คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หมาป่าทั้งเจ็ดกับจิ้งจอกในคราบลูกแกะ
You better run run run run run
ผมที่พึ่งหนีไอ้แว่นนั้นกำลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจากเขตเหนือเข้าสู่เขตใต้มุ่งหน้าสู่บ้านของออสตินซึ่งใช้เวลามากจนผมเริ่มล้าเต็มที่แล้ว ไหนจะปวดแขนจากที่เล่นกับไอ้แว่น ปวดตัวที่ทุ่มไอ้บ้าในหอศิลป์กับโดดพุ่งลงจากรถของตัวเอง
ผมอยากตะโกนถามให้ทั้งโลกตอบผมมาจริงๆนะ ร้อยวันพันปีตั้งแต่ผมออกจากโรงบาลทำไมไม่มีใครมาปล้นอะไรจากผม มาปล้นผมทำไมกันล่ะตอนนี้!
แหกปากร้องคงไม่มีใครสนใจก็ผมมันตัวประกอบหนิ…
ท่ามกลางค่ำคืนที่ยาวนานในเขตใต้ของเมืองหมอกสีขาวค่อยๆเคลื่อนย้ายเข้ามาปกคลุมบริเวณโดยรอบ สร้างความแปลกใจให้ผมเป็นอย่างดี
เพราะตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูร้อนกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ถึงที่เพรัสน่ะเป็นเมืองทางเหนือของทวีปอากาศหนาวเย็นเกือบทั้งปีแต่ปลายฤดูร้อนไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีหมอกลง มีนเลยเป็นความผิดปกติที่สังเกตได้ง่าย
คนติดบ้านอย่างผมอย่างรู้ดีนะจะบอกให้…
ทว่าในวินาทีที่กำลังจะวิ่งสู่ถนนหลักที่ตรงไปที่บ้านเพื่อนของผม ผมกลับต้องชะงักไปฉับพลันเมื่อหมอกปกคลุมหนาจนผมมองอะไรแทบไม่เห็น ซึ่งนั่นคือก่อนที่เรื่องจะเกิดขึ้นมา
ฉูด!
เสียงของบางอย่างที่แหลมและแผ่วเบาคล้ายเสียงปืนที่ติดเครื่องเก็บเสียงไว้ดังขึ้นมาพร้อมๆกับความเจ็บปวดที่แล่นผ่านบริเวณท้องให้ผมได้ก้มมองด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก เมื่อว่ามันไม่ใช่ปืนอย่างที่ผมกลัวแต่มันก็เป็นอีกอย่างที่ผมกลัวไม่แพ้กัน
มันคือปืนฉีดยาแรงดันสูงแบบไร้เข็มขนาดพกพาที่พวกหมอใช้กันในกรณีฉุกเฉิน
ผมไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งสิ้นเพียงแต่ประคองตัวเองไม่ให้ล้มลงไปก่อนท่ามกลางหมอกหนาที่ปกคลุมรอบกายขณะที่นัยน์ตาที่พร่ามัวนั้นไล่มองขึ้นไปหาเจ้าของมือที่กำปืนฉีดยาไว้ แต่ผมก็พบแค่นัยน์ตา…นัยน์ตาสีเงินที่จ้องมองผม
แล้วสติผมก็ดับลงจมลงสู่ความมืด...
.
.
.
.
.
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีเงินก้มหน้าลงมองร่างบางในอ้อมแขนของเขาเมื่อฤทธิ์ของยานั้นดับสติของอีกฝ่ายไป เขาเฝ้ามองการกระทำของอีกฝ่ายมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้และรับรู้ว่านี่คือขีดจำกัดของร่างกาย จังหวะที่เขาสมควรลงมือเพื่อไม่ให้เสียเวลามากกว่านี้
[คริสติโน่ จบแล้วงั้นหรอ]
เสียงวิทยุสื่อสารแบบไร้สายดังขึ้นมาเอ่ยทักร่างสูงให้เลิกสนใจเด็กหนุ่มตัวแสบก่อนเพื่อหันไปตอบหน่วยข้อมูลของพวกเขา
“อ่า...นายรออยู่นั้นแหละเนโร่ฉันจะให้นัวร์ไปรับนาย อ๋อ ฝากรีบนัวร์ที่ถนนหลักเขตเหนือด้วย ดูท่าจะประมาทไอ้เด็กนี่ไปหน่อย แล้วมาเจอกันที่บ้านเจ้าหนูนี่นะ”
[เข้าใจแล้ว...]
เนโร่สมาชิกคนเล็กของกลุ่มตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแล้วการติดต่อก็สิ้นสุดลงพร้อมๆกับร่างสูงที่อุ้มเหยื่อของตนกลับไปที่บ้านของเจ้าตัวเงียบๆพร้อมกับสายหมอกสีขาวยามค่ำคืน เมื่อสุดท้ายแกะก็ไม่สามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของหมาป่าไปได้และนั้นคือความจริง...
มั้ง…
.
.
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่สลบไปแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมืดๆที่คุ้นตาที่มีแต่ลังกระดาษจำนวนที่เรียกได้ว่าเยอะไม่น้อยหน้าไปกว่าที่ผมเคยเก็บกวาดที่หอศิลป์ตอนรับงานต่อจากพ่อที่ตายไป แต่พูดตามตรงตอนนี้ถ้าไม่ติดว่าผมกำลังจะถูกจับเป็นตัวประกันหรือไถข้อมูลเรื่องเพชรผมก็อยากนอนอยู่
เจ็บปวด...ชา โอ๊ยกาแฟ เอ๊ยเหน็บกินตะหากบ้าชิบ สมองไปหมดล่ะ
ที่นี่ที่ไหนทำไมผมโดนมัด....อ้าวก็บ้านตัวเองนี่หว่า
ตอนนี้เท่าที่พอรับรู้ได้คือผมโดนมัดติดกับเก้าอี้ ในห้องเก็บของบ้านผมเอง ซึ่งถามว่าผมรู้ได้ไงว่าเป็นบ้านตัวเอง ก็ขอตอบเลยว่าผมเห็นอัลบั้มตัวเองตอนเด็กน่ะดิ …และมันเป็นภาพเด็กๆตอนที่ผมกำลังนอนแทะไม้ด้วย
ชิบแล้วไง แล้วคนที่จับผมมาอยู่ไหนแล้วฟะเนี่ย…
ผมเริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อตามหาประตูของห้องเก็บของซึ่งเมื่อเจอกับแสงสว่างที่ลอดมาจากใต้ช่องว่างของประตูผมก็ไม่รอช้าที่จะหลังตาและตั้งสติเพื่อฟังเสียงที่เกิดขึ้นที่อีกฝั่งของประตูทันที
“เห...ว่าแต่นายคิดว่ามันตื่นรึยังล่ะนี่ก็ชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ"
“ยัง... ล้าแบบนั้นคงอีกครึ่งชั่วโมงถึงจะตื่น"
ขอโทษแต่ผมตื่นเมื่อกี้เองล่ะ...
"ระหว่างนี้ค้นบ้านเจออะไรมีค่าก็คิดเอาเองว่าจะเก็บไปไหม"
หาไปเหอะ ของมีค่าอะผมฝากไว้บ้านออสตินหมดแล้ว เป็นสินสอดขอหมั้นเอ๊ย ให้รปภ.เขาดูแลไป รายนั้นเขาดูแลดีพอๆกับธนาคารแห่งประเทศเพราะงั้นปล่อยไป
ผมลองกวาดตามองเพื่อความแน่ใจข้างนอกห้องเก็บของเล็กๆผมได้ยินเสียงกุกกักคล้ายพวกเขาค้นของในบ้านอยู่ งั้นดีเลยเพราะผมมีเวลาเอาตัวรอดแล้ว ส่วนยังไงนี่ต้องย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน…
.
.
.
.
.
.
หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้
"อ๊า!?"
เสียงร้องระงมของชายหนุ่มผมสีเบจดังก้องไปทั่วห้องสำหรับลูกค้าวีไอพี แต่ทว่าน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวดของเขานั้นไม่สามารถส่งไปถึงมารร้ายทั้งสองได้
"ฟีแรงอีกแค่นั้นยังไม่พอ"
"ฟาร์ตรงนี้ต้องลงด้วยนะไม่งั้นจะเป็นรอย"
"ม...ไม่! อย่าขอร้องไม่เอานะ ไม่เอาตรงนั้น อย่า! อ๊า!!!"
แรงที่กดลงมาบนร่างกายที่เปลือยเปล่านั้นมันมากเกินไปจนผิวสีขาวน้ำนมเกิดรอยแดงขึ้นเล็กน้อยเป็นแถบๆ ไม่เว้นแต่แผ่นหลังของตัวเขาเอง แต่ไม่นานเสียงร้องก็หยุดลงแทนที่ด้วยเสียงครางต่ำๆในลำคอเมื่อความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความผ่อนคลายแทน
อย่าพึ่งคิดลึก ซูมออกมาสักหกสิบเปอร์เซ็นจากจุดสีดำทุกคนจะเห็นผมอยู่ในอ่างอาบน้ำ ลองซูมออกอีกทีจะเห็นผมโดนขัดผิวอยู่แล้วโดนนวดต่อเพราะงั้นไม่ใช่อะไรในก่อไผ่แต่อย่างใด
"ฟี ฟาร์พอแล้วค่ะจากนี้หนูจัดเอง"
ลิส สาวน้อยบอบบางประจำร้านของเจน่ารับผิดชอบหน้าที่สระผมให้เข้ามารับหน้าที่ต่อทันทีที่ฟีกับฟาร์ดึงผมออกมาจากอ่างแล้วเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาคลุมตัวให้ และผมขอยอมรับเลยว่าลิสน่ะมือเบามากแถมเกาได้ถูกจุดเล่นเอาผมเกือบหลับไปแล้วจริงๆเลยระหว่างที่สระผมอยู่
"ลิส เสร็จแล้วพามาที่ห้องเดี๋ยวพี่จะวัดไซส์เขาหน่อย"
"ค่ะพี่เจย์"
เจย์ ชายหนุ่มแท้ๆเพียงคนเดียวในคณะที่ดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้ผมเนื่องจากชุดเก่านั้น...โดนเจน่าเผาทิ้งไปแล้วเพราะเละเกินไป ผมเดินตามลิสไปลองชุดที่ห้องข้างๆแต่ก็แอบหวั่นใจเล็กน้อยเมื่อเจย์น่ะจ้องผมไม่วางตาแม้กระทั่งตอนถอดเสื้อคลุม
"ผมสีเบจ ลองสีดำหรือสีเทาเข้มดีล่ะเคลียร์"
"เอ๊ะ...อ่าลองเป็นสีเทาเข้มตัดกับโค้ทสีกรมท่าดีมั้ยครับ"
"งั้นอย่างนายก็ต้องเป็นสูท เหมาะสุดแล้วล่ะสไตล์สุภาพน่ะ ลองวัดไซส์ก่อนล่ะกัน"
มือที่ถือสายวัดเริ่มวัดขนาดสัดส่วนร่างกายของผม ตั้งแต่ส่วนข้อมือไปถึงหัวไหล่ ร่างกายช่วงบนแม้แต่รอบอกกับรอบเอวอีกฝ่ายก็ยังเก็บซะละเอียดจนผมคิดว่าหมอนี่มันคิดไม่ซื่อกับผมแล้วแน่ๆตั้งแต่ขอวัดรอบอกแล้วล่ะ มือบ้าอะไรเลื่อนมาแตะหัวนมผมตลอด อึ๋ย...ขนลุก
หลังจากวัดร่างกายใส่ชุดคลุมอาบน้ำเหมือนเดิมผมโดนเจน่าดึงมาทำผมแบบเร่งด่วน ทั้งดัดทั้งไดร์ ดึงตัดแต่งผมแล้วยืดอีกจนกว่าจะได้แบบที่แกหวังซึ่งพอเสร็จแล้วผมก็เดินกลับไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมๆกับเจย์ที่เอาชุดมาให้แต่แทนที่จะได้ใส่ชุดเอง หมอนี่กลับมาแต่งตัวให้ผมซะงั้น!
ใช่ว่าจะแย่เสมอไปเพราะอีกฝ่ายเลือกชุดสูทที่พอดีตัวกับผมแถมยืดหยุ่นเป็นอย่างดีบวกด้วยกระเป๋าซ่อนของเยอะแยะจนค้นยังไงก็ไม่มีวันหาเจอ พอถามเขาก็บอกว่าเป็นความคิดเจน่าที่ว่าถ้าเป็นสูทก็เอาให้ใช้ประโยชน์ได้เยอะๆ
โหย...ผมได้เกิดใหม่เป็นสายลับซะด้วย
"เคลียร์หมวกกันน็อกกับกุญแจวาง...ไว้...ตรง......นี้นะ"
เจน่าช็อกเป็นรายแรก
"ตายแล้ว..."
"แก...พลิกโฉมมากเลยอะ"
ฟีกับฟาร์เป็นคนรับดราม่าต่อ
"พี่เคลียร์..."
ลิสรับบทคนสลบคาพื้น
"บอกแล้วว่าแต่งขึ้น"
เจย์....เลือดกำเดาไหลซะแล้ว
อะไร? ผมแค่เดินออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมเสื้อเชิ้ตที่ยังไม่ติดกระดุมเองนะผมผิดตรงไหน
.
.
.
.
.
จบนั้นคือเรื่องราวทั้งหมดของตอนอยู่ร้านกลับมาตอนนี้อีกครั้ง อ๋อ ผมได้วิกมาปลอมตัวอีกทีด้วยล่ะเป็นวิกสีเบจยาวๆฟูๆก็ทรงเดิมอะนะ
โชคดีไม่น้อยที่พวกเขามัดมือผมไพล่หลังไว้เลยเอาของเอามาได้แม้จะเสี่ยงไปบ้าง ไฟแช็กขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าข้อมือถูกดึงออกมาใช้ลนเชือกที่มัดผมไว้ ผมลดไฟมันลงให้เป็นไฟอ่อนๆถึงจะทนร้อนนิดๆก็ดีกว่าโดนไฟไหม้แล้วโดนไฟครอกตายซะก่อน
ผมรีบลุกขึ้นมายกของไปขวางประตูไว้ทันทีที่แก้เชือกได้ซึ่งส่วนมากในกล่องกระดาษพวกนี้มีแต่อุปกรณ์ช่างกับอัลบั้มภาพเลยไม่หนักเท่าไหร่แต่ถ้าหลายๆกล่องมาวางซ้อนกันไว้ถล่มให้ตายยังไงก็ไม่ไหวหรอก
ถ้าไม่ใช้ระเบิดนะ...
ผมมองกระเป๋าเอกสารสีเงินสองใบที่อยู่บนชั้นวางที่ลึกสุดอีกครั้งเพื่อพิจารณา มันเป็นของพ่อผมที่ได้มาจากพ่อของออสตินในช่วงที่เกิดเหตุจลาจลที่เมืองข้างๆ ที่พ่อบอกว่าอย่าใช้เว้นจำเป็น
ผมยกมันลงมาปัดฝุ่นแล้วเปิดออกดูพร้อมๆกับควันสีขาวที่พุ่งออกมาจากในกระเป๋าและสิ่งที่ถูกเก็บไว้ข้างใน มันคือปืนสองกระบอกกับอุปกรณ์อีกหลายอย่าง พ่อของออสตินให้สิ่งนี้ไว้เพื่อให้พ่อใช้ป้องกันตัวและถึงแม้พ่อจะไม่มีโอกาสใช้แต่ผมจะใช้มันเอง
เครื่องมือสื่อสารผ่านทางวิทยุถูกติดไว้บนคอเสื้อของผมในขณะที่สตั้นกันขนาดจิ๊วถูกยัดใส่กระเป๋าข้อมืออีกข้าง คอนแท็กเลนส์ใสที่เชื่อมต่อระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ก็ถูกติดตั้งไว้แล้วเรียบร้อย ปืนสองกระบอกถูกบรรจุกระสุนไว้แล้วใส่ลงที่โฮลเดอร์ข้างตัว มีดสั้นถูกเก็บลงแล้วซ่อนไว้ใต้ขากาเกง ขนาดระเบิดแฟลช ระเบิดควันกับกระสุนสำรองก็ยังมีอยู่ในกระเป๋าเอกสารเลยนี่ไม่รวมปืนยิงลวดสลิง
พ่อของออสตินเป็นสายลับผมเข้าใจ
แต่ถึงขนาดมอบอุปกรณ์สายลับให้พ่อผมด้วยนี่มันเปย์เกินไปแล้ว!
คิดอีกนัยน์หนึ่งนั้นคือสิ่งที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดของตระกูลพวกเราละมั่ง เป็นมาหลายรุ่นแล้วไม่เว้นแต่รุ่นผมแต่ส่วนมากกราเซียจะเป็นฝ่ายได้ชาร์เมลคอยช่วยซะมากกว่า
ที่แน่ๆคืออุปกรณ์พร้อมจุดหมายพร้อมลุคใหม่...ว่าแล้วผมก็ดึงหน้ากากเมคอัพกับวิกออกทันทีที่นึกได้ก่อนจะเก็บมันไว้ไม่ให้เหลือหลักฐาน
เรือนผมสีเบจตรงสลวยถูกมัดรวบไว้เป็นหางม้าพาดไหล่ลงมาข้างหน้า ใบหน้าที่ไร้เส้นผมที่ยุ่งฟูบดบังปรากฏออกมาให้เห็นพร้อมรอยยิ้มมุมปากเป็นสัญญาณบอกให้เริ่มปฏิบัติการหลบหนีแล้วผมก็ปีนช่องระบายอากาศหนีเป็นสูตรเดิมของหนังสายลับทั่วไป
เอาตามตรงใช้อุปกรณ์เป็นแค่นิดเดียวเพราะออสตินกับพ่อมันสอนแต่จะใช้ได้ดีมั้ยน่ะอีกเรื่อง ที่แน่ๆ สายลับฝึกหัดเคลียเรนเช่ กราเซีย ขอหนีออกจากบ้านตัวเองก่อนครับ!
แล้วจิ้งจอกในคราบลูกแกะก็หนีพวกหมาป่าไปอีกจนได้...
ความคิดเห็น