ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #38 : Special Chapter : The Beginning of the second time...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 638
      1
      30 ก.ย. 57

     

    (ย้อนๆ ย้อนไปก่อนช่วงวาเลนไทน์)







     

    จุดเริ่มต้นของครั้งที่ 2 , 3 , 4 , 5 …

     

     

    ร่างเล็กเดินเตาะแตะพร้อมอุ้มแมวน้อยตัวเล็กสีขาวมาตามทางบันได ก่อนจะหยุดลงอยู่ที่หน้าบานประตูคุ้นเคย คนตัวเล็กเคาะบานประตูไม้ หวังเพื่อให้คนที่อยู่ด้านในมาเปิดให้ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อรอนานเกินไป อีกทั้งตอนนี้ก็เก้าโมงกว่าแล้ว

     

    พี่เต๋าขี้เซาจัง...

     

    ตัดสินใจเปิดประตูเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาต ความเย็นย่ำจากเครื่องปรับอากาศทำให้คชาตระหนักได้ว่าอีกคนไม่ได้ลุกขึ้นมาปิดแอร์เหมือนเช่นทุกวัน

     

    ทำไมนอนตื่นสายขนาดนี้ ...

     

    ตาคู่กลมมองเห็นร่างสูงยาวของพี่ชายคนสนิทนอนหันมายังฝั่งตนเองพอดี หากแต่คชาไม่สามารถเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้เพราะผ้าห่มผืนโตปกคลุมใบหน้ากว่าครึ่งหนึ่งเอาไว้

     

    “พี่เต๋า” คชานั่งลงบนพื้นข้างเตียง เลื่อนผ้าห่มออกจากใบหน้าคม แล้วมองสำรวจใบหน้าของอีกคนที่คงกำลังหลับลึกได้ที่ เพราะไม่มีวี่แววจะขยับกายหรือรู้สึกตัวใดๆ มือบางจึงจับขาของแมวตัวนิ่มแตะเข้าเบาๆ ที่จมูกของร่างสูง ตีเบาๆ ไปมาสองสามครั้ง และนั่นทำให้ปลายนิ้วเรียวได้รับไอสัมผัสอุ่นร้อน ซึ่งคชารู้สึกว่ามันร้อนเกินกว่าปกติ

     

    “พี่เต๋าฮะ...” เสียงเล็กเรียกอีกครั้งแล้วแตะมือเข้าที่หน้าผากของคนนอนหลับ ก่อนจะเอ่ยออกมาเมื่อรับรู้ถึงอุณหภูมิของอีกคน “ตัวร้อนจัง” เมื่อรู้ว่าอีกคนเริ่มมีอาการไม่สบาย คนตัวเล็กจึงรีบเดินไปปิดแอร์และเปิดผ้าม่าน

     

    “แค่ก แค่ก” เสียงไอแห้งๆ ของคนป่วยเรียกให้เด็กน้อยเดินเร็วกลับมายืนข้างเตียง เต๋าเริ่มขยับไปมาก่อนจะพยายามลืมตา ซึ่งเขาตระหนักว่ามันช่างเป็นสิ่งที่ยากลำบากเหลือเกินในยามนี้  

     

    “พี่เต๋าไม่สบาย” ทันทีที่เห็นคนป่วยลืมตา เด็กน้อยก็นั่งลงบนเตียงเพื่อถามไถ่

     

    “ออกไปก่อนนะ เดี๋ยวติดไข้” เสียงแหบแห้งเอ่ยบอกแผ่วเบา ราวกับไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน

     

    “ไม่ติดหรอก”

     

    “ออกไปก่อนครับ พี่นอนอีกสักพักก็หายนะ” เต๋าบอกก่อนจะสัมผัสได้ถึงปลายลิ้นเล็กที่เลียอยู่ข้างแก้มจากแมวน้อยตัวป่วนคล้ายกับจะชวนให้ตื่นขึ้นมาเล่นกัน และเป็นคชาที่ย้ายเจ้าตัวเล็กลงมาไว้ข้างเตียง เพื่อไม่ให้รบกวนคนป่วย

     

    “คชาก็อยู่เป็นเพื่อนไงฮะ” คชาบอกเสียงติดจะน้อยใจ นึกถึงวันที่คชาไม่สบาย พี่ชายคนนี้ก็มาช่วยดูแล แต่พอเจ้าตัวป่วยบ้าง คชากลับโดนให้ออกจากห้อง ...ก็แค่อยากจะดูแลบ้าง

     

    “เด็กใกล้สอบแล้ว ไม่สบายมันจะไม่ดีนะ” พอรู้เหตุผลก็อยากจะถอนหายใจ ..พี่เต๋ายังคงนึกถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ

     

    “พี่เต๋าอยู่คนเดียวไม่ได้ พี่เต๋าต้องกินยา กินข้าว เช็ดตัวเหมือนกันนะ” คชาบอก แตะเข้าต้นแขนของคนป่วยที่นอนหลับตาไปแล้ว

     

    “พี่กินยาไปแล้ว”

     

    “ตอนไหน”

     

    “เมื่อคืน”

     

    “ป่วยตั้งแต่เมื่อคืนเลยเหรอ”

     

    “จ้ะ” เต๋าแค่รู้สึกเมื่อยล้าและอ่อนเพลียจึงทานยากันไว้ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลเท่าไหร่นัก  เพราะตื่นมามีอาการปวดหัวหนักมากกว่าเดิม ไข้ขึ้นสูงกว่าเมื่อคืนเสียจนลุกไม่ไหว

     

    “ต้องกินยาอีก ตัวร้อนมากเลย” บอกแล้วเอามือทาบที่หน้าผากของคนป่วยอีกครั้ง หากแต่เต๋ากลับรวบรวมแรงอันน้อยนิดเบี่ยงหนี

     

    “เดี๋ยวติดไข้ ออกไปก่อนนะ”

     

    “พี่เต๋า...” เสียงเล็กบอกแผ่วเบาเหมือนน้อยใจอะไรบางอย่าง

     

    “ไม่ดื้อนะครับ พี่ไม่มีแรง”  เต๋าตอบออกไปส่งๆ ก่อนจะเริ่มต้านทานความอ่อนเพลียของร่างกายไม่ไหว กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้ง  

     

    คชาเดินออกจากห้องไปหลังจากนั้น เต๋าไม่รู้ว่าน้องจะเชื่อฟังกันมากน้อยแค่ไหน วันนี้คชาจะดื้อเพียงใด เขาก็ไม่มีแรงจะโต้ตอบอะไร อยากจะขอให้เด็กน้อยเข้าใจ เขาไม่อยากให้น้องต้องมาติดไข้แล้วพาลเสียการเรียน

    ....

    ..

    “พี่เต๋า ..พี่...” เต๋าพยายามลืมตาขึ้น ต่อต้านกับความอ่อนเพลียในร่างกายเมื่อได้ยินเสียงเฟรมเรียกปลุก  “กินข้าวพี่ จะได้กินยา” สายตามองเห็นหน้าน้องชายลางๆ ที่มือถือถ้วยข้าวต้มมาวางไว้ให้ที่หัวเตียง พร้อมลากโต๊ะมาตั้งให้เสร็จสรรพ  

     

    “ลุกไหวไหมพี่?” เต๋าส่ายศีรษะแทนคำตอบ ตอนนี้เขาไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน แรงจะขยับปากพูดกับน้องยังแทบไม่มี “ป้อนไหมพี่?” เฟรมช่วยพยุงพี่ชายให้ขึ้นมานั่ง ก่อนจะเริ่มป้อนข้าวต้มถ้วยร้อนให้คนป่วย แต่เต๋ากินไปได้ไม่ถึง 5 คำ ก็ต้องขอหยุด

     

    “เดี๋ยวอีกสักพักเอายามาให้นะพี่” เฟรมบอกแล้วช่วยร่างสูงให้นอนลงไปอีกครั้ง

     

    “คชา..” เต๋าตั้งใจจะถามว่าเด็กดื้อไปไหน แต่เหมือนเฟรมจะเดาออกจึงตอบออกมาก่อน บอกให้ถูกคือกลัวพี่ชายจะหมดแรงเปล่งเสียงไปเสียก่อน

     

    “น้องออกไปซื้อยา ข้าวต้มถ้วยนี้คชาก็ฝากมาให้... พักผ่อนนะพี่ เดี๋ยวเอายามาให้กิน” เต๋าหลับลงหลังจากนั้น ปล่อยให้น้องชายได้เช็ดตัวให้ ความเย็นชุ่มจากผ้าขนหนูไม่ได้ทำให้คนป่วยมีสติแต่อย่างใด

    ...

    ..

    .

    ตาคู่กลมแอบมองผ่านช่องแคบของประตูไปยังคนป่วยที่กำลังโดนเช็ดตัว  สารภาพว่าแอบน้อยใจที่พี่เต๋าห้ามเข้าใกล้ แต่ก็พยายามเข้าใจว่าอีกคนคงเป็นห่วงจริงๆ ยิ่งได้ยินเสียงแห้งๆ ขอร้องกันออกมาทั้งที่แทบไม่มีแรงแบบนั้น คชาก็ไม่อยากจะดื้อให้พี่เต๋าได้เหนื่อย

     

    เฟรมออกไปสักพักแล้ว เหลือเพียงร่างเล็กที่ยืนกอดแมวตัวเล็กพิงบานประตู ดวงตาคู่กลมทอดมองคนป่วยที่นอนแน่นิ่งหลับสนิทบนเตียง  ใบหน้าซีดเซียวที่มองเห็นทำให้อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง จริงอยู่ที่อีกฝ่ายเป็นคนแข็งแรง แต่การทำงานหนัก นอนน้อย ตากละอองฝนกลับบ้านบ่อยๆ  ก็ทำให้ร่างกายทรุดลงได้เหมือนกัน 

     

    คนป่วยนอนหลับไปได้สักพักแล้ว ทำให้เด็กน้อยแอบลอบเข้ามาในห้องได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยืนมองจากประตู เพราะตอนนี้คชาเริ่มคิดแล้วว่า ถ้าติดไข้ขึ้นมาจริงๆ พี่เต๋าคงต้องโทษตัวเองแน่ๆ คิดแล้วก็อยากจะเถียง

     

    คชาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย ._.)

     

    ยืนนิ่งๆ มองคนป่วยจากประตูได้ไม่นาน ขาก็ก้าวมาหยุดที่ข้างเตียงของอีกคนจนได้   “ตัวยังไม่หายร้อนเลย” พอเอามือวัดไข้ที่หน้าผากก็ต้องรีบไปนำกะละมังใบใหม่เพื่อมาเช็ดตัวให้คนป่วยอีกหน

     

    มือเล็กบิดผ้าขนหนูผืนนิ่มอีกครั้ง พับทบแล้วนำไปวางไว้บนหน้าผากร้อนของคนป่วย แล้วว่าทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงแสนเหงา  “หายได้แล้วนะฮะ...”

     

    “หึ...” เสียงจากลำคอของคนป่วยดังขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหว ทำให้คนที่นั่งมองอยู่นิ่งเริ่มทำตัวไม่ถูก ในใจก็ลุ้นให้อีกคนไม่ลืมตา แต่เหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เพราะหลังจากที่ไอไปได้สองครั้งพี่เต๋าก็ลืมตาขึ้น

     

    “เด็ก..” น้ำเสียงแห้งๆ ถูกเปล่งออกมาอย่างยากลำบาก คนป่วยขมวดคิ้วมองหน้าเด็กน้อยเหมือนกำลังปรับภาพโฟกัส เพราะมองเห็นไม่ชัดมากนัก เต๋าส่ายหน้านิดๆ  แววตาจ้องมองมายังคนเบื้องหน้าที่ระยะห่างกันไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัด  ส่งสายตาแทนถ้อยคำที่อยากจะบอกทั้งหมด ก็ถ้าตัวเล็กจะมาอยู่ใกล้กันขนาดนี้  ไข้มันจะไปไหนได้ ...

     

    “พี่เต๋า...อย่าพึ่งดุนะ ป่วยอยู่ห้ามดุ” ก้มหน้าน้อยๆ เหมือนรู้สึกผิด ก่อนจะบอกเสียงเบาให้คนนอนป่วยยิ้มบาง “ก็อยากอยู่ด้วยนี่นา”

     

    “คชา” เสียงแห้งครั้งนี้แฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบบางอย่าง

     

    “คชาไปแล้ว ไปแล้ว...ไปก็ได้” พูดปุ๊บก็เด้งตัวลุกขึ้นปั๊บ อุ้มหมับที่แมวตัวนิ่มแล้วตรงไปยังประตู หันหลับมาหาคนป่วยที่ยังคงมองตาม คชายกคะน้าขึ้นแล้วใช้ขาหน้าของแมวขาวบ๊ายบายร่างสูงให้ได้ยิ้มบางๆ ก่อนจะพาตัวเองพักผ่อนอีกครั้ง คิดว่าคงจบแค่นั้นแต่ก็เหมือนจะเห็นลางๆ ว่าเด็กน้อยที่ปิดประตูไปแล้วเมื่อครู่ แง้มบานประตูมาแอบลอบมองเขาอีกหน ... ซนจริงๆ

     

    วันนี้ขอตั้งชื่อตอนว่า เด็กน้อยตัวป่วน  แทนได้ไหมนะ?  : )

    ....

    ..

    .


    (To be continued ...)
     

    เต๋าลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแรงขยับของแมวตัวเล็กบริเวณปลายเท้า ก่อนจะต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นเด็กดื้อแอบเข้ามานอนหลับพิงประตูห้องนอน อุ่นใจไม่น้อยที่เห็นน้องเป็นห่วงกันมากขนาดนี้ ก็ถ้าจะดื้อได้น่ารัก น่าเอ็นดูขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะห้ามยังไง ...ก็ได้แต่หวังว่าอีกคนคงจะไม่ติดไข้ให้ป่วยจนไม่ได้ไปโรงเรียนแล้วกัน

     

     

    ร่างสูงขาวในชุดเสื้อยืดสีอ่อนกับกางเกงขายาวเดินเซลงมาตามทางบันได อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จวนจะเที่ยงคืนแล้ว เขารู้สึกดีขึ้นมาก อาการมึนๆ ยังคงมีให้กวนร่างกายและจิตใจอยู่บ้าง แต่ก็ดีขึ้นหากเทียบกับเมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ต้องขอบคุณการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอที่ช่วยให้ฟื้นไวขนาดนี้ 

     

    เต๋าตั้งใจว่าจะลงมายืดเส้นยืดสาย หาอะไรหนักๆ เข้าปาก แต่ทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่าง คนตัวเล็กที่นอนงีบพิงโซฟาอยู่ก็ดึงดูดความสนใจของเต๋าไปเสียหมด แถมยังใส่ชุดนอนลายการ์ตูนพร้อมห่มผ้าห่มผืนอุ่นของตัวเองด้วย ... นี่เด็กดื้อคิดจะย้ายสำมะโนครัวเข้ามาบ้านกันตั้งแต่ยังไม่ตบไม่แต่งให้ถูกต้องตามประเพณีเลยเหรอเนี่ย บ้าจริง :D

     

    “เต๋าดีขึ้นแล้วเหรอ?... คชาอยากมาเฝ้าแก แต่เห็นน้องบอกไม่อนุญาตให้น้องเข้าใกล้ ดูสิหลับปุ๋ยไปแล้ว”

     

    “ดีขึ้นแล้วพี่” ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างเด็กน้อยที่นอนขดอยู่บนโซฟา อดไม่ได้ที่จะแอบเช็คอุณหภูมิที่หน้าผากของคนตัวเล็ก  โล่งใจมากเมื่อไม่พบว่าคชามีไข้แต่อย่างใด มือหนาเลื่อนกระชับผ้าห่มผืนอุ่น ลูบเบาๆ ที่ผมนิ่มด้วยความคิดถึง อาทิตย์นี้ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน เสาร์ที่เขาต้องทำงาน วันอาทิตย์ก็มาป่วย เด็กน้อยคงจะเหงาเหมือนกัน

     

    “กินอะไรไหม?”  ตี๋ถามพร้อมยกมื้อดึกที่ตนเองกำลังเวฟอยู่ เต๋าพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในครัว ปล่อยให้เด็กน้อยนอนหลับปุ๋ยอยู่แบบนั้น

    ....

    ...

    ..

    เต๋านั่งดูทีวีตัวยาวรอเวลาให้เด็กน้อยตื่น อีกชั่วโมงจะเที่ยงคืนแล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่าคชาจะตื่น พรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียน  สงสัยคงต้องอุ้มกลับไปส่งที่ห้องนอนแล้วล่ะมั้ง ...แหมแค่คิดเล่นๆ เอง ขยับตัวซะแล้ว อดอุ้มแล้วมั้ง  

     

    “นึกว่าคืนนี้จะหลับยาวแล้ว” เต๋าถามมองตามเด็กพึ่งตื่น หน้ายังคงติดง่วง

     

    “พี่เต๋าดีขึ้นแล้วใช่ไหม”  มือเล็กเอื้อมแตะหน้าผากขาวทันทีที่มีสติ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อพบว่าอีกคนไข้ลดลงไปมาก

     

    “หายแล้วต่างหาก”  เต๋ายิ้มตามเมื่อมองเห็นความดีใจผ่านแววตาคู่ใสตรงหน้า ... ความจริงอุ้มขึ้นห้องนอนเขาเองน่าจะง่ายกว่าไปส่งคชาที่บ้านก็ได้

     

    “คชาเข้าใกล้พี่เต๋าได้แล้วใช่ไหมครับ?” คชาถามด้วยแววตาใสซื่อ ทั้งน้ำเสียงทั้งแววตา ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เห็นในตอนนี้เด็กน้อยกำลังอ้อนเขาอยู่ชัดๆ อ้อนกันแบบนี้สงสัยต้องแถมให้...

     

    “กอดได้ด้วยครับ” บอกพร้อมอ้อมแขนที่เข้าโอบอ้อมคนตัวเล็กเอาไว้ ไม่มีอาการนิ่งอึ้งค้างใดๆ จากคนในอ้อมกอด มีแต่ความดีใจที่ผู้ใหญ่ขี้แกล้งกลับมาแข็งแรง ดีใจเสียใจเผลอร้องออกมา

     

    “เย่”

     

    “มากไป มากไป... อย่าลืมว่ายังมีฉันอยู่ทั้งคน” เสียงพี่ชายคนโตของบ้านบอก พยายามใส่ทำนองเพลงแซวกันอีกด้วย คนที่โดนล้อไม่ได้โต้ตอบอะไรเลยสักนิด แขนยังกอดเด็กตัวหอมแน่น มีแต่หน้าเท่านั้นที่หันมามองพี่ชายตัวเอง

     

    “แหมน้องเต๋าคร้าบ ถ้าจะมองพี่แบบนั้น พี่ไปก็ได้ครับ... ว่าแต่จะดูหนังกันต่อใช่ไหม งั้นฝากปิดบ้าน ปิดไฟด้วย” ตี๋บอกก่อนจะทิ้งท้ายอีกอย่างด้วยความเป็นห่วง “เต๋าอย่าลืมกินยาก่อนนอนด้วย”

     

    รายนามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเคลื่อนไหวบนจอทีวี หนังจบไปได้สักพักแล้ว หากแต่เต๋ายังคงนั่งอมยิ้มกับเรื่องราวของตัวละคร  ไม่ต่างจากคชาที่แย้มยิ้มกับความน่ารักให้กับบทสรุปเรื่องราวของความรักจากหนังเรื่องนี้

    “เด็ก”

     

    “หือ?...”

     

    “ดึกแล้วครับ ไปนอนกันนะ”

     

    “เป็นอะไรครับ ยิ้มอะไร”

     

    “พี่เต๋าก็ยิ้ม...”

     

    “ก็หนังน่ารักดี”

     

    “ดึกแล้ว กลับบ้านได้แล้ว” เต๋าบอกแล้วยกมือขยี้กลุ่มผมนิ่มสองสามที

     

    “อ้าว...”

     

    “อ้าวอะไรครับ”

     

    “มารอนอนด้วย ไม่ได้มาให้ไล่กลับบ้าน”

     

    “ก็พี่เต๋าหายแล้วไม่ใช่เหรอ ก็นอนด้วยกันได้แล้วไม่ใช่เหรอฮะ” ก้มหน้า จับผ้าห่มผืนนุ่มขยำไปมา ไม่มองหน้าคนที่อยู่ด้วยกันสักนิด

     

    “พี่ยังไม่หายดีเลยนะ”  เต๋ายิ้มน้อยๆ มองตาม ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกดีมากแค่ไหน แค่ ที่เด็กมาอ้อนขอนอนด้วยกันแบบนี้ คงเพราะอาทิตย์นี้ไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ด้วยกันล่ะมั้ง

     

    “กลับก็ได้...” บอกเสียงเบา แล้วรวบเอาผ้าห่ม ผ้าปูขึ้นเตรียมจะกลับไปนอนบ้านจริงๆ

     

    “งอนเหรอเนี่ย?

     

    “ก็ไล่เค้ากลับ...” คชาบอกแล้วเอาผ้าห่มคลุมหัวเอาไว้ ตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่เต๋าก็เบียดเข้าหาแล้วกันไว้เสียก่อน คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งชิดติดโซฟาด้านใน 

     

    “พี่ยังตัวร้อนอยู่เลย”

     

    “ไม่เห็นรู้สึกเลย” เถียงกลับด้วยความไว พร้อมเอามือมาวางทาบหน้าผากขาว  เห็นคนตรงหน้าดื้อแบบนี้ อยากจะจับตีเหมือนเด็กๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าดึกป่านนี้พี่มิ้นท์ก็คงเข้านอนไปแล้ว ยังไงปลายทางวันนี้คชาก็ต้องนอนที่นี่อยู่ดี แต่ถ้าง่ายไปมันจะไม่สนุกนะสิ

     

    เต๋าเลื่อนเข้าหาเด็กน้อยที่กำลังจะลุกขึ้นยืน ก่อนจะเข้าแตะริมฝีปากของตนเองเข้ากับความอ่อนนุ่มสีระเรื่อของคนตรงหน้า นิ่งค้างไว้พอให้เด็กดื้อได้รับรู้ถึงอุณหภูมิของกันและกันจึงผละออกมา 

     

    “รู้สึกแล้วยังครับ” แล้วการตอบกลับของคชาก็ทำให้คนอย่างเต๋าใจสั่นไหวเหมือนชายหนุ่มในวัยแรกแย้มจนได้... ส่ายหน้าทั้งที่แก้มแดงๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน ถ้าจะเปิดทางให้กันขนาดนี้ล่ะก็... คงต้องซ้ำอีกหลายๆ รอบ

     

    คชาหลับตาลงอีกครั้งเมื่อพี่ชายขี้แกล้งโน้มใบหน้าเข้าหาอีกหน  หากแต่เมื่อริมฝีปากสัมผัสกันได้ไม่นาน ความแปลกใหม่บางอย่างก็ได้เกิดขึ้น เหมือนมีคำขอร้องส่งมาแตะผ่านที่ริมฝีปากบาง  แค่เพียงเผลอทำตามสัญชาติญาณ ก็กลายเป็นโอกาสให้ความอ่อนนิ่มบางอย่างของคนคุมเกมแทรกซึมผ่านช่องว่าง สัมผัสอุ่นชื้นแตะลงบนความอ่อนนิ่มของคนไร้ประสบการณ์ แล้วเคลื่อนขยับไหวตามความต้องการ เกาะเกี่ยวทุกตารางพื้นที่ ส่งผ่านทั้งความอุ่นร้อนของอุณหภูมิภายใน เติมเต็มความรู้สึกแสนหวานทิ้งไว้มากมาย ความรู้สึกร้อนรุ่มบางอย่างถูกจุดขึ้นเพราะสัมผัสแปลกใหม่ครั้งนี้ แปลกจนคนตัวเล็กเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง จนต้องออกแรงบีบไหล่หนาเพื่อร้องขอคนตรงหน้า

     

    เต๋าผละออกมาเมื่อรู้ว่าคชาเริ่มไม่ไหว เว้นช่องว่างให้อีกคนได้หายใจ คนตัวเล็กสูดลมหายใจราวกับขาดมันไปนาน จนเผลอไอออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ท่าทางน่ารักแบบนี้อดไม่ได้ที่คนมองจะหัวเราะออกมา

     

    “หัวเราะอะไรเล่า”  

     

    “เค้กสตรอว์เบอร์รี่อร่อยจังครับ” 

     

    “ก็เคยชิมแล้วนิ”

     

    “ก็ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งอื่น แบบนี้อร่อยกว่าตั้งเยอะ”


    “..............................”  ไม่มีคำตอบโต้ใดๆ จากเด็กน้อยเลยสักนิด มีเพียงแต่อาการเขินอายที่เกินปกติผ่านสีแก้มและแววตาเท่านั้นที่เต๋ามองเห็น

     

    “แล้วเด็กว่าแบบไหนดีกว่า” 

     

    “ไม่รู้เหมือนกันสิฮะ...”

     

    “แล้วชอบแบบไหนมากกว่าครับ”

     

    “ไม่รู้สิฮะ...แต่แบบเมื่อกี๊มันใจเต้นแรงกว่า แล้วก็ร้อนๆ ไปหมด” เต๋ามองคนแก้มแดง ก้มหน้ามองปลายนิ้วที่จิ้มอยู่บนผ้าห่มผืนอุ่น “แล้วพี่เต๋าชอบแบบไหน”

     

    “แบบไหนก็ได้ครับ” เต๋าใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆ ที่มุมปากของคนตัวเล็ก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหา จนเด็กน้อยต้องยกมือดันไหล่หนาเอาไว้

     

    “พี่เต๋าจะทำอะไร”

     

    “กล่อมเด็กนอนครับ”  เต๋าเข้าสัมผัสที่ริมฝีปากบางราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อสัมผัสที่ทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอีกหน ความอ่อนโยนมากมายแทรกซึมแตะแผ่วผ่านเข้าหากันและกันอีกครั้ง มือที่เคยเกาะอยู่ไหล่คนตัวสูงกว่าร่วงหล่นลงข้างกาย หากแต่มือหนาไม่ปล่อยมันเอาไว้นาน ความอบอุ่นของฝ่ามือกอบกุมก่อนจะประสานเข้าที่นิ้วเรียวยาวของมือทั้งสองข้าง แล้วปล่อยให้สัมผัสครั้งนี้ของเราเติมเต็มกันและกัน อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง

     

    หลังจากสอนประสบการณ์แสนหวานบทใหม่ให้กับเด็กน้อย ก็ถึงเวลาเข้านอนจริงๆ เสียที ช่วงเวลานี้มันอบอุ่นในหัวใจเกินกว่าที่เราสองคนจะขยับกายออกไปไหน ผ้าห่มผืนหนาที่คนตัวเล็กหอบมาจากบ้าน จึงถูกกางออกเพื่อคลุมร่างของเราสองคนเอาไว้ ลมหายใจผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอในจังหวะเดียวกัน อ้อมแขนแสนอบอุ่นโอบกอดร่างเล็กเอาไว้ บนพื้นที่คับแคบกว่าทุกวันหากแต่ไม่สำคัญเลยสักนิดเมื่อเราได้อยู่เคียงข้างกัน

     

     

    คืนนี้พื้นที่โซฟาตัวยาวหน้าทีวีกลายเป็นที่นอนของเราสองคนไปโดยปริยาย ...

     

     

    This is the beginning of our deep kiss

    “จูบ” แรกของเราเริ่มขึ้นที่นี่ ...

     

     

     

     

     












     

    Additional Part by TAO

     

    “ไปทำท่าไหนถึงได้ป่วยคู่แบบนี้”  เอ่อ...ต้องตอบพี่มิ้นท์ว่าท่าไหนดีครับ แค่เผลอสอดลิ้นเข้าไป แล้วน้องเผลอตอบกลับมันดีเกินไป ผมก็เลยเผลอจัดไปอีกหลายครั้ง จนลืมไปว่าตัวเองยังไม่หายไข้ดี ... มันเป็นความเผลอไผลที่เราสองคนห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่ทั้งคู่ (ผมคิดว่าทั้งคู่นะ เพราะคชาเองก็ให้ความร่วมมือดี)

     

    “วันนี้ก็ป่วยคู่ พักผ่อน เฝ้าบ้านทั้งสองคนเลยนะ  พี่ทำข้าวต้มไว้ให้แล้ว อย่าลืมกินยากันด้วย” ผมและน้องพยักหน้าให้พี่มิ้นท์พร้อมกัน  เราสองคนตื่นสาย..ใช่ครับ สายเพราะเราตื่นขึ้นไม่ไหว ผมปวดหัวและพบว่าไข้กลับมา ส่วนเด็กน้อยที่ผมนอนกอดเมื่อคืนก็ตัวร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น  สุดท้าย ท้ายที่สุด จะป้องกันยังไงผมก็กลายเป็นคนทำให้น้องป่วยจนต้องลาโรงเรียนอยู่ดี ความผิดครั้งนี้ขอน้อมรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวครับ

     

    หน้าผากของเด็กป่วยมีเจลลดไข้สีฟ้าแปะอยู่ เรายังคงห่มผ้าห่มผืนอุ่นเมื่อคืนบนโซฟาตัวยาว ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของฉาก...เอ่อ... “จูบ” แรก จูบแรกจริงๆ ของเรา ... เราไม่ได้นั่งติดกันเหมือนเมื่อคืน เพราะผมก็แอบเกรงใจพี่มิ้นท์อยู่บ้าง แค่พี่มิ้นท์เดินเข้ามาเจอผมกอดน้องชายสุดที่รักแบบเมื่อเช้าก็เขินจะแย่  แต่มือของเราสองคนจับกุมกันไว้ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนนี้ ความจริงผมเป็นฝ่ายจับมือน้องก่อน คนป่วยก็ต้องขี้อ้อนเป็นธรรมดาใช่ไหมครับ ความต้องการในด้านการได้รับการดูแลจะมากกว่าปกติด้วย อย่างน้อยก็ให้อะไรของเราใกล้กันบ้าง จริงไหมครับน้องหันมาสบตากับผมอีกครั้ง ในขณะที่พี่มิ้นท์ยังคงบ่นเราสองคนไม่หยุด ... หวังว่าเราจะหายป่วยทันวันพรุ่งนี้นะครับเด็กดี

     

    ว่าแต่เคยได้ยินสุภาษิตหนามยอกต้องเอาหนามบ่งไหมครับ  ป่วยด้วยกันทั้งคู่แบบนี้ ถ้าขอน้อง “จูบ” แบบเมื่อคืนอีกที เราจะหายป่วยกันไหมนะ?  

     

    ว่าแต่พี่มิ้นท์เปิดประตูออกจากบ้านไปพอดี...

     

    ผมแค่อยากพิสูจน์สุภาษิตเท่านั้นเอง :D 

















    เอามาลงให้ครบแล้วววววววว...มุ้งมิ้งนิดนึงเผื่อมีคนคิดถึง ที่มาของชื่อตอนก็เป็นประมาณนี้ ฮ่าๆ
    วันนี้ไม่ได้มาแต่ฟิคนะคะ มาพร้อมรายละเอียดการรวมเล่มด้วยค่า สรุปฟิคอยู่ที่ราคา 530 บาท... T_T
    มันมี 2 เล่ม เราพยายามให้มันเล่มเดียวแล้วแต่มันทำไม่ได้ ราคาเลยสูง

    ไม่ต้องสั่งจองค่ะ โอนมาแล้วแจ้งโอนได้เลย รายละเอียดตามลิ้งค์ หรือคลิกไปดูที่ตอนหน้าก็ได้ค่ะ
    ลงไว้พร้อมกับปก ...


    https://docs.google.com/forms/d/1r_JW5t5x5GM07SuaMzIOFsduok_qZK2f6akOfYR1o_c/viewform


    ขอบคุณที่ติดตามกันมาโดยตลอดนะคะ
    นิดนึงก็มีความหมายมากๆ
    อย่าลืมไปดูคอนเต๋าคชากันนะคะ ไปสร้างความทรงจำดีๆ กันอีกสักปีเนาะ :)

    @CHICKIMILK


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×