คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15 - Happy Alley วันที่ต้องไกล (I do miss you)
Chapter 15
“กินคนเดียวอร่อยไหม?” เจ้าของแขนยาวที่กำลังสะบัดผ้าหมาดเสียงดังเอ่ยถามเด็กนักเรียนที่กำลังนั่งเคี้ยวขนมรสโปรด มือซ้ายจับป๊อกกี้แท่งยาวเข้าปาก มือขวาลูบหัวแมวหนำซ้ำยังตอบแบบไม่เห็นอกเห็นใจคนถาม......ไม่สนใจกันเลยสักนิด
“ก็โอเคนะ”
บทสนทนาเว้นที่ให้ความเงียบชั่วครู่ ตากลมจ้องมองเจ้าของแผ่นหลังอบอุ่นที่หันหลังไปให้ความสนใจกับการตากผ้าราวกับว่ามันคือโครงการหมื่นแสนล้าน ...ผู้ใหญ่ขี้งอน
“พี่เต๋าเก็บของเสร็จหมดยัง”
“สนใจพี่ด้วย?” เต๋าถามเสียงสูง ยังคงทำท่าทางมุ่งมั่นตั้งใจตากกางเกงยีนส์ตัวสุดท้ายในตะกร้าต่อไป
“ผู้ใหญ่ขี้งอนนนนน”
“ก็เด็กไม่สนใจ”
“เด็กสนแล้ว เด็กสนแล้ว” คชาว่าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินไปดึงปลายเสื้อเชิ้ตสีขาวของผู้ใหญ่ขี้งอนให้หันมามองยังตนเอง เต๋าก้มลงมองเจ้าของดวงตากลมใสซื่อ แท่งยาวของขนมรสโปรดเคลือบสตรอเบอร์รี่สีหวานแตะเบาๆสองสามทีที่ริมฝีของเขา ก่อนเจ้าตัวจะพูดบางอย่างพร้อมรอยยิ้ม ...
“ง้อ ง้อ” เพียงเท่านั้นเต๋าก็แทบจะอ้าปากงับป๊อกกี้แท่งยาวนั้นไม่ทัน ที่ว่าเคยน้อยอกน้อยใจอะไรนั่นไม่มีหลงเหลือ
“อร่อยไหม” คชาอมยิ้มถามคนที่กำลังเคี้ยวขนมกรุบๆตรงหน้า
“ก็โอเคนะ” เต๋าตอบเลียนแบบประโยคจากอีกคนไม่มีผิดเพี้ยน จนทั้งสองคนต้องหัวเราะออกมาพร้อมกัน มือหนาขยี้หัวกลมก่อนจะดันหลังให้คชากลับมานั่งเก้าอี้ยาวตัวเดิมอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ต้องไปนอนบ้านเบนไม่ใช่หรอเรา?” คชาพยักหน้าตอบ แอบลอบถอนหายเมื่อคิดถึงโครงงานชิ้นใหญ่ที่ต้องทำให้เสร็จภายในสุดสัปดาห์นี้ ทั้งที่ใกล้จะสอบแล้วเชียวแต่อาจารย์ก็ยังสั่งงานให้ไม่หยุด
“แล้วพี่เต๋าเก็บของเสร็จยัง” คชาก้มหน้าลูบตัวนุ่มนิ่มของแมวน้อยบนตัก เอ่ยถามร่างสูงเสียงเบาหวิว “อีกไม่กี่วันต้องไปแล้วไม่ใช่หรอ”
“ทยอยเก็บบ้างแล้ว” เต๋าถอนหายใจออกมาบ้าง เมื่อคิดถึงงานที่ทุ่มเทมาหลายสัปดาห์ ทั้งที่พึ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นานแต่ดูเหมือนเขาจะได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ไม่น้อย รวมไปถึงงานชิ้นสำคัญชิ้นนี้ที่ต้องเดินไปทางไปจัดการให้สำเร็จในอีกประเทศ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พิสูจน์และพัฒนาศักยภาพของตนเอง แต่ระหว่างทางไปถึงจุดนั้นมันไม่ง่ายเลยสักนิด
“พรุ่งนี้เช้าออกจากบ้านพร้อมกันนะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วตบบ่าเสียงดังแปะๆเป็นสัญญาณให้อีกคนย้ายหัวกลมๆมาพิงซบ
ถ้าไม่ได้เจอหลายวัน...จะคิดถึงกันบ้างไหมนะ?
------------------------------------------------------------------
หลังจากการเรียนวิชาสุดท้ายของวันสิ้นสุดลงได้ไม่กี่นาที แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงนักเรียนก็เรียกให้คนตัวเล็กที่กำลังเก็บหนังสือลงในเป้ควานหาโทรศัพท์ขึ้นมารับทันที
“เลิกเรียนแล้วยัง? อย่าพึ่งไปไหนนะเดี๋ยวพี่ไปหา รออยู่หน้าโรงเรียนก่อนนะ” พูดเสร็จปุ๊บก็วางสายปั๊บ คชาได้เพียงแค่ตอบกลับเออออด้วยความงงเพียงเท่านั้น
“คชา กลับบ้านกัน” เบนเดินมาตบบ่าคนตัวเล็กที่ยังคงเก็บของไม่เสร็จ ชักชวนให้เพื่อนกลับบ้านพร้อมกัน ไม่ใช่แค่คชาแต่รวมไปถึงเพื่อนๆในกลุ่มหลายคนที่ต้องไปค้างบ้านตนเองเพื่อทำโครงงานวิชาสังคมให้เสร็จ
“เดี๋ยวตามไป” เบนเลิกคิ้วแทนคำถาม ก่อนคชาจะตอบกลับเสียงเบาให้เพื่อนรักได้ร้องอ๋อเสียงยาว “พี่เต๋าจะมาหา”
“เอ้อๆ งั้นไปรออยู่บ้านนะ”
“อื้อๆ เจอกัน”
“ทำหน้าเหมือนลูกเป็ดจะโดนทิ้งไปได้” เบนยิ้มกรุ่มกริ่มเล็กน้อย มองหน้าตาของเพื่อนรักที่ส่งค้อนวงใหญ่มาให้แล้วก็ขำ แอบรู้มาเหมือนกันว่าพี่ชายคนสนิทของคชาจะไปต่างประเทศ แม้จะแค่ไม่กี่วัน...แต่ก็นะ...เบนเข้าใจเพื่อน
รอไม่นานร่างสูงขาวของเต๋าก็ปรากฏขึ้นบนถนนฝั่งตรงข้าม ตาคมมองซ้ายขวาก่อนจะข้ามถนนมาหาคนตัวเล็ก อาการรีบเร่งทำให้เต๋าหอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามองคชา
“พี่เต๋าเลิกงานแล้วหรอ?” คชาถามแววตาใสซื่อ สำรวจใบหน้าของพี่ชายตัวสูง จริงอยู่พี่เต๋าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีพอไปวัดไปวาได้ แต่ช่วงหลังมานี้ดูจะโหมงานหนักมากไปหน่อย ขอบตาที่ดำคล้ำนั่นเป็นคำตอบได้ดีทีเดียว
“เลิกแล้ว แต่งานยังไม่เสร็จ”
“ก็แล้วทำไมไม่ทำให้เสร็จ”
“อยากเจอหน้า” คชายังคงจ้องมองหน้าตาอิดโรยของร่างสูงตรงหน้า ก็แอบรู้สึกดีอยู่หรอกที่พี่เต๋าอยากเจอหน้าตัวเอง แต่ทำแบบนี้ดูฝืนร่างกายชะมัด...ผู้ใหญ่ดื้อ
“เฮ้อ...เหนื่อยไหมฮะ”
“ไม่มาก พอทนได้ครับ” เต๋ายิ้มตาปิดให้เด็กน้อยหน้าหงอยตรงหน้า ไม่ได้แอบคิดเข้าข้างตัวเองแต่เต๋ารู้ว่าน้องเป็นห่วง ช่วงนี้พักผ่อนน้อย งานหนัก จิตใจไม่ค่อยอยู่กับปัจจุบันเท่าที่ควร จะทำอะไรก็ดูเหมือนจะพะว้าพะวงกับงานชิ้นสำคัญครั้งนี้ ทั้งที่รู้สึกว่าเต็มที่แต่ก็กลัวว่ามันจะยังไม่ดีพอ...การแบกรับความหวังของใครหลายคนเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสักนิด
รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง...จนต้องออกมาหาคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกเป็นตัวเอง...เด็กตัวเล็กตรงหน้า
หลังจากนั้นเต๋าก็พาคชาไปกินข้าวเย็น แอบสั่งอาหารมามากมายไม่ถามคนมาด้วยสักนิดว่าจะกินหมดไหม
“พี่เต๋าสั่งมาทำไมเยอะแยะ คชาต้องกลับไปกินข้าวบ้านเบนอีกนะรู้ไหม ไม่งั้นคุณแม่งอนคชาแน่ๆ”
“พี่สั่งมาเพราะรู้ว่ามันจะต้องเกลี้ยง” เต๋าบอกแล้วมองดูจานอาหารที่พร่องลงไปมาก เกินครึ่งมาจากฝีมือของเด็กนักเรียนกินเก่ง “คุณแม่น้องเบนไม่รู้ซะแล้วว่าคชากินเก่งแค่ไหน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าหล่อคม หลังจากนั้นเต๋าก็ย้ายที่นั่งจากฝั่งตรงข้ามมานั่งข้างคชาแทน
“ว่าคชาตะกละหรอ” คชาว่าเสียงดุยกซ้อมจิ้มขู่
“ไม่ได้ว่า...กินเยอะๆดีแล้ว พี่เลี้ยงได้สบายมาก”
“ใครขอให้เลี้ยง”
“ไม่มีใครขอครับ อยากเลี้ยงเอง...อยากเลี้ยงตลอดชีวิตเลย”
“พูดมาก...กินเข้าไปเลยนะ” คชายู่หน้ามองใบหน้ายิ้มกริ่มของพี่เต๋าตอนนี้แล้วนึกหมั่นไส้ มือเรียวจิ้มเสียบบล็อกโครี่ต้มสีเขียวในจานพ่วงด้วยแครอทอีกชิ้นแล้วจัดการยัดเข้าปากคนพูดมากที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวทันที
“กินเข้าไปเลย จะได้ไม่ต้องพูด” ยังเคี้ยว ยังกลืนคำเก่าไม่ทันหมด มือเล็กก็จิ้มอาหารอีกคำใส่ปากคนเป็นพี่ มองดูแก้มขาวเคี้ยวตุ้ยๆ กับเสียงอู้อี้เหมือนคนหายใจไม่ทันแล้วก็เผลอหัวเราะด้วยความสนุก
หลังจากโดนเด็กยัดอาหารใส่ปากหลายคำ เต๋าก็จัดการเคลียร์บิล มองดูนาฬิกาแล้วก็อยากจะถอนหายใจ...ผ่านไปเร็วจังนะครับคุณเวลา
“คชาไปบ้านเบนเองได้ พี่เต๋ากลับไปเตรียมตัวดีกว่า พรุ่งนี้ต้องบินแต่เช้า”
“ให้พี่ไปส่งนะ” ต่อเวลาให้ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี...
เต๋าจัดการเรียกแท็กซี่ก่อนจะดันหลังคชาให้เข้าไปนั่งในตัวรถ ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง เมื่อต่างฝ่ายต่างคิดถึงช่วงเวลาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า...ช่วงเวลาที่ต้องห่างไกลกัน(บ้าง)
“คชาไปส่งไม่ได้...ต้องเรียน” เจ้าของดวงตาสดใสพูดขึ้นเหม่อมองออกไปยังนอกกระจกรถ
“พี่รู้...ใกล้แค่นี้เองไม่ต้องไปส่งก็ได้ พี่ไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย”
“อื้อ..ไม่ไกล ห่างกันแต่ชั่วโมงเดียวเอง” ชั่วโมงเดียวแต่ก็หลายพันกิโลเมตรอยู่นะ...คนตัวเล็กแอบคิดในใจ ตากลมยังคงมองไปยังนอกตัวรถ ก่อนจะหันกลับมามองคนด้านข้างเพราะสัมผัสบางเบาที่เกี่ยวไว้ที่ปลายนิ้วก้อย
บทสนทนาไม่สำคัญอีกต่อไป...
ไม่นานรถแท็กซี่สีชมพูก็ถึงจุดหมาย เต๋าเดินมาส่งคนตัวเล็กที่หน้าประตูรั้วใหญ่ เดินไปกดออดเพื่อให้คนในบ้านออกมาเปิดประตูให้ แล้วเดินกลับมาหาคชาอีกครั้ง
“เดินทางปลอดภัยนะผู้ใหญ่” เด็กน้อยว่าเสียงเบา ก้มหน้ามองพื้น โหวงเหวงในใจแปลกๆเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าพี่เต๋าหลายวัน ...ไม่อยากมองหน้าเลย
เต๋าอมยิ้มมองเด็กคอตกตรงหน้า ก่อนจะเดินเข้าแนบชิดแล้วรวบคนตัวเล็กเข้ามากอด คชาสะดุ้งเล็กน้อยไม่นึกว่าพี่เต๋าจะดึงตัวเองเข้าไปกอดง่ายแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นคชาก็ไม่ได้มีความรู้สึกอยากที่จะปฏิเสธอ้อมกอดนี้ ไม่อยากเลยสักนิด ...
“ถึงแล้วไลน์มาบอกด้วย”
“รับทราบครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกข้างใบหูก่อนจะผละออกมา ลูบศีรษะอีกฝ่ายสองสามทีแล้วเดินกลับเข้าไปนั่งในรถ ... คชาโบกมือลาให้คนบนแท็กซี่ ก่อนจะมองตามรถที่แล่นออกสู่ถนนจนลับสายตา
:(
------------------------------------------------------------------
วันนี้วันศุกร์ ...และคืนนี้เป็นคืนที่สองแล้วที่คชากับเพื่อนในกลุ่มมาตั้งหลักปักฐานที่บ้านเบน ความสุขเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อมองเห็นงานที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น คาดว่าพรุ่งนี้ทุกคนคงได้กลับไปนอนบ้านแสนสุขแน่ๆ
ช่วงสุดท้ายของการชีวิตนักเรียนมัธยมดูมีความหมายมากขึ้นเมื่อได้ใช้มันร่วมทุกข์ร่วมสุข แชร์ความรู้สึก ความในใจกับเพื่อนๆ การมาทำโครงงานไม่ได้หมายถึงการมาทำโครงงานกันเสียทีเดียว เมื่อคืนกว่าจะหลับกันได้ก็เม้าท์มอยคุยกันเพลินลืมเวลา พอเช้ามาก็แทบจะถีบกันให้ตื่นไปโรงเรียนแทบไม่ทัน
“เด็กๆ...แม่เอาขนมมาให้ อยากทานอะไรอีกไหม”
“แม่...เบนพาเพื่อนมาทำงาน” เป็นเรื่องดีอยู่หรอกที่แม่ขนขนมมาเลี้ยงมากมายแบบนี้ แต่พักหลังชักจะเยอะมากไปจนไอ้พวกเพื่อนทั้งหลายแอบไม่สนใจการงานกันเลยนี่สิ คุณแม่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับลูกชายขี้บ่นก่อนจะเดินมาลูบหลังคนตัวเล็ก
“น้องชา..กินเยอะๆนะลูก” น้ำเสียงอ่อนโยนสะกิดเรียกให้คชาหลุดออกจากพะวังหน้าจอคอมพิวเตอร์ ยิ้มตอบให้คุณแม่แทนคำขอบคุณแล้วหยิบขนมสีหวานเข้าปาก
“แม่คร้าบ..น้องเบนก็อยากกินนะครับ”
“อยากก็เดินมาหยิบเอง..แม่จะขึ้นห้อง” นึกหมั่นไส้เสียงลูกชายตนเองเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งทายแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่สนใจลูกชายสุดรักที่กำลังทำปากมุบมิบสักนิด “ตั้งใจทำงานนะเด็กๆ สู้ๆ”
“พี่เต๋ายังไม่ตอบหรอคชา?” แพรวากระซิบถามเพื่อนสนิท ที่ถึงแม้มือจะพิมพ์งานยิกๆแต่สายตาก็หลุดแอบมองโทรศัพท์เสมอ
“คงยุ่งอยู่”
“นั่นสิ เห็นช่วงนี้พี่เต๋าดูทำงานหนัก แต่ก็ดีเนาะได้ไปเมืองนอกด้วย น่าอิจฉาๆ”
“อื้อ..ก็ดี”
“คชาๆ สรุปหัวข้อนี้ใหม่หน่อย เราว่าภาษามันแปลกๆ” เพื่อนอีกคนในกลุ่มสะกิดคชาพร้อมส่งกระดาษสีขาวที่เต็มไปด้วยข้อความมาให้ คนตัวเล็กเพียงพยักหน้าตอบ รับแผ่นกระดาษนั้นมา แต่สายตายังคงแอบมองโทรศัพท์ หวังให้แสงของมันสว่างวาบขึ้นมาบ้าง
อีกฝั่งของคนทางโน้นดูจะยุ่งมากกว่าคชาหลายเท่า...ตั้งแต่มาถึงที่นี่เต๋าก็ยังไม่ได้คุยกับคชาจริงจัง ได้เพียงแค่ส่งข้อความไปบอกว่ามาถึงแล้ว หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเดินสายคุยงาน อย่าว่าแต่เวลาหยิบโทรศัพท์ ตอนนี้หาเวลาเงยหน้าขึ้นให้ได้ก่อน
“เต๋า!” เสียงของเจ้านายที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันร้องเรียก “ทางนี้...” พยักหน้าตอบรับ จำใจต้องวางเครื่องมือสื่อสารลงในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่วายแอบพิมพ์ข้อความสั้นๆไปหาอีกคน
‘คิดถึงจัง’
------------------------------------------------------------------
เสียงกรุ๊งกริ๊งของโมบายหน้าร้านชานมไข่มุกประจำซอยมีสุข23 ดังขึ้น เรียกให้เด็กประจำร้านหันไปมอง เพื่อเอ่ยยิ้มต้อนรับ
“อ้าว..คุณน้องคชา หายไปไหนหลายวันเลยครับ ไม่เจอเลย” พนักงานประจำร้านเอ่ยทักทันทีเมื่อร่างเล็กเปิดประตูเข้ามา
“คชาไปค้างบ้านเพื่อนมา” คชาตอบเสียงร่าเริง กระชับเป้ใบโตด้านหลัง แล้วเดินไปวางสัมภาระทั้งหมดที่โต๊ะตัวประจำ ก่อนจะเดินกลับมายังเคาท์เตอร์
“วันนี้รับอะไรดีครับ เหมือนเดิมไหม” คนตัวเล็กพยักหน้า แล้วฉุดคิดอะไรได้เล็กน้อย
“พี่เต้....วันนี้ขอชานมเผือกก็แล้วกันนะครับ” โปเต้เลิกคิ้วถาม แววตาที่เหมือนคนจ้องจะจับผิดปนรู้ทัน ทำให้คชาต้องหาทางบ่ายเบี่ยง
“แค่อยากลองเปลี่ยนเฉยๆฮะ...ไม่มีอะไรสักหน่อย” พยายามตอบเสียงเรียบแต่หากดูเหมือนไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะคำตอบที่แท้จริงในใจมันเปลี่ยนสีแก้มของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“คร้าบ...ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร” พนักงานประจำร้านแอบหัวเราะเสียงเบากับท่าทางของคนตัวเล็ก ท้ายที่สุดกลายเป็นคชาที่ต้องเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วพี่น้ำแข็งไปไหนฮะ?”
“หลังร้านครับ” คชาพยักหน้ารับ ไม่นานชานมไข่มุกตามออเดอร์ก็ถูกยื่นมาให้ พร้อมกับข้อความสั้นๆจากคนทำเล็กน้อย
“เรียบร้อยครับ ชานมเผือกสุดพิเศษสำหรับน้องคชา...แต่ไม่รู้ว่าจะหวานเท่าแก้วที่เคยกินกับใครบางคนหรือเปล่านะครับ”
“พี่เต้...” มือเรียวรีบรับแก้วชานมไข่มุกแล้วรีบกลับไปนั่งที่ประจำทันทีเมื่อรู้สึกว่าตนเองจะโดนแซวหนักขึ้น
คชาจัดการวางแก้วชานมสีม่วงลงบนโต๊ะ ยังไม่ตัดสินใจดื่มมันทันที
...จ้องมองมันอยู่แบบนั้น จ้องมองแล้วคิดถึงอยู่แบบนั้น...
เฮ้อออ...
สุดสัปดาห์นี้เป็นสุดสัปดาห์แรกที่คนตัวเล็กไม่มีแผนอะไรในหัวสมอง ไม่มีความคิดอยากไปที่ไหน ไม่มีความคิดว่าต้องอ่านหนังสืออะไร ไม่มีความคิดว่าอยากกินอะไร ไม่มีความคิดว่าอยากไปป่วนใคร..ก็เพราะว่า ‘ใคร’ ที่ว่าในตอนนี้ไม่อยู่ใกล้ให้คชาได้ป่วน
แอบคิดในใจว่าไม่น่าทำงานให้เสร็จเร็ว เพราะอย่างน้อยจะได้มีอะไรทำ ...อะไรก็ได้ที่จะไม่ทำให้ต้องมานั่งคิดถึงแบบนี้
แต่ก็คิดถึงไปแล้วนี่นาให้ทำยังไง ...คิดได้ดังนั้นมือก็ควานหาโทรศัพท์กดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวสดใสแล้วถ่ายรูปชานมรสโปรดของใครบางคนก่อนจะส่งมันไป ไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายตอบกลับทันทีเพราะเข้าใจว่าคงจะกำลังยุ่งอยู่กับงาน แต่ใจก็ต้องเต้นตึกตักเพราะเพียงไม่กี่นาทีข้อความตอบกลับก็ปรากฏขึ้น
“คิดถึงพี่อยู่หละสิ?”
“เปล่าซะหน่อย...ส่งมาอวดต่างหาก หิวหละสิ?”
“คิดถึงก็บอกพี่มาเถอะครับเด็ก”
“ตอบเร็วจัง ไม่ทำงานหรอ? ”
“เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย...กำลังจะเข้าไปเสนองานครับผม”
“งั้นไม่กวนแล้วฮะ ”
“อย่าพึ่งทิ้งพี่....เหลือเวลาอีกนิดหน่อย ขอกำลังใจด้วยครับ T^T ”
“สู้ๆนะผู้ใหญ่ ตั้งใจทำงาน .. เด็กเป็นกำลังใจให้ :) ”
“ ^_______^ ”
“ถ้าตั้งใจเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เด็กจะมีรางวัลให้ไหมนะ? ”
“ขอคิดดูก่อน... ”
“T_T ”
“ตั้งใจทำงานนะ แล้วเด็กจะให้กินชานมสตรอเบอร์รี่...(ด้วยกัน) ”
“ >w< ”
สองหนุ่มมือชงประจำร้านชานมไข่มุกชื่อดังของซอยมีสุข 23 แอบลักลอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่กระพริบตา ภาพของน้องคชาที่หน้าหงอยเหงาจ้องแก้วชานมสีสวยในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานน่ารักเพียงเพราะข้อความในโทรศัพท์ของตนเอง
“ร้านเราแมร่งสีชมพูตอนไหนวะมึง” น้ำแข็งว่าตาลอยมองภาพเหตุการณ์ชวนยิ้มตรงหน้า
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับเพื่อนแข็ง” โปเต้ว่าเพ้อๆ ยังคงมองคนตัวเล็กที่ยิ้มเล็กยิ้มน้อย หัวเราะคิกคักกับเครื่องมือสื่อสารในมือไม่หยุด ...ความสุขมันแผ่ซ่าน
คุยกันต่ออีกนิดหน่อยอีกฝ่ายก็ขอลาไปทำงาน แอบโหวงในใจเล็กน้อยตอนพี่เต๋าบอกลา คิดถึงสีหน้าเหนื่อยล้าของอีกฝ่ายในวันนั้นก็ได้แต่บอกว่าให้ 'สู้‘ ... คชาปลอบใจคนไม่เก่ง ห่วยในเรื่องการให้กำลังใจ ไม่รู้ว่าต้องพูดคำไหนออกไปถึงจะทำให้พี่เต๋ามีกำลังใจบ้าง แต่ในขณะที่สมองกลมๆนั่นไม่รู้ว่าต้องพูดคำไหนดี คนที่อยู่อีกฝั่งกลับได้กำลังใจเต็มเปี่ยมตั้งแต่รูปชานมไข่มุกนั่นแล้ว... คิดถึง คิดถึง คิดถึง
มือบางวางโทรศัพท์ลงข้างกาย ตากลมจ้องมองชานมสีสวยรสโปรดของใครบางคนตรงหน้าก่อนจะจับมันขึ้นหมุนไปมา ดูดลิ้มชิมรสชาติหอมหวานของมัน ชานมรสนี้ยังหอมหวานอร่อยถูกใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่...
พึ่งรู้ว่าชานมไข่มุกรสนี้กินคนเดียวแล้วเหงาแค่ไหน...กลับมาไวๆนะผู้ใหญ่
.....จะได้มากินด้วยกัน :(
------------------------------------------------------------------
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ละตัวเองออกจากกองหนังสือออกมานั่งตากลมตอนดึกเพราะคิดว่าอารมณ์เหงาๆ จะจางหายไป แต่ที่ไหนได้ยิ่งคิดถึง ยิ่งเหงามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก..ยิ่งมองรั้วบ้านยิ่งคิดถึง...บางทีก็แอบหงุดหงิดตัวเองเหมือนกันนะ เฮ้อ~
นิ้วชี้เกลี่ยบางเบาที่ปลายคางของแมวตัวเล็กบนโต๊ะม้าหินอ่อนไปมาเหมือนกำลังจะสะกดจิตตัวเอง “คะน้า...” คนตัวเล็กผ่อนลมหายใจก่อนจะว่าเสียงเบา
“คชา...คิดถึงนะ” เหมือนความคิดถึงจะถูกส่งผ่านข้ามระยะทางหลายพันกิโลเมตร รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่ารักทันที เพราะหลังจากนั้นไม่นานเสียงเรียกเข้าจากแอพพลิเคชั่นก็ดังขึ้น แอพพลิเคชั่นที่ส่วนใหญ่คชามักจะใช้มันคุยกับหม่าม๊ามากกว่า วันนี้ได้ลองใช้กับคนอื่นดูบ้าง...ก็ดีนะ
“เด็ก...อยู่ไหนครับ” เริ่มต้นคำทักทายคนเป็นพี่ก็ถามทันทีว่าอยู่ไหน แอบอมยิ้มให้กับตัวเองทั้งคนถามทั้งคนตอบ
“ก็อยู่บ้าน” พยายามตอบเสียงนิ่งทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“คงไม่ได้คิดถึงพี่จนออกมานั่งตากลมหน้าบ้านใช่ไหม”
“ไม่มีทางเด็ดขาด”
“ข้างนอกหนาว ใส่เสื้อหน่อยนะครับเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ไม่เห็นหนาวเลย ร้อนหน่อยๆด้วยซ้ำ”
“แหนะ” จึงรู้ว่าแพ้ทางพี่ชายขี้แกล้งเรียบร้อย
“พี่เต๋าแกล้งเด็กหรอ” ถ้าเต๋าอยู่ตรงหน้าตอนนี้คงเห็นภาพเด็กน้อยทำหน้าตาหงุดหงิด หน้านิ่วคิ้วขมวดที่พร้อมจะพ่นไฟใส่เขา
“มืดแล้ว..ข้างนอกยุงเยอะ เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า เปิดกล้องด้วยนะพี่อยากเห็นหน้า”
“ทำไมต้องทำตามด้วย” เต๋าหัวเราะให้กับเสียงแข็งๆของคนปลายสายทันทีเมื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้า คำพูดที่เหมือนบอกปฏิเสธแต่ตอนนี้หน้าหวานๆกับหัวกลมๆของเจ้าตัวก็โผล่ขึ้นบนหน้าจอเขาเรียบร้อยแล้ว
“ทำอะไรอยู่ครับ?” คชานั่งลงข้างโต๊ะเล็กหน้าโซฟาก่อนจะเกยคางวางไว้บนนั้น มือซ้ายพยายามจัดตั้งกล้องหามุมให้พอดี มีแอบจับผมด้วย ...น่ารักที่สุด > <
“เล่นกับคะน้า” จะให้บอกยังไงว่ากำลังคิดถึงอยู่
“คิดถึงพี่บ้างไหมเนี่ย?” คชาไม่ตอบ มีเพียงแต่อมยิ้มแล้วส่ายหัวให้คนปลายสายเท่านั้น
“ไม่เป็นไร...พี่คิดถึงของพี่คนเดียวก็ได้” เต๋าทำเสียงเศร้าเรียกร้องความสนใจเล็กน้อยพอเป็นพิธี
“พี่หล่อไหม...” เต๋าถามแล้วพยายามเอียงมุมกล้องเปลี่ยนมุมไปเรื่อย แอบระบายยิ้มที่คิดว่าตัวเองดูดีที่สุดให้เด็กน้อยบนจอ
“ก็พอดูได้” เสียงใสตอบแล้วหัวเราะคิกคักขำให้กับท่าทางของเต๋า
“โกหกพี่ป่ะเนี่ย...มาอยู่ที่นี่มีคนชมว่าพี่หล่อทุกวันเลยนะ”
“ใครชม?” คชาถามน้ำเสียงปกติ ไม่ได้เอะใจอะไรเลยแต่พี่เต๋านี่สิ...พี่เต๋าชักจะเอาใหญ่แล้วนะ
“อย่าพึ่งหึงสิ พี่ไม่สนเขาหรอก”
“ไม่ได้หึงนะ แค่ถามเฉยๆ”
“ล้อเล่นครับ...ว่าแต่ไม่หึงพี่จริงหรอ?” ว่าทีเล่นทีจริงแสร้งทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
“พี่เต๋า...” เสียงเรียบๆกับหน้านิ่งๆนั่นทำให้เต๋าต้องระเบิดหัวเราะออกมาอีกรอบ...ไม่แกล้งแล้วก็ได้
“ขอคุยกับคะน้าหน่อยสิครับเด็ก” คชาพยักหน้ารับแล้วจัดการอุ้มแมวที่นอนหนุนบนตักขึ้นมา
“แมวตัวเล็ก...ฝากบอกเจ้าของด้วยนะว่าแมวตัวโตคิดถึง” คชานิ่งเงียบ แอบอมยิ้มอยู่หลังแมวตัวนิ่มอยู่นานสองนาน ก่อนจะตอบกลับอีกคนไปในรูปแบบคล้ายกัน
“แมวตัวเล็กฝากบอกมาว่าเจ้าของแมวตัวเล็กก็คิดถึงเหมือนกัน” ...
“กลับมาไวๆนะ” ก้มหน้าไม่ยอมมองกล้องก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงชวนน่าหยิกแก้ม
“...อันนี้คชาบอกเอง”
คืนนี้คงไม่ต้องบอกฝันดี เพราะปัจจุบันตอนนี้ดียิ่งกว่าฝัน
------------------------------------------------------------------
“คชา...” เสียงนุ่มคุ้นเคยได้ยินกระซิบข้างใบหู ปลุกให้คนที่นอนหลับสนิทตื่นขึ้น รับรู้ว่าข้างนอกฝนตกเพราะได้ยินเสียงฝนพรำ รับรู้ว่าตอนนี้ยังไม่สว่างดีเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ยังไม่สาดเข้าในห้อง รับรู้ว่ามีใครคนนึงที่เฝ้าคิดถึงมาหลายวันอยู่ข้างกายเพราะลมหายใจอบอุ่นบริเวณข้างแก้ม
“พี่เต๋า...” เรียกชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ยกมือเกาหัวก่อนจะพยายามตั้งสติลืมตาให้โตที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากเหมือนสติยังไม่เต็มที่ดี ยิ่งอีกฝ่ายโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แม้จะมองไม่ชัด แต่กลับทำให้คชาเอ่ยสิ่งที่ใจคิดออกไปจนหมดสิ้น
“...คิดถึง...” สิ้นเสียงบางเบาเด็กตัวน้อยก็ดันตัวขึ้นเอื้อมโอบลำคอของพี่ชายตัวสูงที่นั่งยองกับพื้นข้างเตียงนุ่ม ท่อนแขนยาวกอดตอบกลับท่าทางไร้เดียงสานั่นไม่ต่างกัน มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มแผ่วเบาอ่อนโยน
“ครับ...ชื่นใจจัง” ไม่นานคนตัวเล็กก็ผละออกจากร่างสูง แล้วย้ายมานั่งห้อยขาข้างเตียงกันทั้งคู่
“พี่เต๋าเข้ามาในห้องได้ยังไง” คชาถามคนเป็น ดวงตาโตกลมนั้นยังคงปรือปรอย
“ปล่องไฟ” พูดเองก็หัวเราะเอง ยิ่งเห็นสีหน้างงงวยของคนยังตื่นไม่เต็มตาดียิ่งขำไปใหญ่ แต่เหมือนคนงัวเงียจะไม่ค่อยเก็ทมุกเท่าไหร่ เต๋าจึงเปลี่ยนเรื่อง
“ยังไม่ทันสว่าง เด็กอยากนอนต่อไหม?” เต๋าถามแล้วลูบเบาๆที่ข้างแก้มกับเปลือกตาปิดสนิทของคนตัวเล็ก คชาส่ายหัวรัว แม้จะยังง่วงอยู่ก็เถอะแต่เวลานี้อยากคุยกับพี่เต๋ามากกว่า
“พี่เต๋าบินมาไม่เหนื่อยหรอ ทำไมไม่ไปพักผ่อน”
“ยิ้มให้ดูก่อนสิแล้วจะบอก” คชายิ้มตามที่เต๋าบอกอย่างว่าง่าย คงเพราะอาการงัวเงียจึงทำให้คชายิ้มทั้งตาปิดจนเต๋าอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเนียนด้วยมือสองข้าง....ทำไมถึงน่ารักแบบนี้
“ตอนแรกเหนื่อยตอนนี้หายแล้ว หายตั้งแต่ได้ยินเด็กแถวนี้บอกว่าคิดถึง”
“บอกตอนไหนว่าคิดถึง” คชาสะบัดหัวสองสามทีไล่อาการง่วงงุนที่ยังคงมีอยู่ มือเล็กผลักเข้าที่ไหล่หนาทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกใส่ร้าย
“เด็กลืมแล้ว มันช่างน่าน้อยใจ ...” ผู้ใหญ่บ่นไปเรื่อยแทบไม่เข้าสมองของเด็กเลยสักนิด ไม่นานหัวกลมก็ค่อยๆเคลื่อนลงมาหนุนที่ตักหนาเมื่อรู้สึกต้านทานความง่วงไม่ไหวแล้วจริงๆ
“อีก 5 นาทีปลุกด้วย”
“ไม่เอาๆ อีก10นาทีดีกว่า” เต๋ายิ้มให้กับเด็กน้อยบนตัก แล้วเอื้อมมือหาผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่างของคชาเอาไว้
“เดี๋ยวพี่ไปส่งที่โรงเรียนนะ”
“ไม่ไปทำงานหรอฮะ” เต๋าลูบหัวกลมๆที่อยู่บนตักไปมา อย่างน้อยคชาก็ไม่ได้ง่วงไร้สติจนลืมไปว่าวันนี้เป็นวันจันทร์
“วันนี้พี่ได้หยุด”
“ดีจัง..อยากหยุดบ้าง” คนตัวเล็กมองหน้าเจ้าของตักอุ่นแล้วพึมพำ ก่อนจะโดนมือหนาทำร้ายปลายจมูกรั้น แต่ก็เพียงเท่านั้น คชาไม่ได้ตอบกลับอะไรแค่ส่งเสียงผ่านลำคอ ตอนนี้เด็กง่วง...เด็กไม่สนผู้ใหญ่แกล้ง...เด็กจะนอน
“ฮือออออ...”
คชาปิดเปลือกตาลงง่ายดายกว่าหลายคืนที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะอาการง่วงเต็มอัตรา แต่เพราะคชามั่นใจว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกฝ่ายจะไม่หายไปไหน...
คิดถึงเนาะ....
------------------------------------------------------------------
เย่!...คิดถึงคนอ่าน จะสอบแล้ว แวะมาบอกว่า....คิดถึง คิดถึง ค่ะ...
ป.ล. ตอนแต่งแอบฟังเพลงนี้ :)
http://www.youtube.com/watch?v=cibezZWmwOs
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น