ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9 - Happy Alley 수라

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.39K
      2
      21 มี.ค. 56

    Chapter 9

     
     

    เสียงกังวานก้องกระทบกันของขวดแก้วทรงสูงสีน้ำตาลเข้มหลายขวดที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกร้านสะดวกซื้อแบรนด์ดังปรากฏขึ้น  มือหนาประครองถุงใบใหญ่ที่แม้จะซ้อนถุงพลาสติกไว้ถึงสองชั้นแต่เขาก็แอบรู้สึกไม่ไว้วางใจกับคุณภาพของถุงอยู่ดี  

     

    “เห๊ย  เต๋ามาพอดีเลย ของเก่าหมดไป ของใหม่มาด่วนๆ”  เสียงร้องทักจากพี่ใหญ่ของบ้านดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นเต๋าเดินมาใกล้จะถึงประตูรั้ว

     

    “คิดยังไงถึงมาเมากันวันทำการแบบนี้หละพี่ตี๋” เต๋าถามแล้วยื่นถุงพลาสติกให้น้ำแข็งที่รีบตรงดิ่งไปรับเขาตั้งแต่ยังไม่เดินผ่านรั้วบ้าน

     

    “พี่เต๋า...คนโสดจะเมาวันไหนก็ได้ เคยได้ยินไหม?” น้ำแข็งตอบแล้วรีบย้ายขวดแอลกอฮอล์ออกจากถุงพลาสติกทันที

     

    “จากใจนะ พี่ไม่เคย”

     

    “พี่เต๋าเอาของไปเก็บเร้ววว  เดี๋ยวตามคนอื่นไม่ทันน..”  เต๋าส่ายหน้าให้กับอาการสติพร่าเลือนของเฟรม ตลกน้องตัวเองอยู่ไม่น้อยที่แม้ว่ากำลังจะเมาแต่มือยังคงกอดกีต้าร์ไว้แน่น  แล้วยิ่งงงไปใหญ่เมื่อคนที่เกากีต้าร์คือโปเต้ เดี๋ยวนี้กีต้าร์มันเล่นกันแบบนี้หรอวะ?

     

    เต๋าเดินเข้าไปในตัวบ้าน จัดการเก็บข้าวของส่วนตัวแล้วออกมาหาแก๊งหนุ่มโสดที่โต๊ะม้าหินอ่อน  เขาไม่ได้ตั้งใจจะมึนเมาอะไรในวันนี้  แต่เล่นพร้อมหน้าพร้อมตาตั้งวงกันแบบนั้นก็ต้องจิบบ้างสักนิด

     

    “เห็นเหล้ามันเหลืออยู่หลังตู้เย็น กลัวมันหมดอายุ ต้องรีบกิน” 

     

    “ก็ถ้ามีเหล้าอยู่ แล้วพี่จะบอกให้เต๋าซื้อเบียร์มาเพิ่มทำไม?” เต๋าถามขึ้นเมื่อตัวเองย้ายมานั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ตั้งวงกับแก๊งหนุ่มโสดเรียบร้อยแล้ว

     

    “ซื้อมาเก็บไว้ไง  เดี๋ยวมันจะขาดตลาด” พอเริ่มเมา  ตรรกะของตี๋ก็เริ่มมั่ว

     

    “อันเชิญพี่เต๋ากระดก  แก้วนี้พิเศษสุดๆ เพราะเหล้ามันหมดแล้ว นี่คือหยุดสุดท้ายสุดล้ำเลิศ”  เต๋ายื่นมือไปรับแก้วเหล้าสูตรพิเศษที่น้ำแข็งยื่นมาให้ ตั้งท่าจะยกขึ้นดื่ม

     

    “พี่เต๋า”  เสียงใสคุ้นหูร้องเรียกจากริมรั้ว  เรียกให้มือหนาที่กำลังจะยกแก้วต้องนิ่งค้างเอาไว้

     

    “คชา”  เต๋าเอ่ยออกมาบางเบา ก่อนจะตัดสินใจวางภาชนะบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผสมน้ำอัดลมแล้วเดินมาหาคนตัวเล็กที่กำลังยืนกอดแมวสีขาวขนปุย และถ้าเต๋าสังเกตไม่ผิด แววตานั้นดูเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง

     

    “นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก”  ก่อนหน้านี้เต๋าพึ่งไลน์คุยกับคชาว่าตัวเขาใกล้จะถึงบ้านแล้ว  วันนี้เขาเลิกงานดึก กว่าจะออกจากบริษัทได้ก็สองทุ่มกว่า อีกทั้งพี่ชายยังโทรไปสั่งให้ซื้อเบียร์เข้ามาให้อีก

     

    “พี่เต๋าทำอะไรอยู่?

     

    “ก็พึ่งกลับมาถึง...ก็ กำลังจะ...อย่างที่เห็น”  เต๋าเลี่ยงที่จะตอบแบบตรงคำถาม ตาคมมองไปยังแก๊งหนุ่มโสดที่กำลังมึนเมาได้ที่กับรสชาติของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทน

     

    “สอนการบ้านหน่อยได้ไหมฮะ?” 

     

    “ตอนนี้?” เต๋าถามอีกคนกลับแล้วยกข้อมือดูนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาจวนจะสี่ทุ่ม

     

    “ก็มันยังไม่เสร็จ  ต้องส่งพรุ่งนี้ แล้วก็...แล้วก็ทำเองไม่ได้แล้วด้วย”  จังหวะการตอบช้าลงเหมือนกำลังคิดหาเหตุผลบางอย่าง  เต๋าหันไปมองทางม้าหินอ่อนก่อนจะตอบตกลงคชาไป

     

    “เดี๋ยวเดินไปหานะ”

     

    “งั้นเข้าไปรอในบ้านนะ”  คชาบอกอีกคน สายตาเหลือบมองกลุ่มพี่ที่กำลังเฮฮาเสียงดังได้ที่ก่อนจะเข้าบ้านไป

     

    “พี่เต๋าไม่กินแล้วหรอ อุตส่าห์ชงให้ นี่สูตรพิเศษ หากินที่ไหนไม่ได้” น้ำแข็งถามขึ้นเมื่อเต๋าเดินกลับเข้ามาในวงสนทนา

     

    “ไว้วันหลังแล้วกัน มีธุระนิดหน่อย”

     

    “ธุระหรือธุเลิฟเอาให้แน่”  แม้สติจะมีไม่ครบถ้วนมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเหน็บน้องชายของตนเอง

     

    “สอนการบ้านน้อง เดี๋ยวทำไม่เสร็จจะไม่ได้นอน”

     

    “พ่อพระสุดๆคุณเต๋าของพวกผม”  โปเต้ที่ดูเหมือนจะมีสติมากที่สุดเอ่ยแซวอีกคน

     

    “ไปแล้วๆ  เดี๋ยวมาตามเก็บ”

     

     

    ---------------------------------------------------------------------

     

     

    แมวน้อยขนฟูนอนซบอยู่บนตักนิ่มของคชา ตากลมแป๋วนั้นหลับลงคล้ายกับกำลังจะพักผ่อน ต่างกับเจ้าของแมวตัวเล็กที่กำลังใช้งานสองมือได้คุ้มค่า มือนึงเปิดหนังสืออีกมือก็เขียนการบ้านไปด้วย

     

    “พี่มิ้นท์ขึ้นนอนแล้วหรอ” เต๋าเอ่ยถามแล้วนั่งลงบนพื้นพรมหน้าโซฟาข้างอีกคน  ทำให้สิ่งมีชีวิตตัวกลมขนฟูสะดุ้งลืมตาขึ้น แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่แล้วหลับลงไปอีกครั้ง

     

    “ขึ้นห้องไปแล้ว คงไปตรวจการบ้าน” คชาเลื่อนหนังสือเรียน ปลายนิ้วเรียวชี้ไปยังโจทย์ปัญหา

     

    “ไหนขอดูหน่อย”  เต๋ายกสมุดเล่มหนาขึ้นมาดู  ก่อนจะเริ่มอธิบายการบ้านให้คนตัวเล็กฟัง 

     

    “ก็ทำได้แล้ว  ที่จริงพี่ไม่ต้องสอนก็ได้มั้ง”  ใช้เวลาไม่นานก็ดูเหมือนว่าจะราบรื่น เมื่อคชาดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่เต๋าสอน แต่...

     

    “ไม่ๆ ยังไม่เข้าใจเลย  ข้อนี้ทำได้แต่ข้อต่อไปอาจจะผิดก็ได้”  เต๋าเลิกคิ้วมองอีกคน ท่าทางเลิ่กลั่กนั่นทำให้เต๋าอยากจะหัวเราะออกมาเหลือเกิน ...นี่พี่น่ารักของเด็กชายเต๋าน้อยเป็นอะไรไปนะ?

     

    “จริงๆนะ  แล้วข้อต่อไปก็ยากขึ้นด้วย” เสียงเล็กตอบรัวเร็วทันที

     

    เต๋าปล่อยให้คชาทำการบ้านด้วยตัวเองหลังจากไกด์แนวทางให้   ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเจ้าแมวคะน้ามานอนซบตักเขาแทน  มือหนาลูบบางเบาบนขนฟูอ่อนนุ่มของเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับพริ้มอย่างสบายตัว

     

     “พี่เต๋า” เต๋าเงยหน้ามองอีกคน แต่ยังคงไม่ละเลยจากการทำหน้าที่กล่อมแมวน้อยคะน้า ตาคู่กลมของคชากระพริบปริบๆ  ทำให้เต๋าผละมือออกมาจากแมวน้อยบนตักแล้วมาลูบหัวกลมๆของคนตัวเล็กแทน

     

    “ไม่เข้าใจตรงไหน?” คชาส่ายหน้าพัลวัน

     

    “...หิว....” สิ้นคำของคนตัวเล็กเสียงทุ้มนุ่มก็หลุดหัวเราะออกมาในทันที 

     

    “ไม่ตลกนะ  หิวจริงๆนะ”  คชาว่าแล้วเอามือลูบท้อง  ปากเล็กนั่นเบะออกเล็กน้อยเมื่อเห็นคนเป็นพี่หัวเราะราวกับว่าอาการหิวของตนเองเป็นเรื่องขำขันนักหนา

     

    “ดึกแล้วนะ ยังจะกินอยู่หรอ” คชาพยักหน้าทันที สงสัยจะใช้พลังงานสมองเยอะไปหน่อยตอนนี้เลยหิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

     

    “อยากกินมาม่า”

     

    “แล้ว?”  เต๋าแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของอีกคน

     

    “ทำให้กินหน่อยนะ นะ นะ พี่เต๋านะ”  ทั้งเขย่าแขน ทั้งทำเสียงอ้อน ตบท้ายด้วยยิ้มหวานๆ ทำเอาคนตัวสูงแทบจะวิ่งไปที่ครัวไม่ทันเลยทีเดียว

     

     

    ใช้เวลาไม่นานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชามโตก็ถูกเสิร์ฟวางลงบนโต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟา  ตะเกียบสองคู่แน่นิ่งอยู่ในถ้วย กลิ่นหอมกับควันจางที่กำลังลอยตัวขึ้นบนอากาศช้าๆทำให้คนที่บ่นว่าหิวกลืนน้ำลายแทบไม่ทัน มือบางกับมือหนาเอื้อมจับตะเกียบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วก้มลงหาเป้าหมายทันที  แต่สงสัยว่าจะใจตรงกันเกินไป

     
     

    โป๊ก

     

     

    “งือออ..” เสียงเล็กครางเครือแผ่วเบาพร้อมกับลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ

     

    “ขอโทษๆ พี่ไม่เห็น เจ็บไหม” เต๋ากำลังจะสำรวจหน้าผากอีกคน แต่คนตัวเล็กดูเหมือนจะไม่สนใจ ตอนนี้สิ่งที่คชาสนใจดูเหมือนจะมีแค่บะหมี่ชามโตตรงหน้าเท่านั้น

     

    “ไม่เจ็บฮะ”  คชาโน้มตัวลงหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชามโตอีกครั้ง แต่...

     

     

    โป๊ก

     

     

    “โอ๊ย!   ฮือออ..เจ็บแล้วนะ”  มือบางยกขึ้นลูบหน้าผากอีกครั้ง

     

    “เห๊ย! พี่ขอโทษ ไหนขอดูหน่อย” มือหนายกขึ้นสัมผัสหน้าผากเนียน  การกระแทกซ้ำจุดเดิมสองครั้งทำให้รอยแดงเริ่มปรากฏ  

     

    “เจ็บมากไหม พี่ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะ”

     

    “รู้แล้วว่าไม่ได้ตั้งใจ ก็ลองตั้งใจดูซิ” ตาคู่กลมตวัดมองเหวี่ยงตามแบบฉบับ  เต๋าได้แต่ยิ้มน้อยๆ จะบอกว่าเขาชินกับนิสัยของคชาแบบนี้แล้วก็ได้

     

    “เดี๋ยวเป่าให้นะ...เพี้ยง!!! 

     

    “เป่าอะไรของพี่เต๋าเนี่ย” คชาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะแรงลมจากริมฝีปากของอีกคนที่กระทบกับหน้าผากเนียน  แต่ที่ตกใจมากกว่าเมื่อเริ่มรู้สึกได้ถึงระยะห่างระหว่างใบหน้าของตนเองกับอีกคน

     

    “ก็เป่าหน้าผากไง  ตอนเด็กๆเวลาพี่เป็นอะไรแม่ก็ชอบเป่าที่แผลให้ คิดแล้วก็ตลกดี”

     

    “หม่าม๊าก็เคยทำแต่....”

     

    “แต่อะไร?

     

    “ ไม่เห็นหม่าม๊ายื่นหน้ามาใกล้ขนาดนี้เลย”  เสียงเล็กตอบแผ่วเบาพอให้ได้ยินชัดกันสองคน  ระยะห่างระหว่างใบหน้าทำให้ลมหายใจสอดประสานโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่รู้ตัว ระยะห่างของใบหน้าที่ใกล้กันเกินปกติกับ ลมหายใจอุ่นร้อนของคนตัวสูงกว่าที่ส่งผ่านไปยังแก้มใสส่งผลให้แก้มเริ่มคร้ามสีอย่างห้ามไม่ได้

     

     “กินเถอะ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย”  เต๋ามองริมฝีปากบางที่เม้มเข้าหากันแน่น จึงผละออกมาช้าๆ  ถ้าขืนยังปล่อยให้ตัวเองจ้องปากคชานานกว่านี้อาจต้องขอสัญญาณช่วยเหลือจากหน่วยงานไหนสักแห่งแน่ๆ

     

    “พี่เต๋าไม่กินไส้กรอกหรอ” คชาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่เต๋าเลือกกินแต่เพียงเส้นสีเหลืองของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น

     

    “กินเถอะ หิวไม่ใช่หรอ พี่ใส่ไส้กรอกให้เยอะเลยนะ”

     

    “ไม่เอา กินด้วยกันสิ” คนตัวเล็กว่าแล้วคีบไส้กรอกจากชามใบโต เป่าเล็กน้อยจนเกิดควันกระจายแล้ววางจ่อไว้ใกล้ริมฝีปากหนาได้รูปของเต๋า  เต๋ายกยิ้มก่อนจะอ้าปากรับไส้กรอกชิ้นพอดีคำ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหาเรื่องแกล้งหยอกอีกคนโดยการกัดตะเกียบไว้ไม่ปล่อย

     

    “อือออ..พี่เต๋าจะกัดตะเกียบไว้ทำไม ปล่อยดิ”  ใบหน้าคมส่ายไปมา ปากยังคงกัดตะเกียบไว้แน่น คชาพยายามจะดึงตะเกียบของตัวเองออกจากปากของเต๋า แต่แม้จะรู้ว่าอีกคนตั้งใจจะแกล้งแต่คนตัวเล็กก็ไม่กล้าขยับตะเกียบแรงเพราะกลัวอีกคนจะเจ็บ

     

    “หึ้ย...งั้นคาบไว้เลยนะ” ฟึดฟัดเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าอีกคนเหนือกว่า คชาปล่อยมือออกจากตะเกียบที่ค้างอยู่ปากของร่างสูง แล้วฉวยเอาตะเกียบคู่ของเต๋ามาใช้งานแทนทันที 

     

    “อ้าว  นั่นตะเกียบพี่นะ” เต๋าดึงตะเกียบออกจากปากแล้วถามอีกคนเสียงสูง

     

    “ก็พี่เต๋าเอาของคชาไป” คชาเผลอเสียงดังด้วยความลืมตัวใส่คนขี้แกล้ง

     

    “พี่เอาอะไรของคชาไป”

     

    “ก็ตะเกียบไง”

     

    “คชาก็เอาของพี่ไป”

     

    “ก็พี่เต๋าเอาตะเกียบคชาไปก่อน”

     

    “พี่ไม่ได้หมายถึงตะเกียบ” ร่างเล็กที่กำลังตั้งท่าจะเถียงอีกคนก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นแววตาที่จริงจังเกินปกติของร่างสูง  มือหนายกขึ้นสัมผัสแก้มเนียนของคชาแล้วเอ่ยบางอย่างออกมา

     

    “พี่หมายถึงไส้กรอกพวกนั้นต่างหาก ไหนบอกว่ายกให้พี่แล้วไง แต่ทำไมแย่งไปกินคนเดียว”

     

    “พี่เต๋า! คชาไปบอกตอนไหนว่ายกให้ ไม่ต้องกินแล้ว จะกินคนเดียว” คชาว่าเต๋าด้วยความหงุดหงิด แววตาของพี่เต๋าที่มองมาก่อนหน้านี้ทำเอาหัวใจของคชาเต้นผิดจังหวะ แต่สุดท้ายก็หาเรื่องแกล้งเขาอีกจนได้

     

    “อ้าว  เมื่อกี้เรายังป้อนพี่อยู่เลย” คชา

     

    “แล้วไงหละ ก็พี่เต๋าแกล้งทำไมหละ”

     

    “โอ๋ๆ ไม่แกล้งแล้ว รีบกินเถอะ จะได้ทำต่อให้เสร็จนะ”

     

    “เสร็จแล้วต่างหาก”

     

    “เสร็จตอนไหน?

     

    “ก็ตอนพี่เต๋าไปทำมาม่าไง”  เต๋าพยักหน้ารับ แล้วมองดูปากเล็กที่กำลังงับไส้กรอกของโปรดด้วยความอร่อย  แล้วปล่อยให้คชาจัดการบะหมี่ชามโต ส่วนเขาก็หันมาเล่นกับแมวคะน้าบนตักแทน

     

    “อะ พี่เต๋า ให้..” เสียงของคชาสะกิดเรียกให้เต๋าเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วพบว่าคชายื่นไส้กรอกมาทางเขา

     

    “ไส้กรอกชิ้นสุดท้าย  จะได้...”  คชากำลังจะพูดบางอย่างแต่ยังไม่ทันได้พูดจบเต๋าก็แทรกเสียงขึ้นมาก่อน

     

    “จะได้มีแฟนน่ารักๆ”  สิ้นเสียงปากหนาก็งับเข้าที่เจ้าไส้กรอกชิ้นสุดท้ายทันที  คชาเม้มริมฝีปากแน่น พยายามหลบสายตาของคนที่กำลังเคี้ยวไส้กรอกอย่างตั้งใจ ไม่ใช่ตั้งใจเคี้ยวไส้กรอกแต่ตั้งใจมองมาที่คชาต่างหาก  พี่เต๋าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ คนอะไรเคี้ยวไปยิ้มไป...

     

    “มั่วเหอะ  จะได้ท้องเสียต่างหาก”  คนตัวเล็กว่าขึ้นแล้วฉุดแมวน้อยบนตักของเต๋ามาเกาคางแก้เขินทันที

     

    “ยอมครับยอม”  สารภาพว่าเต๋ายอมท้องเสีย ถ้ามีคนน่ารักป้อนแบบนี้

     

     

    “พี่เต๋า” คชาเรียกชื่ออีกคนเมื่อจัดการล้างถ้วยชามเสร็จเรียบร้อย และเต๋าก็กำลังจะกลับบ้าน

     

    “ครับ?

     

    “กลับถึงบ้านแล้วขึ้นนอนเลยนะ” เต๋าเลิกคิ้วสงสัยกับสิ่งที่คชาพูด

     

    “ก็...มันดึกแล้วไง พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปทำงานไม่ใช่หรอ”

     

    “แปลกๆนะเรา มีอะไรหรือเปล่า”  เต๋ารู้สึกสงสัยตั้งแต่คชาขอให้เขามาช่วยสอนการบ้านให้แล้ว

     

    “ไม่มี  เดี๋ยวเดินไปส่งหน้าบ้านนะ”  คชาส่ายหน้า ก้มลงอุ้มแมวน้อยที่เดินมรคลอเคลียอยู่ที่ข้อเท้าและเดินไปส่งอีกคนที่หน้าบ้าน

     

    .....

    .......

    ..........

     

    “สอนการบ้านคชาเสร็จแล้วหรอน้องต๋าว” คนเป็นพี่ถามขึ้นเมื่อเต๋าเดินมายังม้าหินอ่อน

     

    “เสร็จแล้วๆ  นี่ไหวกันไหมเนี่ย” ตอนแรกเขาคิดว่าพี่ตี๋จะกินกันเล่นๆไม่จริงจัง แต่ตอนนี้สภาพของแต่ละคนดูเหมือนจะเกินจากที่เขาคาดไว้

     

    “ไหวสิพี่ต๋าว กินต่อถึงเช้ายังได้”  น้ำแข็งที่คอก็แข็งสมชื่อยังคงง่วนกับการคีบน้ำแข็งใส่แก้ว

     

    “อย่าให้มากนัก  เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีคนเปิดร้าน”

     

    “มีไอ้เต้อยู่ทั้งคนจะกลัวอะไร ใช่ไหมเต้”  เสียงงึมงำพึมพำฟังแทบไม่ได้ศัพท์ของตี๋ว่า แล้วหันหน้าไปขอความเห็นจากโปเต้

     

    “ผมยังไหวครับคุณเต๋า”  เต๋าหันไปมองโปเต้ ที่สติถือว่ายังครบสมบูรณ์ที่สุด ต่างจากน้องชายของเขาที่เมาไม่รู้เรื่อง พิงซบอยู่ที่บ่าโปเต้ไปเรียบร้อย

     

    “พี่เต๋าเอาปะพี่ เดี๋ยวผมเทให้”  น้ำแข็งถามเสียงยาน มือยังคงเกากีต้าร์ไม่เป็นจังหวะ  เต๋าได้แต่ส่ายหน้าระอาเล็กน้อยก่อนจะได้ยินเสียงของคนที่คิดว่าจะเข้าบ้านไปแล้วเรียกชื่อเขาอีกครั้ง

     

    “พี่เต๋า” เสียงเรียกของคชาทำให้เต๋าหันมามองเด็กน้อยตาแป๋วที่กำลังยืนอุ้มแมวขนฟูอยู่ข้างรั้ว

     

    “ยังไม่เข้าบ้านอีกหรอ เข้าบ้านได้แล้วนะ ดึกแล้ว” เต๋าว่าแล้วเดินมาหาอีกคน

     

    “พี่เต๋าก็เข้าก่อนสิ”

     

    “ปกติพี่ทำแบบนั้นหรอ?”  เต๋าบอกออกไปแบบนั้น เพราะทุกครั้งจะเป็นเขาเองที่รอให้คชาเดินเข้าบ้านก่อน เขาถึงจะยอมเข้าบ้านตัวเอง

     

    “ก็วันนี้ไม่ปกติไง  เข้าไปก่อนสิ พี่เต๋าเข้าบ้านแล้วคชาถึงจะเข้า”  เต๋าขมวดคิ้วเล็กน้อย แอบไม่เข้าใจกับคำว่าปกติของคชาอยู่มาก

     

    “วันนี้แปลกๆจริงๆด้วย  มีอะไรหรือเปล่า”

     

    “ไม่มี  แค่อยากให้นอนไวๆเอง ไม่ดีหรือไง”

     

    “ดีครับดี  งั้นฝันดีนะทั้งแมวตัวเล็กและเจ้าของแมวตัวเล็ก”  มือหนายกขึ้นลูบศีรษะเจ้าของแมวตัวเล็กที่พยักหน้ายิ้มหวานส่งให้ แล้วหันไปลาแก๊งหนุ่มโสดก่อนจะเดินเข้าตัวบ้านไป

     

    ---------------------------------------------------------------------

     

     

    “อยู่ไหนหรอฮะ?

     

    “วันนี้เจ้านายพี่เลี้ยงข้าว พึ่งส่งงานใหม่ผ่าน คชามีอะไรหรือเปล่า”

     

    “ไม่มี  ว่าแต่เสียงดังจัง”

     

    “อ่อ เจ้านายพามาเลี้ยงที่ผับแถวที่ทำงาน นี่พี่ก็เดินออกมาคุยข้างนอกแล้วนะ ได้ยินไม่ชัดหรอ?

     

    “ก็...ชัด”

     

    “จะนอนแล้วหรอ”

     

    “กำลังจะอ่านหนังสือต่างหาก”

     

    “โอเคครับ อย่านอนดึกมากนะ”

     

    “พี่เต๋าก็อย่ากลับดึกมากนะ แล้วก็...เมาห้ามขับด้วย”  เต๋าหัวเราะออกมาทันทีเมื่อฟังปลายสายพูดจบ

     

    “พี่จะขับได้ยังไง พี่ไม่มีรถนะ”

     

    “แล้วจะหัวเราะทำไม  ตลกหรอ”  น้ำเสียงติดจะเหวี่ยงของอีกคน ทำให้เต๋ารู้ว่าสถานการณ์กำลังมาคุ

     

    “สรุปคือกลับไม่ดึก เมาไม่ขับ โอเคนะ”

     

    “ถ้าจะให้ดีไม่ต้องกิน”

     

    “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?

     

    “ไมได้ว่าอะไร  ไปอ่านหนังสือแล้ว บ๊ายบาย”

     

    “ครับ”  ร่างสูงยืนอมยิ้มส่ายหัวให้กับคนที่พึ่งวางสายไป  สองสามวันมานี้คชาดูแปลกไป เหมือนมีอะไรสักอย่างปิดบังเขาอยู่ แต่เต๋าไม่ใช่คนที่ชอบบังคับใครและคชาก็คงไม่ชอบให้ใครมาบังคับเช่นกัน  เต๋าจึงไม่ได้คาดคั้นถามเอาความกับคนตัวเล็กแต่ถ้าคชาพร้อมที่จะบอกเมื่อไหร่เขาก็พร้อมจะรับฟังเสมอ

     

    มือหนาหย่อนเครื่องมือสื่อสารคู่กายลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน  มองเห็นเพื่อนร่วมงานและเจ้านายกำลังชนแก้วกัน ขายาวก้าวไปยังโต๊ะเดิมก่อนจะมีรุ่นน้องส่งแก้วเครื่องดื่มสีอำพันให้  เต๋ารับแก้วใสนั้นมา จ้องมองมันสักพักแล้วนึกถึงคำพูดของใครอีกคนที่บอกเขาไว้

     

     

    สัญญาครับว่าจะไม่เมา แต่ยังไงคืนนี้ก็ต้องดื่ม

     

     

    “เอ้าชนเว้ย ชน ชน” 

     

     

     

    ---------------------------------------------------------------------

     

     

    สัมผัสเปียกชื้นวนเวียนลากผ่านข้างแก้มขาวบางเบา ก่อนจะเคลื่อนย้ายมายังปลายจมูกได้รูป  ใบหน้าคมขาวส่ายไปมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับในเช้านี้  ดวงตาคู่คมเปิดกว้างแล้วมองจ้องไปยังสิ่งมีชีวิตที่กำลังคลอเคลียอยู่ใบหน้าเขา 

     

    ความรู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะค่อยๆชัดเจนขึ้น  มือหนาขยี้ศีรษะตนเองสองสามทีแล้วดันตัวลุกขึ้นนั่ง ปรากฏให้เห็นร่างบางคุ้นเคยที่กำลังยืนจ้องมองมาที่ตนเอง

     

    “แมวตัวโตขี้เซาต้องเอาแมวตัวเล็กมาปลุก” คชาว่าทันทีเมื่อเห็นเต๋าลุกขึ้นนั่ง  ร่างสูงสะบัดศีรษะไล่อาการหนักอึ้งอีกครั้ง แล้วอ้อมไปจับแมวตัวกลมที่กำลังป่วนเปี้ยนอยู่แถวหมอนใบโต

     

    ถ้าอาการเมาคืออาการของคนไม่ได้สติ เต๋าคงยังไม่ไปถึงจุดนั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาคือคนที่ต้องรับภาระหน้าที่ส่งเพื่อนฝูงให้ถึงบ้าน กว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจของบุคคลที่มีสติที่สุดในกลุ่มก็เข้าวันใหม่  เต๋าชอบรสชาติของแอลกอฮอล์ แต่เมื่อคืนเขาเลือกจะไม่ดื่มเยอะ ไม่ใช่เพราะกลัวจะเมาแต่เพราะคำพูดของเด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้ามากกว่า

     

    “เข้ามาได้ยังไง”  เต๋าถามเสียงเข้มเพราะอยากจะแกล้งเด็กน้อยตรงหน้า แต่นั่นก็ทำให้คชาประหม่าได้

     

    “ก็...ก็พี่เต๋าไม่ได้ล็อคห้อง” นี่เป็นครั้งแรกที่คชาเข้ามาในห้องนอนของอีกคน แถมยังไม่ได้ขออนุญาต แอบกลัวพี่เต๋าโกรธอยู่เหมือนกัน

     

    “ดึงหน่อยครับ  ลุกไม่ไหว”  คชาเขยิบเข้ามายืนใกล้คนที่นั่งอยู่บนเตียง มือบางส่งไปหาอีกคน แต่คนที่มีแรงเยอะกว่าเหมือนตั้งใจจะแกล้งกัน มือหนาฉุดร่างบางให้ล้มมาทางตนเอง เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนแมวขนฟูฟ่องสะดุ้งแทบจะวิ่งออกจาพื้นที่เสี่ยงภัยไม่ทัน   เต๋าเอื้อมโอบเอวบางเอาไว้หลวมๆ ได้กลิ่นแชมพูจากศีรษะของคนในอ้อมกอด ทำให้สติที่เรียกกลับมาเมื่อครู่เหมือนจะล่องลอยไปอีกหน

     

    ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศรอบข้าง  ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ...เงียบเกินไปจนกลัวว่าเสียงหัวใจจะดังหลุดรอดให้อีกคนได้ยิน  ริมฝีปากบางเม้มแน่นเข้าหากัน ตั้งท่าจะดันตัวเองให้ออกจากอ้อมแขนแต่เมื่อขยับก็เหมือนว่าจะแน่นขึ้น

     

    “พี่เต๋า” คชาถามเสียงเบาทำลายความเงียบ

     

    “ครับ?

     

    “อย่าแกล้ง  ปล่อย”  เด็กน้อยในอ้อมแขนเริ่มดิ้นไปมา  คชาเงยหน้ามองอีกคนทันทีเมื่อรู้สึกว่าอ้อมกอดนี้เริ่มจะแน่นขึ้น  ทำให้ปลายจมูกได้กลิ่นเจือจางของแอลกอฮอล์จากลมหายใจอุ่นร้อนของเต๋า  ที่เรียกให้ภาพความทรงจำวัยเด็กบางอย่างกลับมาอีกครั้ง  คชาเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งทันที สีหน้านั้นแสดงความไม่พอใจจนเห็นได้ชัด เต๋าจึงรีบปล่อยให้คนตัวเล็กหลุดจากอ้อมกอด

     

    “อาบน้ำด้วย”  คชากลับไปยืนข้างเตียงตามเดิม แล้วอุ้มลูกแมวคืนสู่อ้อมกอดของตนเองอีกครั้ง   บอกอีกคนเสียงแข็งแล้วรีบเปิดประตูออกจากห้องไป   หัวใจที่ว่าเคยแข็งแรงของคนที่นั่งหน้าเอ๋ออยู่บนเตียงเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

     

    หรือว่าเมื่อกี้จะเล่นแรงไป?

     

     

     

    ---------------------------------------------------------------------

     

    ร่างสูงขาวรีบจัดการภารกิจส่วนตัว แล้ววิ่งลงมาจากบันได  ในใจหวังว่าคชาจะนั่งรออยู่แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเห็นเพียงพี่ตี๋นั่งอยู่บนโซฟา

     

    “คชาหละพี่?

     

    “ลงมาจากห้องแก ก็ขอตัวกลับบ้านเลย ไม่ได้นัดกันหรอ นึกว่าแกบอกน้องให้ไปรอที่บ้าน”

     

    “เปล่าๆ”  เต๋ายืนค้ำเอวครุ่นคิดสักพัก ตอนนี้เริ่มจะมั่นใจแล้วว่าอีกคนคงจะโกรธจริงๆ  อยากจะเอาหัวทุบกำแพงจริงๆ แต่ถึงจะให้ย้อนกลับไปเขาก็คงห้ามตัวเองให้ทำแบบเมื่อเช้าไม่ได้

     

    “เดี๋ยวมานะพี่”  เต๋าตะโกนบอกพี่ชายแล้ววิ่งไปบ้านอีกหลังทันที

     

     

    “พี่มิ้นท์คชาหละครับ?” ทันทีที่เข้าไปยังตัวบ้านเลขที่ 23/3 เต๋าก็ถามหาคนตัวเล็ก

     

    “อ้าว  คชาไม่ได้ไปหาเต๋าหรอ  พี่นึกว่าออกไปหาเต๋าซะอีก”  เต๋าไม่ได้ตอบมิ้นท์  ใบหน้าคมเริ่มนิ่ง

     

    “อาจจะไปหาแพรวานะ”

     

    “อ่อ ครับ” ใบหน้าคมยังคงเรียบนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด

     

    “เต๋า... ว่างไหม พี่ขอคุยด้วยหน่อย” เต๋าพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งยังโซฟา

     

    “พี่ว่ามีบางอย่างที่เต๋าควรรู้...”  มิ้นท์มองเต๋าด้วยสายตาจริงจัง  ก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ในอดีตบางอย่างในอดีตให้เต๋าฟัง

                                                                                                         

     

    ---------------------------------------------------------------------

     

    “พี่มิ้นท์  หิวข้าววว” เสียงเล็กสดใสดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูไม้  คชาเดินเข้ามาในบ้านเรียกหาพี่สาวของตนแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่เจอเป็นอีกคนที่เขาพาคะน้าไปปลุกเมื่อเช้า 

     

    ตาคมมองมายังคชา  ทำให้เด็กน้อยที่กำลังยืนอุ้มแมวอยู่รู้สึกประหม่า ก่อนที่คะน้าจะพยายามดิ้นอยากลงไปเดินมากกว่าอยู่ในอ้อมกอด  คนตัวเล็กวางแมวตัวกลมลงกับพื้น กำลังคิดหาหนทางให้ตนเองหลุดออกจากบรรยากาศแปลกๆตอนนี้ แต่คิดไม่ออก

     

    “คุยกันหน่อยไหม?”  เต๋าเดินเข้ามาหาคชาที่ยังคงยื่นนิ่งไม่ไปไหน  มือหนาเอื้อมจับไปที่มือบางแล้วจูงมานั่งที่โซฟายาวกลางบ้าน

     

    “โกรธอะไรพี่หรือเปล่า”  คนตัวเล็กนิ่งเงียบไปสักพักแล้วส่ายหัว  ยังคงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองอีกคน

     

    “ไม่มีอะไรจะพูดกับพี่จริงๆหรอ”  คชาส่ายหน้าอีกครั้ง  เรียกให้มือหนายกขึ้นลูบหัวกลมๆนั้น แล้วเขยิบเข้าไปนั่งใกล้คนตัวเล็กอีกนิด

     

    “มีเด็กบางคนแถวนี้เคยบอกพี่ว่ามีอะไรให้บอกแต่วันนี้กลับมานั่งเงียบเอง”  คชาหันหน้ามองเต๋าทันที  แววตาสดใสเต็มไปด้วยความสับสน

     

     “พี่มิ้นท์เล่าให้พี่ฟังแล้วนะ เรื่องที่เราไม่ชอบคนกินเหล้า”  ตากลมเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ  ใจดวงน้อยเริ่มเต้นตึกตักด้วยความรู้สึกบางอย่าง

     

     

    “ขอโทษนะ...พี่ไม่รู้มาก่อน  แต่คนกินเหล้าไม่ได้เป็นคนไม่ดีเสมอไปนะ”

     

    “คชารู้...แต่มัน...” เต๋ายกยิ้มเมื่อเห็นคชายอมพูดออกมา

     

    “แต่อะไรครับ?

     

    “พ่อคชาก็เป็นคนดี แต่ทุกครั้งที่พ่อกินเหล้า พ่อจะกลายเป็นอีกคน พ่อจะกลายเป็นคนใจร้าย”  คชาเอ่ยเสียงเบา  ภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กของผู้เป็นพ่อฉายขึ้นในความคิด 

     

    พี่มิ้นท์เล่าให้เต๋าฟังถึงสาเหตุที่พ่อกับแม่ของตนเองและคชาต้องเลิกรากันก็เพราะ นิสัยที่เกิดขึ้นทุกครั้งหลังแอลกอฮอล์รสเลิศซึมสู่ร่างกาย  คนเป็นพ่อจะกลายเป็นอีกคนทันทีเหมือนที่คชาว่า  อาการมึนตึง ทะเลาะวิวาท ของผู้เป็นพ่อแม่จะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อพ่อของคชาเมา  แม้จะเด็กแต่ภาพที่คนเป็นพ่ออาละวาด โวยวายใส่หม่าม๊าของตนเองกลับฝังลึกลงในจิตใจของคชา  และมันอาจจะลึกจนเกินไป ..เกินกว่าที่จะยอมรับว่าสิ่งที่เรียกว่าเหล้าเป็นสิ่งปกติของมนุษย์

     

    “คชาเสียพ่อไปเพราะเหล้า”  ภาพน้ำตาของผู้เป็นแม่ผุดขึ้นในความคิด  ทุกครั้งที่พ่อเมาแม่จะต้องร้องไห้ ไม่ใช่เพราะแม่เสียใจ แต่เพราะแม่เป็นห่วงคชา ทุกครั้งที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันด้วยอารมณ์มึนเมาของพ่อ อ้อมกอดของหม่าม๊าจะกอดคชากับพี่มิ้นท์ไว้ จนถึงวันหนึ่งที่ผู้เป็นแม่ไม่สามารถทนเห็นรอยร้าวนี้ได้อีกต่อไป  ทั้งสองจึงตัดสินใจเลิกรากัน

     

    “คชา...”  เต๋าเอ่ยเรียกอีกคนแผ่วเบา  ดวงตามที่เคยสดใสเริ่มสั่นไหวระริกเสียจนเต๋าใจหาย  มือหนาลูบศีรษะคนตัวเล็กก่อนจะเอื้อมโอบอีกคนลงให้ลงมาซบที่บ่ากว้าง

     

    “คชาพยายามแล้ว แต่มันลืมไม่ได้  ทุกครั้งที่เห็นคนอื่นกินเหล้ามันก็อดคิดถึงพ่อไม่ได้” หยดน้ำใสที่กลั้นไว้ร่วงลง  แต่แค่เพียงหยดเดียวเท่านั้น บางครั้งมันคงถึงเวลาที่คชาควรจะเข้มแข็งกับเรื่องพวกนี้เสียที

     

    “พี่ขอโทษครับ ขอโทษนะ” มือหนายังคงลูบศีรษะกลมนั้นบางเบาปลอบประโลม

     

    “คชาไม่ได้โกรธพี่เต๋า  แค่ไม่อยากเห็นพี่เต๋ากิน แต่คชาคงห้ามไม่ได้ใช่ไหมครับ?”  คชาผละออกมาจากอ้อมกอดอบอุ่น  ตากลมสบกับตาคมของเต๋าจริงจัง ...ครั้งนี้มันจริงจังเกินไป 

     

    “พี่สัญญากับคชาไม่ได้”  เต๋าไม่กล้ารับปาก  เพราะรู้ว่าอย่างไรก็คงทำไม่ได้  คชาพยักหน้าให้กับคำตอบของเต๋า ...นั่นสิ  ใครเขาจะไปรับปากกัน

     

    “แต่จะมีสติทุกครั้งที่กิน อันนี้พอไหวไหม...แถมให้อีกอย่าง พี่อนุญาตให้คชาว่าพี่ได้ถ้าเห็นพี่กินเยอะ”  เต๋าเพิ่มข้อเสนออีกหนึ่งข้อเมื่อเห็นว่าสีหน้าของคชาไม่ดีขึ้น

     

    “แล้วถ้าคชาไม่เห็นหละ?

     

    “ถ้าคชาไม่เห็นพี่ก็กินเยอะได้” 

     

    “พี่เต๋า....”  แก้มกลมพองลมทันทีเมื่อพี่เต๋าเริ่มกลับมาแกล้งหยอกอีกครั้ง ทั้งที่คชาจริงจังแต่พี่เต๋าเห็นมันเป็นเรื่องตลก

     

    “ล้อเล่นนิดเดียวเอง...ไม่กินเยอะนะ ไม่กินเยอะ สัญญาว่าถ้าเมาจะไม่ขับ เพราะไม่มีรถ”  คชาเบะปากออกมาอีกครั้ง แต่อาการขุ่นมัวก็เริ่มหายไปบ้าง

     

    “เมื่อวานพี่ก็ไม่ได้เมานะ แค่กินไปสองสามแก้ว ยังเหลือสติมาส่งเพื่อนกลับบ้านด้วยนะ”

     

    “ไม่กินเลยไม่ได้หรอ”  เต๋ายิ้มให้กับคนตัวเล็กตรงหน้า อคติด้านลบกับสุราคงจะติดในสมองคชายากจะลบจริงๆอย่างที่พี่มิ้นท์ว่า 

     

    “ขอโทษฮะ...”  บางทีคชาอาจจะขอพี่เต๋ามากเกินไปแล้วก็ได้ แต่ถ้าไม่ห่วง...ก็คงไม่ขอ

     

    “ขอโทษทำไมครับ?” คชาเงียบไม่ตอบคำถาม

     

    “ไม่บอกก็ไม่เป็นไร  ว่าแต่เราเข้าใจกันแล้วใช่ไหม?”  คชาพยักหน้า  รู้สึกดีไม่น้อยที่ได้คุยกับพี่เต๋าเรื่องนี้

     

    “ตอนแรกพี่นึกว่าคชาจะโกรธพี่เรื่องเมื่อเช้า แต่ดีที่พี่มิ้นท์เล่าให้ฟังก่อนไม่งั้นพี่คงเป็นบ้าแน่ๆ” 

     

    “เรื่องเมื่อเช้าอะไร?”  คชาถามแล้วนึกว่าช่วงเช้ามีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้ตนเองโกรธอีกคนได้

     

    “ก็ที่พี่...ที่พี่ดึงคชามากอด”  สิ้นประโยค คชาก็ก้มหน้างุดทันที เมื่อนึกถึงจังหวะของหัวใจของตัวเองว่าเต้นแรงมากแค่ไหนตอนพี่เต๋ากอดเอาไว้

     

    “ถ้าจะโกรธเรื่องนั้น เมื่อกี้ก็ต้องโกรธอีกครั้ง...”  คชาเอ่ยเสียงเบา ทำให้เต๋ายกยิ้มขึ้นทันที  พึ่งคิดได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเผลอดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด  ก็ตอนนั้นอารมณ์มันพาไป ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

     

    “คะน้า...”  คชาเรียกชื่อแมวตัวกลมที่เดินมาคลอเคลียอยู่ที่ขา ลิ้นสากของสิ่งมีชีวิตขนฟูเลียที่มือของคชาอย่างเอาใจทันทีเมื่อถูกอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก  เต๋าเพ่งมองแมวน้อยที่กำลังเลียมือบางอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วนิ่งเงียบคิดอะไรบางอย่าง

     

    “พี่เต๋ามองอะไร?”  คชาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเต๋าเงียบผิดปกติ

     

    “คชาเคยบอกว่าพี่หน้าเหมือนคะน้า”

     

    “ใช่”  คชาพยักหน้ารับ ก็พี่เต๋าหน้าเหมือนคะน้าตอนยิ้มเอ๋อจริงๆนี่นา

     

    “มีอะไรที่แมวตัวโตไม่เหมือนแมวตัวเล็กบ้างไหมครับ”  คชานิ่งเงียบเมื่อสิ้นคำถามของเต๋า  นึกสงสัยว่าพี่เต๋าต้องการคำตอบประเภทไหน จะจริงจังหรือตั้งใจจะแกล้งกัน

     

    “ไม่รู้สิ...”  คชาส่ายหน้าไม่สนใจ  ก้มลงเล่นขนฟูของแมวน้อยแทน

     

    “ต้องรู้สิ มันต้องมีสิ”  แล้วคชาก็เริ่มจะมั่นใจว่าพี่เต๋ากำลังจะหาเรื่องแกล้ง

     

    “ไม่รู้..คิดไม่ออก”

     

    “แต่พี่คิดออก...”  สิ้นประโยค  แขนยาวสองข้างก็โอบเข้าที่ตัวบางของคชาอีกครั้ง  ดวงตากลมเบิกกว้างเล็กน้อย  ก่อนหน้านี้คชายอมให้พี่เต๋ากอดก็เพราะว่าอารมณ์มันพาไป แต่ตอนนี้สติมันมีครบแล้วอาการขวยเขินเลยบังเกิดขึ้น

     

    “แมวตัวเล็กไม่เคยกอดคชาแบบแมวตัวโตแน่ จริงไหมครับ”  ลมหายใจอุ่นเป่าผ่านข้างแก้มเนียนเมื่อร่างสูงเริ่มพูด  แก้มใสเริ่มเห่อร้อนทันทีเมื่อรู้สึกว่าอ้อมกอดนี้มันจะเริ่มจะแน่นขึ้น  กลิ่นหอมอ่อนๆของคนในอ้อมกอดทำให้เต๋าเผลอตัวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด  อยากจะรู้จริงๆว่าที่มาของกลิ่นหอมละมุนที่เขาได้สัมผัสนี้มันอยู่ตรงไหน

     

    “ไม่เคย”  คชานั่งนิ่งให้อีกคนกอดเอาไว้  แถมเซอร์วิสด้วยการซบไปที่บ่ากว้างของร่างสูง  เต๋าอมยิ้มให้กับสัมผัสบางเบาจากคนตัวเล็ก  ดีใจจนอยากออกไปวิ่งรอบบ้านที่คนในอ้อมกอดไม่ปฏิเสธเขา แต่ถ้าออกไปวิ่งตอนนี้ก็ไม่ได้กอดคชาหนะสิ  ใครจะยอม...

     

    “ปล่อยได้แล้วมั้ง กอดนานไปแล้วนะ”  คชาว่าขึ้นเมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะปล่อยตนเอง  เต๋าจึงค่อยๆผละออกจากคนตัวเล็ก  แต่ดวงตาคู่คมก็ยังคงจ้องคนตัวเล็กไม่วางตา  ท้ายที่สุดคชาก็ทนไม่ไหวถามอีกคนออกไปด้วยท่าทีเขินอาย

     

    “มองอะไรเล่า” 

     

    “มองคนหน้าแดงครับ”  คชามองค้อนอีกคนทันที  นึกโกรธตัวเองที่ยอมปล่อยให้พี่เต๋ากอดเอาไว้ตั้งนาน   

     

    “อย่าให้ตัวเองแดงบ้างแล้วกัน”  คชาว่าแล้วยกมือจับแก้มสองข้างของตัวเองเอาไว้

     

    “กอดพี่สิ  เดี๋ยวพี่ก็หน้าแดงเอง” 

     

    “ไม่มีวันซะหรอก”

     

    “ไม่เป็นไร พี่กอดของพี่เองก็ได้”  ร่างสูงว่าแล้วกางแขนออกตั้งท่าจะกอดคชาอีกครั้ง  เรียกให้คนตัวเล็กรีบลุกออกจากโซฟาทันที

     

    “พาคะน้าไปหาวัฟเฟิลดีกว่า อยู่กับพี่เต๋าแล้วไม่ปลอดภัย” คชาอุ้มคะน้าที่นอนแหมะอยู่บนโซฟาแล้วเดินนำลิ่วออกไปหน้าบ้าน  เต๋าจึงรีบตามอีกคนออกไปทันที

     

    “รอพี่ก่อน ไปด้วย...” 

     

     

    เสียงหัวเราะคิกคัก กับเสียงเจื้อยแจ้ว ถกเถียงกันเรื่องชื่อของปลาทองในสระ....คนเป็นพี่สาวที่แอบมองดูเหตุการณ์มาตลอดได้แต่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง  หวังไว้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้ตัดสินใจไปจะเป็นเรื่องดี ...อย่างน้อยเวลาก็น่าจะตัดสินได้

     

     

    ---------------------------------------------------------------------

     

    เห๊ย!!! รู้สึกเหมือนมาช้าไป...

    มันโอเคไหมหนอ? -_-“ แบบรีบมากเลย...อยากลงฟิคก่อนไปต่างถิ่น แต่ก็เกือบไม่ทัน

    ฝากด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่นั่นแล้วจะได้ลงฟิคอีกครั้งเมื่อไหร่ ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ลืมกันนะ TOT

    ป.ล. ตอนนี้กอดกันไปกี่ครั้ง? 55555

    ป.ล. 1 ชื่อตอนแบบ...นั่นแหละค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×