คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Chapter 25 - Happy Alley เพราะอากาศดี.. (Taking care of You)
Chapter 25
ปลายเท้าเล็กเดินเร็วไปตามทางเดินโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หลังจากมีคนโทรมาให้กำลังใจตั้งแต่เช้าตรู่ทำให้คชาตั้งใจสอบสองวิชาสุดท้ายอย่างเต็มที่ พอหลังจากทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้นก็รีบบึ่งมายังที่หมายทันทีโดยไม่รีรอ มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยสองสามครั้งก่อนจะตัดสินใจเปิดเข้ามา แต่ก็ต้องทำหน้างงขมวดคิ้วเมื่อพบว่าใครกำลังอยู่ในห้องกับคนป่วย
“คชา...” เสียงแห้งๆของคนที่นอนพิงหลังอยู่บนเตียงผู้ป่วยร้องเรียก มือหนาส่งยืนมาเพื่อให้คนตัวเล็กเดินเข้าไปใกล้
“พี่เนม สวัสดีคับ” คชายกมือไหว้หญิงสาวตรงหน้าแล้วเดินไปจับมือของคนป่วยไว้ เต๋าดึงเบาๆให้น้องเข้ามาใกล้ตนมากขึ้น ก่อนจะเอ่ยถาม
“สอบได้ไหมครับ?” มือข้างขวาที่สามารถใช้งานได้อยู่ข้างเดียวละออกจากการกอบกุมมือนิ่มแล้วเปลี่ยนมาโอบเอวบางเอาไว้แทน ดวงตาใสซื่อของเด็กน้อยมองไปยังใบหน้าซีดเซียวของคนป่วยแน่นิ่ง แววตาใสซื่อดูเป็นห่วง เป็นกังวลเสียจนเต๋าอยากหยิกจมูกรั้นของเด็กคิดมากสักทีสองที
“ทำได้...”
“ดีแล้ว เด็กกินข้าวมายัง”
“ยัง” เต๋าสำรวจใบหน้าติดจะเหนื่อยหน่อยๆของน้อง ดูก็รู้ว่าสอบเสร็จแล้วคงบึ่งตรงมาที่นี่เลย
“แล้วพี่เต๋ากินแล้วยัง”
“ยังเหมือนกันครับ.. แล้วหิวยัง?” เด็กน้อยส่ายหัวกลมๆไปมาแทนคำตอบ และเป็นคำตอบที่ทำให้เต๋ารู้สึกใจชื้นขึ้นมา เพราะมีรอยยิ้มบางๆตามติดมาด้วย
“...ยิ้มอะไรเนม?” เหมือนกำลังสร้างโลกส่วนตัวกันอยู่สองคน คุยกันเสียงเบาเหมือนกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน อีกทั้งท่าทางของเพื่อนที่ดูอ่อนโยน ใจดีเกินปกติ น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเอ็นดู ไหนจะแววตาที่ดูทะนุถนอมเด็กตัวเล็กข้างกาย หลายสิ่งหลายอย่างที่เนมไม่เคยเห็นจากเพื่อนคนนี้ พอได้เห็นมันก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะ
“ก็ขำนิดหน่อย พึ่งรู้ว่ามีมุมอะไรแบบนี้ด้วย” พอฟังเนมพูดจบก็รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมาพร้อมกันทั้งสองคน ยิ่งสีหน้าเพื่อนตัวเองยิ่งดูเขินเด่นชัด
“ไม่ต้องทำหน้าเขินขนาดนั้นก็ได้มั้งเต๋า คนเขินควรเป็นน้องคชามากกว่า” เนมพึ่งรู้ถึงความสัมพันธ์ที่เกินพี่น้องของทั้งเต๋าและคชาเมื่อวันที่เกิดเรื่องที่บ้าน ตอนแรกแม้จะเอะใจอยู่บ้างแต่หลังจากนั้นเนมก็ตัดสินใจถามเต๋าด้วยตนเอง ยิ่งสังเกตยิ่งรู้ว่าเต๋าเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะเวลาอยู่กับเด็กน้อยของตนเอง
“น้องคชา...ถ้าหิวก็รอแปบนึงนะ กำลังมีคนเอาเสบียงขึ้นมาส่ง” คชาขมวดคิ้วงุนงงเล็กน้อยว่า ‘ใคร’ ที่ว่าคือใคร
หากไม่นานความสงสัยก็ถูกคลายออก เพราะเสียงเปิดประตูด้านนอกพร้อมกับชายหนุ่มรูปร่างดี ส่วนสูงเฉียดสองเมตร ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกหนังพระเอกละคร ใช่...คนตรงหน้าที่กำลังเดินเข้ามานี่คือพระเอกละคร พระเอกละครขวัญใจเพื่อนสนิทตนเอง
“ไปนานจัง..” เนมบ่นงุ้งงิ้งให้กับแฟนหนุ่มของตนเองที่เดินเอาเสบียงอาหารการกินมากมายไปวางไว้บนโต๊ะ
“น้องคชานี่บอย...น่าจะรู้จักเนาะ แล้วนี่น้องคชานะบอย”
“ส ..หวัดดีครับพี่บอย” คชายกมือไหว้พระเอกละครคนดังตรงหน้า รู้สึกมือสั่นแล้วก็ยังรู้สึกตกใจด้วย คิดย้อนกลับไปถึงวันที่ได้เจอพี่เนมที่ห้างก็คงเป็นเพราะพี่บอยนี่เอง
“ตาโตเลยหรอเด็ก” เต๋าถามคนตัวเล็กที่ยังคงดูอึ้งๆอยู่เล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสามจะแอบหัวเราะออกมาน้อยๆ เพราะสีหน้าที่ดูตกใจของเด็กน้อยคนนี้ช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน
“พี่ซื้อขนมมาเยอะแยะเลย น้องคชาอย่าลืมกินให้พี่นะครับ”
“ค..ค..ครับ”
“งั้นเนมกับบอยกลับก่อนนะเต๋า พอดีมีธุระต้องทำต่อ ...”
“ขอบคุณมากนะครับบอยสำหรับอาหาร”
“ไม่เป็นไรครับ หายไวๆนะครับ ไว้เจอกัน”
“ไว้เจอกันครับ..ขอบคุณนะเนม” ล่ำลากันอีกสักพักทั้งบอยและเนมก็เดินเคียงข้างออกจากห้องพักไป เด็กน้อยที่ยังคงอึ้งๆ งงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเดินตามไปแอบส่องจนถึงประตู ทิ้งให้คนป่วยนอนหัวเราะกับท่าทีของเจ้าตัว
“พี่เนมเขาเป็นแฟนกับพี่บอยหรอพี่เต๋า?”
“จ้ะ”
“ถ้าแพรวารู้ต้องกรี๊ดตายแน่เลย” เต๋าหัวเราะส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย ก่อนจะกวักมือเรียกเด็กน้อยให้มายืนข้างกายดังเดิม
“ก็ที่ทะเลาะกันวันนั้นเพราะบอยเขาไม่ค่อยมีเวลาให้...” คชาพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ ก็แหงหละพี่บอยกำลังดัง กำลังรุ่ง ไม่แปลกเลยที่จะไม่ค่อยมีเวลาให้แฟนตัวเอง น่าสงสารพี่เนมเหมือนกัน ว่าแต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กันแบบนี้เขาประคับประครองความรักกันยังไงน้า..คชาก็แอบสงสัย
“พี่เต๋าอยู่นี่ครับ พี่บอยกับพี่เนมกลับไปแล้ว” เต๋าแซวขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยยังคงดูคิดถึงเรื่องของเนมและบอยไม่หยุด จนลืมว่าเขานอนเจ็บอยู่กลางเตียง ทำให้ตาคู่กลมที่กำลังเหม่อลอยคิดโน่นคิดนี้กลับมามองคนเขาอีกครั้ง
------------------------------------------------------------------
อาหารเย็นของโรงพยาบาลถูกทิ้งไว้ในมุมแคบมุมหนึ่งของห้องสี่เหลี่ยม ตอนนี้เต๋ากับคชากำลังจัดการกับอาหารหน้าตาน่าทานบนโต๊ะเล็กกลางเตียงคนป่วย คนตัวเล็กที่กำลังหิวได้ที่ยึดพื้นที่เล็กๆบนเตียงของคนป่วยแทนเก้าอี้ชั่วคราว
“พี่เต๋าไม่ชอบข้าวของโรง’บาลหรอ”
“ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่เลือกได้ก็ขอไม่กินดีกว่า” เต๋าบอกแล้วก้มหน้าใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากต่อ รู้สึกตัวเองยังโชคดีอยู่มากที่กระดูกร้าวที่แขนซ้าย ไม่ใช่แขนขวา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีมือคู่น้อยที่หวังดีตักของโปรดมาจ่อถึงปากพร้อมรอยยิ้มหวานๆ...หวานเสียจนคนมองอยากจะกินอย่างอื่นมากกว่า ..ให้ตายเถอะ
“อันนี้อร่อย...” เพียงเท่านั้นมือขวาก็วางช้อนลงและไม่หยิบมันขึ้นมาใช้งานอีก พึ่งรู้ว่าเวลามีคนรู้ใจป้อนข้าวให้ถึงปากมันอร่อยมากกว่าเดิมมากแค่ไหน เก็บมือขวาไว้ใช้งานอย่างอื่นก็แล้วกัน :)
ไม่นานพี่มิ้นท์กับพี่ตี๋ก็ตามมาเยี่ยมคนป่วย พี่มิ้นท์หอบเป้ใบโตที่ภายในบรรจุของใช้ส่วนตัวของน้องชายไปวางไว้ที่โซฟาตัวยาว ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าหน้าที่เฝ้าคนป่วยคืนนี้ (แล้วคืนต่อๆไป) ตกเป็นของใคร และใครที่ว่าก็ดูเต็มอกเต็มใจเสียด้วย
“ตกลงจะไม่บอกแม่ใช่ไหม?” ตี๋ถามขึ้นในขณะที่ยืนอยู่ข้างเตียงคนป่วย สายตาแอบเหลือบมองสองพี่น้องที่อยู่โซฟาตัวยาวฝั่งตรงข้ามกำลังคุยอะไรกันสักอย่าง
“ไม่ดีกว่าพี่ ไม่ได้เป็นไรมากด้วย ไม่อยากให้แม่เป็นห่วง สิ้นเดือนก่อนกลับบ้านก็คงได้เอาเฝือกออกพอดี คงไม่มีอะไรแล้วหละ”
“เอ้อ ตามใจ”
“พี่เต๋ากินยา” กำลังคุยกับพี่ชายตนเอง จู่ๆก็มีแก้วใบเล็กบรรจุยาสามเม็ดส่งยื่นมาถึงหน้า พร้อมน้ำเปล่าในแก้ว
“เต๋า...พยาบาลคนนี้ไปจ้างมาจากที่ไหนวะ” เป็นตี๋ที่แกล้งแซว จนเด็กน้อยก้มหน้าเขินแล้วร้องเสียงเบา
“พี่ตี๋...”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่แซวแล้ว ...ไอ้เต๋ามันจ้างมาด้วยใจป่ะเนี่ยคชา”
“ฮืออออ..พี่มิ้นท์” พอเหมือนพี่ตี๋จะแซวหนัก เด็กน้อยก็เดินไปขอความช่วยเหลือจากพี่สาวที่นั่งอยู่โซฟา ต่างจากคนป่วยที่ดูจะแอบพอใจอยู่ไม่น้อย
หลังจากนั่งเล่นนั่งคุยเป็นเพื่อนคนป่วยกับคุณพยาบาลเด็กของคุณคนป่วยอยู่สักพัก ก็ถึงเวลาที่ตี๋และมิ้นท์จะต้องกลับบ้าน
“เต๋า แม้ว่าเต๋าจะป่วยอยู่แต่พี่ฝากดูแลน้องพี่ด้วยนะ” พูดจบก็หัวเราะออกมาพร้อมกันทั้งหมด ทิ้งให้เด็กน้อยเบ้ปากน้อยๆอยู่คนเดียว “ไปแล้วนะน้องชาย ดูพี่เต๋าด้วยอย่าให้คนป่วยต้องมาดูแลแทนหละ”
“พี่มิ้นท์...” ทำหน้ามุ่ยจนคนเป็นพี่อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของน้องชาย เหมือนเป็นการย้ำว่าแค่หยอกเล่น
“ไปแล้วน้องคชา ไปแล้วนะเต๋า เจอกันพรุ่งนี้..” พี่เต๋าและพี่มิ้นท์โบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน
........
.....
...
หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย คชาก็ออกมานั่งกดโทรศัพท์อยู่บนโซฟาตัวยาวที่จะกลายเป็นที่นอนของตนเองในคืนนี้ เด็กน้อยมุ่งมั่นตั้งอกตั้งใจกดโทรศัพท์ หัวเราะคิกคัก พอเต๋าถามก็บอกว่าคุยกับเพื่อนๆ
“เด็กครับ...” คชาละความสนใจจากโทรศัพท์ในมือแล้วช้อนตามองคนบนเตียงสูง โทรทัศน์ที่คชาเปิดทิ้งไว้ให้ไม่ได้ช่วยให้คนป่วยละความสนใจจากเด็กน้อยได้เลยสักนิด
“ปกติเวลาเราอยู่ในห้องด้วยกัน เราอยู่ห่างกันขนาดนี้เลยหรอ” เต๋าถามแล้วทำเสียงหงอยๆ เรียกเสียงหัวเราะของเด็กน้อยทันที อีกทั้งมือหนาก็ตบปุ๊ๆบนพื้นที่น้อยบนเตียงข้างกาย เป็นสัญญาณให้คชาก้าวเดินไปนั่งที่ตรงนั้น
“ใครสัญญาว่าจะให้พี่กอดน้า..” ได้ทีก็ทวงสัญญา พร้อมกับเข้าสวมกอดเด็กตัวหอมจากด้านหลัง
“อ่า..” คนตัวเล็กครางออกมาเบาๆ เมื่อความอบอุ่นจากแขนยาวข้างเดียวโอบกอดเอวบางขอตนเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขัดขืน แถมยังเอนตัวพิงหลังกับแผ่นอกของอีกฝ่ายแล้ววางศีรษะลงบนไหล่หนาอีกด้วย
“คุยกับใคร ไม่ค่อยสนใจเค้าเลย เค้าป่วยอยู่นะ” เต๋าถามอีกครั้งเพราะแม้จะอยู่ในอ้อมกอด(ข้างเดียว)ของเขา แต่น้องก็ยังคงจิ้มๆกดๆโทรศัพท์ในมือ
“ก็กับเพื่อน...” คชาละสายตาจากโทรศัพท์อีกครั้งแล้วหันหลังมาคุยกับผู้ใหญ่ขี้งอน “วันนี้สอบเสร็จแล้วเพื่อนไปฉลองกันต่อแต่คชาไม่ได้ไป” และพอเห็นสีหน้าของคนป่วย เด็กน้อยก็ต้องรีบพูดต่อ
“แต่คชาก็ไม่ได้ไปอยากไปขนาดนั้นนะ....”
“คราวหลังถ้าอยากไปกินข้าวกับเพื่อนก็ไปก่อนก็ได้ พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วที่สำคัญพี่รอได้”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ...ก็คชาอยากไปทั้งสองอย่าง แต่คชาเลือกสิ่งที่อยากมากที่สุด คชาก็เลยมาหาพี่เต๋า” เต๋ามองริมฝีปากบางที่กำลังขยับเพื่ออธิบาย มองไปยิ้มไปกับนิสัยน่ารักของเด็กซนในอ้อมแขน แล้วค่อยเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้จนหน้าผากแนบชิดสนิทกัน ไอโฟนที่อยู่ในมือถูกปล่อยให้หล่นลงบนเตียง เพราะคชามองเห็นแววตาของคนตรงหน้าที่ช่างดูแตกต่างจากเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา อะไรคือสิ่งที่พี่เต๋ากำลังคิด? …
“พี่รอได้ พี่รอได้จริงๆ....” ริมฝีปากได้รูปยิ้มบางๆให้กับเด็กน้อยที่กำลังอ้าปากค้างเหมือนมีเครื่องหมายคำถามตัวโตแปะในสมอง เต๋าผละตัวเองออกมาหลังจากนั้นแล้วลูบศีรษะน้องเบาๆ
“พี่เต๋า...”
“ครับ?”
“แต่คชาอยากมาหาพี่เต๋ามากกว่าจริงๆนะ” สิ้นเสียงใสเด็กน้อยก็เป็นฝ่ายใช้แขนสองข้างของตนเองกอดคนตรงหน้าเอาไว้แทน เต๋านิ่งค้างไปชั่วขณะ อมยิ้มน้อยๆ แล้วใช้มือที่อยู่เหลือข้างเดียวลูบหลังน้องเบาๆ...
“ครับ...พี่ก็อยากเจอคชามาก” เด็กน้อยพิงแก้มนุ่มๆลงบนบ่าของอีกฝ่าย ปล่อยให้เวลาผ่านพ้นไปโดยการถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กัน
“เพื่อนทักมาใหญ่แล้ว คุยกับเพื่อนต่อซะ” เต๋าว่าแล้วผละออกจากน้องเมื่อแอบมองเห็นแสงไฟที่กระพริบต่อเนื่องบนหน้าจอ คชาพยักหน้ารับแล้วหยิบโทรศัพท์ ก่อนจะหันหลังกลับมานั่งท่าเดิม พิงตัวเองไว้ที่อีกคนให้แขนอุ่นๆหนึ่งข้างกอดเอาไว้ ทำให้ตอนนี้คนป่วยกลายเป็นเก้าอี้ชั่วคราว ที่ทำให้คนพักพิงรู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งตัวและหัวใจ ...
เต๋ากำลังมองนิ้วมือเรียวยาวที่กดจิ้มสัมผัสหน้าจอ ยิ้มตามบ้างเมื่อน้องหันมาหัวเราะให้ยามที่เจ้าตัวขำขันกับบทสนทนา ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันคือความสุขที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน หากต้องอธิบายขยายความให้ใครฟังคงจะยาก...เพราะเรื่องแบบนี้ต้องสัมผัสและรับรู้ด้วยตัวเอง ...ด้วยประสาทสัมผัสทุกอย่างของตัวเอง โดยเฉพาะสัมผัสพิเศษที่มนุษย์ทุกคนมีเหมือนกัน “หัวใจ”
.......
.....
..
ไฟทุกดวงในห้องดับสนิทลงแล้ว มีเพียงแสงไฟจากความวุ่นวายภายนอกที่แอบลอดส่องผ่านเข้ามาตามช่องว่างของผ้าม่านผืนโต แสงสว่างไม่มากไม่น้อยแต่เพียงพอที่จะทำให้คนสองคนภายในห้องสี่เหลี่ยมรับรู้ว่ายังคงไม่มีใครจมลงสู่นิทรา เพราะประกายดวงตาจากเขาทั้งสองยังคงมองสบประสานกัน
“พี่เต๋าว่าคืนนี้ใครจะหลับก่อน..หาวว” ยังพูดไม่ทันจบดีคนถามก็อ้าปากหาววอดใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะจากคนป่วยบนเตียงที่พยายามอย่างยิ่งในการนอนตะแคงมาด้านซ้าย เพื่อจะได้มามองหน้าคุณพยาบาลเด็ก
“ยังต้องตอบอยู่ไหม”
“หาวก่อนไม่ได้หมายความว่าจะต้องหลับก่อน”
“จ้า...”
“งั้นหลับตาพร้อมกันนะ นับ 1 2 3 แล้วหลับตานะ” เต๋ายกยิ้มในความมืด นึกขำกับการเล่นสนุกของเด็กน้อยที่นอนอยู่โซฟาตัวยาวตรงข้าม
“...หนึ่ง...สอง....สาม! หลับตา!” พอนับจบตัวเล็กก็หลับตาแน่น ต่างกับอีกคนที่ยังคงลืมตาอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่อยากเล่นด้วย..แต่อยากมองเด็กน้อยยิ้มร่าตรงหน้ามากกว่า
“ห้ามลืมนะ แล้วก็นอนได้”
“ครับ..ไม่ลืม”
“อ่ะ!...ลืมบอก”
“หืม?”
“ฝันดีนะคนป่วย”
“ฝันดีเหมือนกันนะ คุณพยาบาล”
คชาหลับลงไปแล้ว เต๋ารับรู้ได้เพราะเปลือกตาบางที่ปิดสนิทและลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอของน้อง เต๋ายังคงจ้องมองใบหน้าหวานใสในความมืดมิด อะไรหลายๆอย่างกำลังทำให้เขานอนไม่หลับ อีกทั้งก็เริ่มอึดอัดเล็กน้อยที่ท่อนแขนเพราะท่านอนที่ผิดแปลก แต่นั่นคงไม่เท่าความรู้สึกภายในที่ปั่นป่วนในตอนนี้...
เด็กน้อยกำลังหลับสนิทคล้ายกำลังจะเข้าสู่ความฝัน แต่ด้วยสัญชาติญาณบางอย่างก็ทำให้ไม่ไปถึงจุดนั้น คชากำลังรู้สึกเหมือนมีเงาดำพาดทับมายังฝั่งของตนเอง ใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันทีเมื่อสมองเริ่มจินตนาการถึงสิ่งแปลกๆ และยิ่งกังวลมากขึ้นเมื่อรู้สึกเหมือนเงาดำนั้นเคลื่อนไหวมาใกล้ตนเองมากขึ้น
“พี่เต๋า!” ทันทีที่ตัดสินใจลืมตาก็ต้องรู้สึกโล่งไปทั้งใจ เด็กน้อยตาโตถามร่างสูงที่หอบหิ้วตัวเองเดินลงมาถึงข้างโซฟา
“พี่ทนไม่ได้ คชามันอึดอัด..”
“ไม่เข้าใจ” แม้ในความมืดแต่เต๋าก็มองเห็นว่าตากลมใสคู่ตรงหน้างงมากแค่ไหน
“พี่ทนไม่ได้ถ้าเราต้องอยู่ในห้องเดียวกันแล้วไม่ได้นอนข้างกัน”
“.....................................” คนฟังนิ่งเงียบไปพักใหญ่ คนกำลังจะนอนหลับฝันหวาน อยู่ดีๆก็ถูกปลุก...ปลุกให้ตื่นขึ้นมาเจอกับความจริงที่หวานกว่าตรงหน้า
“..... พี่ขอนอนด้วยนะครับ นะครับ นะ” เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งตามคำขอของคนป่วยขี้อ้อน คนตัวเล็กขยับกายเพื่อให้คนป่วยเข้าไปนอนด้านในเพราะถ้าให้พี่เต๋านอนด้านนอกมีหวังคชาได้ดิ้นไปทับเฝือกให้กระดูกที่ร้าวหักแทนได้ โซฟาตัวยาวที่ถูกกางออกมีพื้นที่เพียงพอสำหรับคนสองคน ...เพียงพอจะให้คนสองคนได้นอนเคียงข้างกันบนหมอนใบเดียวกับผ้าห่มผืนอุ่น
เมื่อจัดแจงที่นอนได้เรียบร้อยกันทั้งคู่ เต๋าก็วางพาดแขนยาวข้างที่ใช้งานได้ไปโอบไหล่บางให้เข้ามาแนบชิด กลิ่นหอมจากกลุ่มผมสีดำเข้ามาใกล้จมูกเขามากขึ้นเพราะน้องเริ่มเข้ามาพิงซบ
“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” ทั้งพูดทั้งยิ้มจนเด็กตัวเล็กรู้สึกหมั่นไส้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เหมือนจะเข้าใจ เพราะตอนลืมตาแล้วเห็นคนห้อยเฝือกมายืนเซๆข้างเตียงก็แอบสงสารอยู่เหมือนกัน
“ฝันดีครั้งที่สองนะครับคุณพยาบาล” เต๋าบอกฝันดีอีกครั้งแต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับกับเป็นความเงียบ พอมองดูเด็กน้อยก็พบว่านอนหลับตานิ่งสนิทไปแล้ว เต๋ายิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกดจมูกลงบนกลุ่มผมหอมที่พิงซบบนไหล่ ความง่วงที่เริ่มเข้าครอบงำเพราะไม่มีสิ่งใดที่ทำให้รู้สึกกังวลทำให้เปลือกตาปิดสนิทลง และในขณะที่กำลังจะคล้อยหลับก็ต้องยิ้มออกมาทั้งตาหลับเมื่อแขนเล็กพาดทับมายังกลางลำตัวของตนเอง คชาขยับตัวนอนตะแคงแล้วยกแขนกอดคนเป็นพี่เอาไว้ เต๋าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าตัวมีสติมากแค่น้อยแค่ไหน รู้แต่เพียงว่าคืนนี้เขาคงจะนอนหลับ...และฝันดี
------------------------------------------------------------------
หลังจากที่นอนโรงพยาบาลมาหลายวัน เต๋าก็ได้รับอนุญาตให้กลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน และเป็นอย่างที่คิดไว้ บริษัทให้เขาลาป่วยยาวอีกหลายวัน ที่คิดว่าคงน่าเบื่อก็เหมือนจะคิดผิดถนัด เพราะคชาอยู่ในช่วงปิดเทอมเช่นเดียวกัน ทำให้เต๋าได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคุณพยาบาลประจำตัวตลอดเวลา จนบางครั้งแอบคิดว่าอยากจะแขนเดี้ยงไปอีกนานๆ ...
อยากจะเอางานขึ้นมาทำมันก็ทำได้ไม่ค่อยเต็มประสิทธิภาพ ตอนนี้เลยมีหน้าที่หลักคือเป็นคนป่วยให้คุณพยาบาลดูแลเอาใจใส่ทะนุถนอม อย่างเช่นตอนนี้ที่เต๋ากำลังมองคุณพยาบาลเด็กตั้งอกตั้งใจตัดเล็บให้ตนเองอยู่
“เสร็จแล้ว...” โซฟาตัวยาวของบ้านเลขที่ 23/2 กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเด็กกับผู้ใหญ่ในช่วงปิดเทอม ช่วงเวลาวันทำงานทำให้ไม่มีใครอยู่บ้านนอกเสียจากเต๋ากับคชา ..แล้วก็แมวน้อยสีขาวขนฟูอีกหนึ่งตัว
“ขอบคุณครับผม”
“คะน้านอนอีกแล้ว ทำไมขี้เซาแบบนี้นะ ทำไมขี้เซาแบบนี้” คชาว่าพลางลูบไปมาที่ขนสีขาวฟูของแมวน้อยที่นอนหลับอยู่บนโซฟาข้างกาย
“อ้าว...แล้วแมวตัวนี้ก็ขี้เซาหรอ” คชาละจากการสนใจแมวตัวเล็กขี้เซา มาสนใจแมวตัวโตขี้อ้อนแทน หลังจากตัดเล็บให้พี่เต๋าเสร็จตอนนี้คนตัวโตก็ย้ายตัวเองลงมานอนหนุนตักนิ่ม ขยับท่านอนให้เข้าที่สักนิดเพราะอุปสรรคจากสายที่คล้องอยู่บนต้นคอจากเฝือกที่แขน
“ไม่ได้สระผมหลายวันแล้วหรอ?” คชาถามขึ้นเพราะกลุ่มผมสีดำที่จับลูบอยู่เริ่มมันนิดๆ
“มันสระลำบาก พี่ว่าจะไปสระร้านอยู่เหมือนกัน เริ่มคันนิดๆแล้ว”
“สระให้ไหมฮะ?” เพราะหลับตาอยู่เต๋าจึงไม่รู้ว่าน้องกำลังทำหน้าแบบไหน แต่พอลืมตาขึ้นมาก็พบแววตาซุกซนของคนที่กำลังคิดหาเรื่องสนุกทำ
พื้นที่เล็กๆของสวนน้อยหน้าบ้านถูกเปลี่ยนให้เป็นร้านเสริมสวยชั่วคราวโดยคุณพยาบาลตัวเล็ก คชาจัดการนำเก้าอี้หัวโล้นมาวางเพื่อให้อีกคนมานั่ง เปิดน้ำสายยางในระดับปานกลาง ก่อนจะบอกให้ร่างสูงที่นั่งอยู่แหงนหน้าขึ้น สายน้ำไหลผ่านออกมาเรื่อยๆจนแทรกซึมผ่านกลุ่มผมของคนบนเก้าอี้ช้าๆ เต๋ารู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ศีรษะจนลงไปถึงปลายเท้า ไอเย็นของน้ำทำให้ผ่อนคลายจนเผลอหลับตา
“เย็นไปไหม?”
“ไม่จ้า กำลังสบาย...” หลังจากนั้นมือเรียวทั้งสองข้างก็เริ่มชโลมไปทั่วกลุ่มผมของคนตรงหน้า คนตัวเล็กออกแรงนวดเบาๆ ไล่ตั้งแต่ท้ายทอยจนมาถึงขมับ
“สบายเชียว” เต๋าไม่ได้ตอบอะไร เพียงหรี่ตาน้อยๆแล้วยิ้มบางๆให้กับคนตัวเล็ก แรงขยุ้มที่ศีรษะเบาๆเหมือนทำให้สมองโล่งไร้ซึ่งความคิดใด สัมผัสนุ่มนิ่มที่ได้รับตอนนี้มันช่างทำให้ความกังวลต่างๆ ผ่อนคลายหายลงไปมาก
หลังจากใช้เวลาในการสระผมซักพัก ตอนนี้เด็กน้อยก็กำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดเบาๆ พร้อมออกแรงนวดที่ศีรษะพี่เต๋าอีกหน
“เสร็จแล้ว..ไปเป่าๆผมกัน” สิ้นคำชักชวนเต๋าก็ลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมจะเดินเข้าบ้าน
“คะน้าอยากเปียกหรอ” เด็กน้อยหัวเราะเสียงร่าเมื่อมองเห็นขนที่เคยฟูของแมวน้อยลู่แนบสนิทไปกับลำตัว แมวดื้อกำลังเอาตัวลงไถลเล่นกับแอ่งน้ำใกล้ๆอย่างสนุกสนาน “เปียกหมดแล้ว เปื้อนด้วย” เหมือนจะดุแมวน้อยของตนเองแต่หากน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“อยากสระขนอีกคนหละสิ” เต๋ากำลังยืนยิ้มมองดูเด็กน้อยของตนเองนั่งหัวเราะคิกคักกับแมว มือบางคอยลูบขนเปียกๆของแมวแสนดื้อ ดุบ้าง ขู่บ้างเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวฟูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเล่นน้ำ สายตาคมปราดมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีสดใสไร้แดด ...วันนี้อากาศดี ดีเกินไปที่จะอยู่ในบ้าน คิดได้ดังนั้นก็เดินไปหยิบสายยางแล้ว ...
“พี่เต๋า......” คชาหันหลังมองอีกคนด้วยหางตา หยดน้ำที่ปะทะผิวกายทำให้คชาหันขวับไปยังผู้ใหญ่ขี้แกล้ง แม้จะมีแขนเดียวแต่ก็รู้สึกว่าพี่เต๋าจะใช้งานมันได้คุ้มค่าเหลือเกิน
“เปียกเป็นเพื่อนแมวไง คะน้าจะได้ไม่เหงานะ”
“แกล้งหรอ!” คชาว่าเสียงดัง ลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งตรงเข้าแย่งสายยางที่ยังคงมีน้ำไหลอยู่จากมือหนา ดึงกันไปมาจนสายน้ำสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศ คชารู้สึกถึงความเปียกชุ่มช่ำบริเวณเสื้อที่สวมใส่ ไม่ต่างกับเต๋าที่เริ่มเปียกปอนเช่นกัน
“คชา คชา..ปล่อยก่อน มันจะโดนแขนพี่” สิ้นประโยคเด็กน้อยก็หยุดการกระทำทันทีเพราะกลัวว่าน้ำจะโดนเฝือกของอีกฝ่าย แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองนั้นกำลังถูกหลอก เพราะหลังจากนั้นคนป่วยก็ยื้อแย่งสายยางไปครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องเสียเวลาเป้าหมายของสายน้ำเล็งไปที่ใบหน้าเนียนใสของเด็กน้อยทันที
“ฮืออออออออออออ.....พี่เต๋า!” น้ำจากสายยางที่พุ่งปะทะที่ใบหน้าทำให้คชาหลับตาแน่น แล้วร้องเรียกอีกคนเสียงดัง จากเด็กที่ไม่ได้เปียกอะไรมาก แต่ตอนนี้กลับชุ่มฉ่ำด้วยน้ำไปทั่วทั้งตัว
“แสบตา...” เพียงเท่านั้นเต๋าก็ปล่อยสายยางลงกับพื้นแล้วเดินเข้าหาน้องทันทีไม่รีรอ คชายังคงหลับตาแน่นพร้อมยกขึ้นมาเหมือนจะขยี้ตา เต๋าค่อยๆก้มตัวต่ำลงเพื่อสำรวจใบหน้าของเด็กน้อย
“ไหนดูสิ...” เปลือกตาบางพยายามเปิดออกอีกครั้งแต่ก็รู้สึกแสบจนต้องหลับตาลงไปอีกหน
“ไม่ต้องรีบนะ ค่อยๆลืม ช้าๆ...” เสียงนุ่มค่อยบอกด้วยความอ่อนโยน คนตัวเล็กค่อยขยับเปลือกตาขึ้นช้าๆ จนเริ่มมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ในระยะใกล้
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหม...ขอโทษนะครับ” เสียงนุ่มๆยังคงพูดต่อเนื่องพร้อมใช้มือลูบบางเบาสัมผัสที่แก้มเนียนนิ่มช้าๆ
“ชอบแกล้ง นิสัยไม่ดี”
“ขอโทษ...ให้อภัยเค้านะ” นิ้วชี้แตะเข้าสัมผัสเบาๆที่ปลายจมูกรั้นของเด็กน้อย เรียกให้ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมาช้า ๆ
“เปียกหมดเลย” ว่าเหมือนจะตัดพ้อนิดๆ แต่ก็แอบแย้มยิ้มด้วยกันทั้งคู่
“ก็เปียกด้วยกันทั้งคู่.....อ่อ มีอีกหนึ่งตัวด้วย” แล้วก็ต้องหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกันเมื่อแมวตัวเปียกเดินมาแทรกกลางระหว่างเขาทั้งสอง ปากเล็กๆพยายามดึงลากสายยางที่ยังคงมีน้ำไหลแล้วเอาตัวไถไปกับสายน้ำเย็น คชาหัวเราะคิกคักกับท่าทางของแมวสุดที่รัก กำลังจะก้มตัวอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแต่มือหนาข้างขวาของคนตรงหน้าก็รั้งไหล่ของตนเอาไว้ก่อน
“ปล่อยให้แมวตัวเล็กเล่นไปเถอะครับ มันคงกำลังมีความสุข....” ดวงตาคู่กลมช้อนมองคนตัวสูงกว่า ก่อนจะต้องเม้มริมฝีปากแน่นเพราะประโยคถัดมาที่ได้ยิน ...
“เพราะแมวตัวโตก็กำลังมีความสุขเหมือนกัน” ระยะห่างของหน้าผากที่เกือบจะแนบชิดกัน ปลายนิ้วแตะสัมผัสที่จมูกของเด็กน้อยอีกครั้ง แตะเบาๆสองสามทีจนคนโดนกระทำต้องยู่หน้า ไม่นานก็เป็นร่างสูงที่โดนปลายนิ้วเรียวแตะเข้าที่จมูกบ้าง... ปลายเท้าของทั้งคู่รู้สึกเย็นชุ่มฉ่ำจากสายน้ำที่แมวน้อยกำลังสะบัดสายยางไปมา เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกันไม่ได้นัดหมาย ...ใช่...เรากำลังมีความสุข
เพราะอากาศดี .... :)
------------------------------------------------------------------
เอามาลงตามสัญญา แข่งกับเวลาฮอตของลำยอง 555 ..ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ตอนที่แล้วมาก คือเยอะจนตกใจ T[]T
ไม่ขอสปอยล์ใดๆ จริงๆ...
#มีสุข23
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น