึ่งรายชื่อเหล่านี้ ข้าราชการฝ่ายพลเรือนจะเป็นผู้ประมวลผลและรวบรวมข้อมูลมาให้ ซึ่งทราบกันดีว่าถูกกลั่นกรองด้วยความสุจริตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ประชาชนมั่นใจว่าเงินเหล่านั้นถูกมอบให้อย่างบริสุทธิ์ใจ

และสำหรับงาน “นากาตะน้ำใจ” ในปีนี้ ทุนจำนวนสามสิบล้านบาทได้ถูกมอบให้ครอบครัว “ขานคีรี” เป็นครอบครัวที่มีรายได้น้อยที่สุดในเมืองนากาตะ และถูกโหวตจากหมู่บ้านให้เป็นครอบครัวที่สมควรได้รับการอุปถัมภ์ที่สุด

จากการพิจารณาข้อมูลที่ข้าราชการพลเรือนได้รวบรวมมาแล้วนั้น ท่านผู้นำก็ได้เห็นความดีความชอบด้วย จึงได้ตัดสินใจให้ครอบครัว “ขานคีรี” ได้รับทุนจำนวนสามสิบล้านบาทไปก่อร่างสร้างตัว ให้เก็บอดีตชีวิตที่ผ่านมา ที่เคยยากลำบากเป็นความทรงจำ ให้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีคุณภาพมากขึ้นและสร้างรายได้ด้วยตัวของตนเองเพื่อเก็บหอมรอมริบ มีเงินเก็บพออยู่พอใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป

ครอบครัว “ขานคีรี” ประกอบด้วย ขจรผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว วรรณศิริผู้เป็นภรรยา มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อว่า วิภา อายุสิบขวบพอดี ขจรเล่าให้ผู้เก็บข้อมูลฟังว่า วิภาเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่ขาดโอกาสในการเรียนรู้ จึงทำให้ขาดประสบการณ์เหมือนเด็กคนอื่น ผู้เก็บข้อมูลยังให้ข้อมูลแด่ท่านผู้นำว่าครอบครัวขานคีรีนั้นขาดรายได้เพราะวรรณศิริผู้เป็นพิการได้สถานภาพเป็นผู้พิการเมื่อสองปีก่อน รายได้ของครอบครัวจึงมาจากขจรแต่เพียงผู้เดียว

ขจรให้ข้อมูลว่าเมื่อสองปีก่อน วรรณศิริได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปตลาด ขากลับประสบอุบัติเหตุทำให้ตาข้างซ้ายบอดถาวร เหตุการณ์นี้จึงทำให้ครอบครัวขานคีรีมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นจากค่ารักษาพยาบาลของวรรณศิริ รายได้ทั้งหมดที่เคยมีขัดสนไปมาก วิภาจึงจำเป็นต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อช่วยขจรหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว

เพื่อนบ้านของครอบครัวขานคีรีให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วิภาเป็นเด็กขยัน ใจสู้ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าพ่อแม่ของเธอจะยากแค้นเพียงใด เธอก็ไม่ยอมแพ้ แม้ต้องลาออกจากโรงเรียนมาช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้าน เธอก็ยอมทำไม่ปริปากบ่นสักคำ มีวันหนึ่งเพื่อนบ้านเห็นวิภาต้องอดอาหาร ดื่มน้ำเปล่าแทนทั้งวัน พวกเขาจึงช่วยเหลือเธอด้วยการแบ่งปันอาหารให้ วิภาน้อมรับไว้ด้วยความยินดี วันต่อมาวิภาก็ปลูกต้นไม้มาตอบแทนพวกเขาซึ่งรับไว้ด้วยความยินดี

ยังไม่เพียงแต่เพื่อนบ้านของครอบครัวขานคีรีที่ให้ข้อมูลเช่นนี้ ยามของหมู่บ้านที่ครอบครัวขานคีรีอาศัยอยู่ ได้ยืนยันว่า วิภาเป็นเด็กดีและอดทน มีครั้งหนึ่งยามได้พัสดุหลายชิ้น ต้องนำไปส่งให้หลายบ้าน แต่วันนั้นภรรยาของยามเข้าโรงพยาบาล วิภาเดินเข้ามาทักทายและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ยามไม่ได้เอ่ยขอความช่วยเหลือ แต่วิภานั้นเป็นผู้เสนอความช่วยเหลือเอง เธอขอข้อมูลบ้านเลขที่ของแต่ละบ้านที่ต้องนำพัสดุไปส่ง และวันนั้นทั้งวันวิภาก็ได้ส่งพัสดุให้ทุกบ้านครบตามประสงค์ เธอไม่ขอรางวัลตอบแทนใดๆ แม้ยามจะมอบให้เธอหลายสิ่งหลายอย่าง สุดท้ายแล้วยามจึงตัดสินใจเลี้ยงข้าวเธอหนึ่งมื้อแทนคำขอบคุณ

วิดีโอเล่าเรื่องราวของครอบครัวขานคีรีถูกฉายจนจบในงาน “นากาตะน้ำใจ” ทุกคนปรบมือแสดงความยินดีเมื่อเห็นครอบครัวขานคีรีปรากฏตัวขึ้นบนเวที ท่านผู้นำได้มอบเงินจำนวนสามสิบล้านให้แก่ครอบครัวนี้ด้วยความเต็มใจ ท่ามกลางความปีติของทุกคนในเมืองนากาตะ ด้วยข้อมูลต่างๆที่ข้าราชการพลเรือนได้รวบรวมมา และถ่ายทอดเป็นวิดีโอให้ผู้ร่วมงานได้ชื่นชมทำให้ทุกคนเห็นชอบในรางวัลนี้ ว่าสมควรมอบให้แก่ครอบครัวขานคีรีจริงๆ

และรางวัลสุดท้ายที่จะมอบให้ในวันนี้ คือรางวัลชื่นชมวิภา ขานคีรี ว่าเป็นเด็กดี อดทน และมีน้ำใจ ด้วยรางวัลที่มีชื่อว่า “ยอดเด็กกตัญญู” พร้อมมอบสิทธิเงินทุนการศึกษาทั้งหมดที่ท่านผู้นำจะสนับสนุนให้วิภาเรียนจนจบปริญญาเอกตามสาขาวิชาที่เธอต้องการโดยไม่มีเงื่อนไขใด และงาน “นากาตะน้ำใจ” ก็จบลงท่ามกลางความยินดีของทุกๆคน

สิบห้าปีต่อมา วิภา ขานคีรีได้เรียนจบคณะแพทยศาสตร์ และกำลังจะเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านจักษุแพทย์ เพื่อรักษาดวงตาของแม่และต้องการดูแลรักษาดวงตาของทุกคนด้วย ซึ่งเงินทุนการศึกษาทั้งหมดทั้งมวลนั้นมีท่านผู้นำคอยสนับสนุนอยู่เสมอ แน่นอนว่าท่านผู้นำเองก็ไม่ต้องการของตอบแทนใด แม้ครอบครัวขานคีรีจะเสนอสิ่งใดให้ก็ตาม ท่านผู้นำปฏิเสธทุกสิ่ง แต่มีคำพูดหนึ่งที่ท่านฝากไว้ให้กับครอบครัวขานคีรีว่า

“นอกจากฉันอยากจะเห็นบ้านเมืองสงบสุขแล้ว ฉันยังอยากเห็นคนดีได้ประสบความสำเร็จตามที่เขาต้องการ และฉันพร้อมสนับสนุน หนึ่งคนที่ได้โอกาส ขอจงมอบโอกาสให้แก่อีกคน เพื่อต่อยอดโอกาสให้กับอีกๆหลายคน ให้ผู้ที่อยู่นอกเมืองนากาตะได้รับรู้ว่า เงินที่ฉันได้มาจากประชาชน ฉันพร้อมคืนทุกบาททุกสตางค์ และฉันมั่นใจว่าเงินที่ฉันคืนไป จะสร้างประโยชน์มหาศาลให้แก่ประชาชนของฉันอีกครั้งหนึ่ง”

ท่านผู้นำเมืองนากาตะ


ความคิดเห็น

kaliso
kaliso 15 พ.ค. 62 / 16:11