คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : สิ่งที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้น
เช้าวันนี้มีบางอย่างแปลกไป…
ในใจของออสตินนั้นรู้สึกว้าวุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะที่ในหัวได้แต่คิดถึงใบหน้าของคนผมสีเบจยุ่งๆฟูๆ ราวกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ตอนเช้าเขาจึงโทรไปลาหยุดที่กรมตำรวจแล้วตรงไปที่บ้านของอีกฝ่ายทันที
ก๊อกๆ
“เคลียร์...เคลียร์นี่ฉันเองเปิดประตูให้ที”
เขารออยู่นานสองนานไม่มีท่าทีของความรีบร้อนหรือเสียงเดินเล็ดรอดออกมาจากภายในบ้านทำให้เขาเริ่มรู้สึกร้อนรนมากกว่าเดิม เพราะเมื่อคืนเขาฝันว่าอีกฝ่ายโดนยิงรึเปล่านะ ทำไมถึงอยู่ไม่เป็นสุขเลย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เคลียร์! เคลียร์นายอยู่นั้นใช่มั้ย เคลียร์!...บ้าเอ๊ย”
รอไปร่วมยี่สิบนาทีไม่มีท่าทีการมาของคนผมสีเบจเขารีบคว้ากุญแจสำรองออกมาใช้แล้วเปิดประตูเข้าไปในบ้านทันที ก่อนจะต้องชะงักอยู่หน้าประตูพร้อมสีหน้าที่บรรยายออกมาไม่ถูก
ทั่วทั้งบ้านที่เคยสะอาดนั้นรกและเต็มไปด้วยข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่ว เมื่อเดินมาถึงห้องนั่งเล่นเขาก็แทบใจหายเมื่อเห็นเศษซากข้าวของที่เกิดจากการระเบิด ทั้งเศษอิฐ ฝุ่น ข้าวของที่ไหม้ไฟ ที่คาดว่าน่าจะเกิดจากระเบิดพลาสติกขนาดเล็กที่ทำได้แค่ระเบิดผนังให้เป็นทางเท่านั้น
แต่แค่นั้นเขาก็แทบจะแตกตื่นแล้ว…
มือใหญ่รีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาโทรหากรมตำรวจที่เขาทำงานอยู่อีกครั้งแล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่ทำให้ปลายสายนั้นแตกตื่นกันท้วนหน้า
เพราะออสติน ชาร์เมลที่แสนดีกำลังกลายเป็นซาตาน
“เกิดเหตุลักพาตัวที่คฤหาสน์ตระกูลกราเซีย ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุมาทีและผมต้องการคุยกับสารวัตช่วยโอนสายต่อให้ด้วย”
[รับทราบแล้วครับรองสารวัตชาร์เมล]
เขาเปิดลำโพงโทรศัพท์ไว้แล้ววางมันลงบนโต๊ะ เดินตรงไปยังเศษซากข้าวของที่อยู่ในห้องก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรูปถ่ายคู่ขึ้นมาดู รูปของเด็กผู้ชายสองคนที่กอดคอกันอย่างสนิทสนม
รูปวัยเด็กของเขากับเคลียร์เพื่อนสนิทที่เขารักเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว เขาคลี่ยิ้มออกมาด้วยท่าทีเจ็บปวดและสมเพชที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้แม้แต่ตอนที่เพื่อนเขาต้องการเขามากที่สุดก่อนจะพึมพำเบาๆพร้อมกับเก็บรูปภาพใส่กระเป๋าเสื้อ หวนคืนถึงคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับใครบางคนอีกครั้งพร้อมกับดวงตาที่แข็งกร้าว
“เคลียร์...ฉันจะช่วยนายเองไม่ว่านายจะอยู่ไหน...ขอร้องล่ะอย่าพึ่งเป็นอะไรไปเลยนะ”
เขาสัญญาไว้แล้วว่าจะอยู่เคียงข้างอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงที่สุด
.
.
.
.
.
ในขณะเดียวกันที่ฝั่งชายแดน…
แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ส่องเข้ามาในห้องพักขนาดเล็กของโรงแรมถูกๆที่คนผมสีเบจนอนพักอยู่เพื่อหนีจากความจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตทั้งมวล เมื่อทั้งชีวิตเขาไม่เคยเจออะไรหนักเท่านี้มาก่อน ทั้งโดนไล่ล่าโดนยิง และหลบหนี เขาไม่เคยทำอะไรนอกเหนือจากคำว่าอยู่บ้านกับทำงานมาก่อนเขาเลยต้องการพักเป็นพิเศษ
ใช่ นั่นคือการบรรยายสถานการณ์ของผมในปัจจุบันนี้…
เมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระทบใบหน้าให้ดวงตาปรือขึ้นมาอย่างขัดใจ ผมเอื้อมมือไปกดปุ่มปิดหน้าต่างกันแสงไม่ให้เข้ามาอีกรอบแต่ก็ไม่ได้ผล ผมเลยไปแช่น้ำก่อนจะกลับมานอนตากแอร์เอาแรงสำหรับการเดินทางต่ออีกครั้ง
และต้องขอสารภาพว่ายานั่นได้ผลดีจนน่าตกใจ เมื่อกระสุนที่ฝังในนั้นถูกร่างกายขับออกมาจากทางปากแผลแล้วสมานตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงสิบนาที
ผมกำลังกลายเป็น ตัวละครดังในหนังซุปเปอร์ฮีโร่แบบเ*ดพูลอย่างไม่ต้องสงสัย…
“...อยากพักไปนานๆจัง”
ผมพูดเบาๆในขณะที่กำลังจะหลับตาลงนอน ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปมองเห็นร่างเงาของคนสองคนที่เปิดประตูห้องของผมเข้ามาแล้วพูดบางอย่างก่อนที่สติผมจะดับลงจมลงสู่ห่วงนิทราอีกครั้งหลังจากที่ผ่านอะไรมามากมาย
.
.
.
.
.
“อาการของเคียร์เป็นไงบ้างนัวร์”
ร่างสูงผมเงินเอ่ยถามออกไปเบาๆขณะที่เตรียมอุปกรณ์อยู่บนโต๊ะอยู่กับสมาชิกที่เหลือระหว่างที่รอให้หนุ่มแว่นปฐมพยาบาลชายหนุ่มผมสีขี้เถ้าที่กลับมาในสภาพตาแดงก่ำเพราะสเปรย์พริกไทยซึ่งน่าจะเกิดจากฝีมือของลูกแกะที่เก่งกว่าที่คิดไว้เมื่อชั่วโมงก่อน
พวกเขาที่ตกน้ำกันนั้นได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าถ้าจับตัวได้จะให้เจ้าลูกแกะนั้นโดนขังลืมจนกว่าจะได้เพชรมาไว้ในกำมือ แล้วก็แน่นอนจะจิกหัวใช้ให้มันเหนื่อยตายไปเลย…
แต่ก่อนอื่นพวกเขาต้องตามหาตัวมันก่อน…
อีกแล้ว…
“อาการดีขึ้นให้พักสักพักก็หายแสบตาเอง”
หนุ่มแว่นที่เดินออกมาจากห้องพักในสภาพเปลือยอกบนไม่ต่างอะไรจากสมาชิกคนอื่นที่ตกน้ำพูดออกมาเรียบๆ ในขณะที่กำลังเช็ดมือตัวเองที่เปื้อนกลิ่นยาเงียบๆ ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองหนุ่มผมสีขี้เถ้าที่นอนถอนหายใจเล็กน้อยบนโซฟาเล็กน้อยเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีอาการผิดปกติเกิดขึ้นอีก
“เป็นไงบ้างเนโร่พอหาเจอบ้างรึเปล่า”
ชายหนุ่มทรงเสน่ห์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มขณะที่มองไปยังเด็กหนุ่มผมดำตาสีส้มที่นั่งหาข้อมูลอยู่หน้าระบบสกรีนเลสดีสเพลย์ด้วยสภาพเดียวกันกับตน คือกางเกงขายาวตัวเดียวและเปลือยอกบนเพียงแต่เด็กผมดำนั้นกลับเพิ่มความดูดีด้วยกล้ามเนื้อที่ฟิตพอประมาณสมอายุของเขาด้วย
เนโร่เงยหน้าขึ้นมองหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงที่ใช้นิ้วควงหมวกเฟโดร่าสีดำไว้ก่อนจะหันไปสนใจข้อมูลต่อทิ้งให้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเอนตัวลงนั่งบนโซฟาอีกตัวเงียบๆแทน
แต่เขากลับสะดุ้งขึ้นมาเมื่อเจอข้อมูลที่ได้จากกล้องวงจรปิด…
มันเป็นภาพกล่องวงจรปิดที่อยู่ในเครือข่ายองค์กรใต้ดินที่อยู่ในประเทศข้างๆ เป็นภาพของห้องพักหลังเวทีประมูลที่มีร่างถูกมัดติดเก้าอี้ในสภาพอีโรติกสิ้นดีจนอดที่จะเสียวแทนไม่ได้
ร่างบางที่อยู่ในสภาพเกือบเปลือยมีเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ไม่ได้ติดกระดุมไว้อยู่บนร่าง แขนถูกรวบขึ้นมัดไว้เหนือหัวส่วนขาถูกจับแยกออกมัดไว้ติดกับขาเก้าอี้ด้วยเข็มขัด
ใบหน้าที่เคยเห็นนั้นขึ้นสีแดงจางๆอย่างเย้ายวนและเต็มไปด้วยหยดน้ำตาและน้ำลายที่ไหลออกมาจากปากที่ถูกบังคับให้อ้าด้วยลูกบอลอุดปาก
“อะไรกันเนโร่ดูหนังโป๊ก็ไม่บอก เล่นของแรงจริง อ๊ะ! SM ซะด้วยร้ายนะเราน่ะ”
คนผมแดงที่เดินออกมาจากห้องน้ำเดินเข้ามากอดคอคนผมดำเบาๆอย่างสนิทสนมเมื่อมองเห็นสิ่งที่เด็กผมดำเปิดขึ้นมาดู ซึ่งก็เรียกให้เสือผู้หญิงที่นอนอยู่ใกล้ๆลุกขึ้นมาดูด้วยอีกคนแล้วคนอื่นๆก็ตามมาดูเป็นหางแถวไม่เว้นแต่คนที่นอนพักแสบตาอยู่
“เฮ้ยๆ ดูแต่เช้าเลยเหรอเด็กๆ”
“อือ เนโร่เขาดูหนังโป๊ SM ด้วยนะอลัน ดูสิจ้องตาไม่กะพริบเลย”
ว่าแล้วก็ชี้หน้าคนที่เขากอดคอด้วยเป็นเชิงฟ้องทันทีซึ่งคนผมดำก็หันไปตบหัวเบาๆตัวคนครึ่งแวมไพร์เบาๆแล้วเลื่อนหน้าจอขยายใบหน้าคนที่ถูกมัดให้ทุกคนดูชัดๆ
“คิดว่าเขาหน้าคุ้นรึเปล่าล่ะครับ”
จะว่าไปก็จริงหน้าคุ้นๆแบบนั้นพึ่งเจอมาไม่นานนี่เองด้วยมัน ภาพของเด็กหนุ่มผมสีเบจยาวที่นั่งบนรถซ้อนทับกับกับคนที่ถูกมัดไว้ได้เหมาะเจาะพอดีเป๊ะ ยิ่งเมื่อลืมตาขึ้นเห็นนัยน์ตาสีเหลืองทรายของเจ้าตัวแล้วพวกเขาก็ตรัสรู้ทันทีว่านั้นใคร
ก็ไอ้เจ้าลูกแกะที่หนีไปไง!!!!
.
.
.
.
.
ไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น…
ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าจะเป็นไงต่อ ผมถูกมอมยาเช็ก ผมโดนลักพาตัวจากที่พักมาที่ไหนไม่รู้เช็ก ผมถูกมัดติดเก้าอี้เหล็กเช็ก ผมโดนจับถอดเสื้อแล้วอุดปากไว้…ไม่เช็กเลย
ตามสูตรในหนังมันไม่มีแบบนี้หนิ!
หลังจากที่นอนไปสักพักแล้วตื่นขึ้นมาผมก็ถูกจับถอดเสื้อผ้าแล้วโดนมัดติดเก้าอี้อย่างแน่นหนาด้วยเข็มขัดหนังราวกับกลัวว่าผมจะหนียังไงหยั่งงั้น แถมยังอยู่ที่ไหนไม่รู้อีก พูดจริงนะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมตามสถานการณ์ไม่ทัน
ผมจำได้ดีว่าครั้งสุดท้ายผมยังนอนพักอยู่ที่โรงแรมถูกๆใกล้เขตชายแดน ประตูห้องก็ล็อกแต่ด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ผมจำได้ลางๆก่อนหมดสติเพราะความเหนื่อยล้าสะสมว่ามีคนเข้ามาในห้อง
ผมคงโดนจับมาตอนนั้นชัวร์ๆ
"หืม...ตื่นแล้วเหรอ”
ร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้ามาหาผมด้วยท่าทีสงบนิ่งและรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้า ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาถูกปิดด้วยหน้ากากทำให้มองเห็นหน้าไม่ชัด มือขาวซีดยื่นขึ้นมาเชยคางผมให้สบตาขึ้นกับเจ้าตัวให้ผมได้เห็นนัยน์ตาสีอำพันที่ดูเหมือนกับน้ำผึ้ง
ผมได้แต่มองเขาและพิจารณาอย่างใจเย็นไม่ว่าจะท่าที เสื้อผ้าหรือแม้แต่วิธีการพูด ซึ่งพอเขาเห็นผมทำอะไรไม่ได้เขาก็ยิ้มออกมาแล้วลูบใบหน้าผมเบาๆ เอ่ยปากชมราวกับว่าผมเป็นสัตว์เลี้ยงของตัวเขาเอง
“นั้นแหละนิ่งๆแบบนั้นแหละเด็กดีมากเลยหนุ่มน้อย”
ผมสะบัดหน้าหนีอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้เห็นรอยยิ้มและนัยน์ตาใต้หน้ากากที่ฉายแววดำมืดอย่างน่ากลัว แต่เมื่อผมหันหน้าหนีมันเลยหัวเราะเบาๆ ใช้ช่วงเวลาที่คอไร้ซึ่งการป้องกันเลื่อนใบหน้าลงมาประทับรอยคิสมาร์กไว้บนคอแทน
นัยน์ตาสีทรายเบิกกว้างขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่ร้อนผ่าวและขึ้นสีอย่างตื่นตระหนกกับสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยเมื่อลิ้นร้อนไล่เลียจากรอยที่ฝากไว้ขึ้นมางับติ่งหูและมือที่ลูบไล้ไปตามร่างกาย
“อือๆ!?”
แม้ว่าจะพยายามดิ้นตายสักแค่ไหนมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยแม้แต่น้อย มีแต่จะทำให้เข็มขัดที่มัดผมอยู่นั้นรัดแน่นกว่าเดิมซะอีก ซึ่งร่างสูงตรงหน้ากลับหัวเราะชอบใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นผมดิ้นรนหาทางหนีก่อนจะกระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่หวานราวกับว่าอาบย้อมไปด้วยยาพิษ
“ไม่ต้องห่วงคืนนี้นายจะรู้สึกดีเอง ฉันจะไม่ทำให้นายเจ็บแม้แต่น้อย”
มันยื่นมือมาอีกครั้งพร้อมเข็มฉีดยาที่บรรจุของเหลวสีม่วงใส ความรู้สึกหวาดกลัวพุ่งขึ้นมาถึงขีดสุดทำให้ผมเริ่มดิ้นไปมาพร้อมกับส่ายหน้าทั้งน้ำตา แต่มันก็สายเกินไปเมื่ออีกฝ่ายฉีดมันเข้ามาในร่างของผมส่งผมให้ร่างกายเริ่มร้อนผ่าวไปหมด
ร่างกายที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้กระตุกเป็นบางครั้งบางคราวเมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายและไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด ก่อนที่สัมผัสและการรับรู้ของร่างกายจะหยุดลง
ทุกอย่างตั้งแต่แขนยันปลายนิ้วหรือแม้แต่ขากับร่างกายนั้นชาและหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากจะบ่งบอกความรู้สึกในตอนนี้มันคงเทียบได้เหมือนกับความรู้สึกของตุ๊กตาหุ่นเชิดที่ไร้ชีวิต รอคอยเวลาที่จะถูกนำตัวไปแสดงและเล่นตามบทบาทสักหน่อย
“จริงสิ เกือบลืมทดสอบอะไรไปเลย”
ชายสวมหน้ากากร้องออกมาราวกับว่าตระหนักได้ถึงบางอย่างพร้อมกับถอนเข็มฉีดยาออกไปแล้วดึงสิ่งที่อุดปากผมอยู่ออก ก่อนที่สองมือของเขาจะประคองใบหน้าของผมขึ้นมาให้สบตากับเขาอีกครั้ง
“สรรพคุณเบื้องต้นของสินค้า หลังจากนี้ฉันคงไม่มีโอกาสได้ยินเสียงพูดของเธออีกแล้วล่ะหนุ่มน้อย เอาล่ะ ไหนลองพูดอะไรบ้างสิ อย่าให้ฉันต้องเหงาอยู่คนเดียวจะได้มั้ย”
นิ้วโป้งของมือที่ประคองหน้าอยู่ทำหน้าที่บีบแก้มให้ผมได้ปริปากพูด หลายวินาทีผ่านพ้นไปความรุนแรงของมือที่บีบแก้มของผมนั้นกลับยิ่งทวีคูณขึ้นจนเขาส่งเสียงจิกปากไม่พอใจออกมาก่อนจะใช้นิ้วโป้งแหย่เข้าไปในปากของผมแล้วพยายามกดลิ้นลงให้ผมได้เปิดปากพูดสักที ทว่า
“อึก!”
ใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่เหลืออยู่ผมออกแรงกัดนิ้วของอีกฝ่ายจนได้รสของเลือดติดมาด้วยภายในปาก ชายสวมหน้ากากที่ชักมือของเขากลับไปเพื่อดูบาดแผลนั้นไม่ได้ว่าอะไรออกมานอกจากมองผมสลับกับแผลบนนิ้ว ก่อนที่ผมจะถุยในปากเลือดออกแล้วเอ่ยพูดตามที่อีกฝ่ายขอในที่สุด
“…ไปตายซะ”
พวกเราจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้นสักพักก่อนที่ผมจะต้องกลั้นเสียงร้องไว้เมื่อการฝืนร่างกายในสภาพนี้มันทำให้รู้สึกปวดตัวอยู่ไม่น้อย ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังเล็ดรอดออกจากปากของอีกฝ่าย พร้อมกับสติที่เริ่มเลือนราง
“โห…ปากกล้าดีซะด้วย ถ้าเป็นเธอฉันก็เสียดายเหมือนกันที่ต้องยกให้คนอื่นไปก่อน ไว้ได้เงินมาเมื่อไหร่ฉันอาจจะเอาเธอกลับคืนมาก็ได้นะเด็กดี…”
แล้วผมก็มองไม่เห็นอะไรอีกครั้งเมื่อสตินั้นถูกความมืดกลืนกินอีกรอบ
-------------------------------------------------------------
แย่ล่ะ...ผมเขียนอะไรไปเนี้ย ไอ้ลูกแกะแย่แล้วออสตินๆ
รีบหน่อย! ลูกแกะเขาจะแย่แล้วนะ
หากเทียบไทม์เลสเป็นหมาป่า
เคลียร์เป็นจิ้งจอกในคราบลูกแกะ
และออสตินล่ะสมควรเป็นอะไร
ช่างปะไรติดตามตอนต่อไปสิครับ!
ปล.หลังแก้นิยาย :: รู้สึกว่าทำไมตัวช่ำชองเรื่องการเขียนอะไรแนวๆนี้ 555555 ติดเรทนี่เขียนดีจังเนอะ เขียนลื่นไหลยิ่งกว่าฉากหนีอีก
ความคิดเห็น