แฉ! ห้องนอน Dr.Pop!! Part 1
เขียนโดย
Dr.Pop
มีหลายคนบอกว่า "อยากจะเห็นห้องนอน Dr.Pop"
ตอนแรกก็ เอิ่ม...มันจะดีหรือครับ ?
แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่เสียหายนี่ ห้องนอนเราก็ไม่ใช่รังโจร ฮ่า ฮ่า
ก็เลยคิดว่าเอาภาพมาอวดๆ บ้างดีกว่า
เริ่มที่ Part I "โต๊ะทำงาน"
ห้องป๊อบไม่ใช่ห้องที่ใหญ่มโหฬารครับ
จัดเป็นห้องที่เล็กกระทัดรัดมากๆ แต่ก็แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน
ส่วนแรกที่จะมาแนะนำวันนี้คือ โต๊ะทำงาน...
โต๊ะทำงานถือเป็นส่วนที่ป๊อบใช้เวลาของวันอยู่กับตรงนี้มากที่สุดครับ นานกว่าเวลานอนก็ว่าได้ อย่างน้อยคือสิบสี่ชั่วโมงต่อวันครับ ป๊อบจะอยู่ตรงนี้ตลอด (ถ้าไม่มีงานต้องไปข้างนอก)
ป๊อบมี 2 โต๊ะทำงาน
1. โต๊ะวาดภาพ
2. โต๊ะคอมพิวเตอร์
เราจะเริ่มกันที่โต๊ะวาดภาพก่อน
**โต๊ะวาดภาพ**
โต๊ะวาดภาพของป๊อบมีอุปกรณ์เพียงไม่กี่ชิ้นครับผม ที่เห็นในรูปก็คือ
- กระดาษโรเนียว 1 ปึก
อันนี้จำเป็นมาก ป๊อบคงไม่วาดบนใบตอง หรือกระดานชนวน 555
- สก๊อตเทป
เอาไว้แปะผลงานที่จำเป็นบนผนังครับ
- กล่องดินสอ
เป็นของพรีเมี่ยมจากสไปเดอร์แมน 2 ไม่เคยเอาออกไปใช้ข้างนอกเลย
- ซองเก็บปากกา
อันนี้ซื้อจาก LOFT ครับ ถูกใจว่ามันสีดำดี
- ไม้บรรทัด
เชื่อหรือไม่มันอยู่มาตั้งแต่ป๊อบเรียนมัธยม ???
- หมีแพนด้า...?
นี่ไงหมีแพนด้าที่ได้จากการตอบคำถามตอนไปฟัง ฮิลลารี่ คลินตันที่พระราชวังพญาไท
ตัวเล็ก น่ารัก น่าทะนุถนอมยิ่งนัก เขาถามว่า "นึกถึงอเมริกานึกถึงอะไร?"
ป๊อบตอบ "ไมเคิล แจ๊คสัน"
ผู้ชมตั้งแต่ไทยยันฝรั่ง
มันเป็นสัญลักษณ์ความ "กล้า" และความ "แปลกประหลาด" ของป๊อบครับ
- ตุ๊กตารักแห่งแห่งสยาม...?
เป็นหนังในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของประเทศไทย ป๊อบดิ้นรนแทบตายเพื่อให้ได้เซ็ต DVD ของหนังสือเรื่องนี้ พอได้แล้วก็ใช่ว่าจะได้เจ้าตุ๊กตาเลยนะครับ ต้องรออีกนานทีเดียว ได้มาแล้วก็ตั้งไว้นี่แหละ เป็นสัญลักษณ์ของความ "สำเร็จ" เมื่อเรา "พยายาม" อยากได้อะไรสักอย่าง ภูมิใจ อิอิ
หมดและสำหรับโต๊ะวาดภาพ ต่อไปเป็นโต๊ะทำงานส่วนที่สอง
**โต๊ะคอมพิวเตอร์**
โต๊ะคอมพิวเตอร์ตัวนี้ป๊อบใช้มาตั้งแต่สมัยมอ 5 ครับ มันมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ Laser ที่ป๊อบใช้เงินจากการขายเดอะไวท์โรดซื้อมา จัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของ "จุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ" ของป๊อบ ป๊อบรักมันมาก และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนมัน ใจจริงป๊อบก็อยากจะใช้คอมพิวเตอร์ Laser เครื่องนั้นตลอดไปครับ แต่เมื่อถึงเวลา ทุกอย่างก็มีเกิด มีดับ คอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน
ผ่านมา 8 ปี ในที่สุดมันก็เจ๊ง...
ป๊อบผูกพันธ์กับสิ่งของทุกอย่างที่ป๊อบใช้มาก กระเป๋าที่ป๊อบใช้ตั้งแต่ปีหนึ่งยังคงอยู่ในตู้เสื้อผ้าแม้ว่ามันจะซิปแตก คอมพิวเตอร์ LASER เครื่องนั้นก็เช่นกัน มันออกรายการคู่กับป๊อบหลายรายการมาก เป็นเหมือนเพื่อนสำคัญคนหนึ่ง แต่เมื่อมันไม่สามารถใช้งานได้ต่อไป ป๊อบก็ไม่ทิ้งครับ แค่เอาไปไว้ข้างล่าง อย่างน้อยให้ป๊อบได้เห็นมันทุกวันแค่นั้นก็โอเค ตอนยกลงไปแทบจะร้องไห้ ฮ่า ฮ่า พูดจะหาว่าเวอร์ แต่ป๊อบรักมันจริงๆ
อ่ะ เอารูปให้ดู
หลังจากเคลียร์คอมพิวเตอร์ไปแล้ว ป๊อบก็มีที่ว่างมาขึ้นครับผมเลยจัดใหม่หมดเลย
ป๊อบจะแนะนำเป็นส่วนๆ ไปครับ
เริ่มจาก แหล่งความรู้ของป๊อบ
Books Of Wisdom
หนังสือกองนี้คือหนังสือที่ป๊อบต้องอ่านเพื่อเสริมความรู้ประจำ เพราะมันมีประโยชน์ทั้งในแง่คิด ภาษา และอะไรอีกหลายอย่าง บางเล่มก็เป็นหนังสือที่ตอนนี้เพราะว่าต้องเขียนภาคต่อไป ป๊อบจะแนะนำให้รู้จักกันทีละเล่ม
ดูรูปเมื่อมันอยู่ด้วยกันก่อน อิอิ
โอเค เริ่มกันที่
Winner Win and Losers Lose (ทำแบบนี้ไม่มีคำว่าแพ้)
โดย Nick Thornely และ Dan Lees
สำนักพิม์ซีเอ็ด
ป๊อบเกลียดความพ่ายแพ้ และชอบที่เอาจะชนะ หนังสือเล่มนี้ป๊อบเป็นของขวัญจากงานหนึ่ง
เมื่ออ่านก็ได้พบว่ามันสอนกลยุทธิ์การเป็นผู้ชนะมากมายครับ บทที่ป๊อบชอบที่สุดคือ
การสร้างความฝัน
เขาบอกว่า ผู้ชนะชอบจะเขียนสิ่งที่คิดออกมา โดยใช่คำว่า "ฉันพอใจที่จะ..." เช่น "ป๊อบพอใจที่จะเห็นตัวเองเป็นนักร้อง ยืนอยู่บนเวที มีผู้ชมมากมาย พวกเราร้องเพลงของป๊อบได้ และพวกเขาส่วนใหญ่รักป๊อบ" ทำไมถึงต้องใช้คำว่า "ส่วนใหญ่" เพราะป๊อบไม่ได้หวังให้ทุกคนรักป๊อบหรอกครับ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครทำได้ ป๊อบหวังแค่ให้คนส่วนใหญ่รักป๊อบ แค่นั้นป๊อบก็ภูมิใจ
เพราะถ้าเราไม่มีคนที่เกลียดเราเลย ชีวิตเราก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะครับ ประเด็นคือป๊อบยังอยากเป็นคน
และป๊อบชอบประเด็นหนึ่งนั่นคือ "ผู้ชนะมักจะออกเสียงชัดเจน"
ใช่ ป๊อบไม่ค่อยพูดแอ๊บแบ๊วเลย ในชีวิตนี้ (ยกเว้นเวลาล้อเล่นอ่ะนะ)
เล่มที่สอง The Magic Of Thinking Big "คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก"
โดย David J. Schwartz
สำนักพิมพ์ซีเอ็ด
เล่มนี้ก็ได้มาพร้อมกับเล่มบนแหละครับผม ผู้โบว์มาด้วยกัน
ป๊อบชอบหนังสือเล่มนี้เพราะป๊อบมีนิสัยที่ชอบทะเยอะทะยาน
ตั้งแต่เด็กป๊อบไม่เคยคิดจะทำอะไรเบสิคแบบชาวบ้าน ป๊อบชอบที่จะเหนือกว่า แรงกว่า ยิ่งใหญ่กว่า นิสัยนั้นถ่ายทอดมาถึงปัจจุบัน ตรงกับที่หนังสือเล่มนี้บอกว่า "ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ แล้วไปให้ไกลกว่า" มีข้อแนะนำมากมายที่ตรงกับความคิดของป๊อบทั้งที่ไม่เคยอ่านมันมาก่อน
เช่น "ลบคำว่าเป็นไปไม่ได้ ออกจากความคิดและคำพูดของคุณ"
ทีมงานของป๊อบ เพื่อนๆ ที่ทำงานป๊อบ จะรู้ดีว่าป๊อบเกลียดคำว่าทำไม่ได้ ถ้าป๊อบจะเอาแบบนี้ ป๊อบต้องได้แบบนี้ เพราะป๊อบรู้ดีว่ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรง อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ถ้ามันจะทำให้งานป๊อบสมบูรณ์แบบก็ต้องพยายาม ไม่ว่าจะเรื่องเต้น เรื่องงานหนังสือ การแสดง หรืออะไรก็ตาม คำๆ นี้ตรงกับนิสัยของป๊อบมากๆ
"อย่าปล่อยให้ความคิดหลุดลอย จงเขียนลงกระดาษ"
อันนี้ก็เป็นนิสัยติดตัวป๊อบตั้งแต่ประถม เพราะคุณแม่สอนเสมอให้จดบันทึกอะไรที่สำคัญ ป๊อบจะมีไดอารี่ตลอด ไม่จำเป็นต้องเขียนไดอารี่ แต่เขียนสิ่งที่จำเป็นและกลัวจะลืม เช่น เนื้อเพลง เนื้อเรื่องใหม่ๆ คำพูดโดนใจ ป๊อบใช้หนังสือโน๊ตเปลืองมาก บางอย่างอาจคิดว่า เออ จดไปไม่มีอะไร มาย้อนสองปีให้หลัง อ้าว มันกลายเป็นสิ่งสำคัญก็มี
"ถามตัวเอง เราจะทำให้มากขึ้นได้อย่างไร?"
ป๊อบติดนิสัยนี้ตลอดว่า ป๊อบอยากได้มากกว่านี้ อยากทำมากนี้ แล้วยังไงล่ะ ? ไปฝึกเพิ่ม ไปอ่านเพิ่ม ไปเรียนเพิ่ม คำตอบจะพรั่งพรูมาตลอด คนที่ทำงานกับป๊อบจะรู้ว่าป๊อบไม่เคยหยุดนิ่ง ป๊อบบ้าพลัง ป๊อบทะเยอะทะยาน
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นก่อนจะอ่านหนังสือเล่มนี้ และเมื่อได้อ่าน ป๊อบก็เลยสรุปได้ว่า
"ป๊อบภูมิใจจังที่รู้จักคิดการใหญ่ตั้งแต่เด็ก 555"
เล่มที่ 3 "65 วิธีพูดดีๆ ได้ใจคน"
แปลโดย คุณทิภาพร เยี่ยมวัฒนา
สำนักพิมพ์คุณธรรม
ป๊อบไม่ได้เป็นนักเขียน แต่เป็นนักแสดง พิธีกร และนักพูด ดังนั้นการพูดจึงสำคัญกับป๊อบมาก
ป๊อบเข้าใจหลักการพูดต่างๆ มากมายมานาน แต่เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็ได้รู้อะไรอีกหลายอย่าง
เช่น "อย่าใช้คำพูดทำร้ายคน"
ป๊อบรู้ว่ามันยากที่จะไม่นินทาชาวบ้าน แต่น้อยมากที่ป๊อบจะให้ร้ายใคร โดยเฉพาะการปาดสีสิ่งที่เขาไม่ได้ มันเป็นสิ่ง "อุบาทว์" ในความคิดป๊อบ มีคนมากมายทำกับป๊อบอย่างนั้น แต่ป๊อบยึดมั่นใจคติบางอย่าง "คนที่ด่าคนอื่นเพื่อหวังให้ตัวเองดูสูงขึ้นมีแต่จะทำให้ชีวิตต่ำลง"
ซึ่งผลก็จริง เพราะป๊อบเห็นหลายตัวอย่างที่ตกต่ำ ไม่ประสบความสำเร็จ และพ่ายแพ้ต่อหน้าต่อตา
ดังนั้นจงจำไว้ว่า "อย่าให้ร้ายใคร เพราะมันจะย้อนมาทำร้ายเราเอง"
"การนิ่งเงียบคือวิธีที่ดีที่สุด"
ป๊อบใช้วิธีกับบางกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามเถียงฉอดๆ เมื่อเราเงียบ เขานั่นแหละที่จะดีโง่ที่สุด บางครั้งเมื่อต้องตอบโต้กัน ป๊อบเลือกที่จะพูดดีๆ ยิ้มๆ เพื่อให้ขัดแย้งกับภาพที่ดุดันของอีกฝ่าย หรือไม่ก็เงียบ ไม่พูดอะไร จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ก็นะ บางครั้งก็ป๊อบก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อิอิ ตะบะแตก วีนแตกมาหลายครั้งก็เคยครับ ^O^
"การตำหนิหรือตักเตือนอย่างใช้คำรุนแรง"
เนี่ยแหละป๊อบถือสุดๆ ป๊อบอยู่วงการนี้มานาน มีหลายคนขอคำปรึกษาป๊อบในเรื่องต่างๆ แต่ป๊อบไม่เคยจะวิจารณ์หรือตักเตือนพวกเขาแรงๆ แม้แต่ครั้งเดียว คนเรามีหัวใจครับ ทุกคนอยากให้คุณพูดดีด้วยกันทั้งนั้น เราต้องเตือนเขาดีๆ ไม่ใช่ใส่อารมณ์ พวกนักวิจารณ์ที่สักแต่ใช้คำแรงๆ เพื่ออวดภูมิ ก็คือการอวดโง่ในเวลาเดียวกัน สุดท้ายมันก็จะทำร้ายเขาทำให้เขาเสียไปเอง "ไม่มีคนฉลาดที่ไหนเขาพูดกับคนอื่นด้วยวิถีที่ไม่ฉลาด" ป๊อบชอบคำนี้นะ อิอิ
"ชี้ให้เห็นความผิด แต่ไม่ทำให้เสียหน้า"
คนที่สนิทกับป๊อบจะรู้ว่า หากป๊อบโดนทำให้เสียหน้า เตรียมโดนถล่มด้วยชุดใหญ่ได้เลย ป๊อบเกลียดมากกกกกกกกก คาดว่าหลายคนก็เกลียดเหมือนกันเวลาใครทำให้เสียหน้าต่อหน้าคนเยอะๆ ป๊อบมีศักดิ์ศรี ทุกคนมีศักด์ศรี แต่ทุกคนก็สามารถทำผิดได้เช่นกัน สิ่งที่เราต้องทำคือบอกดีๆ ครับ บอกเป็นส่วนตัวก็ได้ ไม่ใช่ทำเป็นเก่ง ชี้หน้าว่าคนอื่นให้เขาละอาย ป๊อบไม่เคยทำอย่างนั้นเลยในชีวิต และก็ไม่ชอบให้ใครทำกับป๊อบเช่นกัน ดังนั้นหากเราจะชี้ความผิดใคร กระซิบบอกเขาก็ได้ครับ มันน่าคบกว่ากันเยอะ อิอิ
เล่มที่ 4 "Girls & A Doll"
(เด็กผู้หญิงหลายคน และ ตุ๊กตาหนึ่งตัว....อันที่จริงไม่ต้องแปลก็ได้)
โดย Dr.Pop
สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์
นี่เป็นหนังสือที่ป๊อบตอนนี้เพื่อแต่ง Boys & A Doll ต่อครับผม
GAAD เป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่ป๊อบภูมิใจสุดๆ เพราะมันคือความแตกต่าง ทั้งด้านเนื้อเรื่อง ภาษา ตัวละคร และอะไรอีกหลายอย่าง การที่ไวท์โรดถือกำเนิดเมื่อหลายปีก่อน มันได้กลายเป็นแรงบันดาลให้กับใครหลายคน และตอนนี้ GAAD ก็กำลังทำหน้าที่นั้นเช่นกัน หลายคนได้อ่านเรื่องนี้แล้วบอกว่ามันสนุกไม่เหมือนใคร ป๊อบดีใจที่ได้เห็นเด็กหลายคนหันมาเขียนแนวใหม่ๆ ทีแตกต่างบ้าง การทำงานกับ GAAD เป็นอะไรที่ทุ่มครับผม ป๊อบอยู่ในขั้นตอนการวางแผนหลายๆ ขั้น ทั้งการทัวร์ การบรรยาย การเดินสาย การคิดเพลงประกอบหนังสือ การคิดการแสดง การคิดกิจกรรมต่างๆ โอ้ว เยอะแยะมาก เหมือนกับการเลี้ยงลูกคนที่สองเลยแหละครับ ป๊อบชอบคอนเซปต์ของเรื่องนี้ที่
8 คน 8 พลัง 8 เรื่องราว 8 ปริศนา และตุ๊กตา 1 ตัว สู่มหาวิบัติเหนือจินตนาการที๋โลกต้องตะลึง
เป็นคำโปรยที่ฟังดูภาพยนตร์มากๆ ป๊อบชอบนะ คิดเอง ชอบเอง ฮ่า ฮ่า ใครที่ชอบเรื่องแหวกกระแส ตลกร้าย ลึกลับ มีตัวละครเปรี้ยวเข็ดฟัน มีปริศนาที่คาดถึง Girls & A Doll เหมาะกับคุณแน่นอน และมันยังมีคติสอนใจที่คุณสามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ป๊อบมั่นใจว่า GAAD ไม่ใช่หนังสือแค่ให้ความบันเทิง
ตอนนี้กระแสของ GAAD ได้รับการตอบรับดีมากครับ ขึ้น Best seller หลายที่ เรียกว่าประสบความสำเร็จได้ดีอย่างที่อยากจะให้เป็น แต่ก็หวังว่ามันจะไปได้ไกลกว่านี้ มันต้องยิ่งใหญ่กว่านี้ครับ
เล่มที่ 5 The White Road : Spirit
โดย Dr.Pop
สำนักพิมพ์ สยามอินเตอร์คอมมิคส์
ป๊อบกลับมาอ่านเล่มนี้เพราะตอนนี้กำลังเขียน The White Road : Spirit (Re-Write) ภายใต้ทีมงานของป๊อบเอง
ถามว่าทำไมต้องรีไรท์ ?
คำตอบ : ป๊อบหมดสัญญากับทางสยามฯ แล้วครับ ดังนั้นเขาก็ไม่สามารถพิมพ์หนังสือป๊อบใหม่ได้ และป๊อบก็ไม่อาจเอาต้นฉบับที่เขามาทำใหม่เช่นกัน คิดดังนั้นก็เลยทำใหม่หมดเลยดีกว่า จัดเรื่องใหม่ วางแผนเรื่องใหม่ เรียบเรียงใหม่ เขียนใหม่แบบ 99% เลยก็ว่าได้ครับ เพราะจะมีบางส่วนเท่านั้นที่สามารถเอามาใช้ได้ทันที ตอนนี้ผลงานเสร็จไปเยอะแล้วครับ ใครที่เคยอ่าน ป๊อบคิดว่าอ่านใหม่จะได้อะไรมากกว่าแน่นอนครับ เพราะเนื้อเรื่องสนุกกว่าเดิมเยอะ ซับซ้อนกว่าเดิมเพียบ 555
เปิดตัว 1 Aug 2009 ที่ www.dr-pop.com
พบกัน ตุลาคมนี้ ในงานมหกรรมหนังสือ 2009 ชัวร์!!
เล่มที่ 6 Hot (วีรกรรมทำเพื่อเงิน)
โดยเจเน็ท อีวาโนวิช
สำนักพิมพ์ Bliss
นี่คือวรรณกรรมแนว Chick lit เรื่องแรกที่ป๊อบอ่าน
และนี่คือหนังสือที่ทำให้การแนวการเขียนของป๊อบเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ฟิ้วววววววววววววววว กลายร่างกันเลยทีเดียว ฮ่า ฮ่า
ป๊อบชอบภาษาของหนังสือแนวนี้ มันกระแด จิกกัด ตลก และชวนให้คิด ป๊อบพูดตรงๆ นะ จำไม่ได้หรอกว่าเนื้อเรื่องมีอะไรบ้าง แต่จำได้บางฉาก อ่านแล้วขำ ขำเป็นบ้าเลยด้วย แล้วก็อ่านจนจบ เนี่ยแหละความประทับที่ป๊อบมีให้ต่อหนังสือเล่มนี้ ป๊อบเรียนรู้คำศัพท์แปลกจากมันมาเพียบ แล้วก็เรียนรู้แนวทางที่เอามาใช้กับหนังสือตั้งแต่ The White Road : Spirit จนถึง Girls & A Doll ในปัจจุบัน
ทำไมมันถึงโดนใจป๊อบน่ะหรอ ? อ่ะมาดูกัน
"ถ้าหากเธอให้ความร่วมมือมันก็จะไม่เละเทะนัก มันก็ใช่ว่าฉันอยากจะฆ่าเธอหรอกนะ ฉันคิดว่าฉันจะแค่กะซวกเธอสักสองสามที พอให้เธอดูดี หรืออาจจะตัดหัวนมเธอออกสักข้างหนึ่ง"
"ไม่มีทาง!"
ฉันคืบคลานทีละเล็กละน้อยไปทางโซฟาขณะที่เราคุยกัน เนื่องจากตอนนี้ฉันล่วงรู้แผนของเขาที่ตัดหัวนมฉันแล้ว การใช้ปืนก็ดูไม่ใช่ความคิดที่เลวเสียทีเดียว
คราวนี้ก็คงเข้าใจกันแล้วนะ ^O^
เล่มที่ 7 The Secret Dream Of A Shopaholic (คำสารภาพของสาวนักช้อปฯ)
โดย โซฟี คินเซลลา
สำนักพิมพ์ Bliss
ป๊อบได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนที่มันจะดังเป็นพลุแตกตามโรงภาพยนตร์ แต่เพิ่งจะซื้อเป็นของตัวเองตอนมันเข้าโรง ออกแนวประมาณว่า "ต้องรีบซื้อ ก่อนที่คนจะเห่อกระแสแล้วมันกวาดมันหมด" คว้าปุ๊บ จ่ายเงิน สบายใจ เดินออกมานอกห้าง
อ้าวดันเอาค่ารถกลับไปซื้อหนังสือ...พึ่งพาบริหารขสมก
ป๊อบรักหนังสือเล่มนี้เพราะว่ามันร้าย ตลก และสะท้อนชีวิตของสาวอเมริกัน
ป๊อบชอบประเทศอเมริกา อาจเป็นเพราะว่าฟังแต่เพลงฟังอเมริกา นึกอยู่ว่าบางทีอาจเป็นเด็กกำพร้าจากโบสถ์ที่ถูกแม่ชีเสกเข้าท้องแม่ (คนเราก็เพ้อเจ้อได้น่าเหลือเชื่อ) เมื่ออ่านหนังสือคุณจะได้รู้ว่าภาพยนตร์ตัดฉากหลายฉากออกไปเพียบๆ ทีเดียว ถ้าถามว่าเหมือนไหม คงตอบได้แค่ว่า "เหมือนแค่ใจความบางตอนเท่านั้น" ถ้าอยากจะมันจริงๆ ต้องอ่าน แล้วคุณจะขำตอนตีสามให้แม่ด่าแบบป๊อบ
เล่มที่ 8 The Total Waste Of Make Up (ไม่สวยเลือกได้)
โดย คิม กรูเนนเฟลเดอร์
สำนักพิมพ์ Bliss
ป๊อบอ่านเล่มนี้ตอนบวช
..
..
แล้วไง ไม่เห็นเสียหาย ไม่มีกฏกำหนดในพระไตรปิฏกเสียหน่อย (หรือมีแต่ไม่รู้ ฮ่า ฮ่า)
หลังจากคลั่งไคล้วรรณกรรมแนว Chick lit อย่างหนัก ป๊อบก็หามาอ่านทั่วแหละครับ ไม่ว่าจะเรื่องไหน ขอเพียงมันแนวตลกร้าย ป๊อบอ่านเรียบ ป๊อบได้ยินชื่อภาษาอังกฤษของเรื่องนี้มานานนะ แต่พอได้เห็นชื่อไทย "เอ่อ...ตรูจะซื้อดีไหมเนี่ย?" ตอนจ่ายตังพี่คนขายมองหน้า ป๊อบก็แบบว่าช่างมัน จ่ายๆ เดินออกมา
เย่ ไม่ได้เอาค่ารถไปจ่ายด้วย
แต่เอาค่าทำฟันไปจ่ายแทน!! - ไอ้ควายเอ๊ยยยยยยยยยยยยย (บางครั้งเราเกลียดตัวเองได้จนอยากเป็นควายให้รู้แล้วรู้รอด)
ป๊อบชอบเรื่องนี้เพราะมันมีชีวิตของพวกฮอลลีวู้ด ดูจัดจ้าน มีสีสัน และมันสะเด็ด
อยากรู้ไหมว่าทำไมชอบ? อ่ะดู
"บอกน้องไปว่าลูกน่ะเป็นคนฤดูร้อน (สีผิวอมชมพู)" แม่พูดเสียงเข้ม "ส่วนแซลมอนเป็นสัตว์ของฤดูใบไม้ผลิ (สีผิวอมแดง) และแม่จะไม่ยอมเสียเงินห้าหมื่นดอลลาร์จัดงานแต่งงานเพื่อให้พี่สาวลูกแต่งชุดเหมือนปลาเด็ดขาด"
"แม่คะ แม่โทรมาจากไหน"
"ร้านชุดแต่งงานซิจ๊ะ แม่แอบออกมาตรงหรอกหลังร้าน แอนดีคิดว่าแม่ออกมาพี้กัญชา"
มีประเด็นนะ ป๊อบว่า...
เล่มที่ 9 Can You Keep A Secret ? (คุณเก็บความลับได้ไหม)
โดย โซคิ คินเซลา (อีกครั้ง)
สำนักพิมพ์ Bliss
อย่าเข้าใจผิดว่าป๊อบเป็นนายหน้าของ Bliss ป๊อบแค่เคยเขียนเรื่องสั้นให้เขาสามครั้ง และชอบหนังสือส่วนใหญ่ของเขาก็เท่านั้น - เล่มนี้เป็นอีกเล่มที่ชอบ (ซื้อพร้อมคำสารภาพสาวนักช้อปฯ...ไอ้ที่ทำให้ป๊อบต้องนั่งรถเมล์นั่นแหละ!!)
วรรณกรรมแนวนี้ ตัวละครจากคล้ายๆ กันนะป๊อบว่า สาวความคิดกร้านโลก ปัญหาเยอะ มีพ่อแม่แปลกๆ และมีชีวิตโลดโผน ป๊อบชอบเรื่องนี้เป็นอันดับ 2 ด้วยเหตุว่าไม่ค่อยมีน้ำ เนื้อเยอะดี แนะนำให้อ่านกัน เพราะเราจะได้พบความจริงของโลกหลายอย่าง เช่น
"ทุกวันนี้เราถูกห้อมล้อมไปด้วยภาพลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบอย่างคนดัง แต่ผู้หญิงที่ว่านี้ซิคือโลกแห่งความเป็นจริง เธอมีทั้งวันซวยวันสุข เธอใส่จีสตริงทั้งที่รู้ว่ามันไม่สบาย เธอเขียนตารางออกกำลังกายแต่ก็ไม่ได้ทำตาม เธอทำเป็นอ่านนิตยสารธุรกิจ แต่ซ่อนนิตยสารดาราไว้ในนั้น"
หวังว่าคงเป็นการจุดประกาย...
เล่มที่ 10 Auntie Meme (คุณป้าสุดเปรี้ยว)
โดย แพทริก เดนนิส
สำนักพิมพ์ อมรินทร์
ป๊อบยืมหนังสือเล่มนี้มาจากรุ่นน้องที่สนิทมากนามว่าอันโทน (ผู้ซึ่งป๊อบเคยสะกดชื่อว่า Untone ที่แปลกว่า ไม่มีเสียง แต่จริงๆ แล้วมันคือ Anthon มาจาก Anthony) 2 ผ่านไปมันยังคงอย่กับป๊อบ
ป๊อบจะคืนเมื่อไหร่ยังไม่รู้...(แอบเลวจริงๆ)
อันโทนแนะนำให้ป๊อบอ่านเรื่องนี้เพราะตอนนั้นป๊อบกำลัง Boys & A Doll เวอชั่น 2007 อันโทรชอบมัน และบอกว่าอ่านเล่มนี้จะช่วยให้มีวัตถุดิบมากขึ้น โอเคป๊อบลองอ่าน เริ่มตอน 2 ทุ่ม กะว่าอ่านแป๊บเดียวจะนอนและ - เวรเอ๊ย 7 โมงยังอ่านอยู่เลย หนุกมากกกกกกกกกกกกกกก
มันเป็นเรื่องราวของคุณป้าที่เพี้ยนที่สุดในจักรวาล หรูหรา ฟู่ฟ่า สร้างสรรค์ ละเมอๆ เพ้อๆ และงดงาม ป๊อบชอบเกือบจะทุกฉากทุกตอนของเรื่องนี้ ผู้เขียนเป็นผู้ชาย ป๊อบจึงตระหนักว่าการที่เราจะเขียนที่มันดัดจริตมากๆ ไม่จำเป็นว่าเราต้องถือสัญชาติหญิงก็ได้ เป็นผู้ชายก็สามารถเขียนมันได้เช่นกัน เรื่องนี้ได้รับความนิยมจนสร้างเป็นภาพยนตร์มากแล้วนะครับ แต่ดูจากคลิปในยูทูป ก็พอสรุปได้ว่าน่าจะสร้างตอนสมัยที่นกแลเพิ่งดังใหม่ๆ ในประเทศไทย ไม่แปลกหากเราๆ จะไม่รู้จักกัน
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2547 มันดูเก่าแบบที่มันควรจะเป็น มีกลิ่นด้วย กระดาษเริ่มเป็นสีเหลือง ไม่รู้ว่าอันโทนซื้อมัน หรือนั่งยานย้อนเวลาไปซื้อมัน อันนี้ยังปริศนา แต่ว่าใครอยากจะหาอ่านคงยาก เพราะมันคงหาไม่ได้แล้วจริง
เป็นที่น่าเสียดาย ที่เด็กๆ หลายคนจะพลาดวรรณกรรมอันทรงเสน่ห์นี้ไป
"พ่อของหนูเคยพูดอะไรเกี่ยวกับป้าบ้างหรือเปล่า เคยเล่าอะไรให้ฟังเกี่ยวกับป้าก่อนี่เขาจะจากไปไหม"
นอราห์สอนผมเสมอว่าคนโกหกมีแต่จะลงนรกเท่านั้น ผมจึงกลืนน้ำลายก่อนจะพรั่งพรูถ้อยคำออกมา
"พ่อบอกว่าป้าเป็นผู้หญิงแปลกมาก และบอกว่าการที่ผมต้องอยู่ในความดูแลของป้าเป็นโชคชะตาที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นแม้แต่กับหมาตัวไหนเลย แต่ขอทานอย่างผมไม่มีสิทธิ์เลือก และป้าก็เป็นญาติเพียงคนเดียวที่ผมมี"
ป้านิ่งเงียบ อ้าปากค้าง "ไอ้สารเลว" ป้าพูดเพื่อให้หายแค้น
ผมรีบดึงสมุดคำศัพท์ขึ้นมาจด
"คำว่าสารเลวนะจ๊ะหลาน" เธอพูดเสียงหวาน "สะกดอย่างนี้จ้ะ ส-า-ร-เ-ล-ว หมายถึงพ่อหลายที่ตายไป!"
เห็นไหมล่ะว่ามันมีเสน่ห์...
เล่มที่ 11 สุดท้าย Insight Photoshop CS3
โดย Provision
ป๊อบมีนิสัยอย่างหนึ่งคืออยากทำอะไรเองทุกอย่าง
ป๊อบทำโฟโต้ช๊อปไม่เป็นหรอก แต่หลังๆ รู้สึกว่าอยากจะทำโน่นทำนี่เลยซื้อมาฝึกทำ จนสามารถทำเว็บได้ประมานหนึ่ง ไม่หรูหราเท่าไหร่ อย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ ป๊อบพูดได้เต็มปากว่าไม่สามารถทำตามทุกอย่างได้ เพราะว่าไม่มีเวลาอ่าน จะเลือกอ่านเฉพาะหัวข้อที่สนใจเท่านั้นครับผม แต่ได้ผลดีน เพราะว่ามีดีวีดีประกอบ มีการอธิบายที่ละเอียดมาก
ถ้าป๊อบที่โง่คอมสุดๆ อ่านได้ ทุกคนก็ทำได้ ป๊อบเชื่อครับ
----------------------------------------------------------------------------------
Next In แฉ! ห้องนอน Dr.Pop!!
พบกับ...
ผนังแห่งจินตนาการ (Wall Of Imagination)
เครื่องปั้นฝัน (Dream Maker)
ผนังแห่งความทรงจำ...(Wall Of Memory)
น้ำมหัศจรรย์... (Miracle Water)
และ...ขุมทรัพย์แห่งจินตนาการ ( Treasure Of Imagination)
ใน แฉ!! ห้องนอน Dr.Pop!!
แล้วเจอกันครับ ^O^
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
26 ก.ค. 52
6,060
26
ความคิดเห็น
กรี๊ดดด !
อยากได้ตุ๊กตารักเเห่งสยามอ่ะ
พี่ป๊อบเอามาจากไหน?
จะติดตามให้ถึงที่สุดค่ะ
สู้ๆๆนะค่ะ และสู้ต่อไปค่ะ
น่าอ่านมากมาย
^^