ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โค้ชลับหน้าใส สับนิยายปีเจ็ด

    ลำดับตอนที่ #1 : สับ JLS01 #1 : Rule is Infringed แหกกฎสาย ทลายกำแพงหัวใจพี่รหัสสุดที่รัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 70
      0
      11 ก.ย. 57

     

    สวัสดีค่ะคุณ Minnie

    เราคือหนึ่งในคณะโค้ชลับแห่งโครงการนักเขียนหน้าใสปีเจ็ด โค้ชลับ... สับให้เละ

    (ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และส่วนได้ส่วนเสียกับทางสำนักพิมพ์แจ่มใสทั้งสิ้น)

    จะมารับหน้าที่วิจารณ์งานของคุณ Minnie JLS01 Rule is Infringed แหกกฎสาย ทลายกำแพงหัวใจพี่รหัสสุดที่รัก ตอนที่ 1 ค่ะ

    ก่อนอื่น เราก็รู้สึกดีใจเล็กๆ ที่ได้รับงานที่มีคะแนนโหวตอันล้นหลามมากที่สุดในบรรดานักเขียนหน้าใสทั้งหมด

    แต่ทว่า... เมื่อได้อ่านนิยายของคุณ Minnie แล้ว ก็พบว่าเรื่องนี้ได้คะแนนโหวตเพราะมีคนรู้จักเยอะเท่านั้น ไม่ใช่จากคุณภาพของนิยายเลย ไม่ใช่ว่านิยายแย่นะ แต่มันไม่ได้ดีเลิศเลอขนาดว่ายอดโหวตถล่มทลาย เรื่องนี้คุณภาพก็พอๆ กับเรื่องอื่นๆ

    บทนำถือว่าเปิดออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง ในครั้งแรกที่อ่านนั้นก็รู้สึกว่า ปีนี้มีเรื่องเด่นๆ เข้ามาหนึ่งเรื่องแล้ว แต่ว่าความคิดนั้นกลับหายไปเมื่อได้อ่านบทที่หนึ่ง

    เรื่องนี้ก็เหมือนกับเรื่องอื่นๆ ที่บรรยายแบบบุคคลที่หนึ่งในแบบบุคคลที่สาม เรียกง่ายๆ ก็บรรยายแบบบุคคลที่สาม แค่เปลี่ยนจากชื่อตัวละครเอกเป็นคำว่าฉัน เสน่ห์ของการบรรยายแบบบุคคลที่หนึ่งคือการมองเรื่องราวผ่านมุมมองของบุคคลเดียว รู้ถึงเหตุการณ์ที่ผู้บรรยายเจอ รู้ทุกสิ่งที่ผู้บรรยายคิด

    สำหรับเรื่องนี้นั้น แทบไม่มีการบรรยายว่าตัวละครนั้นคิดอย่างไรเลย นั่นทำให้คนอ่านไม่อินไปตามเนื้อเรื่อง เรารู้แค่ว่าตัวนางเอก (กัส) คิดอะไร เรารู้แค่กัสตกใจ แต่ไม่รู้ว่ากัสคิด อย่างไร เช่น

    “…กัสจัง!?” ฉันสะดุ้งทันทีเมื่ออยู่ดีๆ ชื่อของตัวเองก็หลุดออกมาจากปากใครสักคนที่อยู่ทางด้านหลัง และเมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็น...

    เรารู้แค่ว่ากัสสะดุ้ง แต่มองไม่เห็นภาพ ยังไม่อินตาม แทนที่จะบรรยายว่าฉันสะดุ้ง ก็เปลี่ยนเป็นบรรยายสิ่งที่ตัวละครคิดเมื่อสะดุ้ง เช่น

    “…กัสจัง!?” อยู่ๆ เสียงหนึ่งหลุดออกมาจากปากใครซักคนที่อยู่ทางด้านหลัง ตกใจหมดเลยให้ตายสิ!

    เราก็ยกตัวอย่างได้ไม่ค่อยดีซะด้วยสิ เพราะเรื่องนี้บทพูดเยอะซะส่วนใหญ่ เลยหาจุดที่โชว์ให้เห็นชัดๆ ยากหน่อย

    ยังมีบางคำที่ใช้ซ้ำ อย่างตัวอย่างข้างล่างนี้ มีแต่คำว่า พลาง พลาง พลาง เต็มไปหมดเลย...

    พี่โนวเลจน์ -0-!” ฉันเอ่ยชื่อของคนตรงหน้าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

    แปลว่าเมื่อกี้เหม่ออยู่รุ่นพี่ตรงหน้าว่าพลางกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้มลงมองของที่อยู่ในมือฉันแล้วถามว่า กำลังจะไปหาพวกน้องๆ เหรอ?”

    ค่ะ (_ _)” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะบอกว่า แต่ตอนนี้กัสก็ลืมหมดแล้วว่าขนมถุงไหนเป็นของใครบ้าง ...เพราะพี่คนเดียวเลย -w-!”

    พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยพี่โนวเลจน์เถียงพลางขมวดคิ้ว

     “พี่ทำให้กัสตกใจจนลืม -^-” ส่วนฉันก็ให้เหตุผล (ปลอมๆ) พลางเชิดหน้าใส่เล็กๆ

    “...แน่ใจเหรอว่าเราไม่ได้ลืมก่อนพี่จะมาอยู่แล้ว?” พี่โนวเลจน์ถามพลางยิ้มราวกับรู้ทัน

    อีกคำที่คุณ Minnie ใช้ซ้ำนอกจากคำว่า “พลาง” คือคำว่า “ก่อนจะ” ค่ะ ลองไปแก้ดูนะคะ กด ctrl+f หาดูก็ได้

    มันอันตรายพี่โนวเลจน์พูดขัด ก่อนจะบอกว่า ส่งให้เสร็จแล้วค่อยเดินก็ได้

    แต่มันจะถึงเวลาเข้าแถวแล้วฉันให้เหตุผล ก่อนจะบอกอย่างมั่นใจว่า และกัสก็เชื่อว่าพี่คงไม่ปล่อยให้กัสเดินชนหรือสะดุดอะไรแน่ๆ ใช่มั้ยล่ะ?”

     “…” คนตรงหน้าไม่พูดอะไร เพียงแต่จับไหล่ฉันให้กลับหลังหันก่อนจะออกแรงดันเพื่อให้ฉันเดิน

    สุดท้าย... เรื่องอิโมติค่อน บางตัวไม่ได้เข้ากับอารมณ์ของเนื้อเรื่องเลยค่ะ อ่านแล้วทำให้สะดุด เช่น...

    พี่โนวเลจน์ -0-! ฉันเอ่ยชื่อของคนตรงหน้าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ให้ตายสิ! ฉันเกือบหัวใจวายตายแล้ว =_= กัสตกใจหมด

    ตกใจอยู่ดีๆ ทำหน้าปลง... หัวใจจะวายตายทำหน้าปลงอีกหรือ... การใช้อิโมที่ไม่ดีจะอ่านสะดุดและกลบการบรรยายเรานะคะ พึงระวังไว้ดี และอย่าใช้มากเกินจำเป็นล่ะ

    นี่ก็เป็นแค่คำวิจารณ์เล็กๆ ที่คุณ Minnie จะเลือกสนใจมันหรือไม่ก็ได้นะคะ

    ด้วยความปรารถนาดี จากโค้ชลับ...สับให้เละ

    โชคดีค่ะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×