คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : PARK CHANYEOL (OS:ChanBaek)
/ YOUR HEART KNOWS THINGS THAT YOUR MIND CAN’T EXPLAIN / – PC
ความรักของพวกคุณมีหน้าตากันไหม? ถ้าไปถามเด็กตัวเล็กๆ พวกเขาคงตอบว่าหุ่นยนต์ไม่ก็ตุ๊กตาแน่ๆ ผมเคยสงสัยในวันหนึ่งที่ผมนั่งอ่านหนังสือที่ตัวเองชอบอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆตรงหัวมุมของถนนแถวบ้าน ผมเลือกนั่งโต๊ะที่ติดกระจกเพราะจะได้เห็นผู้คนที่เดินเตรดเตร่อยู่ข้างนอก ผมเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่อายุไม่น่าจะเกิน10ขวบวิ่งหนีผู้หญิงที่สวมเสื้อโค้ทสีชมพูอ่อนดูอ่อนหวาน และแทบจะในทันทีที่กระพริบตาเด็กคนนั้นก็ล้มลงพร้อมกับที่ผู้หญิงคนนั้นรีบสไลด์แขนลงไปรับเด็กคนนั้นจนแขนของเธอถลอกจนเห็นเลือดซิบจางๆ พลังของความรักนี่มันน่ากลัวจริงๆ เพราะบางทีมันก็ทำให้เราเจ็บตัวได้โดยที่เราเองก็เต็มใจ แต่ผมเองกับไม่เคยอยากหาคำตอบว่าทำไมคนเราถึงเต็มใจที่เจ็บตัวแบบนั้นเลยสักครั้ง
//////
“แบคฮยอนช่วยฉันหน่อยนะ นะ” เขาไม่เคยรู้สึกว่าเสียงของเพื่อนสนิทตัวเองจะน่ารำคาญได้เท่านี้มาก่อนเลยจนกระทั่งตอนนี้
“นายขอให้ฉันช่วยมากี่ครั้งแล้วคยองซูไหนบอกว่าครั้งที่แล้วจะเป็นครั้งสุดท้ายไง?” แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอมใจอ่อนกับเรื่องของมันทุกทีสิหน่า
“โธ่ เพื่อนรักกกกกก็ฉันไม่รู้จริงๆ นี่ว่าครั้งนี้เขาจะทำแบบนี้อีก”
“แล้วนายจะเอายังไงจะส่งงานไหมหรือไม่?” ผมสงสัยกับมันจริงๆว่ามันใช้ชีวิตในที่ทำงานมานาสขนาดนี้ได้ยังไง
“ส่งสิ! ต่อให้ไฟจะลนก้นแค่ไหนก็ต้องส่งให้ได้!”
“เออๆ วุ่นวายจริงๆเลย”
สุดท้ายคนที่ต้องคอยโดนไฟลนก้นเป็นเพื่อนมันก็คงไม่พ้นตัวเขาอยู่ดี
กริ๊ง~
เสียงกระดิ่งที่เป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ที่ทำให้ผมรักคาเฟ่แห่งนี้ดังแทรกเข้ามาในความคิดของผมพร้อมกับที่ร่างสูงใหญ่ที่วันนี้เลือกใส่เชิ้ตสีฟ้าสะอาดตาเข้าชุดกับกางเกงยีนส์สีเข้มเดินก้าวเข้ามาแต่นั่นก็ยังไม่น่าสะดุดตาเท่าลูกสมุนตัวเล็กทั้ง3คนที่อยู่ในชุดนักเรียนภาคฤดูหนาวที่เดินตามมาพร้อมเสียงสดใสชวนให้คนในร้านรู้สึกอบอุ่น
“อ้าว คุณปาร์ควันนี้มาเร็วจังเลยค่ะ” เสียงพนักงานประจำทักทายผู้ชายคนนั้น คงไม่ต้องสงสัยกันเลยสินะครับว่าเพราะอะไรเขาถึงได้ดูสนิทสนมกับพนักงานของร้าน
“พอดีวันนี้พวกตัวแสบเสร็จกันไวนะครับเลยได้มาเร็ว” ก็เพราะเขาเองก็หนึ่งในลูกค้าประจำเหมือนกันกับพวกผมนั้นแหละ
“คุณปาร์ค? ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
“อ้าวคุณโดคุณบยอนบังเอิญจังเลยครับ” ผู้ชายตรงหน้าเขามอบรอยยิ้มที่เขาคิดว่ามันช่างเจิดจรัสราวกับยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดอย่างไรอย่างงั้นมาให้ ผมพอจะดูออกอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าสายตาที่คุณปาร์คมองคยองซูมันมีอะไรหรือเปล่า
“ช่วงนี้พวกผมงานเยอะมากเลยครับเลยต้องมากันเช้าขึ้นเวลาเป็นสิ่งสำคัญมากครับตอนนี้”
“นั้นสินะครับถึงว่าผมไม่ค่อยได้เจอพวกคุณเลย”
“ผมช่วงนี้ก็ไม่ว่างยิ่งกว่าคยองซูอีกน่ะครับเลยไม่ค่อยได้มา” ผมเอ่ยตอบเขาไปด้วยรอยยิ้มเฉกเช่นที่เขาส่งมันให้กับพวกผม
“ไงเจ้าตัวเล็กคิดถึงจังเลย” ผมเพิ่งรู้ว่าคยองซูรักเด็กก็ตอนที่ได้เจอคุณปาร์ค จะว่าแปลกก็แปลก
“สวัสดีครับคุณอาหรือยังเด็กๆ”
“สวัสดีคร้าบบคุงอา” สามทหารเสือลูกสมุนของคุณปาร์คต่างพากันทักทายพวกผมด้วยเสียงใสๆ จนคนภายในร้านอดยิ้มตาม
“แล้วนี่พวกเราจะได้เจอกันแบบนี้อีกไหมครับ?”
“ไม่แน่ใจเลยครับช่วงนี้พวกผมงานเยอะมากจริงๆ”
“ถ้าอย่างงั้นช่วงนี้คุณโดพอจะมีเวลาว่างไหมครับผมอยากปรึกษาเรื่องจัดสวนใหม่น่ะครับ”
“ได้สิครับเดี๋ยวผมเช็คเวลาว่างแล้วจะโทรหานะครับ”
บรรยากาศแบบนี้คืออะไร ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีกแล้วแสดงว่าที่ผมคิดก็มีส่วนที่มีความเป็นไปได้แน่นอนสินะ พวกเราไม่ได้มีอาชีพที่เกี่ยวกับการจัดสวนเลยสักนิดเดียวมันก็ออกจะน่าแปลกใจอยู่หน่อยๆที่คุณปาร์คขอให้เพื่อนผมที่เป็นคอลัมนิสต์นิตยาสารแฟชั่นมาช่วยจัดสวนน่ะนะ
“โอ๊ะ พวกผมต้องเข้างานแล้วละครับไว้เจอกันนะครับคุณปาร์ค.. บ๊ายบายเจ้าตัวเล็กทั้งหลาย”
“ไว้เจอกันครับคุณโด คุณบยอน”
ผมได้แต่ส่งยิ้มกลับไปให้เขาเพราะจริงๆแล้วผมไม่ใช่คนพูดเก่งอะไรมากมายและที่สำคัญ..
“โด คยองซูมีอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า?”
“อะไรเล่าก็แค่เป็นลูกค้าประจำเหมือนกันเจอกันบ่อยจนสนิทแค่นั้นปะละ”
“แล้วไหงฉันไม่สนิทกับเขา?”
“ช่วงหลังๆที่นายไม่ได้มาด้วยนั่นแหละจุดเปลี่ยน”
“บ้าจริง คือมันก็ไม่ได้แย่แต่เขามีลูกติดตั้ง3คนเนี่ยนะ?”
“ฉันไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นเลย นายคิดไปถึงไหนเนี้ยแบคฮยอน”
และให้ตายผมอยากจะกลั้นใจถ้ารู้ว่าเพื่อนสนิทตัวเองต้องเลี้ยงเด็กที่ไม่ใช่ลูกของตัวเองถึง3คน มันจะเป็นไปได้เหรอ คือไม่ใช่ว่าคุณปาร์คเขาไม่ดีหรือลูกสมุนของเขาไม่ดีแต่ผมก็ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นขนาดที่เพื่อนสนิทตัวเองต้องไปเลี้ยงลูกคนอื่นอยู่ดี เพราะความรักเหรอ? แต่มันจะเรียกว่ารักได้เหรอเพราะผมยังไม่เห็นพวกเขาจะศึกษาดูใจกันเลยนะ?
“แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้โดยที่นายไม่มีทางรู้อนาคตหรอกแบคฮยอน”
//////
“เออ รู้แล้วหน่าพูดมากจริง”
“(อย่างงี้ทุกทีบอกรู้แล้วๆนี่รู้จริงหรือเปล่า?)”
“โอ้ยจะกินไหมพายนายน่ะ ยังจะเอาอยู่หรือเปล่า”
“(เอ้ออทำมาเป็นขู่ไม่รู้แหละซื้อมาให้ครบ แล้วรีบมาเดี๋ยวนี้)”
“สั่งจริงนะพ่อคุณ กำลังจะสั่งแล้วแค่นี้แหละวางไปซะ”
“(ไล่กันระ-)”
ฟึ่บ
ผมกดตัดสายไปก่อนที่คยองซูจะมีโอกาสได้พูดมากใส่ผมอีก น่าเบื่อจริงๆในเช้าวันพุธแบบนี้ที่ผมไม่ได้มีงานที่จะต้องรีบเข้าไปสะสางแต่เช้ามืดเหมือนคยองซู หน้าที่เบ๊ที่ดีในการมาร้านประจำของเราเลยตกมาเป็นของผมซะงั้น
“คุณบยอนรับเหมือนเดิมใช่ไหมคะ?”
พนักงานคนสวยของร้านพูดประโยครู้ใจทันทีที่เห็นหน้าผม แน่ละก็ผมเป็นลูกค้าประจำนี่นะ
“ครับ แต่วันนี้มีพายลูกพีชใช่ไหมครับ?”
“ของคุณคยองซูใช่ไหมคะ เดี๋ยวเยรินจัดใส่กล่องให้นะคะ”
“คุณเยรินอย่ารู้ใจพวกเรามากสิครับ เดี๋ยวผมน้ำลายบูดเพราะไม่ได้เป็นคนสั่งกันพอดี”
“รอสักครู่นะคะ” ผมยิ้มให้เธอเป็นคำตอบก่อนที่เธอจะรับเงินและหันไปสั่งเบเกอรี่กับเครื่องดื่มให้ผม
กริ้ง~
“อ้าว! คุณบยอน”
“คุณปาร์ค?”
“วันนี้ได้เจอคุณบยอนด้วยแฮะ”
“หมายความว่ายังไงครับพูดเหมือนไม่อยากเจอผมเลย” ผมถามเขาโดยยังหลุดขำออกมาบ้างเล็กน้อย คำพูดเขาดูมีความผิดหวังซ่อนอยู่แปลกๆเหมือนผิดหวังที่ได้เจอผมแค่คนเดียว
“เปล่านะครับๆ ผมไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอคุณน่ะครับเพราะปกติเห็นคุณบยอนบอกว่ายุ่งๆเลยไม่ได้แวะมาร้าน”
“อ่อใช่ครับ แต่วันนี้ผมว่างตอนเช้าคยองซูเลยใช้ผมมาแทนน่ะครับ”
“พวกคุณสองคนสนิทกันจังเลยนะครับ ผมชักจะอิจฉาหน่อยๆแล้ว”
“ครับ?”
“อ่อเปล่าครับๆ ผมหมายถึงอิจฉาความสัมพันธ์ของพวกคุณน่ะครับ”
“คุณปาร์คนี่ดูออกง่ายนะครับ”
“!?”
“ยากหน่อยนะครับ เพราะผมอาจจะขัดขวางคุณก็ได้”
ผมพูดขู่เขาแบบไม่จริงจังพร้อมรอยยิ้มแม้ว่าหน้าตาของเขาดูจะเพิ่มความตกใจเขาไปอีกหนึ่งระดับแล้วก็ตาม
“คุณบยอนหมายถึง?”
“คุณกับคยองซู”
“...ผมแสดงอาการเยอะไปเหรอครับ?”
“เยอะไม่เยอะผมไม่ทราบหรอกครับ แต่ผมก็พอเดาได้ผมถึงได้บอกไงว่าคงยากหน่อยนะครับ”
“อาจจะยากหรือไม่ยากก็ได้นี่ครับ?”
ผมถึงกับตึงขึ้นมานิดๆเมื่อเขาถามคำถามที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเขากวนหรือเพราะเขาคิดแบบนั้นจริงๆ
“ถ้าคุณมีลูกไม่สิคุณมีลูกอยู่แล้วนี่ เป็นคุณจะยอมให้เขารักกับคนที่มีลูกติดเหรอครับ?”
“....”
“คุณจะยอมให้เขาไปลำบากหรือรักลูกคนอื่นทั้งที่ไม่ใช่ลูกของลูกคุณเหรอครับ”
เขาเงียบไปแต่ไม่นานเขาก็เผยรอยยิ้มที่ผมก็ยังดูไม่ออกว่ามันหมายความว่ายังไง
“นั่นสินะครับ ผมลืมนึกถึงความเป็นกังวลของคุณไปเลย”
แต่เสียงของเขามันก็ยังฟังดูสุภาพ สุขุม ทุ้มแต่หนักแน่น จนผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆที่พูดตัดรอนกำลังใจที่ผมไม่แน่ใจว่าเขามีมากขนาดไหน
“แต่ถึงอย่างนั้นผมเองคงไม่สามารถหยุดความรู้สึกของตัวเองได้หรอกครับ”
“นี่คุณ-“
“และถึงคุณจะถามคำถามนั้นกับผม ผมก็คงมีคำตอบให้คุณได้อยู่แล้วครับ..”
“....”
“ผมก็จะรักและยินดีกับคนที่ลูกของผมเลือก ผมจะบอกว่าเขาว่าเขาเป็นคนเก่งแค่ไหนและความรักของเขายิ่งใหญ่แค่ไหน”
“....”
“ผมคงจะหยุดภูมิใจในตัวเขาไม่ได้ ที่เขาเลือกจะทำในสิ่งที่คนอื่นอาจจะไม่เห็นด้วย”
“คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดีนะครับ”
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่มองลูกของผมก็เท่านั้นเอง”
ผมเลือกที่จะให้ความเงียบเป็นคำตอบในการจบบทสนทนาครั้งนี้ของเรา พร้อมกับที่คุณเยรินยื่นเครื่องดื่มให้กับผม
“งั้นผมก็จะมองแต่เพื่อนของผมเช่นกันครับ ไว้เจอกันนะครับคุณปาร์ค”
“แล้วเจอกันครับคุณบยอน:)”
แล้ววันนี้ผมก็ได้รู้ว่าจริงๆแล้ว ผมเกลียดรอยยิ้มที่เหมือนยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดในหน้าหนาวของเขาขนาดไหนเกลียดที่ความคิดของเขาทำให้ผมดูเป็นคนเห็นแก่ตัว และที่เกลียดที่สุดคงไม่พ้นหัวใจตัวเองที่อยู่ดีๆก็เต้นผิดจังหวะไปตอนที่ได้ฟังเขาพูด
//////
“ไงวันนี้ไม่สดใสเลย?”
“ฉันควรสดใสงั้นเหรอ เมื่อวานนายทำฉันได้เจ็บแสบมากนะคยองซู”
แน่นอนว่าผมพูดไปตามที่คิดทุกอย่าง เมื่อวานที่ผมได้พลาดหลวมตัวไปทำในสิ่งที่ชีวิตนี้ไม่คิดจะทำเด็ดขาดมา รู้สึกหายใจไม่ออกทุกทีที่นึกถึงเลย
“โธ่ เด็กๆก็น่ารักดีออกโดยเฉพาะน้องชาฮยอน?”
“คยองซู!”
“555555555555555555”เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของผมก็คงต้องเป็นมันจริงๆสินะ
“ก็เปล่าแต่เด็กพวกนั้นไม่ใช่ลูกหลานฉันนี่”
“จิตใจคนเรานี่นะ”
“อย่าบอกว่านายชอบคุณปาร์ค?”
“....”
“คยองซูนายบ้าไปแล้วเหรอ!?”
“อย่าเสียงดังได้ไหมนายนี่จริงๆเลยให้ตาย”
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรรู้สึกยังไงที่คยองซูให้ความเงียบเป็นคำตอบกับผม
จริงๆแล้วผมตั้งใจจะถามเขาตอนที่อะไรๆมันชัดเจนกว่านี้อีกหน่อย แต่กลายเป็นว่าเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมโดนเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตัวเองทรยศเข้าให้โดนการมัดมือชกผมไปเป็นผู้ช่วย(?) ดูแลบรรดาเหล่าลูกสมุนของคุณปาร์คตอนที่ตัวเองไปช่วยคุณเขาจัดสวน
ก็ดูเอาเถอะคนเราแต่ถ้าจะให้ผมนึกถึงตอนที่ไปบ้านเขาแล้วละก็...
1วันก่อน
กึก
เสียงเปิดประตูของเจ้าของบ้านดังขึ้นภายใน40วิหลังจากที่คยองซูกดอ๊อดทำอย่างกะว่ารออยู่อย่างไงอย่างงั้น
เหอะๆ
“สวัสดีครับคุณปาร์ค”
“สวัสดีครับคุณโด..แล้วก็คุณบยอน:)”
“ครับ”
ผมตอบเขาไปแค่นั้น
ก็รู้ว่ามันดูไม่มีมารยาทแต่ให้ตายมันน่าหงุดหงิดเป็นบ้าเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาช่วยทำเรื่องอะไรก็ไม่รู้ในวันหยุดพักผ่อนของตัวเอง
“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยได้ไหม”
ในระหว่างที่คุณปาร์คเดินนำพวกเราเข้าไปในตัวบ้าน
คยองซูที่เห็นว่ามีโอกาสก็เลยหันหน้ามาดุผมอย่างจริงจังราวกับเรื่องที่ผมทำมันใหญ่หลวงมากยังไงยังงั้น
“ฉันควรจะยิ้มร่าแข่งกับพระอาทิตย์บนท้องฟ้างั้นเหรอ”
“โธ่มันก็แค่..”
“แค่อะไร! นายให้ฉันงัดตัวเองออกจากบ้านมาช่วยเลือกของในซุปเปอร์ไม่ใช่เหรอ
ละนี่คืออะไรโดคยองซู!”
“ชู่ว อย่าเสียงดังสิเกรงใจคุณปาร์คเขา”
ผมกับเพื่อนรักตัวดีโต้ตอบกันด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกับสายลมยังไม่ยักกะจะเสียงดังตรงไหน
พ่อคุณเขาก้รีบเบรคผมเหมือนผมเป็นยักษ์ขมูขีที่ใช้เสียงดังราวกับพายุ
“คุงอาตายองงง”
“ชาอู!คิดถึงจังเลยครับ”
ยังไม่ทันได้ก่อศึกต่อ
เสียงใสๆของเจ้าตัวกะเปี๊ยกก็พรากเอาความสนใจทั้งหมดของคยองซูไปกองไว้ที่ตัวเองหมดเลย
“ฮ่าๆ ชาอูคงคิดถึงคุณคยองซูน่ะครับ”
“อะไร? พูดอย่างกะว่าเจอนายบ่อยอย่างงั้นแหละ
ละไหนอะไรคือการเรียนคยองซะ-โอ๊ย”
และถึงแม้ว่าผมจะแอบพูดเบาๆกับตัวเองแล้วก็ยังไม่วายหลุดเข้าหูเพื่อนรักอยู่ดี
จนได้ของฝากเป็นการหยิกแบบกะจะเอาเนื้อตรงแขนผมไปด้วยเป็นของฝากหนึ่งที
“พูดให้มันเข้าหูบ้างจะตายไหมครับคุณบยอน”
“ฉันเจ็บนะ!หยิกเข้ามาได้ยังไง!”
“ชาอูกำลังทำอะไรอยู่เอ่ยยบอกอาตายองได้ไหมม”
และมันก็เลิกสนใจผมทันทีที่หันไปเจอเจ้าเด็กแถมยังลดอายุตัวเองโดยการทำพูดแบ๊วๆแข่งกับเด็กอีก
“กำลังรอพี่ชาอึลกับพี่ชาฮยอนแข่งต่อหุ่นยนต์อยู่ฮะ”
เมื่อฟังคำบอกเล่าดังกล่าวสายตาผมก็พลันเห็นเด็กแฝดสองคนที่นั่งหันหน้าเข้าหากันโดยมีหุ่นยนต์กองอยู่ตรงกลางตามคำบอกเล่าของน้องเล็ก
เหอะคนทางขวาขี้เก็กเหมือนพ่อเลยอะ
กึก
“ตามสัญญา..”
“ชาฮยอนขี้โกง! นายเลือกที่ตัวที่มันต่อง่าย!”
“เราบอกให้นายเลือกก่อนไม่ใช่เหรอ?”
“....”
แก่แดดจริงๆ
“ไม่รู้แหละทำไมนายทำแบบนี้กับเราอะ”
“สัญญาต้องเป็นสัญญาสิชาอึล”
“แต่นาย-“
“ห้ามมากวนเราเวลาอ่านหนังสืออีก เข้าใจนะ?”
ให้ตายเถอะเด็กคนนี้นะ ถ้าเป็นลูกผมนะจะเรียกเข้ามุมสั่งสอนสักทีสองทีโทษฐานทำตัวเกินวัย
“นี่ขนมกับเครื่องดื่มครับ
แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าคุณบยอนจะดื่มน้ำชาหรือเปล่าน่ะสิ?”
ละเสียงของหัวหน้าพรรคเด็กแก่แดดก็ดังมาพร้อมกับถาดขนมเครื่องดื่มตามที่เขาหายไปเกือบ1นาที
ที่เดินเข้ามาในบ้าน
“แล้วทำไมคุณถึงเลือกชามาให้ละครับ”
ผมถามเขาเพราะรู้สึกสงสัยว่าทำไมถึงเลือกชามาแทนที่จะเป็นน้ำเปล่า
เพราะเขาเองก็บอกไม่แน่ใจว่าผมจะดื่มมันหรือเปล่า
“ก็คุณปาร์คเขาจำได้ไงว่าพวกเราดื่มอะไรกันบ้างเวลาที่ไปร้าน”
“ใส่ใจเก่งเนอะ”
“ไอ้แบค”
“ไม่เป็นไรครับคุณคยองซู ผมเขาใจว่าคุณบยอนคงจะรู้สึกเป็นกังวลน่ะครับ”
“ครับ?”
เหอะ ตั้งใจพูดให้เพื่อนผมสงสัยว่าผมไปแผลงฤทธิ์อะไรใส่เขาสิท่า
ร้ายกาจที่สุด
“คุณคยองซูจะไปดูสวนกับผมเลยไหมครับ?”
“ได้ครับๆ แบคเฝ้าหลานๆด้วยนะเดี๋ยวมา”
“คยองซู!”
“รบกวนด้วยนะครับคุณบยอน อย่าดื้อล่ะเจ้าพวกตัวแสบ”
“ฮับบบ”
เวรกรรมอะไรของผมวะเนี่ย!!
//////
ผมได้แต่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กตัวจิ๋วไปมาจนน้องเล็กสุดหนีไปเฝ้าพระอินทร์
ละก็เฝ้ามาเฝ้าไปจนแฝดคนน้องก็ตามไป
คนสองคนที่ยื่นจัดสวนกันอยู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้ามาสักที
พอผมมองออกไปก็จะได้เห็นบรรยากาศเดิมๆ
คือใบหน้ามีความสุข(สุดๆ)ของคนที่สองที่แข่งกันยิ้มจนหน้าจะบานเท่าพระอาทิตย์อยู่แล้ว
ไม่รู้ว่ามันมีเรื่องให้ขำอะไรกันนักหนา
“ถ้าเป็นผมคงเดินเข้าขวางแล้วถามว่า ’หัวเราะอะไรกันนักหนา
วันนี้อากาศร้อนจนเพี้ยนเหรอ?’”
“อะไรนะ?”
ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองตอนที่ได้ยินเสียใสๆของเด็กวัย5 ขวบ
แต่คำพูดโตเกินอายุนั่น
“ก็คุณอาดูหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนี่ครับ”
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาทำ-“
“คุณอาโมโหกลบเกลื่อนทำไมครับ?”
จะ! บ้า! ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ยยยยยย
“ผมไม่รู้ว่าคุณอาชอบคุณอาคยองหรือชอบคุณพ่อ
แต่ถ้าเป็นผมก็คงจะทำเหมือนที่บอกไปตอนแรกแหละครับ”
“พอที! นาย! ชาฮยอน?!”
“ครับ?”
“ทำไมถึงเป็นเด็กที่แก่แดดแก่ลมขนาดนี้ห๊ะ”
“แล้วทำไมคุณอาต้องโมโหขนาดนี้ละครับ”
ไม่ไหวแล้วนะ!!
“ไม่ใช่คุณอาคนเดียวนะครับที่สังเกตคนรอบข้างได้”
อยู่ดีๆหัวใจผมก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
มันไม่ใช่เต้นแรงแบบอยู่ใกล้คนที่ชอบ..
“....”
“เพราะผมเห็นคุณอาตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เข้าคาเฟ่แล้ว”
แต่มันเต้นแรงเพราะเหมือนจะมีคนเข้ามาเปิดเผยอะไรบางอย่างในตัวผมแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
“!!!”
และก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไรเด็กตรงหน้าออกไปสองคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาในตัวบ้านเลยก่อนหน้านี้ก็กลับเข้ามาก่อน
“มีเรื่องอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างนอกเลย”
“ชาฮยอนทำอะไรครับ? แล้วน้องๆละ”
“หลับครับ”
คงเป็นเพราะเด็กคนนี้เห็นผมยืนนิ่งไม่ตอบเขาเลยตอบแทนผม
“สรุปลูกทำอะไรคุณบยอนครับ”
“เปล่านะครับ ผมแค่พูดตามความจริงในสิ่งที่ผมเห็น”
“เกินจริง..นายพูดเกินจริง”
และผมที่เพิ่งหาเสียงของตัวเองเจอก็รีบสวนกลับ
“แบคใจเย็นหน่อยนั่นเด็กอายุไม่ถึง7ขวบเลยด้วยซ้ำนะ”
“ก็เพราะไม่ถึง7ขวบไง! ทำไมถึงได้แก่แดดแก่ลมขนาดนี้”
“เบาๆหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับผมพอเข้าใจ
เขาโตกว่าเด็กวัยเดียวกันน่ะครับ..ขอโทษจากใจจริงเลยนะครับคุณบยอน”
“เอ่อ ถ้าอย่างงั้นวันนี้พวกผมขอตัวก่อนนะครับรบกวนคุณปาร์คมาทั้งวันแล้ว”
“ผมต่างหากละครับที่รบกวนพวกคุณ”
ผมรู้ว่าผมเสียมารยาทที่เดินออกมาเลยทันทีโดยไม่ได้ร่ำลาหรือพูดอะไรกับใครสักคน..ผมเหมือนคนหนีความผิดที่ไม่รู้ว่าผิดอะไร
ผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลย
ติ๊ง
P.chany
: ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะครับ
ทำไมถึงไม่เคยมองเห็นความรู้สึกของผมบ้างเลย
เสียงข้อความเข้าของคยองซูเรียกสติผมกลับเข้าร่าง
และโดนไม่ทันตั้งตัวผมเผลอไปเห็นแชทที่ดูสำคัญของคยองซูซะก่อน P.chany? ..ปาร์ค
ชานยอล? แล้วทำไมตัวข้อความถึง..
“แอบดูแชทคนอื่นเหรอ”
คยองซูที่กลับมาจากการไปชงกาแฟถามทันทีที่เขาเห็นผมอ่านข้อความในโทรศัพท์เขา
“เปล่า มันเห็นพอดี”
ใช่ แล้วทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ..หรือเพราะสิ่งที่ผมคิดมันกำลังจะเป็นจริงผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ?
“แล้วนายว่าไง?”
“อะไร”
“ก็คุณชานยอล เขาดูเป็นไง?”
“....”
“แบบถ้าลดอคติของนายไปเขาดูเป็นไง?”
“นายชอบเขาจริงๆใช่ไหม”
“ถ้าฉันตอบว่าใช่..”
“....”
“มันจะมีอะไรเปลี่ยนไปไหม”
แล้วถ้าผมตอบคยองซูว่า
“นายน่ะตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยบอกความรู้สึกจริงๆกับฉันเลยนะ”
ถ้าผมตอบว่า
“บางทีคนเราก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกของตัวเองตลอดเวลาหรอกนะ”
ผม..
“ซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อย”
ไม่สามารถทนได้ถ้านายกับเขาชอบกันขึ้นมาจริงๆ
ติ๊ง
P.chany : พี่ไม่คิดว่าเขาจะลืมพี่ได้ขนาดนี้..
และข้อความสุดท้ายที่เด้งขึ้นมาแต่ผมไม่มีโอกาสได้เห็นมัน
//////
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมเลือกที่จะอยู่คนเดียวแทนที่จะออกไปหาอะไรทำกับคยองซูเหมือนทุกอาทิตย์แต่เป็นเพราะว่าตั้งแต่วันนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีช่องว่างขนาดใหญ่ดูดผมให้กลับไปอยู่ในห้วงเวลาที่สวยงามของผม..
ผมรู้จักปาร์คชานยอลมาก่อน ก่อนที่เราจะมาเจอกันอีกครั้งตอนที่เขาและลูกๆของเขาเข้ามาในคาเฟ่ประจำของพวกเรา นั่นคือความจริงที่ผมตระหนักมันตลอดเวลาที่ได้เจอหน้าเขา
เขายังคงเหมือนเดิม..เหมือนเดิมในความทรงจำตั้งแต่วันแรกที่ผมได้รู้จักเลย.. และวันนั้นที่ผมชอบเขายังไงวันนี้ผมก็ยังมีความรู้สึกนั้นให้เขาเช่นเดิม เขายังคงเป็นผู้ชายที่มีรอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุดในโลกของผม
ผมเคยคิดว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นเพียงคนเดียว แต่พอโตขึ้นผมถึงได้รู้ว่ากับคนบางคนเรามองเขาจากมุมมองที่คนอื่นเองก็ได้สัมผัสก็พอแล้ว ถูกของคยองซูตั้งแต่เด็กผมไม่เคยแสดงความรู้สึกใดๆออกมาเลย ผมเอาแต่สร้างกำแพงขึ้นมาและหลบอยู่หลังกำแพงนั้นพยายามทำเป็นไม่เข้าใจโลกไม่เข้าใจความรักที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมัน ผมเองก็อยากเล่าหรือระบายให้ใครสักคนได้ฟังแต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่ยากๆมากๆเช่นเดิม
“เฮ้อ”
ผมเลิกคิดเรื่องราวต่างๆและตัดสินใจลุกขึ้นหยิบลองโค้ทสีครีมออกมาจากตู้เพื่อที่จะลงไปเดินเล่นข้างล่าง สูดอากาศข้างนอกสักหน่อยอาจจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมแค่เดินไปเรื่อยๆมองคนที่เดินสวนไปบ้างเป็นบางครั้งปล่อยให้ตัวเองหลุดจากการคิดเรื่องในอดีต
“คุณบยอน?”
“!”
ผมสะดุ้งแทบสุดตัวที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยกับชื่อที่มีแค่ไม่กี่คนในชีวิตที่ใช้เรียกผม
“คุณปาร์ค?”
“เอ่อ สวัสดีตอนบ่ายครับ”
“บังเอิญจังเลยนะครับ”
“ไม่มีคำว่าบังเอิญหรอกครับ” คงเป็นเพราะคอนโดของผมกับคาเฟ่ประจำหรือแม้แต่บ้านของเขาไม่ได้อยู่ใกล้เคียงอย่างที่นิยายส่วนใหญ่ชอบทำให้มันกลายเป็นพรหมลิขิต แสดงว่าเขาตั้งใจมาแถวนี้สินะ
“มาทำธุระสินะครับผมไม่กวนเวลาคุณปาร์คหรอก เชิญเถอะครับ”
“ครับ มาทำธุระเพราะฉะนั้นคุณบยอนพอมีเวลาสัก20นาทีไหมครับ?”
“?”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเขาไปนอกจากปรับสีหน้าและพยักหน้าตอบรับเขา ก่อนจะเดินนำไปนั่งที่เก้าอี้สาธารณะของสวนใกล้ๆแห่งนี้
“เรื่องของคยองซูเหรอครับ?”ไม่ต้องรอให้เขาเปิดเรื่องผมก็ชิงพูดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจก่อนเลย
“ครับ?”
“ผมรู้ว่าช่วงนี้พวกคุณกำลังเริ่มชัดเจนกันแล้ว และผมเองก็คงไม่ขัดอะไรพวกคุณหรอกครับเพราะสุดท้ายเรื่องแบบนี้มันก็เป็นเรื่องของแค่คนสองคน”
“....”
“จริงๆผมเองก็ไม่ได้อยากยอมรับ เพราะคุณก็บอกเองว่าเข้าใจในความเป็นกังวลของผม แน่ละหนึ่งเลยถ้าคุณไม่ได้มีลูกติดอยู่แล้วผมคงสนับสนุนให้คุณกับคยองซูได้ชอบพอกันจริงๆ”
“....”
“สองเพราะคุณเองก็มีลูกติดจะมีอะไรมารับประกันได้ว่าคุณจะเปิดใจให้เพื่อนผมได้จริงๆ แล้วแม่ของลูกคุณล่ะ คุณจะเอาใครมาแทนที่เขาได้จริงๆเหรอ ผมคิดว่าคุณเองก็คงเข้าใจที่ผมพูดดีนะครับ”
“....”
“คุณดูเป็นคนที่ดีอันนี้ผมยอมรับ แต่ผมเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์จะตัดสินใจแทนใครผมไม่รู้ว่าตอนนี้คยองซูรู้สึกกับคุณแค่ไหนผมอยากให้คุณดูแลคยองซูให้ดีเพราะหมอนั่นอ่อนไหวง่ายกว่าที่เห็น”
ผมพ่นทุกความรู้สึกของตัวเองออกมาโดยที่ไม่ได้หันไปมองว่าคนข้างๆทำหน้าแบบไหนตอนที่ฟังผมพูดอยู่คนเดียวแบบนี้
“ผมก็คงยินดีถ้าคุณคิดจะรับเพื่อนผมไว้เป็นคนที่อยู่เคียงข้างคุณอย่างจริงใจ”
“แบคฮยอนครับ”
“ผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากจะบอกว่ายินดีด้วยครับ ผม-“
“น้องแบคฮยอนห้องb”
“!!!!”
“ฟังผมได้แล้วสินะครับ”
“คุณ..”
“ผมนึกว่าคุณจะทำเป็นจำผมไม่ได้ต่ออีกสักหน่อย แต่ดูจากการทำหน้าของคุณแล้วคงไม่ต้องฝืนอีกแล้วสินะครับ”
“....”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..”
.
.
.
.
“น้องแบคฮยอน:)”
ผมเกือบลืมวิธีหายใจไปชั่วขณะใหญ่ๆ เขาเก่งที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อ11ปีที่แล้ว ครั้งแรกที่ผมและเขาได้รู้จักกัน
“พี่ขอเดาว่านายคงกำลังสับสนใช่ไหม?”
“ผมไม่รู้จะพูดอะไร”
“ถ้างั้นก็ฟังอย่างเดียวนะ”
“ก่อนอื่นพี่ขอแก้ตัวเรื่องคยองซูก่อน พี่กับคยองซูไม่ได้ชอบกันหรอกคือเอาจริงๆตอนแรกก็หวั่นไหวจริงๆนั่นแหละแต่พอคุยกันไปคุยกันมาก็ต่างรู้ตัวว่าคิดกันแบบพี่แบบน้องละที่สำคัญเหมือนคยองซูเองจะจำพี่ได้เร็วด้วย จริงๆพี่ก็งงๆเหมือนกันว่าทั้งตัวพี่และพวกนายเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นเลยเหรอถึงได้จำกันไม่ได้”
“....”
“พี่ถึงได้รู้ว่าตอนแรกที่พี่หวั่นไหวกับคยองซูคงเป็นเพราะเขามีกลิ่นอายของความเป็นเราละมั้ง แต่เหมือนคยองซูเขาจะรู้จักนายดีกว่าตัวนายเองมั้ง ของถึงได้รู้ว่านายจำพี่ได้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว”
ผมฟังเขาพูดไปเรื่อยๆเหมือนเด็กที่ตั้งใจฟังนิทานที่พ่อแม่เป็นคนเล่า จนประโยคล่าสุดที่เขาพูดออกมาทำให้ผมตงิดใจจนอยากพูดออกไปว่า ก็แน่ละใครจะจำรักเดียวของตัวเองไม่ได้กัน จริงๆตั้งแต่ที่พี่เขาเรียนจบคบกับแฟนแต่งงานกันผมก็ยังหาหนทางในการตามดูอยู่ห่างๆมาตลอดแต่หลังจากที่พี่เขาแต่งงานผมก็ตัดสินใจเลิกติดตามเขา ทุกอย่างที่จะทำให้ผมได้รับรู้เรื่องของเขาผมเลิกมันทั้งหมด
“และให้ตายพี่รู้สึกโล่งใจ สบายใจ อบอุ่นใจหรืออะไรก็ตามที่พี่ได้รู้ว่าพี่เจอเราแล้ว พี่ตามหาเรามานานมากเลยนะแบคฮยอน.. นานเท่าอายุชาฮยอนกับชาอึลเลย”
“จะตามหาผมทำไมตอนนั้นพี่เองก็มีคนที่ต้องการจะปกป้องด้วยหัวใจจริงๆอยู่แล้วนี่”
“แต่เราก็ยังเป็นคนสำคัญของพี่มาตลอด พี่คิดว่าพี่คงจะไม่เปิดใจให้ใครแล้วนอกจากจูฮยอน..กับแบคฮยอน”
“!!”
“ตอนแรกพี่ไม่คิดจะเปิดใจให้ใครนอกจากเรา จนพี่เจอจูฮยอนเขามาอยู่กับพี่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากและพ่อกับแม่พี่เองก็อยากเห็นพี่สร้างครอบครัวพี่เลยตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกับจูฮยอน”
พอฟังมาถึงตอนนี้ผมรู้ดีว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไง ผมรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา แน่นอนเป็นเพราะผมยังรักและเป็นห่วงเขาอยู่เสมอ
“ตอนนั้นพี่คิดว่ายังไงก็คงไม่เจอเราแล้ว เราหายไปจากชีวิตพี่หายไปจนเหมือนไม่เคยมีตัวตนเลย..แบคฮยอนทำไมถึงหายไป?” คำถามที่ผมไม่อยากฟังมากที่สุดก็หลุดออกมาจากปากของคนที่ผมไม่อยากให้ถามออกมามากที่สุดจนได้
“เพราะผมไม่เหมาะจะเป็นคนที่จะได้อยู่ข้างๆพี่ ผมมีความสุขดีที่ได้มองเห็นพี่จากที่ไกลๆผมมีความสุขที่ได้เห็นพี่ในมุมมองที่คนอื่นก็ได้เห็นผมคิดว่าแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว”
“เราไม่เคยถามพี่สักคำเลยนะแบคฮยอน เอาจริงๆคือนายไม่เคยบอกอะไรพี่เลยไม่สิ..ไม่เคยบอกอะไรใครเลย”
ผมได้แต่นั่งทบทวนเรื่องที่เขาพูดออกมาและคงไม่พ้นคยองซูที่คงไปคุยอะไรกับเขามาก่อนจนเหมือนว่าเขาเองอยู่ในทุกเหตุการณ์ที่เพื่อนผมอยู่กับผม
“ตอนนี้พวกเราโตขึ้นแล้ว และก็รู้แล้วว่าตอนนี้พี่ควรจัดการอะไรสักอย่างได้แล้วจริงๆ..”
“....”
“ถ้าพี่บอกว่าพี่ยังจำทุกความรู้สึกที่พี่มีหรือเรามีให้พี่แต่ไม่เคยบอกอะไรเลยได้ล่ะและพี่ยังรู้สึกแบบนั้นเสมอมา ถ้าพี่ยังอยากมีเราอยู่ในชีวิตต่อจากนี้มันจะเป็นไปได้ไหมแบคฮยอน?”
“….”
“พี่ไม่อยากให้เวลามันเดินไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
ผมไม่รู้เลยว่าควรตอบอะไรเขาออกไปผมรู้แค่ว่าวันนี้การเดินทางที่ยาวนานของผม เรื่องของความรักที่ผมเอาแต่สงสัยว่าทำไมคนเราถึงยอมเจ็บเพื่อที่จะเห็นเขายิ้ม และตอนนี้เหมือนผมถึงเส้นชัยและบางทีผมอาจจะรู้มาตั้งนานแล้วว่าความรักคืออะไร
“ผม..”
//////
“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณพ่อต้องลงเอยกับคุณอา”
“แก่แดดอีกแล้วนะชาฮยอน”
“ฮื่ออ แบคแบคอุ้มอุ้มผมหน่อยย”
“ขี้อ้อนให้ได้เหมือนน้องหน่อยสิชาฮยอน แบคจะได้เอ็นดูเราบ้าง”
“ผมว่าคุณพ่ออยากให้คุณอาชอบพวกเราสองคนมากกว่า”
“โธ่ ชาฮยอน”
“พูดดีนี่เจ้าตัวแสบ”
“ก็ผมลูกคุณพ่อนี่:)”
ส่วนความรักของผมมีหน้าตานะ..หน้าเหมือนปาร์คชานยอลเลย
“แบคแบคโป๊ะๆๆ”
อ่อหน้าเหมือนปาร์คชาอู ปาร์คชาอึลและก็..
“เอ็นดูผมบ้างสิครับ”
ปาร์คชาฮยอนด้วย:)
แถมนิดๆ
“เหอะจะรักกันต้องมาลำบากใจคนอื่นด้วยมันใช้ได้ไหมเนี่ยทั้งพี่ชานยอลและนายเลยนะไอ้แบค เกือบไปชอบคนรักเพื่อนแล้วไหมล่ะเรา”
และคนที่เดินผ่านไปผ่านมาทำไมทำหน้าเหมือนผมเป็นไอ้โรคจิตแอบมองชาวบ้านชาวช่องเขาด้วยเนี้ย
ผมแค่แอบนั่งยองๆอยู่หลังถังขยะใกล้ๆเก้าอี้ที่สองคนนั้นนั่งอยู่เองนะ
100%
#howcutecb
ไปโหวตmamaกัน
ความคิดเห็น