ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 - Happy Alley อยากจะวิ่งไหม?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.58K
      0
      13 พ.ค. 57


      Chapter 4

     

    ช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายกลางเมืองดำเนินต่อไปโดยไม่มีท่าว่าจะสิ้นสุดลงได้ง่าย  เครื่องยนต์ของยานพาหนะนับร้อยบนท้องถนนกำลังแข่งขันกันปลดปล่อยพลังงานเสียงต่าระดับ  หากแต่ไม่ได้เป็นเสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่ ตรงกันข้ามพาหนะนับร้อยบนท้องถนนนั้นขยับได้เพียงไม่กี่ไม้บรรทัดในเวลาหนึ่งชั่วโมง  ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ล้วนเป็นภาพที่คุ้นชินของประชากรเมืองหลวง

     

    สองร่างของเพื่อนสนิทในชุดนักเรียนกำลังเดินทอดน่องเข้าสู่เส้นทางสายเดิม ซอยมีสุข 23’  คชาเปิดเทอมมาได้หลายวันแล้ว  ชีวิตของการเป็นนักเรียนม.ปลายปีสุดท้ายกำลังเริ่มต้นขึ้น  เวลาทุกนาทีของชีวิตดูเหมือนควรใช้ให้มันมีค่านั่นคือสิ่งที่คนตัวเล็กและเพื่อนๆทุกคนตระหนักรู้ แต่นั่นก็เพียงรู้แต่หากจะทำเวลาเหล่านั้นให้มีค่าได้มากแค่ไหน  นั่นเป็นสิ่งที่ต้องรอดูกันต่อไป ...

    หิวจัง  แวะกินข้าวที่ร้านก่อนได้ไหม?

     

    วันนี้ร้านปิด  พ่อไปโรงพยาบาล

     

    อ้าว..ลุงเทพเป็นอะไร?”   ก็เมื่อวานคชายังเห็นลุงเทพยืนโบกตะหลิวไปมาอยู่เลย

     

    เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร  ไปตรวจสุขภาพ นี่เราก็บังคับมาหลายครั้งแล้วนะกว่าจะยอมไปได้”  แพรว่าตอบออกไป คิดถึงภาพของผู้เป็นพ่อที่พักหลังมานี่บ่นปวดนี่เจ็บนี่ไม่หยุด แต่พอบอกจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมที่จะไป 

     

    พ่อแพรวาเดินดุ่มๆเข้าไปในตัวร้านทันทีเมื่อเห็นพ่อกำลังจัดแจงยกเก้าอี้ เช็ดโต๊ะเหมือนคนกำลังจะเปิดร้าน

     

    ลุงเทพหวัดดีฮะ

     

    ทำไมเปิดร้านหละพ่อ ไปหาหมอมา  พ่อน่าจะกลับมาพักผ่อนนะ

     

    แค่นี้เอง  แล้วพ่อไม่ได้เป็นอะไร  ไปหาหมอนี่ก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมงเสียรายได้ไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ป่านนี้ลูกค้าคิดถึงหมดแล้วไม่ได้กินกับข้าวฝีมือลุงเทพ  จริงไหมคชา?

     

    ฮะ”  คชายิ้มน้อยๆ แอบขำในคำพูดของลุงเทพกับนิสัยขี้งกของพ่อเพื่อนสนิท  คนอะไรจะเปรียบเวลาเป็นเงินได้ตลอดเวลาขนาดนี้ 

     

    ไม่เป็นอะไรได้ไง นี่พ่อทั้งความดันสูง ทั้งน้ำตาลในเลือดสูง อย่ามาหลอกแพรนะ”  แพรว่าบ่นมืออีกข้างคุ้ยถุงยาของพ่อ

     

    ก็แค่นั้นเอง ใครๆเขาก็เป็นกัน ไอ้ความดันโลหิตสูงเนี่ย

     

    พ่อ...เชื่อแพรอีกสักครั้งเถอะนะ ทำงานให้มันน้อยลงกว่านี้หน่อยสิ แพรมีพ่อแค่คนเดียว”  แพรวาเดินไปยังชายหนุ่มร่างท้วมที่กำลังจัดเครื่องมือทำครัว  สองมือยกขึ้นแตะแขนผู้เป็นพ่อก่อนจะเอ่ยขอร้อง

     

    พ่อรู้ๆ”  ลุงเทพพยักหน้าตอบด้วยน้ำเสียงบางเบาเมื่อสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของแก้วตาดวงใจคนเดียวในชีวิต  ยกมือขึ้นลูบศีรษะแพรวาด้วยความอ่อนโยนจนคนมองอย่างคชาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงพ่อของตนเอง

     

    เป็นความดันโลหิตสูง  งั้นลุงเทพก็ต้องไปออกกำลังกายนะฮะ” 

     

    หมอก็บอกลุงอยู่เหมือนกัน”  ลุงเทพกันไปมองคนตัวเล็ก คิดถึงคำพูดของหมอที่บอกให้ตนออกกำลังกายและควบคุมอาหารบางประเภท

     

    งั้นดีเลยพ่อ เก็บร้านไปวิ่งกัน

     

    อ้าวเห้ยได้ยังไงไอ้ลูกคนนี้ ที่พ่อยกโต๊ะยกเก้าอี้นี่ก็เหมือนออกกำลังกายแล้วนะ เหนื่อยกว่าวิ่งสิบรอบแล้วแถมยังได้เงินอีกต่างหาก”  เข้าโหมดซึ้งได้ไม่นาน สองพ่อลูกก็เริ่มกลับมาเถียงกันอีกครั้ง

     

    พ่อไม่เข้าใจ ...มันไม่เหมือนกันแล้วแพรวาก็ฟึดฟัดอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจงอนผู้เป็นพ่อแล้วเดินหันหลังเข้าตัวบ้านไป

     

    ลุงเทพลองไปวิ่งที่สวนของหมู่บ้านสิ  คชาก็อยากไปวิ่งอยู่เหมือนกัน ช่วงนี้ไม่ได้ออกกำลังกายเลย

     

    ไว้วันหลังดีกว่าคชา

     

    วันหลังที่ว่าคือ วันหลัง วันหลัง วันหลัง ของวันหลังหลัง วันหลังอีกทีใช่ไหม?”  คชาแซวพ่อเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงตามแบบฉบับของตนเอง

     

    เอ้อ นั่นแหละสักวัน”  ลุงเทพหรี่ตามองคชาแล้วพึมพำออกมาเมื่อเห็นคชารู้ทัน

     

    งั้นคชาไปก่อนดีกว่า อย่าลืมไปง้อแพรวานะลุงก่อนที่ร่างเล็กจะกระชับเป้นักเรียนกลางหลังแล้วเดินออกจากร้านอาหารตามสั่งเลื่องชื่อ  มุ่งมั่นว่าจะเดินกลับบ้านแต่หากเมื่อผ่านร้านชานมไข่มุกประจำซอยจึงอดไม่ได้ที่จะแวะเดินเข้าไปตากแอร์  ไม่ใช่สิแวะเข้าไปทักทาย

     

    พี่เต้ พี่น้ำแข็งหวัดดีฮะ  อ้าว..พี่เฟรมไม่ได้ไปเรียนหรอ”  ร่างเล็กของคชาเอ่ยทักทายพนักงานประจำร้านทั้งสองคนทันทีเมื่อเดินเข้ามายังตัวร้าน 

     

    วันนี้พี่เลิกบ่ายเลยเข้ามาช่วยที่ร้าน”  เฟรมหันไปตอบน้องชายตัวเล็กข้างบ้าน ก่อนจะหันไปเรียงบลูเบอร์รี่ชีสเค้กในตู้แช่  ตอนนี้ที่ร้าน REFRESH ไม่ได้มีแค่ชานมไข่มุกแล้วแต่พี่ตี๋ยังไปสรรหาเบเกอรี่หลายชนิดมาวางขายเพิ่ม ทำให้กลุ่มลูกค้ามีเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว

     

    น้องคชากินอะไรไหม?”  เป็นน้ำแข็งที่เอ่ยถามคชา  น้ำแข็งเป็นหนุ่มติสท์หัวฟูเพื่อนสนิทของโปเต้ เคยทำงานที่ร้านชานมไข่มุกร้านเดิมมาด้วยกัน  โปเต้เลยไปชวนให้มาดูแลร้านช่วยกัน ตอนแรกโปเต้แค่ชวนเล่นๆไม่ได้คิดว่าเพื่อนสนิทจะตอบตกลงอะไร  แต่ที่ไหนได้กลับยินดีรับข้อเสนอเสียอย่างนั้น  ทำให้ตอนนี้ร้านชานมไข่มุก REFRESH ได้พนักงานประจำสองคนเป็นที่เรียบร้อย

     

    ไม่เอา แวะมาทักเฉยๆเดี๋ยวไปแล้ว  การบ้านเยอะมากๆ บ๊ายบาย..”  โบกมือให้สามหนุ่มในร้าน ก่อนจะมุ่งมั่นเดินกลับบ้านอีกครั้ง

    ............
    ........
    .....
    ...
    ..
    .

     

    เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นอีกครั้ง  ทำให้เฟรมต้องหันหน้าไปมองอีกหน ตอนแรกนึกว่าน้องชายตัวเล็กข้างบ้านลืมอะไรไว้เสียอีก

    อ้าวพี่เต๋า  นึกว่าคชา  วันนี้กลับเร็วจังพี่”  ร่างสูงขาวของพี่ชายเดินเข้ามาในร้าน  สองมือหอบเอกสารเปเปอร์งานพะรุงพะรัง  มองหาโต๊ะว่างและตัดสินใจวางข้าวของลง

     

    พอดีไปคุยงานกับลูกค้ามา...ว่าแต่ทำไมถึงนึกว่าพี่เป็นคชาเต๋าขมวดคิ้วสงสัย 

     

    ก็เมื่อกี้น้องมันพึ่งออกไปจากร้าน เลยนึกว่าลืมของไว้แล้วกลับมาเอา”  เต๋ายืนนิ่งสักพัก  ก่อนจะหันกลับไปยังโต๊ะกระจก รวบรวมข้าวของที่พึ่งวางลงไปยังไม่ถึงนาที

     

    เฟรมพี่เข้าบ้านก่อนนะ เจอกันที่บ้านเต๋าหันมาบอกน้องชายของตน ก่อนจะผลักบานประตูกระจกใสออกไป  พยายามบังคับขาสองข้างของตัวเองไม่ให้รีบจนเกินไป

     

    อ้าวเห๊ยพี่เต๋าจะรีบไปไหน

     

    จะรีบไปไหนของเขาหว่า?” เฟรมบ่นออกมาด้วยความสงสัย เกาหัวงงๆกับท่าทางรีบเร่งเกินปกติของพี่ชาย

     

    นี่คุณเฟรมไม่รู้จริงๆหรอครับว่าคุณเต๋ารีบไปไหน?  พนักงานโปเต้ที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นถามน้องชายเจ้าของร้าน

     

    ไม่รู้  พี่เต้รู้หรอ?” 

     

    เอ่อ..แกรู้หรอวะเต้?” น้ำแข็งก็เป็นอีกคนที่แอบลอบมองเหตุการณ์ทั้งหมด  โปเต้ได้แต่หัวเราะออกมาเมื่อเห็นความอยากรู้อยากเห็นของคนรอบข้าง ก่อนจะหันไปสนใจแก้วชานมไข่มุกของลูกค้า  พูดบางอย่างออกมาซึ่งทำให้ทั้งเฟรมและน้ำแข็งหันหน้ามามองกันด้วยความสงสัย

     

    ต้องติดตามชมตอนต่อไปครับ

    -------------------------------------------------------------

    ขาสองข้างที่ในคราแรกถูกบังคับให้ไม่วิ่งพุ่งออกมาจากตัวร้าน  ตอนนี้แปรเปลี่ยนราวกับถนนที่ตนเองกำลังเหยียบย่ำอยู่เป็นลู่แข่งขัน  อันที่จริงเต๋าแทบอยากจะสปี๊ดออกมาจากร้านทันทีตั้งแต่ได้ยินเฟรมบอกว่าคชาพึ่งออกจากร้านไป  แต่สายตาหลายคู่ในร้านบอกให้เขาต้องไม่เร่งรีบ  หากแต่พอพ้นเขตร้านเท่านั้น ก็เหมือนวิญญาณนักวิ่งเหรียญทองโอลิมปิกเข้าสิง   ขายาวๆก้าวฉับไม่หยุดนิ่ง  ข้าวของที่แบกมาอย่างพะรุงพะรังดูเหมือนจะถูกลืมไปว่าน้ำหนักของมันไม่ใช่น้อย 

     

    และเมื่อพ้นโค้งกลางซอย  ดวงตาคู่คมก็สังเกตเห็นหลังของคนที่อยากเจอหน้า  เต๋าผ่อนความเร็วในการวิ่งลงจนเปลี่ยนเป็นเดินในที่สุด  ปรับลมหายใจให้ปกติแล้วสาวเท้ายาวๆตามหลังคนตัวเล็กแทน  เมื่อเห็นว่าอัตราการหายใจของตนเองใกล้กลับสู่สภาวะปกติจึงร้องทักอีกคน

     

    คชา!”  คนตัวเล็กหันหลังมายังต้นเสียง  ก่อนรอยยิ้มประจำตัวจะปรากฏทันทีเมื่อรู้ว่าใครคือเจ้าของเสียงเรียกนั้น   เต๋าสาวเท้าให้เร็วกว่าเดิมเล็กน้อยแล้วมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าคชา

     

    ทำไมวันนี้กลับเร็วจัง”  คชาเอ่ยถามทันที  อดประหลาดใจไม่ได้ ก็ปกติแล้วกว่าพี่เต๋าจะกลับบ้านก็หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า  แต่นี่พึ่งจะสี่โมงกว่าๆเอง

     

    ออกมาคุยงานกับลูกค้าข้างนอก แล้วเสร็จไวคชาพยักหน้ารับรู้ แล้วมองไปยังสองมือของเต๋า

     

    ช่วยถือนะอีกฝ่ายยังไม่ทันได้บอกอะไร มือเล็กนั้นก็คว้าเข้าที่ของในมือของพี่ชายข้างบ้าน  แล้วเดินออกไป ทิ้งให้อีกคนยืนยิ้มกริ่มแล้วรีบเดินตามติด 

     

    ช่วงนี้พี่เต๋ากลับดึกจัง งานเยอะหรอ?” 

     

    พอดีเริ่มโปรเจคท์ใหม่เลยกำลังวุ่นๆ

     

    ดูเหนื่อยจัง เป็นผู้ใหญ่เหนื่อยขนาดนี้เลยหรอ  ตั้งแต่เปิดเทอมพี่มิ้นท์ก็ทำงานหนักเหมือนกัน ทั้งงานสอนทั้งงานโรงเรียน กลับก็มืดทุกวัน”  เต๋าหัวเราะออกมาทันที เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของอีกคน  ก็ถ้าคชาจะทำหน้าตาน่าสงสัยได้น่าเอ็นดูแบบนั้น

     

    เป็นเด็กก็เหนื่อยครับ แต่เหนื่อยคนละแบบ ไว้โตอีกหน่อยเดี๋ยวก็รู้นะ

     

    ไม่อยากเป็นผู้ใหญ่เลย”  คชาก้มหน้าผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ แต่อีกฝ่ายก็สังเกตได้อยู่ดี  ช่วงนี้มีหลายเรื่องให้คชาต้องคิด  โดยเฉพาะเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม้พี่สาวจะบอกเสมอว่ามันเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ถ้าผ่านมันไปได้มันจะเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราโตไปอีกขั้น แต่นั่นก็ไม่สามารถลดระดับความว้าวุ่นในความคิดของคชาให้ลดน้อยลงได้

     

    ทำทุกวันให้เต็มที่ก็พอนะคชาเต๋ายิ้มให้กับคนตัวเล็กด้านข้างที่หันมาพยักหน้ารับคำ สัมผัสได้ถึงแววตาแห่งความกังวลปนเปกับความกลัว   เต๋ารู้ว่าวัยของคชาเป็นช่วงวัยแห่งความสับสนเพราะตนก็เคยผ่านช่วงนั้นมาก่อน  เขาก็เคยรู้สึกแบบนั้นไม่ต่างกัน

     

    สองพี่น้องข้างบ้านเดินเคียงข้างกันไปตามเส้นทางสายเดิม  บทสนทนาถูกเปลี่ยนเป็นเรื่องสนุกสนานโดยพี่ชายยอดมนุษย์เงินเดือน  เสียงหัวเราะสดใสที่เต๋าคิดถึงหนักหนาปรากฏขึ้นเพราะตัวเขาเองอีกครั้ง  ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินมาถึงจุดมุ่งหมายหน้าบ้านแฝดสองหลัง  ช่วงเวลาไม่กี่นาทีที่ได้พูดคุยกัน  เป็นเหมือนความสุขที่คอยเติมเต็มชีวิตของคนสองคนโดยไม่รู้ตัว

    -------------------------------------------------------------

     

    กลับมานั่งกุมหัวกับการบ้านได้ไม่นาน  คชาก็หยิบหนังสือคณิตศาสตร์แล้วเดินมาเคาะประตูบ้านอีกหลัง  มุ่งมั่นมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายข้างบ้าน  ตอนแรกคชาตั้งใจจะให้เฟรมช่วยดูให้เพราะเรียนวิศวะ  แต่พอเต๋าได้ยินเท่านั้นแหละ ก็หยิบหนังเล่มหนานั้นมาเปิดดูก่อนจะบอกว่า

    พี่จบบริหาร พี่ก็เรียนเลขมา การบ้านคชาพี่ก็สอนได้

    ตอนนี้ภาพที่เห็นจึงเป็นภาพของเต๋ากำลังเปิดสมุดการบ้าน กวาดสายตามองดูเนื้อหาอย่างตั้งใจ  ดีนะเรื่องที่คชาเอามาถามไม่ได้ยากอะไร พอจะมีความรู้หลงเหลือมาบ้างไม่งั้นเต๋าคงเสียหน้า

     

    ตรงนี้แบบนี้นะ...”  ก่อนจะเริ่มอธิบายการบ้านคณิตศาสตร์เจ้าปัญหาให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ด้านข้างฟัง

     

    อ่อ โอเค  เข้าใจแล้วๆ”  ใช้เวลาไม่นานดูเหมือนคำอธิบายของคุณครูจำเป็นจะช่วยคชาให้เข้าใจการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ไม่น้อย

     

    เห็นไหมพี่บอกแล้วว่าพี่ก็สอนเราได้” 

     

    ก็ยังไม่ได้บอกว่าพี่เต๋าสอนไม่ได้เลยมือบางยื่นออกไปหาดินสอแท่งประจำในมือคนตัวสูงกว่า  แล้วรวบรวมหนังสือเล่มหนามาไว้ที่อ้อมอก

     

    ก็เห็นตอนแรกจะไปถามเฟรมอยู่เลย

     

    ก็แต่ก่อนคชาก็ถามแต่พี่เฟรมหนิ”  ปากเล็กนั่นเบะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกคนเสียงดังกว่าปกติ

     

    ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว  ตอนนี้มีพี่ต่อไปมีอะไรก็ถามพี่เต๋านะครับ”  หากเป็นน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ตอบกลับมา อีกทั้งคำว่า ‘ครับ’ ที่ลงเสียง ร.เรือ อย่างชัดเจน  ทำให้ดวงตาคู่กลมเลื่อนไปมองใบหน้าของอีกคนอย่างเผลอตัว

     

    ไม่คุยด้วยแล้ว กลับบ้านดีกว่า”  เป็นคนที่เริ่มจ้องหน้าอีกคนก่อน แต่กลับเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน

     

    เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง

     

    พี่เต๋า...ไปออกกำลังกายกันไหมคชาถามเต๋าในขณะที่กำลังเดินออกมายังหน้าบ้าน เต๋าได้แต่เพียงเลิกคิ้วอย่างสงสัย

     

    ไม่ว่างหรอ ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร

     

    เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น  แค่สงสัยเฉยๆ คิดยังไงมาชวนไปออกกำลังกายหละเรา

     

    ก็ไม่เห็นต้องมีเหตุผลเลย ก็แค่อยากไป”  คชาหันมาตอบคำถามยืนตัวตรงมองหน้าเต๋าจริงจัง  จนเต๋าหลุดขำ

     

    พรุ่งนี้ตอนเย็นแล้วกันนะ

     

    โอเค ...อันที่จริงไม่เห็นต้องเดินมาส่งเลยบ้านอยู่แค่นี้เอง”  คนตัวเล็กเดินเข้ามายังบริเวณบ้านแล้วก้มลงล็อคประตู้รั้ว

     

    ไม่ได้หรอก...กลัวเด็กโดนฉุด”  เต๋ามองคนตัวเล็กที่กำลังยืนมองหน้าตัวเอง  ท่าทางนั้นดูหาเรื่องแต่ดูยังไงก็น่ารักชะมัด

     

    ขอให้ผู้ใหญ่บางคนแถวนี้โดนฉุดเข้าสักวัน”  เต๋าฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ  อันที่จริงเต๋าก็ยอมโดนฉุดนะ หากคนที่ฉุดเป็นเด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาตอนนี้

     

    ไม่กลัวครับเต๋าตีคิ้วให้อีกคน  รอยยิ้มกับท่าทางกวนโอ๊ยเหล่านั้นทำให้คชาหงุดหงิดขึ้นอีกเท่าตัว

     

    ไม่คุยด้วยแล้ว”  คชาเผลอหลุดท่าทางเอาแต่ใจฟึดฟัดก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน  ปล่อยให้พี่ชายข้างบ้านที่นับวันยิ่งจะชอบแกล้งเขาเข้าไปทุกวันยืนหัวเราะอยู่คนเดียว  ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเดี๋ยวนี้เต๋ากล้าแหย่คชามากกว่าเมื่อก่อน  เพราะเมื่อไม่นานมานี้เต๋าพึ่งค้นพบว่าเวลาคชาโดนแกล้งมันน่ามองขนาดไหน

     

    เห๊ยไอ้เต๋าทำไรวะ?”  เสียงของตี๋ร้องทักน้องชายทันทีเมื่อตนเองกระโดดลงมาจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

     

    อ่อ  เดินมาส่งคชาพี่  ว่าแต่พึ่งปิดร้านหรอ?

     

    เอ้อๆ พึ่งปิด  ว่าแต่คชามาทำอะไรที่บ้าน?

     

    มาขอให้สอนการบ้าน

     

    อ่อ ไอ้เฟรมสินะ

     

    เปล่าพี่  เต๋านี่แหละ

     

    มิน่า..เอ้อเต๋า...หน้าแกเหมือนคนกำลังมีความรักนะ ลองขึ้นไปส่องกระจกดู”  ตี๋กระซิบที่ข้างหูน้องชายตัวสูงตบบ่าเต๋าสองสามทีแล้วเดินเข้าบ้านไป 

     

    -------------------------------------------------------------

     

    สวนสาธารณะขนาดเล็ก หากมีผู้คนไม่น้อยแวะเวียนเข้ามาใช้เยี่ยมชมพักผ่อนหย่อนใจ  ต้นไม้ใหญ่ที่รายล้อมบริเวณกว้างของสวนหย่อมเอาไว้  พื้นที่ไม่มากหากถูกจัดสรรแบ่งพื้นที่ลงตัวไม่น้อย  การได้เห็นสีเขียวสดใสของพืชพรรณถือเป็นความสุขเล็กๆของประชากรเมืองหลวงนั่นคือสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้

     

    ไหวป่ะเนี่ยเรา ชวนพี่มาเองนะ”  ร่างสูงขาวในชุดสบายๆ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีดำสนิทกำลังซอยเท้าวิ่งหันหลังแซวน้องชายตัวเล็กข้างบ้าน  ที่สวมใส่ชุดไม่ต่างกัน  หากจะดูแตกต่างบ้างคงเป็นรองเท้าผ้าใบสีเขียวสดใสของเจ้าตัว ที่ยิ่งมองยิ่งสงสัยอยากถามเหลือเกินว่าใครเป็นคนเลือกให้

     

    อย่ามามั่ว...แค่นี้ไหวเหอะ  แล้วพี่เต๋าคิดว่าวิ่งหันหลังแล้วเท่ห์มากไหม?” 

     

    หึ  แล้วเท่ห์ไหมหละ?”  คชาส่ายหน้ารัวเสียจนเต๋าหลุดหัวเราะออกมา  ก่อนที่มือหนาสองข้างจะเอื้อมไปจับที่หัวไหล่บาง  ทำให้คนตัวเล็กต้องหยุดวิ่งไปโดยปริยาย

     

    จะหยุดทำไม ถ้าเหนื่อยก็หยุดไปคนเดียวเลยนะ คนอื่นเขายังไม่เหนื่อยไม่ต้องมากวนเลย”  คนตัวเล็กยืนกอดอก  สายตาส่งผ่านไปยังอีกคนบอกว่ากำลังหงุดหงิดที่โดนก่อกวน  แต่ก็ต้องยืนอึ้งเมื่อพี่ชายตัวสูงข้างบ้านก้มตัวลงไปนั่งชันเข่าข้างเดียวอยู่ตรงหน้า  มือหนาเลื่อนไปสัมผัสที่เชือกรองเท้าสีเขียวที่ไม่ได้อยู่ในลักษณะที่ควรจะเป็น  เต๋าก้มหน้าก้มตาผูกเชือกรองเท้าผ้าใบของคนเล็กอย่างตั้งอกตั้งใจ  ดวงตาคู่กลมเบิกโพลงก้มลงมองอีกคน  พี่เต๋ากำลังทำให้คชานึกถึงฉากในละคร ที่พระเอกก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้นางเอก   ว่าแต่ใครเป็นพระเอก ใครเป็นนางเอก?  บ้าไปแล้วแน่ๆ

     

    ไม่เหนื่อย แต่กลัวใครบางคนแถวนี้สะดุดเชือกรองเท้าตัวเองล้มหน้าคว่ำไปซะก่อน”   ใช้เวลาไม่นานเต๋าก็จัดการกับเชือกรองเท้าสีเขียวเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมามองอีกคนที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง

     

    “...คชา...”  เต๋าที่เห็นคชายืนนิ่งไป จึงยกมือขึ้นโบกสลับไปมาหน้าคนตัวเล็ก  ก่อนที่คชาจะรู้สึกตัว  ใช้มือสองข้างผลักไปยังเต๋าด้วยแรงอันน้อยนิดที่เรียกกลับคืนมาได้  แล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าทิ้งให้อีกคนยืนยิ้มกริ่มมองแผ่นหลังของตน  

    ให้สาบานเลยก็ได้ตั้งแต่เกิดมา 23 ปี เต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ 
    ยังไม่เคยก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้ใคร

     

    อย่าวิ่งเร็วนักสิ”  เต๋าที่วิ่งมาเทียบเคียงคชาเอ่ยแซวคนตัวเล็กที่พึ่งผลักเขาแล้ววิ่งสปีดหนีมา

     

    แก่แล้วหละสิ  วิ่งแค่นี้ก็ไม่ทันเด็ก” 

     

    แก่ตรงไหน  ห้าปีเอง ทำมาพูดไป”  คชาหันหน้าขวับทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เต๋าพูด  อ้าปากค้างเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก 

     

    พี่ชาชา”  เสียงเล็กตะโกนร้องเรียกชื่อของคชา  ทำให้ทั้งคชาและเต๋าหันไปมองยังต้นเสียง

     

    น้อยหน่า”  ทันทีที่เห็นว่าเจ้าของเสียงคือใคร ร่างเล็กก็ถลาออกจากลู่  ตรงดิ่งไปยังกลุ่มเด็กน้อยสี่ห้าคนที่กำลังยืนล้อมวงโยนลูกบอลให้กันสลับไปมา

     

    พี่ชาชามาวิ่งหรอ

     

    อื้อ แล้วเรามากับใคร แม่ไม่มาหรอ?

     

    มากับเพื่อน น้อยหน่าโตแล้วแม่ไม่ต้องมาด้วยแล้ว แล้วคนนั้นใครหรอพี่ชาชาเด็กน้อยเอียงคอมองร่างสูงของเต๋าที่ยืนอยู่ด้านหลังคชาอย่างสงสัย

     

    นี่พี่เต๋า น้องพี่ตี๋”  เต๋าส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้เด็กน้อยตัวเล็กตากลมผมยาวน่ารักตรงหน้า  ก่อนที่คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างหน้าจะโดนมือเด็กน้อยกวักให้ก้มลงไปหาแล้วกระซิบถามบางอย่าง

     

    แฟนพี่ชาชาหรอ”  เสียงเล็กกระซิบถามเบาที่สุดในชีวิต  มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าคนตัวสูงไม่ได้ยินแน่นอน

     

    บ้าหรอ  แก่แดดใหญ่แล้วนะเราคชาเอ็ดก่อนจะผละออกจากเด็กน้อยน้อยหน่า  ส่วนอีกคนก็ได้แต่ยืนมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

     

    สวัสดีค่ะพี่เต๋าเต๋า  หนูชื่อน้อยหน่านะคะเด็กน้อยยกมือขึ้นไหว้แล้วย่อเขาลงด้วยท่าทางไร้เดียงสาสมวัย

     

    หวัดดีครับน้อยหน่า  ว่าแต่เมื่อกี้เรียกพี่ว่าอะไรนะ?

     

    พี่เต๋าเต๋าไงคะ  ก็นี่พี่ชาชา พี่ชาชาก็ต้องคู่กับพี่เต๋าเต๋า

     

    น้อยหน่า!”  คชาเอ็ดเด็กน้อยเสียดังลั่น  ช่างแตกต่างกับอีกคนที่ยืนหัวเราะเสียงดังอยู่ด้านหลัง  ทำให้คชาต้องหันหลังมองตาขวาง

     

    พี่เต๋าเต๋ามาเล่นบอลกับพวกเราไหมคะ”  เด็กน้อยเอ่ยชวนแล้วยื่นลูกบอลสีสดใสมาให้คนตัวสูง  เต๋ายื่นมือไปรับลูกบอลก่อนจะหันหน้ามามองอีกคน  แล้วเดินไปล้อมวงกับเด็กๆ

     

    พี่ชาชาก็ไปยืนฝั่งนั้นสิ”  เด็กน้อยน้อยหน่าใช้มือเล็กสองข้างดันคนตัวเล็กให้ไปยืนล้อมวงฝั่งตรงข้ามกับเต๋า 

     

    ลูกบอลสีสดใสถูกโยนสลับสับเปลี่ยน  เด็กผู้ชายที่อยู่ในตำแหน่งลิงวิ่งไล่หาบุคคลที่สัมผัสบอล  เหนื่อยหอบไม่ใช่น้อยหากแต่ก็ยังไม่ได้สัมผัสลูกบอลสีสดใสนั่น  เสียงหัวเราะคิกคักของคนตัวเล็กที่ตอนแรกเหมือนจะไม่สนใจเกมลิงชิงบอลทำให้เต๋าอดอมยิ้มตามไม่ได้  คชายังเด็ก ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น  มันยิ่งตอกย้ำให้เต๋าไม่ควรรีบร้อนผลีผลามทำอะไรเกินเลย

     

    ลูกบอลกลมสีสดใสตกอยู่ในมือคนตัวเล็กอีกครั้ง  ดวงตากลมมองไปยังลิงน้อยที่กำลังจะวิ่งมาแย่ง ก่อนจะเบนสายตามายังพี่ชายข้างบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม  ยิ้มหวานให้ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเสียน่ารักแล้วรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีขว้างลูกบอลไปยังเต๋า   มือหนารับลูกบอลอย่างแม่นยำทำหน้าเจ็บจุกเล็กน้อยพอให้อีกฝ่ายได้สะใจ ถามว่าแล้วเจ็บจริงไหมก็ต้องบอกเลยว่าไม่สักนิด แต่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะแกล้งกันเลยต้องแสร้งทำให้อีกคนพึงพอใจสักหน่อยเท่านั้นเอง

     

    โอ๊ย”  ร่างเล็กที่มัวแต่สนใจลูกบอลสีสดใสจนพลาดท่าสะดุดขาตัวเอง  จนล้มไปนั่งกับพื้นเสียงดังตุ๊บ  ข้อเท้าสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดหน่วงๆที่กำลังก่อตัว

     

    คชา!”  เต๋ารีบปรี่เข้าไปหาคนตัวเล็กที่ลงไปนั่งกับพื้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้อง

     

    เจ็บมากไหม แพลงหรือเปล่าเนี่ยมือหนาเลื่อนไปสัมผัสที่ข้อเท้าเล็ก  คนตัวเล็กได้แต่ส่ายหน้าก็เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเจ็บอะไรมากมายจริงๆ  แต่พอดันตัวลุกขึ้นก็ต้องลงมานั่งจุมปุ๊กอีกครั้ง  คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็เมื่อกี้ที่ลองลุกขึ้นยืนความเจ็บปวดก็แล่นไปทั่วข้อเท้า

     

    พี่ว่าเท้าเราแพลงแล้วหละ ลุกอีกครั้งไหวไหม?”  คชาส่ายหน้าอีกครั้งก่อนที่เต๋าจะค่อยๆใช้สองมือพยุงร่างเล็กๆนั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง  มือหนายกแขนของคชามาพาดที่บ่ากว้าง  ก่อนที่มืออีกข้างจะเลื่อนไปโอบเอวเล็กเอาไว้

     

    พี่ชาชาไหวไหม?”  เด็กหญิงตัวเล็กที่นั่งลุ้นอาการของคชาถามขึ้น

     

    ไหว  แต่พี่คงเล่นกับเราต่อไม่ได้แล้ว”  คชามองหน้าเด็กน้อยด้วยความเศร้า ก็เมื่อกี้เขากำลังสนุกอยู่เลยนี่นา  นานๆจะได้เล่นอะไรแบบนี้

     

    ไม่เป็นไร พี่เต๋าเต๋ารีบพาพี่ชาชากลับบ้านเถอะค่ะ

     

    ครับ  อีกสักพักน้อยหน่ากับเพื่อนก็กลับกันได้แล้วนะนี่ก็เริ่มมืดแล้ว”  เด็กน้อยพยักหน้ารับแล้ววิ่งกลับไปหากลุ่มเพื่อนของตน

     

    ไหวไหมเรา

     

    เจ็บขา...คชาตอบเสียงแผ่ว แล้วก้มลงมองข้อเท้าของตัวเอง  เต๋าปล่อยมือหนาของตนเองที่โอบประครองคชาไว้  วูบหนึ่งที่คชาตกใจเพราะเหมือนจะยั้งตัวเองไม่อยู่หากก็ต้องประหลาดใจมากกว่าเมื่อเต๋าลงไปนั่งหันหลังให้ตนเอง

     

    รู้แล้วครับว่าเจ็บ

     

    พี่ต..เต๋าทำอะไร”  คชาถามตะกุกตะกัก  ตกใจกับท่าทีของพี่เต๋าไม่น้อย แต่ก็พอจะเดาออกว่าอีกคนตั้งใจทำอะไร

     

    ให้เราขึ้นหลังไง เจ็บขาแบบนี้คิดว่าพี่จะปล่อยให้เราเดินกลับบ้านหรอ”  เต๋าหันหน้ามาตอบคนตัวเล็กที่ยังคงอึ้งกับท่าทางของตนเองอยู่ไม่น้อย  สมองของคชากำลังประมวลผล ยืนเหม่อมองแผ่นหลังของพี่เต๋าสักพักก่อนที่ขาจะกะเผลกไปหา  มือเล็กสัมผัสที่แผ่นหลังของคนตัวสูงก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงไปสัมผัสที่แผ่นหลังอีกคน

     

    -------------------------------------------------------------

     

    โชคยังดีที่ระยะทางจากสวนสาธารณะประจำหมู่บ้านสู่บ้านแฝดสองหลังไม่ได้ไกลมาก   ร่างสูงขาวของเต๋ากำลังแบกเด็กน้อยแสนซนบนหลังเดินเนิบนาบเชื่องช้า  ไม่ใช่ว่าเหนื่อยหรือหนักอะไร(มากมาย)  แต่ที่ไม่อยากเดินไวกว่านี้เพราะอยากยืดเวลาออกไปให้นานมากกว่า

     

    พี่เต๋าหนักไหม”  เสียงใสเอ่ยถามขึ้น  สองมือเล็กนั้นจับบ่ากว้างแน่น

     

    ถ้าบอกว่าไม่หนักแสดงว่าพี่โกหกใช่ไหม?” เต๋าหลุดขำออกมาเล็กน้อย จนคนตัวเล็กด้านหลังอดมุ่ยหน้าไม่ได้

     

    งั้นปล่อยเลย

     

    เอาจริง?

     

    จริง ปล่อยเลยจะลงเดินเองน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าคนพูดกำลังน้อยใจ  ทำให้เต๋าหัวเราะออกมา  ก่อนจะพูดบางประโยคออกมาแล้วทำให้การเต้นของหัวใจคนตัวเล็กทำงานมากกว่าปกติ 

     

    อยู่บนนั้นนะดีแล้ว  นี่เกิดมาพี่ยังไม่เคยให้ใครขี่หลังเลยนะ”  ก็ไม่รู้ว่าประโยคนี้ของพี่เต๋ามีอะไร แต่ใจมันเต้นแรงขึ้นมาเอง

     

    ทำอย่างกับคชาเคยไปขี่หลังใครงั้นแหละ

     

    อ่า..งั้นก็แสดงว่าเราเป็นคนแรกของกันและกัน

     

    ป๊าบ!
    ฝ่ามือเล็กกระทบกับหลังของเต๋าทันทีเมื่อพูดจบ  คำพูดของพี่เต๋าก่อนหน้านี้ฟังยังไงๆคชาก็รู้สึกว่ามันสองแง่สามง่ามพิกล   หากผิดกับอีกคนที่แอบยิ้มให้กับตัวเองตั้งแต่ที่ฝ่ามือเล็กนั้นตีเข้าที่หลัง  ภูมิใจเล็กน้อยกับระดับความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น

    พี่เต๋าพูดอะไร

     

    อ้าว  พี่พูดผิดตรงไหน ก็คชาเป็นคนแรกที่ขี่หลังพี่ แล้วพี่ก็เป็นคนแรกที่ให้คชาขี่หลัง เราต่างก็เป็นคนแรกของกันและกัน หรือมันพูดแบบอื่นได้”  ร่างเล็กที่อยู่บนหลังคนตัวสูงกว่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้  เมื่อยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนว่าพี่เต๋าจะย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง ในใจอยากจะเอาสองมือที่พาดอยู่ตรงไหล่หนาไปบีบคออีกคนให้รู้แล้วรู้รอด  คอไม่ได้แต่ก็ใช่ว่าที่อื่นจะทำไม่ได้นี่นา

     

    นี่แหนะ!”  มือเล็กสองข้างเลื่อนไปจับแก้มขาวของอีกคนแล้วออกแรงบีบจนอีกคนร้องออกมา

     

    โอ๊ย  คชา คชา เจ็บ เจ็บ”  เต๋าร้องออกมา ยอมรับว่าครั้งนี้เจ็บจริงไม่ได้แอ็คติ้งเหมือนที่เคยหลอกอีกคนบ่อยๆ  อยากจะเอามือไปหยุดการกระทำของมือเล็กตรงแก้มแต่ก็ทำไม่ได้  เพราะแขนสองข้างยังคงแบกรับน้ำหนักของคนตัวเล็กไว้อยู่

     

    หมั่นไส้คชาจิปากก่อนจะปล่อยมือออกจากแก้มของอีกคน แล้วย้ายมาวางที่บ่ากว้างตำแหน่งเดิม

     

    หมั่นไส้พี่ทำไมเนี่ย

     

    ก็พี่เต๋าชอบพูดอะไรก็ไม่รู้

     

    นี่ไม่รู้จริงๆ  หรือแกล้งไม่รู้ว่าพี่พูดอะไร”  คำพูดธรรมดาถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงจริงจัง  ทั่วทั้งบริเวณซอยที่มีแต่เพียงคชากับเต๋านั้นดูเงียบขึ้นอย่างน่าประหลาดเมื่อคนตัวสูงพูดประโยคนั้นจบลง

     

    คชา...เต๋าเอ่ยเรียกคนบนหลังแผ่วเบา   เมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบไปนาน  คนตัวเล็กยังคงอึ้งกับคำถามของเต๋าไม่น้อย

     

    นอกจากวิ่งแล้วเล่นอย่างอื่นอีกไหม?”  เต๋ารีบเปลี่ยนบทสนทนาเมื่อรู้สึกว่าบางครั้งเขาอาจจะรีบมากเกินไป ทั้งๆที่ตั้งกฎกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่รีบร้อน    คชายังเด็ก คชายังเด็ก ท่องไว้เต๋า  ท่องไว้..

     

    เคยเล่น..เล่นบาส”  คชาที่พึ่งเรียกสติตัวเองกลับคืนมาตอบพี่ชายข้างบ้านออกไป

     

    งั้นวันหลังไปเล่นบาสกันบ้างดีกว่า

     

    แต่คชาเล่นไม่เก่งนะ

     

    ออกกำลังกายนะครับ ไม่ใช่คัดทีมชาติ ไม่ต้องเล่นเก่งก็ได้มั้ง”  คชาหลุดขำเล็กน้อย  ก่อนที่ความเงียบจะเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งบริเวณกว้างอีกครั้ง

     

    ที่จริงพี่เต๋าไม่ใช่คนแรกที่คชาขี่หลังหรอกนะ”  เป็นคชาที่เอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบที่ก่อตัวขึ้น

     

    ตอนเด็กๆพ่อชอบพาคชามาวิ่งที่สวนน้ำเสียงสดใสแผ่วเบาจนสัมผัสได้

     

    แต่พอโตขึ้นมาหน่อยพ่อก็ไม่ว่างเลยไม่ค่อยได้มา...พอคชาวิ่งล้มพ่อก็จะให้คชาขี่หลังแบบนี้”  เต๋าฟังคำบอกเล่าเรื่องราววัยเด็กผ่านน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างตั้งใจ   นี่ถ้าหากตีความไม่ผิดที่คชาชวนเขาออกมาวิ่งคงจะเป็นเพราะว่าคิดถึงพ่อสินะ

     

    งั้นต่อไปถ้าคชาอยากมาวิ่งอีกก็บอกพี่นะ  อยากไปไหนก็บอกพี่นะ”  น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมา  ประโยคธรรมดาไม่มีคำสัญญาแต่ดูเหมือนคนพูดจะจริงใจเกินร้อย

     

    ฮะเด็กน้อยตัวโข่งบนหลังตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  ก่อนที่ใบหน้าจะเลื่อนไปซบยังแผ่นหลังหนาของพี่ชายข้างบ้าน  หลับตาลงช้าๆก่อนที่ภาพของผู้เป็นพ่อจะเข้ามาในห้วงความคิด  เต๋าอมยิ้มเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสอบอุ่นไร้เดียงสาจากอีกคน  ที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจดูเหมือนจะวิ่งเร็วกว่าปกติไม่น้อย

     

    แต่ถ้าล้มอีกพี่ไม่ให้ขึ้นหลังแล้วนะ”  ทันทีที่ได้ยินใบหน้าหวานผงกขึ้นมาจากแผ่นหลังหนา  ตั้งท่าจะงอนอีกคนทันที

     

    แต่พี่จะอุ้มกลับแทนแล้วกัน  ขึ้นหลังบ่อยๆไม่ไหวแน่ๆ   ต้องแบ่งมาด้านหน้าบ้างจะได้บาลานซ์กัน...โอ๊ย!   ฝ่ามือเล็กพิฆาตทำงานทันทีเมื่อเต๋าพูดจบ  สองมือยกออกมาจากบ่ากว้างแล้วรัวทุบไปที่หลังของเต๋าโดยไม่ฟังเสียงร้องครวญ

     

    คชา เจ็บ เจ็บ  พอแล้ว โอ๊ย โอ๊ย!”  เสียงร้องเจ็บปวดจากการถูกทุบตีดังขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความเงียบและความมืดมิดที่มีเพียงแสงไฟจากหลอดนีออนสีขาวตามทาง  

     

    -------------------------------------------------------------

     

    คชาเป็นอะไร ไปซนอะไรที่ไหนมาอีกหละ”  มิ้นท์ร้องถามทันทีเมื่อหันไปเห็นน้องชายตัวแสบของตัวเองอยู่บนหลังของเต๋า

     

    ซนนิดหน่อยนะครับพี่มิ้นท์ขาเลยแพลง

     

    เรานี่นะ”  มิ้นท์ได้แต่ส่ายหน้ามองไปยังข้อเท้าเล็กนั่นด้วยความเป็นห่วงไม่น้อย

     

    งั้นพี่วานเต๋าแบกคชาขึ้นไปบนห้องด้วยนะ ...อาบน้ำก่อนแล้วค่อยลงมากินข้าวนะคชา โอเคไหม”  เด็กน้อยนิ่งเงียบ พยักหน้าลงเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตนเองทำให้พี่สาวสุดที่รักต้องเป็นห่วงอีกครั้ง

     

    เต๋าที่แบกร่างของคชาไว้ที่หลังค่อยๆก้าวเดินอีกครั้งไปยังชั้นสองของบ้าน  ใจเต้นตึกตักไม่น้อยเมื่อนึกถึงว่าเป้าหมายที่เขากำลังจะไปนั้นคือที่ไหน   มือเล็กเอื้อมไปเปิดประตูห้องของตนอย่างรู้งาน ก่อนที่ปลายเท้าของเต๋าจะสัมผัสลงบนพื้นที่ห้องนอนของคนที่อยู่บนหลัง  นี่เป็นก้าวแรกที่ได้เข้ามาในห้องนอนของคชา

    แสงไฟสว่างปรากฏทันทีเมื่อคนที่อยู่บนหลังเอื้อมมือไปเปิด  เต๋ามองเห็นเตียงกว้างที่คลุมด้วยผ้าปูที่นอนสีเขียวลายการ์ตูนตัวโปรดของเจ้าตัว  เดินช้าๆแล้ววางคนตัวเล็กที่อยู่บนหลังให้นั่งลงกับเตียงนุ่ม  ตาคมสำรวจห้องนอนของอีกคนอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะโดนสะกิดเรียก

     

    พี่เต๋า  เมื่อยหรอ?”  เต๋าหันหน้ามายังร่างเล็กที่นั่งห้อยขาอยู่ที่เตียง  นึกแปลกใจว่าเขาแสดงออกตอนไหนว่าเมื่อย

     

    ก็เมื่อกี้เห็นเอามือไปนวดไหล่”  เต๋าร้องอ๋อในใจ  สงสัยสำรวจห้องนอนคชาจนเพลินเลยลืมไปว่าตัวเองคงยกมือขึ้นมานวดไหล่โดยไม่รู้ตัว

     

    นิดหน่อย  ไปอาบน้ำเถอะเราจะได้ลงไปกินข้าว  เดินไปห้องน้ำไหวใช่ไหม?  เต๋าเริ่มมองหาตำแหน่งของผ้าเช็ดตัว  ก่อนจะเห็นมันพาดอยู่ที่ราวหน้าห้องน้ำ  เดินไปหยิบ

     

    ไหวฮะ”  คชาตอบอย่างมั่นใจ  แล้วสัมผัสได้ถึงความนุ่มของผ้าเช็ดตัวที่อีกคนเอามาพาดไว้ที่คอ  มือหนายกขึ้นลูบศีรษะแล้วยิ้มให้คชา  คนตัวเล็กเงยหน้ามองพี่ชายข้างบ้าน แววตาสดใสกับรอยยิ้มน่ารักนั่นกำลังสื่อความหมายให้เต๋าเข้าใจว่ามันคือคำว่า ขอบคุณ” 

     

    งั้นลองลุกขึ้นนะ”  เต๋าเลื่อนมือออกจากกลุ่มผมนุ่ม  ปล่อยให้คชาขยับดันตัวลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง  คนตัวเล็กเริ่มขยับขาขวาก่อนจะตามมาด้วยขาซ้าย  แต่เหมือนขาเจ้ากรรมดันทรยศ  คชาแทบจะล้มลงทันทีเมื่อก้าวเดิน โชคยังดีที่มีสองแขนของอีกคนมารับไว้ทัน

     

    นั่นไง”  เต๋ามองไปยังคชาที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของตน  คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้างุดแล้วปล่อยให้เต๋าพยุงตัวเองเข้าไปยังห้องน้ำ

     

    คชาใช้เวลาไม่นานในการจัดการตัวเองในห้องน้ำ  แม้ขาจะเจ็บอยู่ไม่น้อยแต่เหงื่อที่ได้รับมาจากการออกกำลังกายที่มีมากกว่า ทำให้ต้องอดทนยืนสระผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ตอนนี้คชาอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเรียบร้อยแล้ว  ร่างเล็กนั่งห้อยขาเช็ดผมอยู่ที่ข้างเตียง  รอใครบางคนที่ก่อนจะออกจากห้องไปบอกเอาไว้ว่าเดี๋ยวจะขึ้นมาใหม่  คชาเลยต้องนั่งรอเท่า  ก็พี่มิ้นท์บอกว่าเป็นเด็กดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่  พี่เต๋าเป็นผู้ใหญ่คชาเป็นเด็กคชาเลยต้องเชื่อฟังพี่เต๋า

     

    ก๊อก ก๊อก
    เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยบานประตูที่เปิดออก  เต๋าเดินเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับหลอดยาสีขาวในมือ  ชูมันให้เด็กน้อยตรงหน้าดูก่อนจะนั่งลงข้างเตียงตรงหน้าคนตัวเล็ก

     

    พี่เต๋าไม่ต้อง เดี๋ยวคชาทำเอง”  คชาร้องบอกทันทีเมื่อเห็นเต๋านั่งลงกับพื้น  มือเล็กปล่อยผ้าขนหนูในมือเพื่อไปแย่งหลอดยาจากอีกคน  แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเต๋าเอาหลอดยาไปซ่อนไว้ที่หลัง

     

    เดี๋ยวพี่ทำให้  เราเช็ดผมให้แห้งเถอะ”  เต๋าบอกแล้วเริ่มลงมือบีบยาออกจากหลอด  มือหนาเลื่อนไปหาข้อเท้าด้านซ้ายของคนตัวเล็ก  บรรจงบีบเนื้อครีมสีขาวออกจากหลอดแล้วจัดการนวดอย่างเบามือ  

     

    ยังเจ็บอยู่ไหม”  เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง  ตาคมยังคงจดจ้องตั้งใจนวดข้อเท้าเล็ก

     

    ก็นิดนึง รู้สึกปวดๆมากกว่าฮะ”  ตาคู่กลมก้มมองเต๋าไม่วางตา  ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วทำให้การหายใจของคชาติดขัดแปลกๆ 

     

    เรียบร้อย...พรุ่งนี้น่าจะพอเดินได้ถ้าไม่ไปซนที่ไหนอีก

     

    ไม่ได้ซนสักหน่อย แค่พลาดนิดเดียวเองเต๋ายกยิ้มให้กับเด็กน้อยตรงหน้าก่อนจะหันหลังให้อีกครั้ง  หากแต่คชาไม่ได้ปีนไปเกาะบนหลังของเต๋าอย่างที่ควรจะเป็น  สองมือเล็กสัมผัสที่ไหล่สองข้างของอีกคน  แล้วเริ่มออกแรงนวดไปทั่วบริเวณลาดไหล่

     

    พี่เต๋านวดให้คชาแล้ว  คชาจะนวดให้พี่เต๋าบ้าง”  คำพูดกับการกระทำไร้เดียงสาของคชาทำให้เต๋ายิ้มให้กับตัวเอง  ยอมรับว่าวันนี้เหนื่อยไม่น้อย แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้นึกอยากขอให้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ   เต๋าปล่อยให้คนตัวเล็กนวดไหล่สักพัก  มือหนาก็ยกไปสัมผัสทาบทับมือเล็กตรงไหล่

     

    พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว  เดี๋ยวพี่มิ้นท์จะรอกินข้าวนะ”  เด็กน้อยพยักหน้ารับแล้วเลื่อนมือเล็กออกมาจากสัมผัสของเต๋า  ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวไปเกาะที่แผ่นหลังหนาของพี่ชายข้างบ้านอีกครั้ง

     

    พี่เต๋า...ขอบคุณนะฮะ”  คชาเอ่ยขอบคุณในขณะที่มือเล็กกำลังเอื้อมไปปิดไฟ  น้ำเสียงแผ่วเบาที่กระซิบข้างหูทำให้เต๋ายืนชะงัก  แสงไฟดับวูบลงพร้อมกับรอยยิ้มของร่างสูงปรากฏ  ก่อนที่เต๋าจะนำพาอีกคนลงมายังโต๊ะกินข้าว

     

    มื้อนี้เป็นอีกมื้อที่เต๋าฝากท้องไว้กับเพื่อนบ้านแสนน่ารัก  อาหารเย็นมื้ออร่อยถูกจัดการให้หมดเกลี้ยงด้วยฝีมือของสมาชิกบนโต๊ะอาหารทั้งห้าคน  จัดการทำความสะอาดโต๊ะกินข้าวแล้วนั่งคุยกันพักใหญ่ก่อนที่สามพี่น้องจะขอตัวกลับบ้านของตัวเอง  แต่คนที่กลับหลังสุดก็หนีไม่พ้นเต๋า  เพราะต้องแบกคนตัวเล็กขึ้นไปส่งบนห้องนอนอีกครั้งก่อนจะกลับบ้านของตนเอง  นี่เป็นครั้งแรกที่เต๋าได้บอกฝันดีน้องชายข้างบ้านถึงข้างเตียง  รู้สึกแปลกๆ เขินตัวเองอยู่ไม่น้อย  วันนี้เป็นวันที่คำว่า ‘ครั้งแรก’ ถูกบรรจุขึ้นในชีวิตมากที่สุด  

     

    แสงไฟทั่วทั้งบริเวณห้องนอนสีขาวดับมืดลงไปแล้ว  ลงเหลือไว้แต่เพียงความสว่างเล็กน้อยจากสมาร์ทโฟนที่กำลังเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นชื่อดังอยู่

    ครืด...

     

    พรุ่งนี้จะเดินไหวไหมนะ?  :)

                                                                                                    ไม่รู้เหมือนกัน  T^T

    ไม่ไหวเดี๋ยวขึ้นไปรับถึงเตียง

                                                                                 งั้นจะนวดตอบแทนแล้วกันนะฮะ ^^

     

    -------------------------------------------------------------

    ยังไม่รักกันสาบานได้ สาบาน...

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×