ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #40 : Special Chapter : In A Relationship (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 686
      4
      26 ธ.ค. 57

    สายลมประจำฤดูพัดผ่านรอบกาย อุณหภูมิของอากาศต่ำกว่าที่ร่างกายเคยได้สัมผัสทำให้มือเล็กกระชับเสื้อกันหนาวตัวโตแน่น รองเท้าผ้าใบคู่โปรดเหยียบย่ำพื้นคอนกรีตอย่างเร่งรีบเพื่อให้ถึงจุดหมายให้ไวที่สุด เริ่มรับรู้เหมือนว่าร่างกายในตอนนี้รับสภาวะอากาศแปรปรวนไม่ไหว หากแต่ที่เหมือนจะต้านทานไม่ไหวจริงๆ คงเป็นความคิดถึงเสียมากกว่า

    คชากำลังตั้งใจไปหาพี่ชายคนสนิทที่อุตส่าห์หอบชีวิต ข้ามน้ำ ข้ามทะเลมาเรียนที่เดียวกัน คณะพี่เต๋าอยู่ไม่ไกลนัก อีกนิดเดียวก็จวนจะถึงแล้ว

    ดวงตาคู่กลมมองเห็นร่างสูงขาวคุ้นเคยจากระยะไกล แค่เพียงเท่านั้นรอยยิ้มหวานก็เกิดขึ้นบนใบหน้า หากแต่เมื่อสำรวจมองรอบข้างกลับทำให้รอยยิ้มที่ฉายเมื่อสักครู่ค่อยเลือนหายไป เต๋ากำลังสนทนากับกลุ่มเพื่อน  พี่ชายคนสนิทของคชากำลังถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนใหม่ๆ ที่คชาไม่รู้จักทั้งหญิงชาย ดูคุยกันสนุกสนานเสียจนคนมองไม่กล้าเดินเข้าไปทักทาย ทั้งๆ ที่ตั้งใจเดินฝ่าลมหนาวมาหากัน...ทั้งๆ ที่คิดถึง

    ท้ายที่สุดเด็กน้อยก็แอบลอบมองจนกลุ่มเพื่อนทั้งหลายล่ำลาร่างสูง  หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปหา ทันทีที่สายตาจากอีกฝ่ายมองเห็น ขายาวก็ก้าวย่างเข้าไปหาคนตัวเล็ก รอยยิ้มที่มอบให้ตั้งแต่แรกเห็น กับปฏิกิริยาที่มอบให้เพียงคนพิเศษ แบบที่คนตรงหน้ามีให้กันในขณะนี้ ทำให้หัวใจดวงน้อยที่ห่อเหี่ยวลงไปเมื่อครู่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ความพิเศษที่มีเพียงคนพิเศษเท่านั้นได้รับ ทำให้คชารู้ว่าไม่ได้มีเพียงตนเองเท่านั้นที่คิดถึง ... เราต่างก็คิดถึงกันและกัน

    “หวัดดีครับ” เสียงนุ่มเอ่ยทักทั้งรอยยิ้มกวนตามแบบฉบับ เมื่อเราสองคนหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากันและกัน  ท่ามกลางสายลมหนาวที่พัดไหวรอบกาย ลมหายใจผ่อนเข้าออกรับไอเย็นบริสุทธิ์ สองสายตาที่ทอดมองกันและกันมีผลทำให้ห้วงการหายใจของเราสองนั้นติดขัด ความรู้สึกผ่านแววตาที่เคยทำให้ใจสั่นหวั่นไหวเพียงใด ตอนนี้ยังคงไม่แปรเปลี่ยน ความอบอุ่นจากความรักของเราทั้งสองคนที่อุ่นอวลในจิตใจเป็นเหมือนสิ่งที่บอกให้รู้ว่าเส้นทางความรักสายนี้ยังคงมีกันและกัน

    ______________________________________ HH

    “คืนพรุ่งนี้มีปาร์ตี้ที่บ้านแอลลี่” ประโยคจากคนที่พึ่งเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ทำให้คนตัวเล็กที่นอนซุกในผ้าห่มผืนหนาขยับตัวขึ้นมานั่ง 

    “แล้วพี่เต๋าจะไปหรอ” คชาเอ่ยถามกลับทั้งดวงตาหม่น หากแต่คนที่กำลังเช็ดผมพร้อมเช็คข้อความในโทรศัพท์คงไม่ทันได้สังเกต

    “ไปสิครับ เพื่อนๆ ไปกันหมดเลย” ดวงตาคู่กลมหลุบต่ำมองผ้าห่มผืนหนา พลางคิดถึงภาพของอีกฝ่ายกับผู้คนใหม่ๆ พี่เต๋าเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่แปลกที่จะมีคนเข้ามาทำความรู้จัก และยิ่งได้รู้จัก ก็ไม่แปลกที่อยากจะสานสัมพันธ์ให้สนิทสนมมากขึ้น คชาชอบในสิ่งที่พี่เต๋าเป็น ... และคงไม่ใช่คชาเพียงคนเดียวที่ชอบ

    “เช็ดผมให้หน่อย” ผ้าขนหนูผืนเล็กที่ยื่นมาตรงหน้าทำให้คนตัวเล็กหลุดออกจากห้วงความคิด คชารับมันไว้ตั้งท่าจะเช็ดผมให้อีกคน หากแต่พอจับเข้าที่เส้นผมของอีกฝ่ายก็พบว่าแห้งแล้ว

    “หือ?” ตาคู่เล็กมองคนตรงหน้าอย่างตั้งคำถาม ก่อนสองแขนยาวจะโอบเข้าหาให้คชาล้มตัวลงไปนอนดังเดิม พร้อมกับร่างของเต๋าที่คร่อมไว้ด้านบน แม้จะใกล้ชิดกันบ่อยครั้งหากแต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ คชาก็ยังคงทำตัวไม่ถูก แขนสองข้างถูกใช้เพื่อดันไหล่คนด้านบนไว้เสมอ

    “เหม่ออะไรครับ?” เต๋าถามหลังจากลอบมองเด็กน้อยนั่งเงียบคอตกมาสักพัก ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดมากอะไร

    “ป่าวฮะ”

    “นั่งเงียบไปตั้งนาน คิดอะไรอยู่” คชาส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วสบมองดวงตากับคนด้านบน คชาไม่อยากบอกอีกฝ่ายว่ากำลังรู้สึกอะไร ที่ผ่านมาพี่เต๋าทำเพื่อคชามากมาย ไม่อยากให้พี่เต๋าต้องมากังวล เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้อีกไม่นานคชาคงหาวิธีจัดการความรู้สึกได้เอง

    “วันนี้เรียนเป็นไงบ้างครับ” เต๋าถามไถ่ในประโยคคุ้นเคยเช่นทุกวัน  มันเป็นความคุ้นเคยที่เหมือนเป็นกิจวัตร จนบางครั้งแอบคิดว่าหากความสม่ำเสมอเช่นนี้ห่างหายไปจะเป็นเช่นไร

    “พอคิดว่าไหว มันก็ยากขึ้นมาอีกขั้นตลอดเลย”

    “อย่าเครียดมากนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น See every difficulty as a challenge นะครับ” คชายิ้มสู้แทนคำขอบคุณการให้กำลังใจจากคนตรงหน้า การเรียนที่หนักแต่เมื่อได้เพื่อนร่วมชั้นและคนรอบข้างที่พร้อมสนับสนุนและช่วยเหลืออยู่เสมอ ทำให้เส้นทางสายโหดครั้งนี้มีเรื่องราวดีๆ ให้ได้ยิ้มทุกครั้งที่ท้อแท้

    “แล้วพี่เต๋าเป็นยังไงบ้าง” เต๋าเหลือบมองไปยังกองหนังสือที่โต๊ะแล้วกลับมาเกลี่ยแก้มเนียนของเด็กน้อย ก่อนจะตอบติดตลก ให้คชาได้ขำก่อนนอน 

    “น่าจะเอาอยู่นะ”

    “เอาอยู่...” คชาทวนคำพูดของอีกคนแล้วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ท่าทีที่เหม่อลอยเมื่อสักครู่เหมือนถูกลืมไปโดยเจ้าของความรู้สึก เมื่อปลายจมูกได้รูปของอีกคนเคลื่อนเข้ามาใกล้กัน เต๋ากดริมฝีปากแผ่วเบาลงที่หน้าผากเนียนให้ตัวเล็กได้หลับตาซึมซับในความอ่อนโยนที่ได้รับ

    “พี่อ่านหนังสือก่อนนะครับ ง่วงก็นอนได้แล้ว” เต๋าบอกในขณะที่ใบหน้ายังคงชิดใกล้

    “ไม่ให้อ่านแล้ว...ต้องนอนได้แล้ว ต้องนอนพร้อมกัน” เต๋านอนดึกมาหลายวันติดต่อกัน หลายครั้งที่นอนพร้อมกัน หากเมื่อคชาลืมตาขึ้นมาในยามค่ำคืนกลับพบว่าอีกฝ่ายนั่งจมกับกองหนังสือและรายงานที่โต๊ะ หลายครั้งที่คชาแอบสงสัยว่าพี่เต๋าหนีการทำงานหนักเพื่อมาเจอการเรียนหนักทำไมกัน  

    “ไม่นานนะ...” หากพอกำลังขอร้องให้เด็กน้อยอนุญาต น้ำหนักจากมือเล็กที่ลาดไหล่ก็กดให้ใบหน้าของเต๋าเคลื่อนลงมา  ริมฝีปากหนาแตะแผ่วเบายังริมฝีปากบางอ่อนนุ่มที่เผยอรออย่างตั้งใจ ความตกใจที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีแรกถูกกลืนหายด้วยสัมผัสอ่อนโยนที่คนเบื้องล่างเป็นฝ่ายนำ  เราสองคนเหมือนตกอยู่ในห้วงหนึ่งของกาลเวลา ทุกสิ่งรอบกายไร้ความหมายชั่วขณะ มีเพียงการเคลื่อนไหวแสนอ่อนโยนที่เราสองมอบให้แก่กันและกันเท่านั้นที่รับรู้ได้...  เต๋าผละออกมาหลังจากนั้น ทว่าริมฝีปากยังคงคลอเคลียที่ปลายจมูกรั้นของเด็กน้อยหน้าแดงเบื้องล่าง  แววตาคมมีเสน่ห์มองร่างเล็กเหมือนจะล้อเลียน

    “เอาตัวเข้าแลกหรอครับ หือ?” เต๋ายิ้มล้อคนเบื้องล่างที่เริ่มจะร้ายขึ้นทุกวัน เด็กดีที่ว่าใสๆ ของผู้ใหญ่ขี้แกล้งตอนนี้กลายเป็นเด็กร้ายกาจพร้อมแกล้งยั่วเต๋าได้ตลอดเวลาแล้ว ถ้าเด็กน้อยยังขยันทำกันแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าความอดทนของเขาจะมีมากพอไหม

    “แล้วแลกได้ไหม?...” แม้จะติดอยากเอาชนะอยู่บ้าง หากแต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยเสียมากกว่า  “คชาไม่อยากให้พี่เต๋านอนดึกบ่อยๆนี่นา” แววตาที่ร้องขอความเห็นใจ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย สัมผัสและความชิดใกล้ที่พยายามขอร้องกันเอาไว้ อ้อนกันขนาดนี้ คนอย่างเต๋ามีหรือที่จะไม่ยอมแพ้ 

    “ยอมแล้ว ยอมแล้วครับเด็กดี” ใช่..เต๋ายอมแล้ว ยอมหมดหัวใจ

    ...

    “คชาไม่ได้เอาตัวเข้าแลก เอาแค่ปากเอง” คชาเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืดหลังจากที่พยายามให้อีกคนมานอนบนเตียงด้วยกันสำเร็จ เต๋านึกขำก่อนจะถามกลับคนที่นอนซบที่ไหล่ มือข้างซ้ายยังคงทำหน้าที่ลูบกล่อมกลุ่มผมนิ่ม

    “...แล้วเมื่อไหร่จะเอาตัวเข้าแลกครับ?

    “อยากได้หรอฮะ?

    “อย่าถามในสิ่งที่ตัวเองก็รู้สิครับ” บทสนทนาสั้นๆ ที่ชวนให้หัวใจเต้นตึกตัก โดยที่สายตาสองคู่ยังคงจ้องมองเพดานห้อง ไม่มีใครกล้ามองใบหน้าอีกฝ่ายในตอนนี้

    “ฝัน...” เต๋าเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินแบบนั้น  “ฝัน ดี นะ” แต่พอคชาต่อจนครบประโยคพร้อมแลบลิ้นยิ้มกวนให้กัน เต๋าก็แทบอยากจะให้น้องเอาตัวเข้าแลกมันเสียตอนนี้...รู้ว่าไม่ดีครับแต่ก็ห้ามความคิดไม่ได้

    “เด็กป่วน” ยิ้มให้กับเด็กกวนชอบปั่นป่วนหัวใจที่หนีเข้าไปนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนจะเข้าสวมกอดตัวเล็กให้แน่นจนอีกคนโวยวายเสียงดัง

    คชาจ้องมองใบหน้าเจ้าของอ้อมแขนแสนอุ่นที่โอบกอดให้คชาคลายหนาวจากอุณหภูมิสุดต่ำ ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าพี่เต๋ากำลังหลับสนิท มือซ้ายแตะเบาๆ ที่ข้างแก้มขาว พลางคิดเรื่อยเปื่อย ...หลายครั้งที่เห็นพี่เต๋าอยู่กับเพื่อนใหม่ คชาอยากเดินเข้าไปยังกลุ่มเพื่อนของอีกฝ่าย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากมีใครถาม คชาจะตอบว่าเราเป็นอะไรกัน? ในเมื่อพี่เต๋าไม่เคยขอคบ แม้รู้เสมอว่าพิเศษ แม้รู้เสมอว่าสำคัญ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องสถานะเข้ามามีความสำคัญกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนเองเอาแต่คิดเรื่องนี้จนแอบน้อยใจอีกฝ่าย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กงอแงไร้สาระทุกครั้งที่คิดเรื่องนี้ เวลานี้ก็ทำได้เพียงมองหน้าคนนอนหลับสบาย พลางแอบคิดถึงประโยคที่อีกฝ่ายเอ่ยถามก่อนจะเข้านอน

    “จะให้ได้ยังไงก็ในเมื่อพี่เต๋าไม่เคยขอคชาเป็นแฟน จะข้ามขั้นเลยหรือไง” คชาถอนหายใจ บ่นเสียงเบากับตัวเอง มองอีกคนตาละห้อยก่อนจะหลับตาลงเมื่อทนความง่วงไม่ไหว โดยที่ไม่รู้ตัวว่าคนที่หลับอยู่เมื่อครู่แอบอมยิ้มเพราะได้ยินเสียงบ่นนั่น

    ______________________________________ HH

    ดวงตาคู่กลมกระพริบหลีกหนีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผืนผ้าม่าน ร่างเล็กพลิกตัวหนี หวังใช้พื้นที่แผ่นหลังอุ่นเพื่อหลบหนีการรบกวน หากแต่สัมผัสที่ได้คือความว่างเปล่า เพียงเท่านั้นดวงตาก็เปิดออกช้าๆ ทั้งที่ยังง่วงงุน  แขนที่ตั้งใจจะกอดอีกคนวางพาดอยู่บนผ้าปูเตียง มือน้อยลูบพื้นที่ว่างเปล่าไปมาอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเห็นคนที่หายไปเดินออกมาจากห้องน้ำ

    "ไปไหนหรอ” คชาเงยหน้าขึ้นถามพร้อมๆ กับเต๋าที่เดินเข้ามานั่งมองเด็กง่วงบนเตียง

    “นัดทำรายงานกับเพื่อนๆ ที่ห้องสมุด”

    “ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย” คนตรงหน้ายิ้มให้เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยกำลังตั้งท่าจะงอน ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ที่แสดงข้อความนัดหมายที่พึ่งส่งมาไม่ถึง 30 นาทีที่ผ่านมา บอกให้รู้ว่าเต๋าเองก็พึ่งรู้ว่าต้องออกไปทำรายงานเช่นกัน 

    “นอนต่อได้แล้ว ตาจะปิดแล้วครับ” เจ้าของมือหนาบอกแล้วจัดแจงห่มผ้าให้น้อง

    “กลับตอนไหนฮะ?

    “วันนี้พี่อาจจะกลับไปนอนที่หอ มีปาร์ตี้ที่บ้านแอลลี่ กลัวจะดึก ไม่อยากกวนเด็กนอน”

    “...................” คชามองใบหน้าอีกฝ่ายด้วยความสับสน แค่เพียงได้ยินอีกคนพูดว่าจะไม่กลับมานอนด้วยกันก็รู้สึกเหงาขึ้นมาทันที  พี่เต๋าทำให้คชาเสพติดความใกล้ชิดของเราสองคน พอคิดว่าจะต้องห่างหายแค่เพียงช่วงสั้นๆ ก็ทำให้คิดมากและโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก

    “ฝันดีตอนเช้าครับ” เต๋าโน้มหน้าผากชิดกับคนตัวเล็ก บอกฝันดีรับอรุณให้กับเด็กหน้าง่วงกลางเตียง จูบเข้าเบาๆ ที่ใบหู ก่อนขายาวจะก้าวเดินออกจากห้องไป

    ....

    “พี่เต๋า พี่เต๋า”  เสียงจากด้านหลังเรียกให้เต๋าหันไปยังเด็กน้อยที่กำลังวิ่งลงบันได ก่อนที่คชาจะเอ่ยบอกให้พี่ชายคนสำคัญได้คลายความสงสัย  “ไปส่งนะฮะ”

    “ข้างนอกหนาวนะ” คชาหันซ้ายขวา แล้วหยิบเอาเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่วางพาดบนโซฟาก่อนจะรีบสวมมันเข้าไป เต๋ายิ้มให้ความน่ารักของคนตรงหน้า ก่อนจะกุมมือนิ่มให้ก้าวเดินออกมาจากบ้านพร้อมกัน ทันทีที่พ้นประตูบ้านทั้งเต๋าและคชาก็พบกับกลุ่มเพื่อนหลากหลายสัญชาติของเต๋าที่มายืนรอ คนตัวสูงกว่าโบกมือทักทายเพื่อนแล้วหันกลับมายังคนตัวเล็ก 

    “วันนี้กลับมานอนบ้านนะ ... ดึกก็จะรอ” เพียงเท่านั้น อ้อมกอดอบอุ่นก็รวบคนตัวเล็กเข้ามากอด แล้วกระซิบเบาข้างใบหู ให้เด็กน้อยสบายใจ

    “โอเคครับ”

    เต๋าหันมาโบกมือให้กับคนตัวเล็ก ก่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนในกลุ่มอย่างออกรสออกชาติ และก้าวเดินต่อไป  ผู้คนแปลกใหม่ที่วนเวียนผ่านเข้ามาในชีวิตของอีกคนทำให้คชาสับสน คชาเชื่อใจและมั่นใจในตัวอีกฝ่าย หากแต่ ...

    คชาก็แค่กลัว...กลัวว่าคนอื่นที่เข้ามาจะทำภาพของเราเลือนราง

    ______________________________________ HH

    “พี่เต๋าไปเถอะ คชาจะแวะซื้อของแล้วก็ไปหาหม่าม๊าที่ร้าน”

    “กลับบ้านคนเดียวได้ใช่ไหม?

    “สบายมาก...” แต่คงเหงานิดหน่อยมั้ง

    เต๋าหันมายิ้มตอบก่อนจะเร่งก้าวเดินเมื่อเพื่อนต่างชาติร้องเรียก  คชามองตามแผ่นหลังคุ้นเคยห่างออกไป มองตามภาพการสนทนาของพี่เต๋ากับกลุ่มเพื่อน ก่อนจะหันหลังกลับและวิ่งกลับไปหาเพื่อนของตนเองที่พึ่งจะเดินออกไปได้ไม่ไกล ก่อนหน้านี้เพื่อนๆ ชวนคชาไปเดินเล่นที่ดาวน์ทาวน์ ทว่าคนตัวเล็กนัดหมายจะกลับบ้านพร้อมกับอีกคนเหมือนเช่นทุกวันจึงเลือกจะปฏิเสธเพื่อนๆ หากแต่ในวินาทีนี้คงไม่จำเป็นแล้ว

    ...

    “Brother หรอ?” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงเบาเมื่อคำสั้นๆ ที่ออกจากปากคนสำคัญยังไม่ลบเลือนหายไปไหน เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ในขณะที่คชากำลังสนทนากับพี่เต๋า นัดแนะจุดหมายที่จะไปในวันนี้ หากเมื่อเพื่อนของอีกคนเดินเข้ามากลางการสนทนาของเราและเอ่ยถามว่าคชาเป็นใคร สิ่งที่พี่ชายคนสนิทของคชาตอบกลับไป

    “He is my brother”

    ประโยคสั้นๆ แต่กลับทำให้หัวใจเต้นในจังหวะที่คชาไม่ชอบใจ ข้างในกำลังประท้วงว่าไม่ใช่คำตอบนี้ที่รอคอย ข้างในมันประท้วงว่ากำลังมีรอยร้าวในความรู้สึก ข้างในนั้นของพี่เต๋าจะรู้ไหมว่าข้างในนี้ของคชากำลังเต้นในจังหวะที่แปลกไป  จังหวะนี้ทำให้ภายในอึดอัดและห้วงการหายใจติดขัดเหลือเกิน

    ______________________________________ HH

    ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ จนเหมือนจะลืมความคิดบางอย่างได้ หากแต่พอเผลอปล่อยความคิดเมื่อใด ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจก็แวะเวียนกลับมาทักทายกันให้ใจโหวงเหวงอีกครั้งเสมอ แต่อย่างน้อยได้หยุดคิดบ้างในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ดีแล้วล่ะมั้ง 

    “ลูกชายหม่าม๊าทำไมหน้าหงอยจัง”

    “เปล่าครับ” หม่าม๊ามองใบหน้าของลูกชายสุดที่รัก พลางนึกถึงวันที่แอบลอบมองตัวเล็กเหม่อตามพี่ชายคนสนิทที่เดินเฮฮาออกไปกับกลุ่มเพื่อนในเช้าวันนั้น

    “หวงพี่เต๋าหรอลูกชาย” ลูกชายคนเล็กของบ้านอ่านไม่อยากเลยสักนิด

    “ไม่ได้เป็นอะไรกัน หวงไม่ได้หรอกฮะ” คชาตอบน้ำเสียงน้อยใจจนผู้เป็นแม่นึกขำ

    “หือ? ว่ายังไงนะ”

    “เปล่าฮะ”

    “ก็แม่บอกพี่เต๋าเอาไว้ว่าอย่าพึ่งขอคชาเป็นแฟน”

    “อ้าว....” คชาเงยหน้า ส่งสายตาเต็มไปด้วยคำถามให้กับผู้เป็นแม่ ทั้งคำถามที่ทำไมผู้เป็นแม่รู้ว่าคชากำลังคิดอะไรและคำถามเรื่องการขอคบเป็นแฟน

    “ก็แม่เคยบอกพี่เต๋าไว้ว่าอย่าพึ่งขอคชาเป็นแฟนจริงๆ” และเหมือนเด็กน้อยจะรู้ตัวจึงกลบเกลื่อนความรู้สึกเสียงแข็ง

    “คชาไม่ได้อยากเป็นสักหน่อย” ตอบตะกุกตะกัก จนคนเป็นเป็นแม่จับผิดไม่ได้เลยสักนิด

    “โกหกหม่าม๊าไม่ดี” ความจริงเต๋าก็ได้พิสูจน์อะไรหลายอย่างให้ผู้เป็นแม่ได้เชื่อใจและไว้ใจ ไม่คิดเหมือนกันว่าเต๋าจะรักษาสัญญาเรื่องการขอเป็นแฟนจนลูกชายสุดที่รักของตัวเองมานั่งงอนแบบนี้

    “...ก็มีเพื่อนพี่เต๋าถามว่า คชาเป็นอะไรกับพี่เต๋า...พี่เต๋าบอกว่าเป็นน้องชาย” พอได้ฟังหม่าม๊าก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้  “คชาไม่ได้น้อยใจนะฮะ แค่...” หากเมื่อจะแก้ตัว สายตาของคนเป็นแม่ก็ทำให้เด็กน้อยยอมสารภาพ “เฮ้อ หม่าม๊าอ่ะ ก็ได้..คชาน้อยใจ”

    “งอนด้วยใช่ไหม?” คนตัวเล็กเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้ารับ ...ก็มันน่าน้อยใจจริงๆ นี่นา

    “แล้วทำไมหม่าม๊าถึงไม่อยากให้พี่เต๋าขอคชาคบ หม่าม๊าคิดว่าสถานะไม่สำคัญสำหรับความรักหรอครับ?” และการแลกเปลี่ยนมุมมองของสองแม่ลูกก็เกิดขึ้น

    “ไม่ใช่เลยคชา...หม่าม๊ารู้เสมอว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่ขอเต๋าไปวันนั้นก็แค่อยากจะพิสูจน์อะไรหลายๆ อย่าง  คนสองคนจะรัก จะผูกพันกันมากแค่ไหน จะสำคัญต่อกันและกันมากเพียงใด ยังไงก็ต้องมีสถานะมากำหนด มันเหมือนเป็นคำสัญญา เป็นการให้เกียรติ สถานะที่ไม่ได้ถูกกำหนดมันอาจจะดูมีเสน่ห์ น่าค้นหาสำหรับผู้เฝ้ามอง แต่สำหรับคนที่อยู่ในความสัมพันธ์ คนที่อยู่ในห้วงของความรักมันอาจจะไม่สวยงามหรอกลูก”

    “.........”

    “ช่วงแรกที่พิเศษกับพี่เต๋า คชาเคยคิดว่าคำว่าแฟนมันสำคัญไหม?”  คชาส่ายหน้าแทนคำตอบ ก็ตอนนั้นคชาไม่เคยคิดเรื่องนี้จริงๆ แค่มีกันและกัน แค่รู้ว่าเป็นคนสำคัญก็ดูจะเพียงพอแล้ว หากแต่วันนี้...จะดูไร้สาระและงอแงเกินไปไหม หากคชาจะอยากได้สถานะนั้นขึ้นมา อยากให้อีกฝ่ายขอคบกันในฐานะ คนรัก

    “...แต่วันนี้มันสำคัญแล้วใช่ไหม?” ผู้เป็นแม่มองลูกชายของตนเองด้วยความรักและห่วงใย ยิ้มบางๆ ให้กับเส้นทางความรักของแก้วตาดวงใจ คชาได้เรียนรู้และทำความรู้จัก เติบโตขึ้นกับเส้นทางความรักสายนี้ด้วยตนเอง

    “แล้วตอนนี้หม่าม๊าอนุญาตให้พี่เต๋าขอคชาคบได้แล้วยังครับ?

    “อันนี้ต้องถามพี่เต๋านะ”

    “หม่าม๊า...คชาไม่กล้าถามหรอกครับ” ผู้เป็นแม่ยิ้มมองตัวเล็กแก้มแดงก็นึกถึงเมื่อไม่กี่วันก่อนที่พี่ชายคนสำคัญของลูกรักเข้ามาขออนุญาตกำหนดสถานะ ความรู้สึกของผู้เป็นแม่นั้นไม่ได้คิดห้ามอะไรมานานแล้ว

    “พี่เต๋าอาจจะลืมไปแล้วมั้ง”

    “หม่าม๊า...” พูดเสียงเบาน่าสงสารจนคนเป็นแม่หลุดหัวเราะ

    “โตขึ้นอีกขั้นแล้วนะลูกชายหม่าม๊า” คนเป็นแม่จบเรื่องไว้เพียงแค่นั้น ต่อจากนี้ไปคงเป็นหน้าที่ของคนสองคนที่ต้องร่วมกันกำหนดสถานะและรักษามันไว้

    “ก็หม่าม๊าอนุญาตให้คชาโต” คชาบอกเสียงอ้อนแล้วเข้ากอดแม่เอาไว้ พอหม่าม๊าพาเปลี่ยนเรื่องคชาก็ลืมงอนไปง่ายๆ “ขอบคุณนะครับหม่าม๊าทุกอย่างเลย  รักหม่าม๊ามากๆ”

    “ทำเป็นมาอ้อน...”

    “ก็รักหม่าม๊า” มองดูความรักที่ให้กับลูกชายในอ้อมกอด ยิ้มด้วยความสุขใจเมื่อได้มองเห็นความรักที่มอบให้ได้รับการส่งต่อ ความรักครั้งนี้ทำให้เด็กน้อยในอ้อมกอดได้เติบโตไปอีกขั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า เส้นทางความรักครั้งนี้จะเดินไปได้ไกลถึงเพียงใด ผู้เป็นแม่จะไม่ผิดหวังที่ตัดสินใจปล่อยให้เรื่องราวได้ดำเนินมาถึงเพียงนี้

    ______________________________________ HH

    “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจท่ามกลางลมหนาวเมื่อคชากำลังครุ่นคิดเรื่องราวที่ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด แม้จะรู้สึกสบายใจขึ้นมากหลังจากคุยกับหม่าม๊า แต่ทว่าพี่เต๋ายังคงไม่มีทีท่าจะเอ่ยคุยเรื่องสถานะความสัมพันธ์ของเราสักที ในเมื่อพี่เต๋ายังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับหม่าม๊าแบบนี้ ถ้าหากเป็นคชาที่ขอพี่เต๋าคบด้วยตนเอง พี่เต๋าก็คงไม่ได้ทำผิดสัญญากับหม่าม๊าหรอกใช่ไหม? ... ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนจะไร้สาระขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับหยุดคิดเรื่องสถานะความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ คชาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ... หยุดคิดได้ไหม หยุดคิด หยุดคิด

    คนตัวเล็กเดินเรื่อยเปื่อยใจลอยจนมาหยุดที่ข้างถนนเพื่อจะเดินข้ามไปยังซุปเปอร์มาเก็ตฝั่งตรงข้าม ด้วยความเคยชินกับการข้ามถนนจากเมืองไทยทำให้คชามองรถทางด้านขวามือและก้าวข้ามถนนทันที แต่คชาคงลืมไปว่าการข้ามถนนที่อเมริกานั้นตรงข้ามกัน

    “เด็ก!” ดวงตาคู่กลมหลับตาแน่น ศีรษะชนเข้ากับปลายคางของคนตัวสูงกว่าเพราะแรงดึง เสียงเครื่องยนต์และสายลมแรงเร็วที่วิ่งเร็วผ่านด้านหลังทำให้รู้ว่ารถยนต์คันเมื่อครู่วิ่งมาด้วยอัตราเร็วมากเพียงใด

    “อีกแล้วนะ...” คชาลืมตามองหน้าอีกฝ่าย หัวใจดวงน้อยยังคงเต้นระส่ำรัวเร็วไม่หยุด ความรู้สึกตกใจมากเสียจนร้อนผ่าวที่ขอบตา ก่อนคนตรงหน้าจะเป็นฝ่ายดึงคชาเข้าไปกอดแน่น

    “ขอโทษ” คนตัวเล็กบอกเสียงเบา เต๋าหลับตาแน่นกอดเด็กตัวสั่นในอ้อมแขนราวกับว่ากลัวจะหายไปไหน หากชั่ววินาทีเมื่อครู่เขาเอื้อมมือไปดึงอีกฝ่ายไม่ทัน รถที่วิ่งด้วยอัตราความเร็วเต็มที่เช่นนั้นคงวิ่งเข้าชนน้องไปแล้ว กี่ครั้งแล้วที่คชาประมาทแบบนี้?

    “ระวังกว่านี้ได้ไหม พี่ขอร้อง” คนตัวเล็กพยักหน้าที่ไหล่กว้าง ก่อนน้ำตาเม็ดโตจากความกลัวจะไหลออกมา  ร่างกายที่แนบชิดกันและกันทำให้คนตัวเล็กรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจที่อกด้านซ้ายของคนตรงหน้า มันรัวเร็วไม่ต่างจากคชาเลยสักนิด ความเป็นห่วงจากความรักที่อีกคนแสดงออกและมอบให้กันนั้นมากมายเหลือเกิน แต่เหตุใดบางครั้งยังแอบคิดน้อยใจ แต่ทำไมกัน...ทำไมข้างในถึงเรียกร้องไม่ยอมพอ

    .....

    “พี่เต๋ากำลังจะไปไหน?” คชาถามขึ้นหลังจากที่เต๋าพามานั่งพักที่สวนสาธารณะไม่ใกล้ไม่ไกล 

    “กำลังจะกลับหอ” แม้เหตุการณ์จะผ่านมาแล้วแต่ก็อดใจเสียไม่ได้ หากเขาไม่เดินผ่านมาทางนี้แล้วเจอน้องเข้าพอดี เจ้าของมือนิ่มที่กุมจับอยู่ตอนนี้จะเป็นเช่นไร

    “วันนี้ไม่ไปบ้านคชาหรอ?

    “ไปครับ กลับมาเก็บของ” คชาพยักหน้ารับเหมือนโล่งใจ ตาคู่กลมไม่กล้าสบตาเหมือนมีความลับปกปิด ไหนจะอาการเงียบมากกว่าปกติในสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้เต๋าต้องเอ่ยถามออกไป  “เวลาข้ามถนนต้องมีสติมากกว่านี้นะรู้ไหม...เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมช่วงนี้ดูเหม่อๆ”

    “ครับ” น้ำเสียงที่ดูจริงจังเกินปกติทำให้คชาประหม่า รู้สึกเหมือนกำลังถูกดุ แต่เต๋าก็รู้ทันเสมอ 

    “พี่ไม่ได้ดุนะครับ พี่เป็นห่วง”

    “รู้แล้วฮะ...ขอโทษฮะ” ถึงจะย้ำว่าไม่ได้ดุแต่เด็กน้อยก็ยังคงหน้าหงอยเช่นเดิม

    “เด็กคิดอะไรอยู่ บอกมาสิครับ” เต๋าถามออกไปตรงๆ อีกครั้ง ยังไงเสียวันนี้ก็ต้องได้คำตอบ

    “ก็คชาดูเป็นเด็กไม่โตสักที พี่เต๋าต้องคอยดูแล ต้องลำบากมาคอยเป็นห่วงตลอดเวลา” เพียงได้ฟังก็อยากจะอุ้มมาตีสักทีสองที

    “ไม่ใช่แบบนั้น...แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่ลำบากครับ พี่เต็มใจจะรู้สึกต่างหาก” เพราะบางความรู้สึกเราก็เต็มใจจะรู้สึกอย่างที่เต๋าบอกจริงๆ แม้ความรู้สึกเหล่านั้นจะทำเรากังวล สับสนก็ตาม “ไม่อยากให้พี่เป็นห่วง แล้วถ้าวันไหนพี่ไม่เป็นห่วงขึ้นมา จะงอแงไหมครับ?” คชาฟังคำถามแล้วรู้สึกใจเสียแปลกๆ แค่เพียงคิดว่าอีกคนจะไม่ห่วงใยกันก็เหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา

    “ไม่ได้...ห้ามไม่เป็นห่วง”

    “งั้นก็เลิกคิดว่าพี่ลำบากที่ต้องมาเป็นห่วงเราได้แล้ว”

    “ก็ได้...” แต่คงเลิกคิดทันทีไม่ได้ ต้องใช้เวลาสักนิด

    “รู้สึกเหมือนตัวเองมีลูก” เต๋าบอกแล้วโอบเข้าที่ไหล่ของเด็กน้อยข้างกายให้หัวกลมได้มาซบที่ไหล่ของตนเอง หากแต่คชากลับคิดมากขึ้นมาอีกครั้ง เป็นทั้งน้อง เป็นทั้งลูก ... นี่คือสถานะของคชาที่พี่เต๋าให้หรอ  “กลับไปสงสัยต้องให้กินนมแล้วค่อยกล่อมนอน ใช่ไหมครับ”

    “ไม่ได้อยากเป็นลูกตัวเองสักนิด” ตอบน้ำเสียงติดน้อยใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของแขนยาวที่พิงอยู่จะรู้สึกบ้างไหม

     “อ่อ...จะเป็นแม่ของลูกหรอครับ?” เต๋าแกล้งแหย่อีกฝ่าย “ลืมไปว่าคนนี้ต้องเป็นแม่ของลูก” ทั้งแกล้งหยอก ทั้งลูบหัวจนคชาชักเริ่มหงุดหงิด

    “หยุดพูดเล่นเลยนะ” คนตัวเล็กลุกพรวดขึ้นแล้วบอกคนตรงหน้า ก่อนที่เต๋าจะลุกขึ้นตามด้วยความสงสัย

    “เป็นอะไร?” เต๋าถามแล้วยิ้มขำตบท้าย นั่นทำให้คชาหงุดหงิดขึ้นมาอีกเท่าตัว  

    “ก็...พี่เต๋าอ่ะ!” ท้ายที่สุดก็ทำอะไรคนที่ยืนยิ้มกริ่มตรงหน้าไม่ได้ นอกจากเดินหนี ไม่ขอคบแล้วยังมาบอกว่าเป็นน้อง เป็นลูก ยังไม่ได้เป็นแฟนแต่มาบอกจะให้ข้ามขั้น ... ผู้ใหญ่บ้า!

    เต๋ากอดอกมองดูเด็กน้อยของตนเองงอนเดินหนีออกไปแล้วก็ต้องยิ้มตาม  ทำไมเต๋าจะไม่รู้ว่าคชากำลังแอบน้อยใจเรื่องที่เขาไม่ขอคบเป็นแฟน ที่แกล้งแหย่ แกล้งไม่เอ่ยถึง เพราะเมื่อได้เห็นคชางอนแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ เต๋าก็แค่อยากรู้ว่าคชาจะมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ไม่แน่เขาอาจจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ จากเด็กน้อยของตนเอง หรือถ้าจะให้บอกตรงๆ ก็คือตั้งใจจะแกล้งน้อง ส่วนเรื่องขอคบนั้นก็รออีกไม่นาน อุตส่าห์ได้รับอนุญาตจากหม่าม๊าของคชามาแล้ว ยังไงก็ไม่ยอมเสียโอกาส

    ไม่มีใครทำให้ภาพของเราสองคนเลือนรางได้ นอกจากตัวเราเอง

    ______________________________________ HH

    วันสุดท้ายของปีกำลังจะสิ้นสุดลง  ผู้คนส่วนใหญ่จัดงานฉลองกันในวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา ทำให้วันสิ้นปีเช่นนี้จึงไม่ได้ครึกครื้นเหมือนที่ประเทศไทย เต๋ากับคชาตัดสินใจมาใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของปีร่วมกับเพื่อนร่วมเมือง บนเส้นทางสายยาวท่ามกลางลมหนาวเย็น  เต๋าและคชากำลังเดินเคียงข้างกันเพื่อไปยังจุดรวมตัวของคนในเมืองที่กำลังตั้งตารอคอยอำลาปีเก่า สวัสดีปีใหม่

    “วันนี้อากาศดีนะ ไม่หนาวมาก” เต๋าเอ่ยชวนคุยหลังจากสังเกตว่าคชาเงียบไปสักพัก แม้จะรู้ว่าน้องเป็นอะไร แต่คนขี้แกล้งก็ยังไม่รีบง้ออยู่ดี

    “ก็ดีมั้งฮะ...” คชาตอบแล้วหยุดเดิน  ตาคู่กลมมองตามคนที่เดินนำไปล่วงหน้า ตั้งแต่วันนั้นก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า พี่เต๋าก็คงยังไม่ขอคบ เหมือนจะเป็นคชาฝ่ายเดียวที่เอาแต่คิดเรื่องสถานะของเราสองคน พี่เต๋าคงไม่ได้นึกถึงมันเลยใช่ไหม... จะไม่ไหวแล้วนะ คชาจะไม่ไหวแล้วนะ!

    “พี่เต๋า! คบกันไหม” พอพูดจบก็เป็นคชาที่เป็นฝ่ายนิ่งเงียบ มีผลให้เต๋าต้องเดินกลับเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยืนหลับตาคอตกอยู่ด้านหลัง 

    “พูดว่าอะไรนะครับ” แม้จะได้ยินชัด หากแต่ใจมันก็อยากได้ยินซ้ำ แต่ก็เริ่มไม่สนุกเมื่อเห็นตัวเล็กเริ่มซึมจนไม่สดใสร่าเริง คชายังคงเอาแต่ก้มหน้าและส่ายหัวไปมา “คิดมากอะไรอีกแล้ว”

    “เปล่าฮะ คชาแค่หนาว”

    “โกหกระวังโดนจูบนะ” ทันทีที่ขู่เด็กน้อยก็เงยหน้าขึ้นทันที

    “ไม่ได้โกหก” 

    “ประโยคขอคบมันต้องเป็นหน้าที่พี่ไม่ใช่เหรอครับ” และเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินสิ่งที่ตนเองบอก บวกกับรอยยิ้มของคนขี้แกล้งแบบนั้น คชาก็ยิ่งรู้สึกอายขึ้นมา

    “ก็พี่เต๋าไม่ยอมพูดสักที”

    “เด็กใจร้อนเหรอ”

    “น้อยใจอยู่ต่างหาก” มองคนน้อยใจที่พ่นลมหายใจฟู่แข่งกับสายลมหนาว แก้มนั่นก็แดงจนหน้างับเข้าสักทีสองที เห็นงอนแล้วน่ารักแบบนี้ก็อยากจะล่อลวงให้งอนกันต่อจริงๆ

    “จะเที่ยงคืนแล้วครับเดี๋ยวไม่ทันนะ”  พูดเบี่ยงประเด็นจบก็จับเข้าที่มือนิ่มแล้วออกแรงดึงเด็กน้อยให้วิ่งเพื่อไปสู่จุดหมายด้วยกัน

    ......

    ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนในวันสุดท้ายของปี เสียงนับถอยหลังดังกระหึ่มไปทั่วทั้งบริเวณ จวบจนตัวเลขสุดท้าย ก่อนท้องฟ้าสีมืดจะได้รับการเยี่ยมเยือนจากแสงไฟสวยงามของพลุหลากสี เสียงโห่ร้องเพื่อเฉลิมฉลองของผู้คนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางผู้คนมากมาย เราสองคนยังคงจับมือกันแน่นด้วยความอบอุ่นในหัวใจ อีกหนึ่งครั้งที่ได้อยู่เคียงข้างก้าวผ่านข้ามพ้นวันสุดท้ายของปีไปด้วยกัน

    “แฮปปี้นิวเยียร์ครับ” เต๋าหันมาบอกคนตัวเล็กข้างกายที่กำลังชมพลุสวยงามแตกกระจายบนท้องฟ้า

    “สวัสดีปีใหม่ฮะ” สองมือหนายกฮู๊ดของเสื้อกันหนาวขึ้นมาสวมให้ศีรษะกลม ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆ ยังเส้นผมนิ่มที่ระอยู่บริเวณหน้าผากเนียน ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ให้ลมหายใจอุ่นร้อนของเราส่งผ่านสลับไปมาถ่ายทอดสู่กันและกัน จวบจนสองลมหายใจสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ริมฝีปากได้รูปกดน้ำหนักแสนเบาที่ริมฝีปากนิ่ม ดวงตาสองคู่หลับพริ้มเมื่อเราส่งผ่านความรู้สึกให้แก่กันและกัน  ก่อนจะรับรู้ถึงแรงกดที่ลาดไหล่เป็นสัญญาณให้เต๋าถอยออกมาอย่างเสียดาย หากแต่ยังคงคลอเคลียเข้าใกล้ที่ความอ่อนนิ่มนั้นไม่ไปไหน ดวงตาสองคู่มองประสานกัน แววตาที่ลึกซึ้งเคลือบแฝงไปด้วยความรักและความหวัง ความหวังให้ความรักของเราเข้มแข็งมากพอที่จะเดินไปข้างหน้า หวังให้เราสองคนมั่นคงมากพอที่จะจับมือเดินเคียงข้างกันต่อไป

    “คบกับพี่นะครับ ขออภัยถ้าทำสิ่งใดล่วงเกินก่อนจะขอเป็นแฟนนะ”

    “............” ทั้งๆ ที่คิดเรื่องนี้มานาน แต่พอโดนขอเป็นแฟนเข้าจริงๆ หัวใจกลับเต้นตึกตัก เขินอายจนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย เหมือนพรที่รอคอยเป็นจริง เหมือนสิ่งที่หวังไว้สมดังใจ   

    “จำสัญญาปีที่แล้วได้ไหม พี่ทำตามสัญญาแล้วนะครับ...เพราะฉะนั้นคำตอบต้อง ตกลง เท่านั้นนะ ถือว่าเป็นรางวัลที่พี่รักษาสัญญา” คชายิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงสัญญาในวันสิ้นปีของปีที่แล้ว

    “มาสัญญากันดีกว่า...ว่าวันสิ้นปีปีหน้า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราจะมาเจอกัน ปีหน้าเราจะมานั่งเค้าท์ดาวน์ด้วยกันอีกนะ นะ นะ นะ สัญญากันนะ”

    “สัญญาครับ...”

    “งั้นปีนี้ต้องมีสัญญาใหม่... ปีหน้าฉลองครบรอบ 1 ปีด้วยกันนะ” เสียงใสเอ่ยขอสัญญาอีกครั้ง และนั่นทำให้คนฟังยิ้มอย่างมีความสุข

    “พี่เป็นคนรักษาสัญญาด้วยสิ”

    “ทำให้ได้นะ สู้ๆ”

    “ครับแฟน”

    “ยังไม่ได้ตอบคำว่าตกลงเลย”

    “ที่พูดมาก่อนหน้านี้มันยิ่งกว่าตกลงแล้วครับหนู” คชาทำหน้าเหมือนโมโหที่ตามเต๋าไม่ทัน แต่แท้จริงแล้วคงเขินอายจนทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า “มีแฟนแล้วนะครับ ถ้าใครเข้ามาจีบบอกว่าแฟนหวงมาก ถ้าไม่อยากตายอย่ามายุ่ง โอเคไหม?” เต๋าบอกแล้วหยิกเข้าเบาๆ ที่ปลายจมูกรั้นของคนตัวเล็ก

    “ไม่เห็นโอเคเลย แบบนั้นก็ปิดกั้นโอกาสของตัวเอง” ได้ทีเด็กน้อยก็หาเรื่องแกล้งอีกคนบ้าง

    “แหน่ะ...ร้ายจริงๆ เดี๋ยวโดนจับเลื่อนสถานะก่อนเวลาอันควรนะครับ” เต๋าบอก ตีคิ้วมองเด็กที่พยายามจะเอาคืน เหมือนเกมนี้จะมีคนแพ้เมื่อคชาเริ่มหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดเรื่องแบบไหนอยู่นะเด็กน้อย

    “ฟ้องหม่าม๊านะ”

    “ถึงตอนนั้นจะให้โดนด่า โดนว่ายังไงก็ต้องยอม ก็เด็กยอมพี่แล้ว”

    “บอกตอนไหนว่าจะยอม”

    “คิดว่าถ้าตัวเองไม่ยอมแล้วเค้าจะทำอะไรตัวเองหรอจ๊ะ”

    “ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว” เด็กแก้มแดงหันหน้าหนีไปมองยังพลุบนท้องฟ้า กลบเกลื่อนความเขินอายจากอีกคนหากแต่คงไม่ได้แนบเนียนเท่าไหร่นัก

    .....

    “คชาดีใจที่ได้รักพี่เต๋านะ” ยืนนิ่งเงียบมองท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง ก็เป็นคชาที่เอ่ยออกมา

    “ว่าไงนะครับ” เต๋าได้ยินไม่ค่อยชัดนักคงเป็นเพราะรอบข้างยังคงเสียงดัง

    “คชา ดี ใจ ที่ ได้ รัก พี่ เต๋า นะ” คชาบอกเน้นทีละคำจนคนฟังยิ้มแก้มบาน แถมยังต่อท้ายให้หัวใจของเต๋าเต้นรัว “ไม่ว่าจะมีเรื่องร้ายหรือดี คชาอยากให้เราแบ่งปันมันด้วยกัน...”

    “ไปหัดพูดมาจากไหนเนี่ย”

    “ไม่เห็นต้องหัดจากไหนเลย แค่พูดตามที่รู้สึก”

    “จะละลายแล้วครับ”

    “เว่อร์อีกแล้ว” แล้วเสียงหัวเราะของเราก็สอดประสานขึ้นพร้อมกันท่ามกลางแสงสีสวยงามของพลุบนท้องฟ้าที่ยังคงมีหน้าที่คอยสร้างสีสันให้ความมืดมิดด้านบน สร้างค่ำคืนที่แสนประทับใจให้กับใครหลายคนยังที่แห่งนั้น เหมือนสองหัวใจและสองความรู้สึกของเราสองคนที่ยังคงทำหน้าที่เติมเต็มความรักให้แก่กันและกัน

    “ขอบคุณที่ทำให้พี่มีวันนี้นะ” เต๋าค้นพบแล้วว่าการได้ทำเพื่อคนที่ตัวเองรักทำให้เขามีพลังฝ่าฟันกับอุปสรรคจนประสบผลสำเร็จไปอีกขั้นได้ 

    “ขอบคุณที่รักษาสัญญานะฮะ”

    “ขอบคุณที่อดทนกันนะครับ” เต๋าและคชาผลัดเปลี่ยนขอบคุณกันและกัน สองสายตาที่ส่งผ่านความรู้สึกทำให้เราทั้งสองคนรับรู้ว่าเรานั้นกำลังคิดในสิ่งเดียวกัน... เราต่างดีใจ ที่เรามีวันนี้ วันที่เราทั้งสองได้ขอบคุณในความรักของกันและกัน

    “ขอบคุณที่ง้อนะ”

    “ขอบคุณที่ไม่งอนบ่อยนะ”

    “แอบงอนอยู่ต่างหาก”

    “จริงหรอ? งอนอะไรครับ”

    “ใช่...งอนมาพักใหญ่แล้วด้วย แต่ไม่เป็นไรหายแล้ว”

    “คนอะไรงอนเองหายเอง”

    “ก็คน....คนรักของตัวเองไง” เด็กน้อยพูดเองก็เขินเองจนต้องหนีเข้าซบอกคนตรงหน้า เต๋าจับศีรษะกลมเข้ามากอดไว้แล้วก้มกระซิบข้างใบหูเล็ก

    “เดี๋ยวนี้ชักจะร้ายกาจขึ้นทุกวันนะ ...จะน่ารักไปไหนครับ” คนตัวเล็กผละออกมาจากอ้อมกอดหลังจากนั้นก่อนจะบอกประโยคยาวที่เรียกรอยยิ้มรอบที่ร้อยจากคนตรงหน้า

    “น่ารักก็อย่าไปรักคนอื่น งอนเองหายเองได้ ฟังก์ชั่นดีๆ แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะจะบอกให้”

    “โอ้โห...ขายของสุดๆ”

    “แน่นอน ของเขามีคุณภาพ เพราะฉะนั้นรักษาดีๆ ด้วยนะฮะ”

    “ครับจะ รักษาให้ดีที่สุดเลย” เต๋าบอกแล้วเน้นคำว่า รักให้อีกคนได้มั่นใจในคำตอบมากขึ้น  ไม่มีใครรู้ว่าเส้นทางความรักของเราจะเป็นอย่างไรต่อไป เราอาจจะทะเลาะกัน บาดหมางไม่พูดจา ร้องไห้ เสียน้ำตา หรือจะต้องจากลากันและกันอีกกี่ครั้ง  ให้ทุกประสบการณ์เป็นสิ่งให้เราได้เรียนรู้กันและกัน  หล่อหลอมให้เราสองคนเข้มแข็งมากพอที่จะฝ่าฝันสิ่งต่างๆ เพื่อทอดยาวให้เส้นทางความรักสายนี้ดำเนินต่อไปให้ยาวนานที่สุดด้วยความรักจากเราทั้งสองคน 

     

    ‘In  A Relationship’
    Y

     







     

    ------------------------------------------------


    สวัสดีวันคริสมาสต์ค่า :)
    ได้ฤกษ์ลงตอนพิเศษให้อ่านแล้ว ตอนแรกตั้งใจลงวันปีใหม่แต่พอดีมีอีกตอนที่อยากลงในวันปีใหม่
    เป็นตอนพิเศ๊ษ พิเศษ (ไม่มีในเล่ม) เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะอากาศหนาวมากเกินไปนั่นเอง
    เป็นตอนพิเศษ ประมาณ 2-3 ปีหน้าเลย ไม่รู้จะชอบกันไหมแต่ว่าแต่งมาแล้ว และไม่อยากอ่านคนเดียว 555 

    #มีสุข23 
    @CHICKIMILK 

    ตัวอย่างตอนพิเศษ

    อยู่ในตอนหน้า คลิกไปอ่านกันได้เลย :)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×