ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #23 : Chapter 23 - Happy Alley ไม่หนาวแล้ว.. (So warm)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.11K
      0
      20 ต.ค. 56


    Chapter 23

     

     

     

     

    ทันทีที่ก้าวย่างเข้าสู่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่  หัวใจดวงน้อยก็เต้นตึกตักไม่ทราบสาเหตุ  และยิ่งเต้นระรัวหนักมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อจิตนาการว่าใครคือสาเหตุที่ทำให้ต้องพาตัวเองมายังที่แห่งนี้  มือบางทั้งสองข้างจับกระชับเป้ใบเก่งก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปยังเส้นทางด้านหน้า 

     

     

    ผู้โดยสารขาเข้า

     

     

    ดวงตาโตกลมเบิกกว้างกวาดไปยังด้านหน้าเพื่อมองหาใครบางคน ใครบางคนที่ไม่ได้พบหน้ากว่าสองอาทิตย์ ใครบางคนที่คิดถึงจนต้องหอบหิ้วตัวเองมาหา  แม้รู้ว่าใครรออยู่เบื้องหน้าแต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้  ริมฝีปากบางยิ้มกว้างกว่าเดิมทันทีเมื่อเห็นร่างสูงขาวของใครคนนั้นยืมยิ้มแฉ่งมองมายังตนเองอยู่ก่อนหน้าแล้ว  มือหนายื่นออกมารอรับเด็กน้อยตั้งแต่ยังเดินอยู่ในระยะไกล   และเมื่อเดินจวนจะถึงร่างสูงตรงหน้า  มือน้อยก็เอื้อมจับฝ่ามือคุ้นเคยแล้วกอบกุมกันและกันไว้โดยไม่ได้นัดหมาย  ความอบอุ่นบริเวณฝ่ามือทั้งสองข้างค่อยๆเพิ่มขึ้นจนรู้สึกพองฟูไปทั่วทั้งหัวใจ  ทั้งรอยยิ้มที่ส่งให้กันและกัน  ทั้งแววตาที่ฉายชัดอยู่ตรงหน้า  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตอนนี้ เวลานี้ ขณะนี้ ปัจจุบันนี้...เราอยู่ด้วยกัน

     

    “คาดเข็มขัดด้วยนะ”  หลังจากที่ย้ายเป้ใบเก่งไปยังเบาะด้านหลัง  เสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ยบอกเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นนั่งเพลินมองสำรวจไปยังนอกตัวรถ  และเมื่อกำลังจะทำตามคำสั่ง มือหนาก็จับเข้าที่มือบาง ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาและทำหน้าที่นั้นแทน ระยะห่างที่แนบชิดกับลมหายใจที่เป่ารดอยู่ช่วงหน้าผาก ทำให้คนตัวเล็กนั่งเกร็งหลังตัวตรง  และเพียงแค่ช่วงสั้นๆที่สองสายตาประสานกัน ความคิดถึงที่มีมากมายจนไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป  ก็ทำให้อ้อมกอดอบอุ่นโผเข้าโอบกอดร่างนุ่มนิ่มกลิ่นกายคุ้นเคยเอาไว้

     

    “ทวงสัญญาเร็วจัง”  แม้วินาทีแรกจะรู้สึกตกใจแต่หลังจากนั้นเด็กน้อยก็เกยคางไว้ยังไหล่กว้าง  สองมือค่อยๆลูบแผ่นหลังของคนตรงหน้าบางเบา ช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอกำลังถูกเติมเต็มด้วยความใกล้ชิด 

     

    “หิวไหม”  ร่างสูงถามขึ้นหลังจากผละออก หากแต่หน้าผากขาวยังคงแนบสนิทกับหน้าผากเนียนของเด็กน้อยตรงหน้า  ปลายจมูกที่ใกล้ชิดจนแทบแนบสนิทกันไม่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้เสียงหัวใจของใครเต้นแรงกว่ากัน

     

    “หาอะไรกินก่อน แล้วไปไหว้พระกันนะครับ แวะเที่ยวก่อนแล้วตอนเย็นค่อยเข้าที่พัก” มือหนาลูบบางเบาที่กลุ่มผมนุ่ม ก่อนจะอธิบายโปรแกรมแบบย่อให้น้องฟัง  คชาพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ  ก่อนจะใช้มือขวาลูบแก้มขาวของแมวตัวโตตรงหน้า

     

    “ผู้ใหญ่”

     

    “ครับ”

     

    “เชียงใหม่มีคชาแล้วนะ...”  

     

    “ครับ...แต่ที่สำคัญกว่าเชียงใหม่มีคชา คือพี่เต๋ามีคชาแล้วนะ...ไปเที่ยวกันนะครับ”   ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่  สารภาพจากใจว่าตั้งแต่เจอกันเขายังหุบยิ้มไม่ได้เลยสักครั้ง  เต๋าค่อยผละออกจากเด็กน้อยแล้วเตรียมออกเดินทาง รถยนต์ค่อยๆ มุ่งทะยานสู่เส้นทางด้านหน้า เส้นทางสายยาวที่ทอดออกไปไม่รู้จบ

     

    เส้นทางที่เราสองคนจะออกเดินทางด้วยกันเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ...

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

    ลมบริสุทธิ์ที่พัดผ่านอยู่รอบกายทำให้คนตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด  อากาศแสนสดชื่นที่แตกต่างจากที่ที่จากมา  ตากลมกวาดมองไปยังบรรยากาศรอบด้านด้วยความตื่นเต้น  สองมือกระชับเสื้อกันหนาวลายทางสีขาวเทาตัวโปรด  แม้อากาศจะไม่ได้หนาวมากแต่ก็มีลมเย็นพัดผ่านพอให้ขนลุกอยู่บ้าง

     

    “อ๊ะ”  เสียงใสอุทานขึ้นเมื่อหมวกสานสีอ่อนสวมเข้าที่ศีรษะ เรียกให้คนตัวเล็กหันไปมองยังบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลัง   หลังจากจัดการมื้อเช้าเสร็จเต๋าก็ปล่อยให้คชายืนรออยู่ที่หน้าเชิงบันไดก่อนขึ้นวัด หายไปสักพักก็กลับมาพร้อมกับสิ่งของบางอย่างในมือ

     

    “ใส่ไว้นะ  แดดร้อน”  คชาจับหมวกที่อยู่บนศีรษะแล้วยิ้มให้ร่างสูงเป็นเชิงขอบคุณ  อดไม่ได้ที่จะแอบสำรวจพี่เต๋าตั้งแต่หัวจรดเท้า  ร่างสูงอยู่ในเสื้อยืดสีขาวแสนธรรมดาที่คลุมทับด้วยเสื้อยีนส์สีอ่อนอีกชั้น  ดวงตาคู่คมถูกปกปิดไว้ด้วยแว่นกันแดดยี่ห้อโปรดของเจ้าตัว ..ไม่อยากปฏิเสธเลยว่าพี่เต๋าดูดี

     

    “แข่งกันเดินขึ้นบันไดดอยสุเทพไหมผู้ใหญ่”  คชามองไปยังเชิงบันไดนาคที่ทอดยาวขึ้นสู่ตัวพระธาตุด้านบนก่อนจะท้าคนข้างกาย อีกทั้งริมฝีปากก็ก้มดูดชานมรสโปรดที่ร่างสูงไปหาซื้อมาให้ อาจไม่อร่อยเท่าร้านประจำแต่เมื่อกินด้วยกันเรื่องรสชาติดูจะสำคัญน้อยลงไปทันตาเห็น

     

    “ไม่ครับ...”

     

    “กลัวแพ้หรอ?

     

    “เปล่า...แต่อยากเดินขึ้นไปพร้อมกันมากกว่า  ได้ไหม?”  สิ้นประโยคมือบางก็ถูกกุมไว้ทันที  คชาช้อนตามองอีกฝ่ายก่อนจะเม้มริมฝีปาก แม้สายตาของคนตรงหน้าจะถูกปกปิดไว้ด้วยแว่นตาเลนส์สีดำสนิท  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความจริงใจในถ้อยคำลดลงไปแต่อย่างใด  

     

    “ได้ไหมครับเด็ก?  ไม่มีถ้อยคำตอบกลับ  มีเพียงรอยยิ้มสดใสกับแรงดึงจากเด็กน้อยที่จูงเต๋าให้ออกเดินขึ้นไปยังบันได

     

    ........

    .....

    ..

     

    “พี่เต๋านับได้เท่าไหร่แล้ว”  เสียงหอบน้อยๆ เอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังก้าวย่างเดินขึ้นบันได  เพราะในช่วงแรกเหมือนจะเร่งเดินขึ้นมากเกินไป ทำให้ตอนนี้คชาดูเหมือนจะเหนื่อยมากกว่าที่จินตนาการไว้

     

    233” 

     

    “ทำไมไม่เท่ากัน คชานับได้ 230...พี่เต๋านับผิด!”  พูดจบปุ๊บก็หยุดเดินมาจ้องหน้าร่างสูงปั๊บ  ทั้งเต๋าและคชาทำข้อตกลงแข่งกันนับขั้นบันไดในใจ  แต่ยังไม่ทันได้ถึงที่หมายเด็กน้อยก็แอบถามก่อนเสียแล้ว   

     

    “อ้าว  แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่ผิด”

     

    “คชานับถูก คชาตั้งใจนับ” 

     

    “พี่ก็ตั้งใจนับ”

     

    “งือออ..คชาตั้งใจกว่า”

     

    “โอเคครับ  พี่ต้องยอม 230 ก็ 230”   เพียงเท่านั้นหน้าตาที่บึ้งตึงคิ้วขมวดก่อนหน้าก็เปลี่ยนมายิ้มแย้มอย่างพึงพอใจ  เต๋าได้แต่มองแล้วส่ายหัวให้กับเด็กซน  ก่อนจะกระชับมือน้อยอีกครั้งแล้วย่างก้าวเดินขึ้นสู่บันไดพร้อมกันอีกหน   .. ในระหว่างทางเราอาจจะนับไม่ตรงกัน  แต่ถ้าเรายังพร้อมเดินจับมือก้าวไปพร้อมกัน  ไม่มีคำว่าสายเกินไปหากจะเริ่มนับใหม่ด้วยกันอีกครั้ง

     

    ความงดงามของพระธาตุเจดีย์สีทองที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าทำให้ความเหนื่อยล้าจากการเดินขึ้นบันไดกว่าสามร้อยขั้นแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง เต๋าแอบได้ยินเสียงหอบน้อยๆของเด็กซนข้างกาย  มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมสีดำอีกครั้ง  ถามไถ่เป็นเชิงล้อเด็กน้อยสักนิดแล้วจูงมือบางไปนั่งพักให้คลายความเหนื่อย

     

    เท้าเปลือยเปล่าสองคู่เดินเตาะแตะเคียงข้างกันไปตามทางเดิน   หลังจากวนรอบโบสถ์และเข้าไหว้พระขอพรจนเสร็จสิ้น  ตอนนี้เด็กน้อยก็หันมาให้ความสนใจกับชายคาที่มีระฆังเล็กๆเรียงร้อยห้อยอยู่เต็มไปหมด  และแน่นอนว่าในมือของคชาตอนนี้ก็มีเจ้าระฆังน้อยลักษณะเดียวกันนี้อยู่เหมือนกัน

     

    กริ๊ง กริ๊ง

     

    คชาสั่นระฆังให้ส่งเสียงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มหวานแล้วส่งมันไปยังมือหนาของอีกคน   เต๋ารับระฆังสีทองเอาไว้แล้วจัดการห้อยมันเอาไว้ที่รั้วข้างพระบรมธาตุ  ใช้ปลายนิ้วผลักให้มันส่งเสียงอีกครั้ง แล้วเดินถอยหลังออกมามองผลงานของตัวเองด้วยกันทั้งคู่    ระฆังน้อยสีทองอร่ามสะท้อนแสงอาทิตย์วาววับ ที่ด้านข้างมีตัวอักษรเขียนด้วยลายมือเด็กนักเรียนแสดงความเป็นเจ้าของ...ระฆังใบนี้ไม่ใช่ของใครคนใดคนนึง แต่ระฆังน้อยสีทองใบนี้เป็นของเรา

     

    เต๋าคชา

     

    ......................

    ...............

    ..........

    .....

     

    ลมเย็นที่พัดเอื่อยเฉื่อยไปมาทั่วบริเวณกับสีเขียวขจีของธรรมชาติ ทั้งต้นไม้สูงใหญ่ ทั้งใบไม้ของพืชพรรณ ไม่ว่าจะสีเขียวแบบไหนมันก็ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก นอกจากนั้นยังมีดอกไม้สีสันแปลกตาหน้าตาไม่คุ้นเคยอยู่มากมาย คชาชอบสีเหลืองของดอกบัวตองที่อยู่สุดริมทางเดิน   คชามองเห็นหมอกจางๆ  ที่ปกคลุมทิวเขาสุดลูกหูลูกตา  ด้านข้างยังมีทางลาดที่ปกคลุมไว้ด้วยใบไม้เขียวของผลไม้โปรดของตนเองที่กำลังเหมือนจะออกผลในไม่ช้า  หลายสิ่งหลายอย่างของธรรมชาติที่คนตัวเล็กพบเห็นทำให้อยากจะหยุดเวลาแล้วยืนหายใจนิ่งๆ

     

    “พี่คะๆ”  คชาละความสนใจจากการถ่ายภาพ แล้วหันไปมองเจ้าของเสียงเรียก  ตากลมมองเห็นเด็กหญิงตัวเล็กในชุดชาวเขาฉีกยิ้มกว้างจนเห็นว่าฟันหายไปหลายซี่  

     

    “พี่น่ารักจังเลย  หนูอยากถ่ายรูปกับพี่ค่ะ” 

     

    “ห๊ะ?”  คชาขมวดคิ้วเล็กงงเล็กน้อยเมื่อเด็กหญิงพุ่งเข้ามาหาตนเองและหยิบไอโฟนสีขาวของคชามาตั้งท่าถ่ายรูป  แล้วไม่นานก็มีเพื่อนชาวเขาตัวน้อยวิ่งเข้ามาสมทบอีกสองสามคน  เด็กๆ เริ่มจัดแจงให้คชาไปยืนตรงกลางแล้วนั่งย่อกันทั้งหมด   สักพักก็เริ่มเข้ามาเกาะแขนของคนตัวเล็กไว้ อีกคนก็ซบที่บ่าเสียน่ารัก  สุดท้ายก็ตั้งกล้องกดถ่ายเองอย่างชำนาญ  หลังจากนั้นก็ส่งโทรศัพท์กลับคืนให้คชาได้เช็คภาพ  รอยยิ้มน่ารักสดใสไร้เดียงสาของเด็กน้อยทั้งสามในรูปทำให้เจ้าของโทรศัพท์อดที่จะยิ้มตามอย่างพึงพอใจไม่ได้  แต่สักพักเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มสามคนก็ยังไม่ยอมไปไหน  กลับยืนยิ้มแฉ่งมองหน้าคนตัวเล็กเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง  และสักพักพี่เต๋าก็เข้ามาช่วยทำให้ความสงสัยนี้กระจ่าง

     

    “เอาไว้กินขนมนะครับ”  เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มทั้งสามยกมือไหว้ขอบคุณและรีบรับธนบัตรที่ร่างสูงส่งมาให้ก่อนจะรีบวิ่งออกไปหากลุ่มนักท่องเที่ยวอีกกลุ่ม

     

    “เด็กโดนเด็กหลอกหรอเนี่ย”  เด็กน้อยแก้มป่องพองลมเล็กน้อย  ถึงแม้จะรู้สึกเหมือนโดนหลอกแต่รูปถ่ายที่ได้มาก็น่ารัก น่าเก็บไว้  แต่สิ่งที่ทำให้นึกหงุดหงิดคงเป็นเสียงหัวเราะของพี่ชายตัวสูงมากกว่า

     

    “ถ่ายกับพี่ไหม  พี่ไม่คิดตังค์นะ”  เมื่อเห็นว่าคชาเหมือนจะงอน เพราะแกล้งทำเป็นสนใจกับการถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ไม่สนใจเขา  เต๋าจึงหาเรื่องเรียกร้องความสนใจสักนิด

     

    “ถึงคิดก็ไม่จ่าย”

     

    “แล้วถ้าคิดถึงหละครับ...ต้องจ่ายไหม”  เต๋าถามแล้วเดินมายืนซ้อนแผ่นหลังบางแนบชิดจนคชาสะดุ้งหันกลับไปหา  มือหนาข้างหนึ่งคว้าจับเข้าที่เอวบางเพราะกลัวน้องจะล้มลงไป เพราะว่าถอดแว่นออกแล้ว  ทำให้ตอนนี้คชามองเห็นแววตาของอีกคนชัดเจน ..ทำไมพี่เต๋าถึงขี้แกล้ง?

     

    “ว่าไงครับ  คิดถึงต้องจ่ายไหม” 

     

    “ไม่รู้”  ว่าจบก็รีบแกะมือหนาออกจากเอวตัวเองแล้วเดินหนีออกไป  ทิ้งให้คนขี้แกล้งยืนยิ้มกริ่มหัวเราะเด็กแก้มแดง  จากนั้นก็ต้องรีบวิ่งตามประกบไปหยิบกล้องมาถ่ายรูปคู่ด้วยกันแบบไม่คิดตังค์จนได้ ....

     

    หลังจากได้เยี่ยมชมธรรมชาติเคล้าสายหมอกบนยอดดอยสูง  เจ้าของทริปก็พาเด็กน้อยแวะสถานที่ชื่อดังในตัวเมืองอีกหลายแห่งจนเวลาผ่านพ้นไปถึงตอนเย็น   รอยยิ้มมีให้กันและกันมากมายจนอดที่จะอิจฉาตัวเองไม่ได้  งอนกันบ้างแกล้งงอนกันบ้างพอให้เป็นสีสันของชีวิต ความสุขกับความทรงจำที่สร้างด้วยกันในแต่ละสถานที่หวังไว้ว่าชั่วชีวิตนี้เราคงไม่ลืม

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

    ทริปวันเดียวเที่ยวเชียงใหม่สิ้นสุดลงทั้งรอยยิ้มของคนจัดและผู้ร่วมทริป  ตอนนี้เด็กน้อยจึงได้มายืนตะลึงมองที่พักแสนสวยตรงหน้า  บ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่ บนชั้นสองมีระเบียงไม้ยื่นออกมาเพื่อให้ผู้พักอาศัยได้ชมท้องฟ้าเปิดโล่งตลอดทั้งวันได้อย่างสบายใจ  อีกทั้งบริเวณรอบด้านก็รายล้อมไว้ด้วยพรรณไม้สีเขียวกับดอกไม้นานาพรรณที่กำลังผลิดอกมากมาย 

     

    หลังจากทักทายพี่ไทด์เรียบร้อย  ตอนนี้คชาก็ถูกดันหลังให้เข้ามายังห้องนอนของร่างสูง  ในขณะที่ตาคู่กลมกำลังเพลิดเพลินกับการสำรวจห้องนอนกว้าง  อ้อมแขนของอีกคนก็โผสวมเข้ากอดจากด้านหลัง  คชาครางงึมงำออกมาเบาๆ แล้วก็ปล่อยให้พี่เต๋ากอดต่อโดยไม่ขัดขืนอะไร

     

    “ทำไมทวงสัญญาหลายรอบจัง” 

     

    “รอบแรกทวงสัญญาแต่รอบนี้แค่อยากกอด”  แค่ฟังเสียงก็รู้ว่าคืนนี้คงจะโดนทวงสัญญาอีกหลายรอบ   

     

    “ผู้ใหญ่ขี้โกง...”

     

    “ก็เด็กน่ารัก” เสียงทุ้มนุ่มก้มบอกชิดใบหู แล้วโยกเด็กตัวเล็กในอ้อมแขนไปมา  แม้ไม่ได้มองหน้าแต่ก็รู้ว่าคชากำลังยิ้มกว้าง ...

     

    “เจ้านายพี่เต๋าใจดีจัง  มีบ้านสวยๆให้อยู่  มีรถให้ขับ จ่ายค่ากินข้าวให้ด้วย”  คชาบอกแล้วหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย  หลังจากที่วันนี้ได้นั่งรถยนต์ป้ายแดง  ได้กินข้าวร้านอาหารชื่อดังโดยไม่เสียตังค์สักบาท  ได้มานอนพักบ้านไม้สุดสวย ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นสวัสดิการของบริษัทพี่เต๋าทั้งนั้น

     

    “อยากให้พี่อยู่ต่อไหมหละ?” 

     

    “ง่ะ...ไม่เอา ไม่ให้อยู่แล้ว” เต๋าหลุดหัวเราะออกมาทันที เพราะเมื่อถามจบคนตัวเล็กก็จ้องเขาหน้าหงอย

     

    “ครับ ไม่อยากอยู่แล้วเหมือนกัน...อีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะได้กลับไปนั่งรถเมล์กับเด็กแล้ว” 

     

    “อาทิตย์เดียวนี่นานไหม?..”

     

    “นาน...”

     

    “คิกคิก  ผู้ใหญ่น่าหงอยเลย”  พอเหมือนกำลังจะเข้าโหมดเศร้า เด็กน้อยก็หลุดหัวเราะออกมาสะงั้น

     

    “ตลกสะงั้น  พี่คิดถึงเด็กมากนะรู้ไหม”

     

    “รู้แล้ว...”  ใช่..คชารู้  รู้เพราะอีกฝ่ายคอยบอกและย้ำอยู่เสมอว่าคิดถึงมากเพียงไหน

     

    “ก็มาหาแล้วไง ... เวลาที่อยู่ด้วยกันห้ามคิดถึงตอนที่ต้องจาก หม่าม๊าบอกไว้”  ประโยคน่ารักของเด็กน้อยช่างพูดเปลี่ยนสีหน้าหงอยเหงาของผู้ใหญ่ให้แย้มยิ้มขึ้นมาทันที   ต้องขอบคุณหม่าม๊าอีกกี่ครั้งครับที่สอนคชามาแบบนี้

     

    เต๋าก้มลงมองเด็กซนในอ้อมกอด ก่อนจะกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นกว่าเดิมจนคนตัวเล็กแอบหลับตาปี๋  เสียงทุ้มนุ่มหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้งแล้วโยกเด็กน้อยไปมาอีกหน  คิดถึงหลายคืนที่ผ่านมา  ที่ต้องนอนเหงาคิดถึงเสียงใสๆ  อยากจะกอดเด็กตัวนิ่มไว้แบบนี้ทั้งคืนไม่ให้หนีออกไปไหน ... แค่รู้สึกว่ามันอบอุ่นไปทั่วทั้งตัวและหัวใจ   

     

     

     

     

    คืนนี้เชียงใหม่โคตรอุ่นเลยครับ ...

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

    หลังจากอาบน้ำเสร็จคชาก็แอบหนีออกมานั่งมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ระเบียงหน้าบ้าน  บรรยากาศเย็นๆ กับท้องฟ้าเปิดโล่งก็ทำให้อยากจะนอนราบหลับลงไปที่ม้านั่งยาว    เต๋ามองเห็นเด็กน้อยแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างตั้งอกตั้งใจ  แอบมีชี้นิ้วขึ้นนับแสงระยิบระยับบนฟากฟ้าไกล  มองเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม

     

    “นึกว่าหนีพี่ไปแล้ว”  คชาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพี่เต๋าเดินมากระซิบข้างใบหู  ตากลมมองดูคนเป็นพี่ที่กำลังนั่งลงข้างกาย  และเมื่อยิ่งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้  ก็ทำให้คนตัวเล็กยิ่งได้กลิ่นหอมของสบู่จากขวดเดียวกันชัดเจนมากยิ่งขึ้น   กลิ่นที่เหมือนกัน ...

     

    “หนีไม่ได้หรอก ขับรถไม่เป็น”

     

    “ถ้าขับรถเป็นก็จะหนีกันไปว่างั้น”   

     

    “ถ้าจะหนีแล้วจะมาหาทำไมหละ” มือหนาเอื้อมโอบไหล่บางเอาไว้ก่อนจะอดทนไม่ไหวตัดสินใจย้ายตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก  แม้ตอนแรกเหมือนว่าจะดิ้นขัดขืนอยู่บ้างแต่สุดท้ายคนตัวเล็กก็ยอมนั่งนิ่งวางมือทั้งสองข้างไว้ยังลาดไหล่ของเจ้าของตัก 

     

    “หนาวไหม?”    แม้คนบนตักจะสวมเสื้อกันหนาวเอาไว้แต่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

     

    “ม่าย~....แล้วพี่เต๋าหนาวไหม?”   ถามกลับจนเขานึกเอ็นดูจนต้องหยิกปลายจมูกรั้นนั้นสักทีสองที  

     

    “...เชียงใหม่ของพี่เต๋ายังหนาวอยู่หรือเปล่า”  หลายครั้งที่แอบอ้อนน้องว่าหนาวอย่างนั้นหนาวอย่างนี้  ทั้งที่อากาศของเชียงใหม่ตอนนี้เพียงแค่เย็นๆเท่านั้น ความจริงเต๋าไม่ได้โกหกไปเสียหมด เพราะว่าเขารู้สึกหนาวจริงๆ แต่มันหนาวที่หัวใจต่างหาก..

     

    “ไม่แล้ว ไม่เลยสักนิด...คืนนี้เชียงใหม่อุ่นมาก”  เต๋ามองสำรวจดวงตากลมโตที่สะท้อนมองมายังเขาแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม ไม่ต่างกับเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักที่แอบขยับกายให้ชิดเจ้าของอ้อมแขนเช่นกัน

     

    “พี่เต๋า”   คชาเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่วแล้วซบใบหน้าลงบนไหล่หนา  ทำให้เต๋าต้องใช้มือลูบแผ่นหลังบางโดยอัตโนมัติ 

     

    “ครับ...”

     

    “อยากได้ท้องฟ้าตอนกลางคืนของเชียงใหม่ไปไว้กรุงเทพ”  เต๋าแหงนหน้ามองท้องฟ้าทันทีเมื่อฟังคชาพูดจบ  แม้จะอยู่ที่นี่มาหลายคืนแต่เขาก็ไม่ค่อยมีเวลาออกมาชื่นชมธรรมชาติยามค่ำคืนมากเท่าไหร่นัก  ท้องฟ้ายามค่ำคืนสีดำสนิทไม่ต่างกับท้องฟ้าของเมืองหลวง แต่หากแสงระยิบระยับของดวงดาวบนนั้นช่างแตกต่างกันมากมายเหลือเกิน

     

    “พี่เต๋าทำให้ไม่ได้”

     

    “นั่นสิ”  คชาก้มหน้าบ่นพึมพำกับตัวเอง  งงกับตัวเองเหมือนกันที่จู่ๆก็พูดอะไรไร้สาระแบบนั้นออกไป

     

    “...แต่ท้องฟ้าจะมืดแค่ไหน  ดาวจะเต็มท้องฟ้าหรือท้องฟ้าจะไม่มีดาว พี่ก็จะอยู่ดูกับเด็กนะ”  น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเจ้าของอ้อมแขนกำลังทำให้คชาใจเต้นขึ้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง  เหมือนจะคิดถูกที่ตัดสินใจซบไหล่หนาเอาไว้เพราะยิ่งได้ฟังเสียงคุ้นเคยใกล้ๆแบบนี้ยิ่งรู้สึกอบอุ่นจนอดไม่ได้ที่จะหลับตาลงแล้วกอดคออีกคนไว้แน่นกว่าเดิม

     

    “เด็กครับ...”  เสียงแผ่วเบาดังขึ้นพร้อมกับหัวกลมๆที่ผละออกมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง  ปลายนิ้วที่เกลี่ยบางเบาบริเวณมุมปากของเด็กน้อย  ตาคมกวาดสำรวจไปทั่วไปหน้าเนียนใสจนมาหยุดที่ริมฝีปากบางตรงหน้า 

     

    “............”

     

    “พี่อยากชิมเค้กสตรอเบอร์รี่”  สิ้นประโยค ริมฝีปากบางก็เม้มเข้าหากัน  ยิ่งเห็นแววตาที่อีกคนมองมายิ่งทำตัวไม่ถูกจนต้องกรอกสายตาไปด้านอื่น

     

    “เมื่อไหร่เค้กสตรอเบอร์รี่จะอนุญาตครับ?”   

     

    ภายใต้ท้องฟ้าสีดำยามค่ำคืนมีดาวดวงน้อยทอแสงเปล่งประกายระยิบระยับเรียงรายนับร้อยพันล้าน   ความใกล้ชิดของเราสองก่อให้เกิดความอบอุ่นขึ้น  ดวงตากลมใสจดจ้องสบประสานกับดวงตาคู่คม  ครั้งแรกเคยทำให้หัวใจสั่นไหวเพียงใด ตอนนี้ก็ยังคงไม่แตกต่าง  แม้จะรู้สึกเขินอายทุกครั้งที่ได้จ้องมองแต่ประกายตาที่เหมือนมีอะไรให้ค้นหาอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้ละสายตาไปไม่ได้   ปลายนิ้วยังคงเกลี่ยบางเบาที่มุมปากของเด็กน้อยไม่ไปไหน ก่อนร่างสูงจะตัดสินโน้มใบหน้าเข้าหาเจ้าของแววตาไร้เดียงสา เมื่อไม่มีคำปฏิเสธ เขาจะถือว่าความเงียบคือการตกลง...  เปลือกตาบางค่อยปิดสนิทลงช้าๆ พร้อมกับปลายจมูกของเราสองแตะสัมผัสกัน  ร่างสูงหลับตาลงหลังจากนั้น เขาเคยสงสัยว่าเวลาที่จูบกันทำไมต้องหลับตา บัดนี้เขาได้คำตอบแล้วว่า ทุกครั้งที่หลับตาโลกใบนี้จะมีเพียงแค่เรา   ..... แต่หากเมื่อกำลังจะเข้าแตะสัมผัสที่ริมฝีปาก  ตาคมก็ต้องเบิกกว้างเพราะความนุ่มนิ่มจากฝ่ามือน้อยๆของเจ้าตัวเล็กนั้นยกขึ้นมากั้นระหว่างริมฝีปากของเราทั้งสองเอาไว้เสียก่อน  เต๋ายกยิ้มแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กน้อยหัวเราะคิกคักที่แกล้งเขาได้สำเร็จ  แต่ก็อดไม่ได้ที่จะจูบเข้าแรงๆที่ฝ่ามือนิ่มจนเสียงดังด้วยความเอ็นดู 

     

     

    ม๊วฟฟฟ!!’

     

     

    คชาตั้งท่าจะดึงมือออก แต่มือหนาก็คว้าจับเด็กขี้โกงเอาไว้เสียก่อน แรงจูบที่ฝ่ามือก่อนหน้าทำให้อดคิดไม่ได้ว่าถ้าปล่อยให้พี่เต๋าจูบจริงๆ  ป่านนี้ปากคงจะช้ำ ...

     

    “เค้กสตรอเบอร์รี่นี่มัน...”

     

    “ทำไม?

     

    “นุ่มๆ นิ่มๆ ดีครับ..หอมด้วย”  ทั้งบอกทั้งยกมือเรียวนุ่มนิ่มขึ้นมากดจูบลงอีกครั้งสองครั้ง

     

    “ชอบไหม?

     

    “ชอบอะไร? 

     

    “ก็ชอบเค้กสตรอเบอร์รี่ไหม”

     

    “มากกว่า ชอบ มานานแล้วนะ”  เต๋ามองเห็นเด็กน้อยยิ้มด้วยความพึงพอใจก็อดไม่ได้ที่จะดึงน้องเข้ามากอดอีกครั้ง  แม้จะแอบเสียดายที่ไม่ได้ชิมเค้กสตรอบเบอร์รี่แต่นั่นเป็นการตัดสินใจของเค้กสตรอเบอร์รี่เอง...เขาต้องยอมรับ

     

    “เด็กง่วงนอนแล้ว” 

     

    “งั้นก็ไปนอนกันนะ”

     

    “ไม่อยากเดิน...ขอขี่หลังหน่อย”  เมื่อถูกขอร้องด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ก็ยากที่จะบอกปฏิเสธ  เต๋าย้ายเด็กตัวเล็กลงที่เก้าอี้ดังเดิม ก่อนจะมานั่งลงกับพื้นให้เด็กน้อยได้ปีนขึ้นหลัง  คชากอดคออีกฝ่ายไว้แน่นก่อนจะซบลงบนแผ่นหลังอบอุ่น  อากาศแม้จะเย็นแต่ไม่ทำให้ความอบอุ่นของแผ่นหลังนี้ลดน้อยลงเลยสักนิด    

     

    พอวางเด็กตัวนิ่มลงกับเตียงปุ๊บเต๋าก็ทาบทับร่างของตัวเองลงบนตัวน้องปั๊บ  มองดูเผินๆเหมือนพี่ชายตัวโตกำลังจะแกล้งน้องชายตัวเล็กให้หายใจไม่ออก   แม้จะมีกำปั้นน้อยๆทุบอยู่ที่หลังแต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่ชายขี้แกล้งขยับกายออก

     

    “ฮือออ...หนัก”  แต่พอส่งเสียงเท่านั้นเต๋าก็ย้ายตัวเองลงมานอนข้างแล้วกอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้แทน

     

    “คืนนี้ไม่มีแมวตัวเล็ก  กอดแมวตัวโตไปก่อนนะครับ”  เต๋าบอกแล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยที่หน้าผากเนียน  สายตาสองคู่ยังคงจ้องมองกันและกัน

     

    “ถ้าคืนนี้ไม่ให้แมวตัวโตกอดแล้วหละ”  ทั้งถามทั้งยิ้มจนเต๋านึกอยากจะแกล้งอีกครั้งและอีกครั้ง

     

    “ไม่ให้กอดงั้นจูบเลยแล้วกัน”  สิ้นประโยคเต๋าก็โน้มหน้าเข้าหาใบหน้าหวานใสทันที  หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก มือสองข้างยกขึ้นเกาะไหล่กว้าง แล้วรีบหลับตาลง คิดไว้ในใจว่าครั้งนี้คงต้องโดนแน่ๆ   หากแต่ความนุ่มนิ่มของหลังมืออบอุ่นที่ริมฝีปากกับเสียงจูบดังๆก็ทำให้ตากลมเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง  ... พี่เต๋าเพียงแค่จูบเข้าที่มือของตัวเองทำเหมือนที่คนตัวเล็กเคยทำก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน  แต่ถึงจะไม่ได้จูบจริงๆ  แต่สัมผัสของริมฝีปากบางที่แตะกับหลังมือของอีกคนก็ทำให้คชาอดที่จะเขินไม่ได้

     

    “นิ่มไหม”  คชาถามทั้งหัวเราะ...นิ่มไหมที่ว่าหมายถึง มือตัวเองอ่ะนิ่มไหม ... คิกคิก

     

    “นิ่มครับแต่ไม่เท่าตรงนี้”  เต๋าบอกแล้วใช้นิ้วแตะเบาๆที่ริมฝีปากบางตรงหน้า .... “แต่อยากรู้ว่าหวานไหมมากกว่า”  เพียงแค่ได้ฟัง เด็กน้อยก็ต้องรีบมุดหน้าหนีเข้าซุกอกอุ่นทันที  ทำให้มือหนาต้องลูบกลุ่มผมหอมละมุนเอาไว้ สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวกดริมฝีปากลงสัมผัสกลุ่มผมดำนั้นแทน

     

    “พี่เต๋า...”  สักพักคชาก็เรียกชื่อร่างสูง ในขณะที่เต๋าละออกจากตนเองไปย้ายผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมร่างของเราทั้งสอง เอาไว้ 

     

    “จ๋า” 

     

    “ถ้าต้องอยู่ห่างกันมากกว่านี้...เราจะเป็นยังไง”  เต๋ายังไม่ได้ตอบคำถามในทันที  มือหนาเกลี่ยบางเบาที่เส้นผมบริเวณหน้าผากของตัวเล็กในอ้อมกอด  สายตาเหงาๆของน้องตอนนี้มีอิทธิพลกับหัวใจเขามากมายเหลือเกิน

     

    “มีปืนไหม เอามายิงพี่เลยดีกว่า” 

     

    “อ่า...ปิดไฟนอนกันดีกว่า” เต๋าตอบติดตลกแต่คนฟังกลับขมวดคิ้วแน่น  เมื่อเห็นว่าคชาไม่ได้ตลกด้วยเท่าไรนัก  คนตัวสูงจึงผละออกจากร่างนุ่มนิ่มออกไปปิดไฟจนห้องมืดสนิท  มีเพียงแสงสว่างสีส้มนวลจากนอกบ้านเท่านั้นที่พอทำให้มองเห็นกันและกันอยู่บ้าง   เต๋ากลับมาบอกฝันดีเด็กตาแป๋วบนเตียงก่อนจะกระโดดลงนอนประจำที่เดิม  แต่พอเหมือนจะเคลิ้มหลับทั้งคู่เสียงโวยวายก็ดังขึ้นมาเสียก่อน 

     

    “หนัก พี่เต๋ามันหนัก..ฮืออ มันหนักนะ”   ถ้าเต๋าเพียงแค่กอดอย่างเดียวคงไม่มีเสียงโวยวายของเด็กน้อยดังขึ้น  แต่นี่เขาทั้งกอดทั้งใช้ขายาวคาบเด็กตัวเล็กไว้เหมือนกับหมอนข้าง  มือน้อยๆทั้งตี ทั้งผลักให้ตัวเองหลุดพ้น  แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลเพราะคนแกล้งดูตั้งใจเหมือนจะฝังตัวเองลงไปในร่างเล็กๆนี้เลยก็ว่าได้   ทั้งเสียงโวยวายทั้งเสียงหัวเราะจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนไม่มีที่ท่าวันจะหยุดลง  เสียงแห่งความสุขของเรา...

     

     

     

    ...เชียงใหม่ไม่หนาวแล้วเนาะ...

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

    มือน้อยสองข้างยกขึ้นขยี้ตาก่อนจะพิงตัวเองกับเคาท์เตอร์ไม้ในห้องครัว  เพราะโดนแกล้ง โดนหยอกทั้งคืน  ทำให้กว่าจะหลับกันได้ทั้งคู่ก็จวนจะเข้าสู่วันใหม่ ...จึงมีผลให้เช้านี้เด็กน้อยดูเหมือนจะตื่นไม่เต็มตาเท่าไหร่นัก

     

    “อ่างล้างจานไม่ใช่เตียงนอน  ตื่นได้แล้วเด็กขี้เซา”  เต๋าแวะลูบหัวเด็กน้อยก่อนจะเดินไปวางจานอาหารที่ตนเองตื่นขึ้นมาทำตั้งแต่เช้าลงบนโต๊ะ   เพราะสำรวจเห็นของสดในตู้เย็นที่คุณแม่บ้านประจำที่พักทิ้งไว้ให้  ทำให้เช้านี้เต๋าตัดสินใจพาเด็กเข้าครัวทำอาหารง่ายๆ ทานเอง

     

    “ตักอันนี้เลยไหม”  คชาส่ายหัวเพื่อเรียกสติแล้วเดินไปก้มๆ มองๆ ที่หม้อแกงจืดที่ตั้งอยู่  พอตั้งใจจะหันหลังกลับมาหาชาม  หน้าผากเนียนก็ชนเข้ากับจมูกโด่งของอีกคนพอดี

     

    “อ๊ะ!”  มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าผากตัวเองน้อยๆ  แล้วก็ต้องตื่นเต็มตาเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าของอีกคนห่างกันเพียงไม่กี่เซน

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับ...ตื่นแล้วยัง  ถ้าไม่ตื่นจะได้ทำอีก”   แล้วจึงรู้ว่าพี่เต๋าตั้งใจ ... เด็กน้อยยู่หน้าบ่งบอกว่านึกงอนที่โดนแกล้งตั้งแต่เช้า  แต่พอปลายนิ้วสัมผัสเข้าที่มุมปาก  หัวใจก็เต้นสั่นระรัว  ตากลมเบิกกว้างไร้ความง่วงงุน  มือทั้งสองข้างเริ่มย้ายมาเกาะไว้ที่ไหล่หนาของคนตรงหน้า  ส่วนมืออีกคนก็จับเข้าที่เอวบางของตนเอง  บรรยากาศเหมือนค่ำคืนที่ผ่านมากลับมาอีกหน  ตาคู่กลมหลับพริ้มอีกครั้งด้วยความรู้สึกเหมือนล่องลอย    

     

    “ไอ้เต๋า!  อ้าวเห้ย...เห้ย โทษ โทษ”  แต่เสียงตกใจของผู้อาศัยอีกคนก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน  มือน้อยดันร่างของพี่ชายคนสนิทออกแล้วยืนให้หลังให้ผู้มาใหม่อย่างเขินอายทันที 

     

    “พี่จะมาบอกว่าจะออกไปข้างนอก แต่รู้สึกเข้ามาผิดเวลาอย่างไม่น่าให้อภัย”  พี่ไทด์บอกแล้วแอบหัวเราะ เมื่อเห็นสีหน้าของรุ่นน้อง  “ว่าแต่น้องยังเด็กอยู่เลย ทำอะไรใจร้อนว่ะไอ้นี่  พี่ไปแล้วๆ สานต่อก็ได้นะ ถ้าน้องคชาอนุญาต”  พี่ไทด์ทิ้งท้ายให้ได้ยินกันเพียงสองคน ตบบ่าน้องชายแล้วเดินออกจากห้องครัวไป  ทิ้งให้เต๋าต้องยกมือขึ้นเกาหัว สารภาพว่าแอบหงุดหงิด แต่พอมองเห็นตากลมใสซื่อที่กำลังจ้องมองมายังตัวเองก็ต้องรีบเดินเข้าไปหา

     

    “ขอโทษครับ...”

     

    “ไม่ได้โกรธสักหน่อย”  ทั้งตอบทั้งส่ายหน้าจนเส้นผมกระจาย

     

    “งั้นกินข้าวได้แล้ว  เวลาเหลืออีกนิดหน่อยคงพอจะแวะเที่ยวได้อีกสักที่”  หากแต่พอจะหันหลังกลับไปยังโต๊ะกินข้าว  แรงดึงที่ข้อมือก็ทำให้เต๋าหันกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กน้อยอีกหน  คชาช้อนตามองคนตัวสูงกว่าก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้น  มือเรียวยกขึ้นวางทับไปยังริมฝีปากได้รูปของคนเป็นพี่ แล้วใช้ริมฝีปากของตนเองสัมผัสเบาๆที่หลังมือ  นิ่งค้างไว้สักพักก่อนจะผละออกมาส่งยิ้มหวานให้กับผู้ใหญ่ที่ยังคงยืนนิ่งอึ้งค้างไม่ขยับไหว  เรียกเสียงหัวเราะสดใสของเด็กน้อยให้ดังขึ้น 

     

    “อรุณสวัสดิ์ ^__^” 

     

     

     

    ..จะว่าไปจูบแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน....

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

     

    หลายครั้งสถานที่ที่พบและสถานที่ที่จากลาเป็นสถานที่เดียวกัน     ผู้คนที่มาเพื่อพบและจากเดินขวักไขว่ไปมาในสนามบิน  แต่นั่นไม่ได้อยู่ในความสนใจของเด็กน้อยกับผู้ใหญ่เลยสักนิด  อีกไม่กี่นาทีคนตัวเล็กก็ต้องออกเดินทางอีกครั้ง  ภาพที่เห็นตอนนี้จึงเป็นภาพของเด็กหน้าหงอยกำลังนั่งพิงซบอยู่ที่บ่าหนา  โดยมีอ้อมแขนอบอุ่นของร่างสูงโอบเอาไว้

     

    “หิวไหม?” เต๋าถามทั้งที่พึ่งแวะกินข้าวเที่ยงมาไม่ถึงชั่วโมง  แต่เพราะว่านั่งเงียบอยู่นานทั้งคู่ทำให้เขาตัดสินใจถามอะไรโง่ๆออกไป

     

    คชาไม่ตอบคำถามและคิดว่าพี่เต๋าคงไม่ได้ต้องการคำตอบเหมือนกัน  สักพักสัมผัสนุ่มนิ่มจากฝ่ามือเรียวก็วางทาบทับบนมือของเต๋า  คชากุมมือของอีกฝ่ายแน่นขึ้นเรื่อยๆ  แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

     

    “ใกล้ได้เวลาแล้วเดี๋ยวตกเครื่องนะ”  หลังจากมองดูนาฬิกาก็รู้ว่าถึงเวลาที่ต้องจากอีกครั้ง  ทั้งเต๋าและคชาจึงเดินกุมมือกันและกันมาจนถึงทางเข้า

     

    “เจอกันที่กรุงเทพฮะ”  เสียงหงอยๆของเด็กหน้าเศร้าเอ่ยบอก  ทั้งๆที่เมื่อคืนคิดไว้แล้วว่าจะไม่เศร้าแต่ก็อดไม่ได้ ...

     

    “ครับ..อีก 1 อาทิตย์เจอกันที่กรุงเทพ....เดินทางปลอดภัยนะ”

     

    “คับ”  แล้วท้ายที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะดึงตัวเล็กเข้ามากอด

     

    “ถึงแล้วโทรมาบอกด้วยครับ”  คชาพยักหน้า  ตากลมมองมือของตัวเองที่อีกฝ่ายกุมไว้แน่นก่อนจะช้อนตามองร่างสูงอีกครั้ง   เต๋าค่อยๆ ปล่อยมือน้อยนั่นออกทีละนิดจนหลุดพ้นออกจากกันในที่สุด   ตาคมมองแผ่นหลังบางที่กำลังห่างออกไปอย่างเชื่องช้าแล้วก็ต้องพยายามฝืนยิ้มเมื่อน้องหันหลังกลับมายกมือขึ้นโบกให้   อย่างน้อยในวินาทีสุดท้ายก่อนจากลากันก็ควรเป็นหน้าที่ของรอยยิ้มไม่ใช่หรอ?  ....

     

     

     

     

     

    เราจากลาเพื่อคิดถึง...เพื่อให้ความคิดถึงนำพาให้เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง...

    See you soon my little kid …

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

    หนทางการชิมเค้กสตรอเบอร์รี่ช่างยากลำบาก   ... ไม่รู้จะถูกใจกันไหม  TUT ลบๆแก้ๆอยู่หลายครา ที่ตั้งใจว่าจะลงเร็วก็ล่วงเลยมาเป็นอาทิตย์จนได้     

    มีบอทแล้วนะคะตามไปฟอลเด็กกับผู้ใหญ่ได้  @TAO_Meesook23 กับ @KACHA_Meesook23 

    มีคนถามมาว่าเรื่องนี้จะจบแล้วยัง  ที่คิดไว้คงอีกเยอะอยู่นะ  เรื่องตื่นเต้นยังมีอีกเย้ออออ~~ อย่างที่บอกหนทางการชิมเค้กสตรอเบอร์รี่ยังอีกยาวไกล.... อยู่ด้วยกันไปนานๆก่อนนะ...นะ นะ อย่าพึ่งทิ้งกัน  5555

    เจอกันตอนหน้า ที่ซอยมีสุข23  ^_^

    #มีสุข23

    @CHICKIMILK

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×