ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15 - Happy Alley วันที่ต้องไกล (I do miss you)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      1
      21 ก.ค. 56


    Chapter 15

     

     

     

    “กินคนเดียวอร่อยไหม?”  เจ้าของแขนยาวที่กำลังสะบัดผ้าหมาดเสียงดังเอ่ยถามเด็กนักเรียนที่กำลังนั่งเคี้ยวขนมรสโปรด  มือซ้ายจับป๊อกกี้แท่งยาวเข้าปาก มือขวาลูบหัวแมวหนำซ้ำยังตอบแบบไม่เห็นอกเห็นใจคนถาม......ไม่สนใจกันเลยสักนิด

     

    “ก็โอเคนะ”

     

    บทสนทนาเว้นที่ให้ความเงียบชั่วครู่  ตากลมจ้องมองเจ้าของแผ่นหลังอบอุ่นที่หันหลังไปให้ความสนใจกับการตากผ้าราวกับว่ามันคือโครงการหมื่นแสนล้าน  ...ผู้ใหญ่ขี้งอน 

    “พี่เต๋าเก็บของเสร็จหมดยัง” 

     

    “สนใจพี่ด้วย?  เต๋าถามเสียงสูง ยังคงทำท่าทางมุ่งมั่นตั้งใจตากกางเกงยีนส์ตัวสุดท้ายในตะกร้าต่อไป

     

    “ผู้ใหญ่ขี้งอนนนนน”

     

    “ก็เด็กไม่สนใจ”

     

    “เด็กสนแล้ว เด็กสนแล้ว”  คชาว่าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินไปดึงปลายเสื้อเชิ้ตสีขาวของผู้ใหญ่ขี้งอนให้หันมามองยังตนเอง เต๋าก้มลงมองเจ้าของดวงตากลมใสซื่อ  แท่งยาวของขนมรสโปรดเคลือบสตรอเบอร์รี่สีหวานแตะเบาๆสองสามทีที่ริมฝีของเขา ก่อนเจ้าตัวจะพูดบางอย่างพร้อมรอยยิ้ม ...

     

    “ง้อ ง้อ”  เพียงเท่านั้นเต๋าก็แทบจะอ้าปากงับป๊อกกี้แท่งยาวนั้นไม่ทัน  ที่ว่าเคยน้อยอกน้อยใจอะไรนั่นไม่มีหลงเหลือ

     

    “อร่อยไหม” คชาอมยิ้มถามคนที่กำลังเคี้ยวขนมกรุบๆตรงหน้า

     

    “ก็โอเคนะ”  เต๋าตอบเลียนแบบประโยคจากอีกคนไม่มีผิดเพี้ยน  จนทั้งสองคนต้องหัวเราะออกมาพร้อมกัน  มือหนาขยี้หัวกลมก่อนจะดันหลังให้คชากลับมานั่งเก้าอี้ยาวตัวเดิมอีกครั้ง

     

    “พรุ่งนี้ต้องไปนอนบ้านเบนไม่ใช่หรอเรา?”  คชาพยักหน้าตอบ แอบลอบถอนหายเมื่อคิดถึงโครงงานชิ้นใหญ่ที่ต้องทำให้เสร็จภายในสุดสัปดาห์นี้  ทั้งที่ใกล้จะสอบแล้วเชียวแต่อาจารย์ก็ยังสั่งงานให้ไม่หยุด

     

    “แล้วพี่เต๋าเก็บของเสร็จยัง”  คชาก้มหน้าลูบตัวนุ่มนิ่มของแมวน้อยบนตัก เอ่ยถามร่างสูงเสียงเบาหวิว  “อีกไม่กี่วันต้องไปแล้วไม่ใช่หรอ”

     

    “ทยอยเก็บบ้างแล้ว”   เต๋าถอนหายใจออกมาบ้าง เมื่อคิดถึงงานที่ทุ่มเทมาหลายสัปดาห์  ทั้งที่พึ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นานแต่ดูเหมือนเขาจะได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ไม่น้อย  รวมไปถึงงานชิ้นสำคัญชิ้นนี้ที่ต้องเดินไปทางไปจัดการให้สำเร็จในอีกประเทศ  ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พิสูจน์และพัฒนาศักยภาพของตนเอง  แต่ระหว่างทางไปถึงจุดนั้นมันไม่ง่ายเลยสักนิด

     

    “พรุ่งนี้เช้าออกจากบ้านพร้อมกันนะ”  เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วตบบ่าเสียงดังแปะๆเป็นสัญญาณให้อีกคนย้ายหัวกลมๆมาพิงซบ

     

     

     

    ถ้าไม่ได้เจอหลายวัน...จะคิดถึงกันบ้างไหมนะ?

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

    หลังจากการเรียนวิชาสุดท้ายของวันสิ้นสุดลงได้ไม่กี่นาที  แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนก็เรียกให้คนตัวเล็กที่กำลังเก็บหนังสือลงในเป้ควานหาโทรศัพท์ขึ้นมารับทันที

     

    “เลิกเรียนแล้วยัง? อย่าพึ่งไปไหนนะเดี๋ยวพี่ไปหา  รออยู่หน้าโรงเรียนก่อนนะ”  พูดเสร็จปุ๊บก็วางสายปั๊บ  คชาได้เพียงแค่ตอบกลับเออออด้วยความงงเพียงเท่านั้น

     

    “คชา  กลับบ้านกัน”  เบนเดินมาตบบ่าคนตัวเล็กที่ยังคงเก็บของไม่เสร็จ  ชักชวนให้เพื่อนกลับบ้านพร้อมกัน  ไม่ใช่แค่คชาแต่รวมไปถึงเพื่อนๆในกลุ่มหลายคนที่ต้องไปค้างบ้านตนเองเพื่อทำโครงงานวิชาสังคมให้เสร็จ

     

    “เดี๋ยวตามไป”  เบนเลิกคิ้วแทนคำถาม ก่อนคชาจะตอบกลับเสียงเบาให้เพื่อนรักได้ร้องอ๋อเสียงยาว   “พี่เต๋าจะมาหา”

     

    “เอ้อๆ งั้นไปรออยู่บ้านนะ”   

     

    “อื้อๆ  เจอกัน” 

     

    “ทำหน้าเหมือนลูกเป็ดจะโดนทิ้งไปได้”  เบนยิ้มกรุ่มกริ่มเล็กน้อย  มองหน้าตาของเพื่อนรักที่ส่งค้อนวงใหญ่มาให้แล้วก็ขำ  แอบรู้มาเหมือนกันว่าพี่ชายคนสนิทของคชาจะไปต่างประเทศ  แม้จะแค่ไม่กี่วัน...แต่ก็นะ...เบนเข้าใจเพื่อน

     

     

    รอไม่นานร่างสูงขาวของเต๋าก็ปรากฏขึ้นบนถนนฝั่งตรงข้าม  ตาคมมองซ้ายขวาก่อนจะข้ามถนนมาหาคนตัวเล็ก  อาการรีบเร่งทำให้เต๋าหอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามองคชา

    “พี่เต๋าเลิกงานแล้วหรอ?”  คชาถามแววตาใสซื่อ  สำรวจใบหน้าของพี่ชายตัวสูง  จริงอยู่พี่เต๋าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีพอไปวัดไปวาได้  แต่ช่วงหลังมานี้ดูจะโหมงานหนักมากไปหน่อย  ขอบตาที่ดำคล้ำนั่นเป็นคำตอบได้ดีทีเดียว

     

    “เลิกแล้ว แต่งานยังไม่เสร็จ”

     

    “ก็แล้วทำไมไม่ทำให้เสร็จ” 

     

    “อยากเจอหน้า”  คชายังคงจ้องมองหน้าตาอิดโรยของร่างสูงตรงหน้า  ก็แอบรู้สึกดีอยู่หรอกที่พี่เต๋าอยากเจอหน้าตัวเอง  แต่ทำแบบนี้ดูฝืนร่างกายชะมัด...ผู้ใหญ่ดื้อ

     

    “เฮ้อ...เหนื่อยไหมฮะ”

     

    “ไม่มาก  พอทนได้ครับ”  เต๋ายิ้มตาปิดให้เด็กน้อยหน้าหงอยตรงหน้า  ไม่ได้แอบคิดเข้าข้างตัวเองแต่เต๋ารู้ว่าน้องเป็นห่วง  ช่วงนี้พักผ่อนน้อย งานหนัก จิตใจไม่ค่อยอยู่กับปัจจุบันเท่าที่ควร  จะทำอะไรก็ดูเหมือนจะพะว้าพะวงกับงานชิ้นสำคัญครั้งนี้  ทั้งที่รู้สึกว่าเต็มที่แต่ก็กลัวว่ามันจะยังไม่ดีพอ...การแบกรับความหวังของใครหลายคนเอาไว้  ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสักนิด

     

    รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง...จนต้องออกมาหาคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกเป็นตัวเอง...เด็กตัวเล็กตรงหน้า

     

    หลังจากนั้นเต๋าก็พาคชาไปกินข้าวเย็น  แอบสั่งอาหารมามากมายไม่ถามคนมาด้วยสักนิดว่าจะกินหมดไหม

    “พี่เต๋าสั่งมาทำไมเยอะแยะ  คชาต้องกลับไปกินข้าวบ้านเบนอีกนะรู้ไหม  ไม่งั้นคุณแม่งอนคชาแน่ๆ”

     

    “พี่สั่งมาเพราะรู้ว่ามันจะต้องเกลี้ยง”  เต๋าบอกแล้วมองดูจานอาหารที่พร่องลงไปมาก  เกินครึ่งมาจากฝีมือของเด็กนักเรียนกินเก่ง   “คุณแม่น้องเบนไม่รู้ซะแล้วว่าคชากินเก่งแค่ไหน”  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าหล่อคม  หลังจากนั้นเต๋าก็ย้ายที่นั่งจากฝั่งตรงข้ามมานั่งข้างคชาแทน

     

    “ว่าคชาตะกละหรอ”  คชาว่าเสียงดุยกซ้อมจิ้มขู่

     

    “ไม่ได้ว่า...กินเยอะๆดีแล้ว  พี่เลี้ยงได้สบายมาก”

     

    “ใครขอให้เลี้ยง”

     

    “ไม่มีใครขอครับ  อยากเลี้ยงเอง...อยากเลี้ยงตลอดชีวิตเลย”

     

    “พูดมาก...กินเข้าไปเลยนะ”  คชายู่หน้ามองใบหน้ายิ้มกริ่มของพี่เต๋าตอนนี้แล้วนึกหมั่นไส้  มือเรียวจิ้มเสียบบล็อกโครี่ต้มสีเขียวในจานพ่วงด้วยแครอทอีกชิ้นแล้วจัดการยัดเข้าปากคนพูดมากที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวทันที

     

    “กินเข้าไปเลย จะได้ไม่ต้องพูด”  ยังเคี้ยว ยังกลืนคำเก่าไม่ทันหมด  มือเล็กก็จิ้มอาหารอีกคำใส่ปากคนเป็นพี่  มองดูแก้มขาวเคี้ยวตุ้ยๆ กับเสียงอู้อี้เหมือนคนหายใจไม่ทันแล้วก็เผลอหัวเราะด้วยความสนุก

     

    หลังจากโดนเด็กยัดอาหารใส่ปากหลายคำ  เต๋าก็จัดการเคลียร์บิล  มองดูนาฬิกาแล้วก็อยากจะถอนหายใจ...ผ่านไปเร็วจังนะครับคุณเวลา

    “คชาไปบ้านเบนเองได้  พี่เต๋ากลับไปเตรียมตัวดีกว่า พรุ่งนี้ต้องบินแต่เช้า”  

     

    “ให้พี่ไปส่งนะ”  ต่อเวลาให้ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี...

     

    เต๋าจัดการเรียกแท็กซี่ก่อนจะดันหลังคชาให้เข้าไปนั่งในตัวรถ  ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง เมื่อต่างฝ่ายต่างคิดถึงช่วงเวลาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า...ช่วงเวลาที่ต้องห่างไกลกัน(บ้าง)

     

    “คชาไปส่งไม่ได้...ต้องเรียน”  เจ้าของดวงตาสดใสพูดขึ้นเหม่อมองออกไปยังนอกกระจกรถ

     

    “พี่รู้...ใกล้แค่นี้เองไม่ต้องไปส่งก็ได้  พี่ไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย”  

     

    “อื้อ..ไม่ไกล  ห่างกันแต่ชั่วโมงเดียวเอง”  ชั่วโมงเดียวแต่ก็หลายพันกิโลเมตรอยู่นะ...คนตัวเล็กแอบคิดในใจ  ตากลมยังคงมองไปยังนอกตัวรถ  ก่อนจะหันกลับมามองคนด้านข้างเพราะสัมผัสบางเบาที่เกี่ยวไว้ที่ปลายนิ้วก้อย

     

     

    บทสนทนาไม่สำคัญอีกต่อไป...

     

     

    ไม่นานรถแท็กซี่สีชมพูก็ถึงจุดหมาย  เต๋าเดินมาส่งคนตัวเล็กที่หน้าประตูรั้วใหญ่  เดินไปกดออดเพื่อให้คนในบ้านออกมาเปิดประตูให้ แล้วเดินกลับมาหาคชาอีกครั้ง

    “เดินทางปลอดภัยนะผู้ใหญ่”  เด็กน้อยว่าเสียงเบา ก้มหน้ามองพื้น  โหวงเหวงในใจแปลกๆเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าพี่เต๋าหลายวัน  ...ไม่อยากมองหน้าเลย

     

    เต๋าอมยิ้มมองเด็กคอตกตรงหน้า  ก่อนจะเดินเข้าแนบชิดแล้วรวบคนตัวเล็กเข้ามากอด คชาสะดุ้งเล็กน้อยไม่นึกว่าพี่เต๋าจะดึงตัวเองเข้าไปกอดง่ายแบบนี้  แต่ถึงอย่างนั้นคชาก็ไม่ได้มีความรู้สึกอยากที่จะปฏิเสธอ้อมกอดนี้  ไม่อยากเลยสักนิด  ...

     

    “ถึงแล้วไลน์มาบอกด้วย”

     

    “รับทราบครับ”  เสียงนุ่มเอ่ยบอกข้างใบหูก่อนจะผละออกมา  ลูบศีรษะอีกฝ่ายสองสามทีแล้วเดินกลับเข้าไปนั่งในรถ   ... คชาโบกมือลาให้คนบนแท็กซี่  ก่อนจะมองตามรถที่แล่นออกสู่ถนนจนลับสายตา

     

     

    :(

     

    ------------------------------------------------------------------

     

    วันนี้วันศุกร์  ...และคืนนี้เป็นคืนที่สองแล้วที่คชากับเพื่อนในกลุ่มมาตั้งหลักปักฐานที่บ้านเบน  ความสุขเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อมองเห็นงานที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น  คาดว่าพรุ่งนี้ทุกคนคงได้กลับไปนอนบ้านแสนสุขแน่ๆ

     

    ช่วงสุดท้ายของการชีวิตนักเรียนมัธยมดูมีความหมายมากขึ้นเมื่อได้ใช้มันร่วมทุกข์ร่วมสุข แชร์ความรู้สึก  ความในใจกับเพื่อนๆ   การมาทำโครงงานไม่ได้หมายถึงการมาทำโครงงานกันเสียทีเดียว  เมื่อคืนกว่าจะหลับกันได้ก็เม้าท์มอยคุยกันเพลินลืมเวลา  พอเช้ามาก็แทบจะถีบกันให้ตื่นไปโรงเรียนแทบไม่ทัน

    “เด็กๆ...แม่เอาขนมมาให้  อยากทานอะไรอีกไหม” 

     

    “แม่...เบนพาเพื่อนมาทำงาน”  เป็นเรื่องดีอยู่หรอกที่แม่ขนขนมมาเลี้ยงมากมายแบบนี้  แต่พักหลังชักจะเยอะมากไปจนไอ้พวกเพื่อนทั้งหลายแอบไม่สนใจการงานกันเลยนี่สิ   คุณแม่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับลูกชายขี้บ่นก่อนจะเดินมาลูบหลังคนตัวเล็ก

     

    “น้องชา..กินเยอะๆนะลูก”   น้ำเสียงอ่อนโยนสะกิดเรียกให้คชาหลุดออกจากพะวังหน้าจอคอมพิวเตอร์  ยิ้มตอบให้คุณแม่แทนคำขอบคุณแล้วหยิบขนมสีหวานเข้าปาก

     

    “แม่คร้าบ..น้องเบนก็อยากกินนะครับ” 

     

    “อยากก็เดินมาหยิบเอง..แม่จะขึ้นห้อง” นึกหมั่นไส้เสียงลูกชายตนเองเล็กน้อย   ก่อนจะทิ้งทายแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่สนใจลูกชายสุดรักที่กำลังทำปากมุบมิบสักนิด  “ตั้งใจทำงานนะเด็กๆ  สู้ๆ”

     

    “พี่เต๋ายังไม่ตอบหรอคชา?”  แพรวากระซิบถามเพื่อนสนิท ที่ถึงแม้มือจะพิมพ์งานยิกๆแต่สายตาก็หลุดแอบมองโทรศัพท์เสมอ

     

    “คงยุ่งอยู่”  

     

    “นั่นสิ  เห็นช่วงนี้พี่เต๋าดูทำงานหนัก แต่ก็ดีเนาะได้ไปเมืองนอกด้วย น่าอิจฉาๆ”

     

    “อื้อ..ก็ดี” 

     

    “คชาๆ  สรุปหัวข้อนี้ใหม่หน่อย เราว่าภาษามันแปลกๆ”  เพื่อนอีกคนในกลุ่มสะกิดคชาพร้อมส่งกระดาษสีขาวที่เต็มไปด้วยข้อความมาให้   คนตัวเล็กเพียงพยักหน้าตอบ รับแผ่นกระดาษนั้นมา แต่สายตายังคงแอบมองโทรศัพท์ หวังให้แสงของมันสว่างวาบขึ้นมาบ้าง

     

    อีกฝั่งของคนทางโน้นดูจะยุ่งมากกว่าคชาหลายเท่า...ตั้งแต่มาถึงที่นี่เต๋าก็ยังไม่ได้คุยกับคชาจริงจัง  ได้เพียงแค่ส่งข้อความไปบอกว่ามาถึงแล้ว  หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเดินสายคุยงาน  อย่าว่าแต่เวลาหยิบโทรศัพท์ ตอนนี้หาเวลาเงยหน้าขึ้นให้ได้ก่อน

     

    “เต๋า!”  เสียงของเจ้านายที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันร้องเรียก “ทางนี้...” พยักหน้าตอบรับ  จำใจต้องวางเครื่องมือสื่อสารลงในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง  แต่ก็ยังไม่วายแอบพิมพ์ข้อความสั้นๆไปหาอีกคน 

     

    คิดถึงจัง

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

    เสียงกรุ๊งกริ๊งของโมบายหน้าร้านชานมไข่มุกประจำซอยมีสุข23 ดังขึ้น  เรียกให้เด็กประจำร้านหันไปมอง เพื่อเอ่ยยิ้มต้อนรับ

     

    “อ้าว..คุณน้องคชา หายไปไหนหลายวันเลยครับ ไม่เจอเลย”  พนักงานประจำร้านเอ่ยทักทันทีเมื่อร่างเล็กเปิดประตูเข้ามา

     

    “คชาไปค้างบ้านเพื่อนมา”  คชาตอบเสียงร่าเริง กระชับเป้ใบโตด้านหลัง  แล้วเดินไปวางสัมภาระทั้งหมดที่โต๊ะตัวประจำ ก่อนจะเดินกลับมายังเคาท์เตอร์

     

    “วันนี้รับอะไรดีครับ  เหมือนเดิมไหม”  คนตัวเล็กพยักหน้า  แล้วฉุดคิดอะไรได้เล็กน้อย

     

    “พี่เต้....วันนี้ขอชานมเผือกก็แล้วกันนะครับ”  โปเต้เลิกคิ้วถาม แววตาที่เหมือนคนจ้องจะจับผิดปนรู้ทัน ทำให้คชาต้องหาทางบ่ายเบี่ยง

     

    “แค่อยากลองเปลี่ยนเฉยๆฮะ...ไม่มีอะไรสักหน่อย”  พยายามตอบเสียงเรียบแต่หากดูเหมือนไม่ได้ผลเท่าไหร่  เพราะคำตอบที่แท้จริงในใจมันเปลี่ยนสีแก้มของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

     

    “คร้าบ...ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร”  พนักงานประจำร้านแอบหัวเราะเสียงเบากับท่าทางของคนตัวเล็ก  ท้ายที่สุดกลายเป็นคชาที่ต้องเปลี่ยนเรื่อง

     

    “แล้วพี่น้ำแข็งไปไหนฮะ?” 

     

    “หลังร้านครับ”  คชาพยักหน้ารับ  ไม่นานชานมไข่มุกตามออเดอร์ก็ถูกยื่นมาให้ พร้อมกับข้อความสั้นๆจากคนทำเล็กน้อย

     

    “เรียบร้อยครับ  ชานมเผือกสุดพิเศษสำหรับน้องคชา...แต่ไม่รู้ว่าจะหวานเท่าแก้วที่เคยกินกับใครบางคนหรือเปล่านะครับ” 

     

    “พี่เต้...”  มือเรียวรีบรับแก้วชานมไข่มุกแล้วรีบกลับไปนั่งที่ประจำทันทีเมื่อรู้สึกว่าตนเองจะโดนแซวหนักขึ้น

     

    คชาจัดการวางแก้วชานมสีม่วงลงบนโต๊ะ  ยังไม่ตัดสินใจดื่มมันทันที 

    ...จ้องมองมันอยู่แบบนั้น  จ้องมองแล้วคิดถึงอยู่แบบนั้น...

    เฮ้อออ...

     

    สุดสัปดาห์นี้เป็นสุดสัปดาห์แรกที่คนตัวเล็กไม่มีแผนอะไรในหัวสมอง  ไม่มีความคิดอยากไปที่ไหน  ไม่มีความคิดว่าต้องอ่านหนังสืออะไร  ไม่มีความคิดว่าอยากกินอะไร  ไม่มีความคิดว่าอยากไปป่วนใคร..ก็เพราะว่า ใครที่ว่าในตอนนี้ไม่อยู่ใกล้ให้คชาได้ป่วน 

    แอบคิดในใจว่าไม่น่าทำงานให้เสร็จเร็ว  เพราะอย่างน้อยจะได้มีอะไรทำ ...อะไรก็ได้ที่จะไม่ทำให้ต้องมานั่งคิดถึงแบบนี้

     

    แต่ก็คิดถึงไปแล้วนี่นาให้ทำยังไง  ...คิดได้ดังนั้นมือก็ควานหาโทรศัพท์กดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวสดใสแล้วถ่ายรูปชานมรสโปรดของใครบางคนก่อนจะส่งมันไป   ไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายตอบกลับทันทีเพราะเข้าใจว่าคงจะกำลังยุ่งอยู่กับงาน  แต่ใจก็ต้องเต้นตึกตักเพราะเพียงไม่กี่นาทีข้อความตอบกลับก็ปรากฏขึ้น

     

    “คิดถึงพี่อยู่หละสิ?

    “เปล่าซะหน่อย...ส่งมาอวดต่างหาก  หิวหละสิ?

    “คิดถึงก็บอกพี่มาเถอะครับเด็ก”

    “ตอบเร็วจัง ไม่ทำงานหรอ?

    “เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย...กำลังจะเข้าไปเสนองานครับผม”

    “งั้นไม่กวนแล้วฮะ ”

    “อย่าพึ่งทิ้งพี่....เหลือเวลาอีกนิดหน่อย ขอกำลังใจด้วยครับ T^T

    “สู้ๆนะผู้ใหญ่  ตั้งใจทำงาน .. เด็กเป็นกำลังใจให้   :)  

    “ ^_______^

    “ถ้าตั้งใจเป็นผู้ใหญ่ที่ดี  เด็กจะมีรางวัลให้ไหมนะ?

    “ขอคิดดูก่อน... ”

    “T_T

    “ตั้งใจทำงานนะ  แล้วเด็กจะให้กินชานมสตรอเบอร์รี่...(ด้วยกัน) ”

    “ >w<

     

     

    สองหนุ่มมือชงประจำร้านชานมไข่มุกชื่อดังของซอยมีสุข 23 แอบลักลอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่กระพริบตา  ภาพของน้องคชาที่หน้าหงอยเหงาจ้องแก้วชานมสีสวยในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานน่ารักเพียงเพราะข้อความในโทรศัพท์ของตนเอง 

     

    “ร้านเราแมร่งสีชมพูตอนไหนวะมึง” น้ำแข็งว่าตาลอยมองภาพเหตุการณ์ชวนยิ้มตรงหน้า

     

    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับเพื่อนแข็ง”  โปเต้ว่าเพ้อๆ  ยังคงมองคนตัวเล็กที่ยิ้มเล็กยิ้มน้อย หัวเราะคิกคักกับเครื่องมือสื่อสารในมือไม่หยุด ...ความสุขมันแผ่ซ่าน

     

     

    คุยกันต่ออีกนิดหน่อยอีกฝ่ายก็ขอลาไปทำงาน  แอบโหวงในใจเล็กน้อยตอนพี่เต๋าบอกลา คิดถึงสีหน้าเหนื่อยล้าของอีกฝ่ายในวันนั้นก็ได้แต่บอกว่าให้ 'สู้‘ ... คชาปลอบใจคนไม่เก่ง ห่วยในเรื่องการให้กำลังใจ   ไม่รู้ว่าต้องพูดคำไหนออกไปถึงจะทำให้พี่เต๋ามีกำลังใจบ้าง  แต่ในขณะที่สมองกลมๆนั่นไม่รู้ว่าต้องพูดคำไหนดี   คนที่อยู่อีกฝั่งกลับได้กำลังใจเต็มเปี่ยมตั้งแต่รูปชานมไข่มุกนั่นแล้ว... คิดถึง คิดถึง คิดถึง

     

    มือบางวางโทรศัพท์ลงข้างกาย  ตากลมจ้องมองชานมสีสวยรสโปรดของใครบางคนตรงหน้าก่อนจะจับมันขึ้นหมุนไปมา  ดูดลิ้มชิมรสชาติหอมหวานของมัน  ชานมรสนี้ยังหอมหวานอร่อยถูกใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่...

     

     

    พึ่งรู้ว่าชานมไข่มุกรสนี้กินคนเดียวแล้วเหงาแค่ไหน...กลับมาไวๆนะผู้ใหญ่

    .....จะได้มากินด้วยกัน  :(

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

    ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ละตัวเองออกจากกองหนังสือออกมานั่งตากลมตอนดึกเพราะคิดว่าอารมณ์เหงาๆ จะจางหายไป   แต่ที่ไหนได้ยิ่งคิดถึง ยิ่งเหงามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก..ยิ่งมองรั้วบ้านยิ่งคิดถึง...บางทีก็แอบหงุดหงิดตัวเองเหมือนกันนะ เฮ้อ~ 

     

    นิ้วชี้เกลี่ยบางเบาที่ปลายคางของแมวตัวเล็กบนโต๊ะม้าหินอ่อนไปมาเหมือนกำลังจะสะกดจิตตัวเอง  “คะน้า...”  คนตัวเล็กผ่อนลมหายใจก่อนจะว่าเสียงเบา

     

    “คชา...คิดถึงนะ”  เหมือนความคิดถึงจะถูกส่งผ่านข้ามระยะทางหลายพันกิโลเมตร  รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่ารักทันที  เพราะหลังจากนั้นไม่นานเสียงเรียกเข้าจากแอพพลิเคชั่นก็ดังขึ้น  แอพพลิเคชั่นที่ส่วนใหญ่คชามักจะใช้มันคุยกับหม่าม๊ามากกว่า  วันนี้ได้ลองใช้กับคนอื่นดูบ้าง...ก็ดีนะ

     

    “เด็ก...อยู่ไหนครับ”  เริ่มต้นคำทักทายคนเป็นพี่ก็ถามทันทีว่าอยู่ไหน  แอบอมยิ้มให้กับตัวเองทั้งคนถามทั้งคนตอบ

     

    “ก็อยู่บ้าน”  พยายามตอบเสียงนิ่งทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ 

     

    “คงไม่ได้คิดถึงพี่จนออกมานั่งตากลมหน้าบ้านใช่ไหม”

     

    “ไม่มีทางเด็ดขาด”

     

    “ข้างนอกหนาว  ใส่เสื้อหน่อยนะครับเดี๋ยวจะไม่สบาย”

     

    “ไม่เห็นหนาวเลย  ร้อนหน่อยๆด้วยซ้ำ”

     

    “แหนะ”  จึงรู้ว่าแพ้ทางพี่ชายขี้แกล้งเรียบร้อย

     

    “พี่เต๋าแกล้งเด็กหรอ”  ถ้าเต๋าอยู่ตรงหน้าตอนนี้คงเห็นภาพเด็กน้อยทำหน้าตาหงุดหงิด หน้านิ่วคิ้วขมวดที่พร้อมจะพ่นไฟใส่เขา

     

    “มืดแล้ว..ข้างนอกยุงเยอะ เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า เปิดกล้องด้วยนะพี่อยากเห็นหน้า”   

     

    “ทำไมต้องทำตามด้วย”  เต๋าหัวเราะให้กับเสียงแข็งๆของคนปลายสายทันทีเมื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้า  คำพูดที่เหมือนบอกปฏิเสธแต่ตอนนี้หน้าหวานๆกับหัวกลมๆของเจ้าตัวก็โผล่ขึ้นบนหน้าจอเขาเรียบร้อยแล้ว

     

    “ทำอะไรอยู่ครับ?”  คชานั่งลงข้างโต๊ะเล็กหน้าโซฟาก่อนจะเกยคางวางไว้บนนั้น  มือซ้ายพยายามจัดตั้งกล้องหามุมให้พอดี  มีแอบจับผมด้วย ...น่ารักที่สุด > <

     

    “เล่นกับคะน้า”  จะให้บอกยังไงว่ากำลังคิดถึงอยู่ 

     

    “คิดถึงพี่บ้างไหมเนี่ย?”  คชาไม่ตอบ  มีเพียงแต่อมยิ้มแล้วส่ายหัวให้คนปลายสายเท่านั้น

     

    “ไม่เป็นไร...พี่คิดถึงของพี่คนเดียวก็ได้”   เต๋าทำเสียงเศร้าเรียกร้องความสนใจเล็กน้อยพอเป็นพิธี

     

    “พี่หล่อไหม...”  เต๋าถามแล้วพยายามเอียงมุมกล้องเปลี่ยนมุมไปเรื่อย แอบระบายยิ้มที่คิดว่าตัวเองดูดีที่สุดให้เด็กน้อยบนจอ

     

    “ก็พอดูได้”  เสียงใสตอบแล้วหัวเราะคิกคักขำให้กับท่าทางของเต๋า

     

    “โกหกพี่ป่ะเนี่ย...มาอยู่ที่นี่มีคนชมว่าพี่หล่อทุกวันเลยนะ”

     

    “ใครชม?  คชาถามน้ำเสียงปกติ ไม่ได้เอะใจอะไรเลยแต่พี่เต๋านี่สิ...พี่เต๋าชักจะเอาใหญ่แล้วนะ

     

    “อย่าพึ่งหึงสิ  พี่ไม่สนเขาหรอก” 

     

    “ไม่ได้หึงนะ แค่ถามเฉยๆ”  

     

    “ล้อเล่นครับ...ว่าแต่ไม่หึงพี่จริงหรอ?” ว่าทีเล่นทีจริงแสร้งทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ 

     

    “พี่เต๋า...”  เสียงเรียบๆกับหน้านิ่งๆนั่นทำให้เต๋าต้องระเบิดหัวเราะออกมาอีกรอบ...ไม่แกล้งแล้วก็ได้

     

    “ขอคุยกับคะน้าหน่อยสิครับเด็ก”  คชาพยักหน้ารับแล้วจัดการอุ้มแมวที่นอนหนุนบนตักขึ้นมา

     

    “แมวตัวเล็ก...ฝากบอกเจ้าของด้วยนะว่าแมวตัวโตคิดถึง”  คชานิ่งเงียบ แอบอมยิ้มอยู่หลังแมวตัวนิ่มอยู่นานสองนาน ก่อนจะตอบกลับอีกคนไปในรูปแบบคล้ายกัน

     

    “แมวตัวเล็กฝากบอกมาว่าเจ้าของแมวตัวเล็กก็คิดถึงเหมือนกัน” ...

     

    “กลับมาไวๆนะ”  ก้มหน้าไม่ยอมมองกล้องก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงชวนน่าหยิกแก้ม 

     

    “...อันนี้คชาบอกเอง” 

     

     

     

    คืนนี้คงไม่ต้องบอกฝันดี  เพราะปัจจุบันตอนนี้ดียิ่งกว่าฝัน

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

     

    “คชา...”  เสียงนุ่มคุ้นเคยได้ยินกระซิบข้างใบหู  ปลุกให้คนที่นอนหลับสนิทตื่นขึ้น  รับรู้ว่าข้างนอกฝนตกเพราะได้ยินเสียงฝนพรำ  รับรู้ว่าตอนนี้ยังไม่สว่างดีเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ยังไม่สาดเข้าในห้อง  รับรู้ว่ามีใครคนนึงที่เฝ้าคิดถึงมาหลายวันอยู่ข้างกายเพราะลมหายใจอบอุ่นบริเวณข้างแก้ม

     

    “พี่เต๋า...”  เรียกชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงงัวเงีย  ยกมือเกาหัวก่อนจะพยายามตั้งสติลืมตาให้โตที่สุดเท่าที่จะทำได้   หากเหมือนสติยังไม่เต็มที่ดี  ยิ่งอีกฝ่ายโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แม้จะมองไม่ชัด  แต่กลับทำให้คชาเอ่ยสิ่งที่ใจคิดออกไปจนหมดสิ้น

     

    “...คิดถึง...”  สิ้นเสียงบางเบาเด็กตัวน้อยก็ดันตัวขึ้นเอื้อมโอบลำคอของพี่ชายตัวสูงที่นั่งยองกับพื้นข้างเตียงนุ่ม   ท่อนแขนยาวกอดตอบกลับท่าทางไร้เดียงสานั่นไม่ต่างกัน  มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มแผ่วเบาอ่อนโยน

     

    “ครับ...ชื่นใจจัง”   ไม่นานคนตัวเล็กก็ผละออกจากร่างสูง  แล้วย้ายมานั่งห้อยขาข้างเตียงกันทั้งคู่

     

    “พี่เต๋าเข้ามาในห้องได้ยังไง”  คชาถามคนเป็น  ดวงตาโตกลมนั้นยังคงปรือปรอย

     

    “ปล่องไฟ”  พูดเองก็หัวเราะเอง  ยิ่งเห็นสีหน้างงงวยของคนยังตื่นไม่เต็มตาดียิ่งขำไปใหญ่  แต่เหมือนคนงัวเงียจะไม่ค่อยเก็ทมุกเท่าไหร่ เต๋าจึงเปลี่ยนเรื่อง

     

    “ยังไม่ทันสว่าง  เด็กอยากนอนต่อไหม?  เต๋าถามแล้วลูบเบาๆที่ข้างแก้มกับเปลือกตาปิดสนิทของคนตัวเล็ก   คชาส่ายหัวรัว แม้จะยังง่วงอยู่ก็เถอะแต่เวลานี้อยากคุยกับพี่เต๋ามากกว่า

     

    “พี่เต๋าบินมาไม่เหนื่อยหรอ ทำไมไม่ไปพักผ่อน”

     

    “ยิ้มให้ดูก่อนสิแล้วจะบอก”  คชายิ้มตามที่เต๋าบอกอย่างว่าง่าย  คงเพราะอาการงัวเงียจึงทำให้คชายิ้มทั้งตาปิดจนเต๋าอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเนียนด้วยมือสองข้าง....ทำไมถึงน่ารักแบบนี้

     

    “ตอนแรกเหนื่อยตอนนี้หายแล้ว   หายตั้งแต่ได้ยินเด็กแถวนี้บอกว่าคิดถึง”

     

    “บอกตอนไหนว่าคิดถึง”  คชาสะบัดหัวสองสามทีไล่อาการง่วงงุนที่ยังคงมีอยู่  มือเล็กผลักเข้าที่ไหล่หนาทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกใส่ร้าย

     

    “เด็กลืมแล้ว   มันช่างน่าน้อยใจ ...”  ผู้ใหญ่บ่นไปเรื่อยแทบไม่เข้าสมองของเด็กเลยสักนิด  ไม่นานหัวกลมก็ค่อยๆเคลื่อนลงมาหนุนที่ตักหนาเมื่อรู้สึกต้านทานความง่วงไม่ไหวแล้วจริงๆ

     

    “อีก 5 นาทีปลุกด้วย”

     

    “ไม่เอาๆ  อีก10นาทีดีกว่า”  เต๋ายิ้มให้กับเด็กน้อยบนตัก แล้วเอื้อมมือหาผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่างของคชาเอาไว้ 

     

    “เดี๋ยวพี่ไปส่งที่โรงเรียนนะ”

     

    “ไม่ไปทำงานหรอฮะ”  เต๋าลูบหัวกลมๆที่อยู่บนตักไปมา  อย่างน้อยคชาก็ไม่ได้ง่วงไร้สติจนลืมไปว่าวันนี้เป็นวันจันทร์

     

    “วันนี้พี่ได้หยุด”

     

    “ดีจัง..อยากหยุดบ้าง”  คนตัวเล็กมองหน้าเจ้าของตักอุ่นแล้วพึมพำ  ก่อนจะโดนมือหนาทำร้ายปลายจมูกรั้น  แต่ก็เพียงเท่านั้น คชาไม่ได้ตอบกลับอะไรแค่ส่งเสียงผ่านลำคอ  ตอนนี้เด็กง่วง...เด็กไม่สนผู้ใหญ่แกล้ง...เด็กจะนอน

     

    “ฮือออออ...”

     

     

    คชาปิดเปลือกตาลงง่ายดายกว่าหลายคืนที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะอาการง่วงเต็มอัตรา แต่เพราะคชามั่นใจว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกฝ่ายจะไม่หายไปไหน...

     

     

     

    คิดถึงเนาะ....

     

     

    ------------------------------------------------------------------

     

    เย่!...คิดถึงคนอ่าน จะสอบแล้ว แวะมาบอกว่า....คิดถึง คิดถึง ค่ะ...

     

    ป.ล. ตอนแต่งแอบฟังเพลงนี้  :)

    http://www.youtube.com/watch?v=cibezZWmwOs

     

    @CHICKIMILK



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×