The promise สัญญานี้ไม่มีวันลืมเลือน - นิยาย The promise สัญญานี้ไม่มีวันลืมเลือน <Yaoi> : Dek-D.com - Writer
×

    The promise สัญญานี้ไม่มีวันลืมเลือน <Yaoi>

    โดย MeVel

    คำสัญญาในสมัยเด็กของเด็กชายสองคนที่ถึงแม้จำหน้ากันไม่ได้แต่ต่างฝ่ายต่างก็เลือกที่จะรักษาสัญญากันไว้ เพราะเชื่อว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับมาเจอกันอย่างแน่นอน

    ผู้เข้าชมรวม

    253

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    253

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    11
    จำนวนตอน : 9 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  6 พ.ค. 59 / 00:12 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทที่ 7

                “แฮ่กๆ มึงง พวกชมรมหนังสือพิมพ์มันมาดักรอมึงหน้าห้องเลยว่ะ” ไอเคลวินวิ่งเข้ามาแหกปากให้พวกผมได้ยิน

                “เชี่ย แปลว่ายังไงมันก็จะสัมภาษณ์มึงให้ได้สินะ” ไอเทรย์ว่าอย่างหัวเสีย

                จะไม่หัวเสียได้ไงล่ะ ก็ใครใช้ให้พวกมึงไปสัญญากับมันล่ะวะว่าจะอยู่ข้างมันเนี่ย อ๋อแล้วพวกคุณคงสงสัยสินะว่าทำไมพวกชมรมหนังสือพิมพ์ถึงไม่เข้ามา ก็โรงเรียนผมทีกฎว่าคนที่ไม่ใช่เด็กในห้องห้ามเข้าห้องเรียนคนอื่น เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆล่ะนะ

                “เอาไงดีว่ะ ออกไปแล้วรีบชิ่งเลยดิมะ” ไอเคลวินเสนอ

                “มึงอย่าโง่ดิ” ไอจีด่าก่อนจะคิดอะไรสักพักแล้วบอกให้พวกผมทั้งหมดหันไปมองมัน “เอางี้ไหมพวกมึง”

                “อะไรมึง คิดอะไรได้ไหนเสนอมาซิ” ผมว่า

                “ก็พวกเราออกไปรับหน้าไอพวกชมรมหนังสือพิมพ์ข้างนอกแล้วบอกพวกมันไปว่าไอเพลิงไม่อยู่มันออกมาก่อนแล้ว”

                “อืม แผนมึงก็ดีอยู่นะ แต่มึงลืมไปเปล่าว่ามันอยู่กลุ่มเดียวกับเราเพราะงั้นมันน่าจะรู้แหละว่าไอเพลิงมันอยู่ข้างใน” ไอพัดอธิบายให้ฟัง

                “อืม ก็เอาไงดีวะ” เคลวินพึมพำ

                “งั้นบอกว่ามันไปเข้าห้องน้ำเป็นไง แล้วไล่พวกมันไปรอที่ห้องน้ำ” เทรย์ว่า

                “มึง ถึงบอกว่ามันไปเข้าห้องน้ำยังไงมันก็ต้องเดินกลับมาหาพวกเราอยู่แล้วล่ะ เพราะงั้นเชื่อดิยังไงพวกมันก็ต้องขอรออยู่นี่อ่ะ พวกชมรมหนังสือพิมพ์มันไม่โง่หรอกนะ” มันสมองของกลุ่มขัดขึ้นอีกครั้ง

                “เอาไงดีว่ะ” ไอจีบ่น พวกผมเงียบกันไปสักพักก่อนที่ไอจีจะพูดอีกรอบ “งั้นรอให้พวกมันลงไปกินข้าวกันเองดีไหม”

                “ขืนรอถึงตอนนั้นอย่าหวังว่าพวกเราจะได้กินข้าว” ผมแทรก

                สุดท้ายไอเพลิงมันก็เลยว่าขึ้นนิ่งๆ “งั้นก็ช่างหัวพวกมันซะแล้วพวกเราก็ไปกินข้าวกัน”

                “หืม แต่ยังไงมันก็ต้องตามมึงไปจนกว่ามึงจะยอมให้สัมภาษณ์แน่ๆนะ” ไอพัดว่าพลางจ้องตามันแบบที่ต้องการสื่อว่า มึงแน่ใจนะว่าจะยอมให้มันตามมึงอ่ะ

                “อืม พวกมึงไม่ควรจะเดือดร้อนเพราะกู” มันว่า

                “มึงไม่ต้องคิดมากเว้ย ไปไหนไปกันน่า” ไอเคลวินเดินไปตบไหล่มัน

                “เออ ถ้าพวกมันไม่ยอมหยุดตามจริงๆก็ใช้กำลังขู่แม่งก็จบ” เทรย์ว่าตามสไตล์ตัวเอง

                บางทีมึงก็โหดไปนะไอเทรย์เพื่อนรักกกก

                “โอเค งั้นตามนี้ออกไปเผชิญไอพวกขี้ตื้อนั่นตรงๆนะ” พัดสรุป

                “ไปๆ กูหิวข้าวแล้ว” จีว่าแล้วเดินนำทัพพวกผมอีกห้าคนออกมา

                พวกผมหกคนเดินออกมาก็มาเจอกับพวกผู้ชายประมาณสามสี่คนอยู่หน้าห้อง พร้อมอาวุธทำลายคน เอ่อ ก็หมายถึงของที่จำเป็นในการสัมภาษณ์น่ะนะ พอไอพวกนั้นเห็นพวกผมออกมาพร้อมคนที่ทำให้มันมาดักรอห้องก็รีบปรี่เข้ามาหาทันทีแล้วหนุ่มแว่นคนหนึ่งก็พูดขึ้นกับไอคนหลังสุด

                “นายพัสกรพวกเราขอสัมภาษณ์นายหน่อยได้ไหม”

                อื้อหือ ข้อมูลพร้อมเลยนะเว้ย แถมมาถึงก็มาขอสัมภาษณ์กันเลยทีเดียว แนะนำตงแนะนำตัวไม่มี เออ กูเชื่อล่ะว่าชมรมพวกมึงหน้าหนาหลังจากที่กูได้ยินมานาน เอาแล้วพ่อคนฮอตจะตอบอะไรมาดูกันดีกว่าเนอะ

                เพลิงหันไปมองคนที่เรียกมันแล้วก็หันกลับมามองไอพัดแล้วพูดออกมาให้ทุกคนเงิบ “Phat , Do they talk to me?

                ... แดกจุดแปป มันเล่นไม้นี้เลยหรอวะ

    พัดพอได้ยินชื่อตัวเองก็ตอบรับให้อย่างไม่ติดขัด “Ahh , yes.

    มึงเรียกได้ถูกคนมากอ่ะ กูขอชม พัดมึงก็รับช่วงต่อได้สุดยอด

    What do you want to talk with me?” เพลิงมันหันไปหาคนที่เรียกมัน

    No , I don’t have anything to talk with you.” พวกมันตอบก่อนจะวิ่งหนีหายหัวไปกันหมด บรรยากาศในตอนนี้จึงเงียบสนิท... ไอพวกที่เหลือก็ยังมึนๆกันอยู่ล่ะนะ จนเหมือนจีที่ได้สติก่อนก็หัวเราะออกมา

    “555 เออมึงก็ฉลาดเนอะ พ่นภาษาอังกฤษใส่หน้าตาเฉย”

    “เออนั่นดิ นับว่าเป็นวิธีที่ฉลาดวิธีหนึ่งอ่ะนะ” เทรย์มันก็ว่า

    “แต่ก็คงช่วยมึงให้ไม่ต้องสัมภาษณ์ไปได้แค่พักหนึ่งล่ะนะ” พัดว่าออกมา ผมจึงว่าต่อ

    “เพราะเดี๋ยวมันก็จะต้องไปตามไอพวกที่เก่งอังกฤษมาสัมภาษณ์มึงแน่ๆ”

    “เฮ้อ” มันถอนหายใจก่อนจะตอบ “สักพักหนึ่งก็ยังดี”

    ไอเคลวินที่ได้สติมาคนสุดท้ายก็พูดแบบมึนๆ “ดีนะ...ที่มึงหน้าแบบลูกครึ่งอ่ะ เลยไม่ค่อยแปลกอะไร”

    “จริง” คนอื่นพูดออกมาพร้อมกัน

    หน้าของเพลิงมันให้ความรู้สึกแบบครึ่งฝรั่งเหมือนพี่สาวมันนั่นล่ะ หน้าออกคมเข้มๆที่คนเอเชียไม่มี ดวงตาคู่คมสีออกสีเทา สีตาที่ไม่ใช่ของคนเอเชียอย่างแน่นอน อ้อ นอกจากใส่คอนแทคเลนส์ล่ะนะ โครงหน้าที่รับเข้ากับริมฝีปากหนาได้อย่างพอดี เส้นผมที่ไม่ใช่ดำสนิทแต่เป็นน้ำตาลเข้มที่ออกดำ บ่งบอกว่าไม่ใช่ฝรั่งหัวทองอย่างแน่นอน รูปร่างตัวไม่ได้บึกบึนอะไรมากมาย แล้วก็ส่วนสูงที่ลงตัวไปได้สูงโย่งน่าเกลียดแต่เป็นความสูงที่ผู้ชายส่วนใหญ่ใฝ่ฝัน เพราะสำหรับคนเอเชียเราได้สักร้อยเจ็ดสิบห้าก็โคตรปลื้มแล้ว ก่อนที่จะชื่นชมอะไรมากกว่านี้ไอเคลวินที่ได้สติเต็มร้อยแล้วก็บ่น

    “ไปพวกมึง ไปแดกข้าวกันกูหิวจนไส้จะขาดออกจากกันแล้วเนี่ย”

    “เออๆ ไปๆ” เทรย์ว่าแล้วเดินนำไปเลย

    พวกผมเดินมาถึงโรงอาหารก็เกือบเที่ยงครึ่งเข้าไปแล้วทำให้ คนในโรงอาหารไม่เยอะเท่าไหร่ พวกผมต่างคนต่างแยกกันไปซื้ออาหารแล้วกลับมาเจอกันที่โต๊ะ พวกเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปสักพักก็มีมารผจญเข้ามาขัดขึ้น

    “คือผมขอคุยกับนายพัสกรสักแปปได้ไหมครับ” เด็กหน้าออกหวานๆพร้อมกล้องและพรรคพวกข้างหลังหันมายิ้มให้พวกผมแล้วมองผ่านไปยังนายพัสกรทันที

    แม่งมาเร็วไปนะ ไปตามตัวเด็กเนิร์ดภาษาอังกฤษมาแล้วหรอ

    “นายคงต้องถามเจ้าตัวเอาเองล่ะนะว่าอยากคุยกับนายรึเปล่า” คนที่ใจเย็นที่สุดอย่างพัดว่ากลับ

    เจ้าตัวพยักหน้าให้พัดก่อนจะหันไปคุยกับเพลิง “Can you give me for ten minute?

    เพลิงขมวดคิ้วถามหน้านิ่ง “Why?

    I want to interview you?

    No , I don’t want to interview.” เพลิงตอบ

    But...” ไอหน้าหวานสะพายกล้องจะแย้งแต่จีขัดขึ้นก่อน

    “อ้าววว คนสวยคร้าบบ ไม่ได้ยินหรอครับว่าเพื่อนผมไม่อยากให้สัมภาษณ์น่ะ เอ หรือ คนสวยจะหูตึงกันหว่า”

    นี่หล่ะส่วนหนึ่งที่คนไม่อยากมายุ่งกับกลุ่มผมเท่าไหร่... ก็มีไอปากหมานี่อยู่ไง!

    คนได้ยินดังนั้นก็สะบัดหน้าฉับมาหาจีทันที “ถึงผมจะสวย...แต่ก็สวยไม่เท่าคุณหรอก”

    อื้อหืออ ถ้าไอจีสวยในโลกนี่คงไม่มีคนขี้เหร่แล้ว อย่างไอจีหล่อจนมีแมวมองมาทาบทามอยู่นา แต่เมื่อเทียบกับไอเทรย์ไอเพลิงแล้ว... มันดับ

    “ขอบคุณครับที่ชม” จียิ้มพราวแล้วว่าต่อ “ผมหน้าสวยแต่ผมหูไม่ตึงนะครับ”

    ด้านกว่านี้ไม่อีกแล้วนะบอกเลยยย

    ดูเหมือนว่าไอเคลวินจะไม่ได้สนใจใครหันไปคุยเพลิงที่นั่งดูการเถียงของหนุ่มชมรมหนังสือพิมพ์กับเพื่อนจอมปากหมา

    “เพลิง กูไปซื้อขนมนะเดี๋ยวมามึงจะฝากกูซื้อขนมไรไหม”

    “อืมม งั้นฝากซื้อขนมอะไรก็ได้มาห่อดิ” มันตอบคนถามแล้วควักแบงค์ยี่สิบให้ เคลวินรับไปแล้วก็เดินออกไปทางร้านขายขนมทันที

    พวกชมรมหนังสือพิมพ์ทุกตัวหันมามองหน้าไอเพลิงก่อนจะหันไปคุยกันเองไม่เว้นแม้แต่ไอหน้าหวานที่เถียงกับจีในตอนแรก

    “ไหนตอนแรกมึงบอกว่านายพัสกรพูดภาษาไทยไม่ได้ไง” หน้าหวานหันมาถามไอแว่นที่เดินมาขอสัมภาษณ์เพลิงตอนก่อนลงจากอาคาร

    “อ้าว ก็ตอนแรกมันพล่ามภาษาอังกฤษใส่กูนี่หว่าแถมหน้ายังมาแนวลูกครึ่งอีก ใครจะรู้ว่ามันพูดไทยได้” ไอแว่นบ่น

    “เออๆ” คนหน้าหวานว่าแล้วหันมามองเพลิงแล้วพูดต่อ “ไหนๆนายก็เผยออกมาแล้วว่าพูดไทยได้งั้นเรามาคุยเป็นภาษาไทยดีกว่า”

    “...”

    “โอเค งั้นเอาใหม่นะ เราอยากจะขอสัมภาษณ์นายได้ไหมนายพัสกร” หน้าหวานว่า

    “...” เพลิงแอบถอนหายใจเบาๆ แล้วค่อยตอบ “นายคิดจะมาขอสัมภาษณ์ผมแต่ไม่คิดจะแนะนำตัวก่อน ผมว่ามันเสียมารยาทไปนะคุณหน้าหวาน”

    หือออ ไปด่าเขาว่าเสียมารยาทไม่พอยังไปกวนอารมณ์โดยการชมว่าเขาหน้าหวานอีกนะมึง แต่ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะหน้าซีดกับคำว่าเสียมารยาทซะมากกว่าแหะ

    “โอเค ก็ได้ๆ งั้นเอาใหม่นะ” อีกฝ่ายตอบแล้วพยายามตั้งสติไม่ให้เสียงสั่น

    ไม่รู้สิ เหมือนว่านายพัสกรจะแผ่รังสี ความเป็นคนมีมารยาทออกมาทำให้ไม่กล้าทำอะไรลงไปมากกว่าการขอโทษแล้วยอมรับความผิดและเริ่มต้นใหม่

    “ผมขอโทษที่ทำตัวเสียมารยาทเมื่อกี้ ผมเป็นคนจากชมรมหนังสือพิมพ์ชื่อเพียว มาเพื่ออยากจะสัมภาษณ์นักเรียนใหม่อย่างคุณ ขอผมสัมภาษณ์คุณได้ไหม” เพียวเริ่มต้นแนะนำตัวละขออนุญาตอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

    “แต่ผมไม่อยากสัมภาษณ์” เพลิงตอบนิ่งๆ

    “แต่ตอนนี้มีแต่คนส่งคำขอให้ชมรมหนังสือพิมพ์ว่าอยากจะอ่านสกู๊ปนักเรียนใหม่นะครับ” เพียวอธิบายให้ฟัง

    “ผมขอยืนยันคำเดิมว่าไม่นะครับ”

    “แต่ว่า...” ไอคนทำหน้าที่สัมภาษณ์ยังพยายามเถียง

    “นี่ คุณนักข่าวครับ เพื่อนผมบอกว่าไม่ยังไงล่ะ ไปหาเหยื่อรายใหม่ดีกว่านะ” จีก็เริ่มบ้าง ผมเลยเสริมให้

    “คุณรู้ไหมว่าทำอย่างนี้มันรบกวนเวลากินข้าวของพวกผมน่ะ”

    “แล้วนอกจากนั้นยังลิดรอนสิทธิ์การตัดสินใจของเพื่อนผมด้วย” พัดพูดแบบที่คนฟังหนาวสันหลัง

    “แล้วถ้าพวกนายยังไม่ไปผมจะ... ใช้กำลังอย่างจริงจังแล้วนะ น่ารำคาญ” เทรย์หักนิ้วดังกร๊อบ

    แล้วคนสุดท้ายที่หายหัวไปซื้อขนมมาตั้งนานก็บอกว่า “แล้วการที่คุณขอเขาแต่ไม่ให้เขาเลือกอะไร งั้นคุณจะขออนุญาตเขาเพื่อ”

    พวกนั้นหน้าเสียไปตามๆกัน ก็กลุ่มพวกผมเคยมีเรื่องกับชมรมนี้ไปแล้วตอนที่ขอให้พวกนั้นส่งข่าวไปบอกโรงเรียนข้างๆนี่นะ ตอนนั้นทำเอาพวกหนังสือพิมพ์ไม่มาทำข่าวพวกผมไปหลายอาทิตย์เลยทีเดียว ก็ขอดีๆแล้วไม่ช่วยกันนี่นา พวกผมเลยต้องใช้กำลังในการขอร้องสักหน่อย(?) เห็นพวกผมอย่างนี้แรงช้างงกันทั้งนั้นนะครับ เล่นกันเป็นทีม ใช้ได้ทุกกระบวนท่า

    พวกนั้นตั้งท่าจะเดินกลับไป แบบที่พวกมันคงกลับไปตั้งหลักแล้วมาตื้อใหม่ แต่โดนไอคนที่ปฏิเสธพูดรั้งไว้ก่อน

    “เอางี้ไหม ผมจะให้การสัมภาษณ์กับพวกคุณก็ได้”

    พอได้ยินดังนันพวกนั้นก็หูพึ่งแล้วหันหน้ากลับมามองทันที ส่วนพวกผมก็เลิกคิ้วถามไอเพลิงทันที

    “มึงคิดจะทำอะไร”

    คนอย่างมันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ น่าสงสัยชะมัด

    “พวกมึงฟังก่อนๆ” มันหันมาบอกกับพวกผมที่แทบจะตั้งท่าไปขย้ำมัน แล้วก็หันกลับไปคุยกับฝั่งนู้นอีกที “แต่มีข้อแม้นะ”

    คนชื่อเพียวหันถามเพลิงทันที “ข้อแม้อะไร”

    แทนที่มันจะตอบคำถามแต่กลับพูดต่อทันที “ถ้าพวกคุณไม่ตกลงก่อนผมก็จะไม่พูดต่อ แล้วก็อย่าหวังว่าจะได้สัมภาษณ์ผมอีก”

    เจ้าเล่ห์ฉิบ บีบให้เขารับปากก่อนด้วย

    “ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ” เจ้าคนถามก็ตอบแบบจริงจัง

    ทางนี้ก็ไม่โง่นะ ไม่มีตกปากรับสัญญาทั้งๆที่ยังไม่รู้ข้อแม้ เอาไงต่อล่ะทีนี้

    “โอเค งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันเรื่องนี้อีก เชิญพวกคุณกลับไปที่ๆมาเถอะครับ” เพลิงว่าพลางผายมือเชิญกลับ

    โหดจริงนะมึงงง

    ทางนั้นเลยยอมอ่อนให้นิดนึงแล้วถามว่า “ข้อแม้อะไรล่ะ”

    การที่ฝั่งนั้นพูดอย่างนั้นก็แปลว่าเป็นการยอมรับแล้วครึ่งหนึ่ง เพลิงเลยว่าต่อ “ผมจะให้การสัมภาษณ์แต่จะไม่มีการส่งการสัมภาษณ์ของผมให้โรงเรียนหญิงล้วนแต่อย่างใด...”

    ฝั่งนั้นแทรกขึ้นมาทันที “เรื่องนี้ผมทำให้ไม่ได้ มันเป็นสัญญาของสองชมรมที่จะแรกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน”

    ทันทีที่ฝ่ายนั้นพูดจบเพลิงเลยตอบ “งั้นก็จบ”

    “แต่ว่าเป็นเรื่องอื่นผมสัญญาว่าจะทำตามทุกข้อเลยนะ” เพียวว่าอย่างรีบร้อน

    “แน่ใจ๊” จีว่าเสียงกวนๆ

    “เออ” เสียงหวานหันไปตอบเสียงขุ่น

    “โอเคงั้นก็พอจะคุยกันได้” เพลิงว่ายิ้มบางๆ

    เออ มึงอย่ายิ้มมากตัวข้างหลังบางคนนี่จะเป็นลมละ

    “งั้นว่าข้อเสนอต่อไปของคุณมา”

    “ผมจะตอบคำถามเฉพาะที่ผมอยากตอบ ผมอยากจะใส่อะไรเพิ่มในการสัมภาษณ์พวกคุณไม่มีสิทธิ์ค้าน เมื่อผมสัมภาษณ์แล้วหลังจากนั้นคุณจะต้องจัดการยังไงก็ได้ไม่ให้ผู้หญิงและผู้ชายมายุ่งกับชีวิตของผม ถ้าพวกเขามายุ่งกับชีวิตผมผมจะเอาเรื่องพวกคุณ และสุดท้าย...ผมจะไม่สัมภาษณ์คนเดียวให้พวกเขามาอยู่ในการสัมภาษณ์กับผมด้วย แต่คุณจะสัมภาษณ์พวกเขาหรือไม่ก็ตามใจ” เพลิงว่าจบแล้วก็ลุกขึ้นเดินแล้วเรียกพวกผม “ไปเก็บจานกันพวกมึง อ้อ เจอกันหลังเลิกเรียนนะครับคุณนักข่าว”

    ถือเป็นการปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้ค้านอะไร

    โคตรโหด ไม่ให้ค้าน ไม่เปิดโอกาสให้แย้ง พูดรัวๆแล้วก็ชิ่งออกมาเลย แถมยังให้อีกฝ่ายจัดการปัญหาที่ต้องเกิดขึ้นในอนาคตอีกแน่ๆ เด็ดว่ะ

    “มึงนี่สุดยอดรอบคอบฉิบ” เคลวินชม

    “แล้วทำไมพวกกูต้องไปอยู่กับมึงว่ะ” พัดถาม

    “เออนั่นดิ มึงเป็นเด็กไง” จีก็ถามตามความปากหมาของมัน

    “พวกมึงเคยมีเรื่องกับมันเพราะงั้น ถ้าพวกมึงอยู่มันคงไม่น่าจะถามอะไรมากเกินไปไง” มันตอบ

    “เอาพวกกูเป็นไม้กันหมาว่างั้น” เทรย์ว่าขำๆ

    “ถูกต้องแล้วคร้าบบบ” เพลิงพูดแล้วยกนิ้วโป้งให้ไอเทรย์

    หลังจากกินข้าวเสร็จพวกผมก็มีเรียนต่ออีกสามวิชาก็ถึงเวลาเลิกเรียน เวลานัดสัมภาษณ์ตอนแรกก็อยู่กันครบแก๊งหรอกนะ แต่พัดถูกพ่อแม่เรียกไปงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง (ก็นะ บ้านพวกผมก็อย่างนี้ล่ะ สังคมคนรวย) เทรย์ถูกเลื่อนมาเรียนมวยมาเป็นวันนี้แทนเลยขอตัวกลับก่อน เคลวินพี่ชายมันมารับเพราะมันลืมไปว่าวันนี้พี่มันกลับมาจากต่างประเทศพี่มันจะมารับ มันเลยขอโทษขอโพยเพลิงใหญ่ ส่วนไอหมาจีต้องเข้าไปดูงานที่บริษัทเพราะพ่อมันโทรมาสั่ง พ่อมันไปดูงานที่ต่างประเทศเลยต้องให้มันเข้าไปดู พวกผมเริ่มเรียนรู้งานตั้งแต่ม.4 แล้วล่ะ เพราะต้องช่วยพ่อแม่ดูงานบ่อยๆ แต่ผมไม่มีอะไรเพราะว่าแม่ผมอยู่ดูแลงานที่นี่ในตอนนี้น่ะนะ แล้วปกติผมก็ไม่ค่อยได้เข้าอยู่แล้ว แถมที่สำคัญผมต้องรอกับพร้อมมันไง

    “มาแล้วๆ” หนุ่มแว่นหันไปบอกเพียว

    “อ่า เริ่มกันเลยนะนายพัสกร” เพียวหันมาพูดกับเพลิงที่นั่งลงตรงเก้าอี้ ส่วนผมก็แค่หาที่ในใกล้ๆไม่เข้ากล้อง

    อ้อ ใช่การสัมภาษณ์นี้ไม่ใช่แค่ทำลงหนังสือพิมพ์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังอัดคลิปไว้ลงในเว็บเพจโรงเรียนด้วยนะ

    “คำถามแรกช่วยแนะนำตัวก่อนได้ไหม” เพียวบอกอย่างเป็นงานเป็นการมีสมุดที่คาดว่าน่าจะเขียนคำถามที่ต้องถามไว้แล้ว

    “ผมนายพัสกร โกสนวิโรจน์ ชื่อเล่นชื่อเพลิง อยู่ชั้นม.5 ครับ” เพลิงตอบยิ้มๆ

    แหม่ ยิ้มแล้วหล่อกูก็รู้ แต่มึงกลัวคนดูไม่ละลายกับหน้าตา รอยยิ้ม และเสียงนุ่มๆของมึงหรอฮะ

    “แล้วทำไมถึงย้ายมาเรียนที่โรงเรียนนี้ล่ะ” คนถามก็ยังถามต่อไม่มีหวั่นไหวกับรอยยิ้ม

    มึง ภูมิคุ้มกันหนาสินะ ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

    “ก็คุณพ่อคุณแม่ย้ายที่ทำงานกลับมาที่กรุงเทพเลยต้องย้ายโรงเรียน แล้วโรงเรียนนี้บังเอิญไม่ไกลจากคอนโดที่อยู่ด้วยเลยเข้าโรงเรียนนี้”

    “แล้วตอนที่มาสอบที่นี่มีกังวลไหมกับข่าวที่ออกมาว่าโรงเรียนนี้สอบเข้ายาก”

    ใช่ๆ ข่าวออกมาเลื่อยๆนั่นล่ะว่าเด็กที่สอบที่โรงเรียนนี้ติดไม่ถึงห้าร้อยคน

    “ผมไม่เคยได้ยินข่าวนี้นะ แล้วข้อสอบก็ไม่ได้ยากมากขนาดนั้นด้วยนะ ถ้าเทียบกับที่ผมย้ายมา” เจ้าตัวว่าพลางส่ายหน้าเพื่อยืนยันว่าไม่รู้จริงๆ

    “หืมม แล้วโรงเรียนเก่านี่ย้ายมาจากโรงเรียนอะไรหรอ”

    การที่บอกว่าข้อสอบไม่ยากมากขนาดนั้นทั้งๆที่หลายๆคนสอบแล้วถึงกับร้องไห้ออกมาเลยด้วยซ้ำ ก็แปลว่าโรงเรียนเก่าต้องเป็นโรงเรียนที่เก่งมากๆเลยล่ะนะ

    “อืม ผมบอกไปพวกคุณก็ไม่รู้จักหรอกครับ” เจ้าตัวยิ้มทะเล้นออกมา

    “เอ๋ ทำไมคิดว่าพวกผมจะไม่รู้จักล่ะ” สีหน้าคนถามบ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่เสียงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมสักเท่าไหร่

    ก็คงเพราะชมรมหนังสือพิมพ์รอบรู้เรื่องต่างๆจะตาย ถ้าพูดอย่างนั้นก็ไม่ต่างจากการดูถูกชมรมหนังสือพิมพ์หรอก

    “ผมไม่ได้ดูถูกข่าวของชมรมหนังสือพิมพ์นะครับ” เพลิงส่งยิ้มอ่อนๆเชิงขอโทษให้ก่อน แล้วค่อยเฉลย “แต่พวกคุณไม่รู้จักหรอกเพราะผมไมได้เรียนในประเทศไทยก่อนมาเรียนที่นี่นี่นา”

    “หือ คุณเรียนต่างประเทศมาก่อนหรอครับ” เพียวเลิกคิ้วถามน้อยๆ เพราะไม่เคยได้ข่าวเรื่องนี้มาก่อนเลยแท้ๆ

    “ครับ พ่อกับแม่ผมย้ายไปทำงานอยู่ที่สก๊อตแลนด์ตั้งแต่ผมยังเด็กๆเลยครับ ผมก็เลยเรียนที่สก๊อตแลนด์มาตลอดจนเมื่อปีที่แล้วที่พ่อผมกลับมาประเทศไทย” เจ้าตัวตอบเผื่อคำถามต่อไปเลย

    หืมมม มิน่าล่ะ อังกฤษคล่องปรื๋อ แถมบอกว่าสอบยังไม่ยากในสายตาเจ้าตัวอีก

    “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แล้วคุณไม่อยากอยู่สก๊อตแลนด์ต่อหรอครับ”

    “ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ ผมอยากกลับมาอยู่ประเทศไทย มีใครบางคนที่ผมจะต้องกลับมาหาและทำตามสัญญากับเขาครับ...”

    “สัญญาอะไรหรอครับ” เพียวรีบถาม ก็ถ้าได้รู้เรื่องนี้ข่าวคงจะน่าสนใจขึ้นแน่ๆ

    “ขอโทษครับ เรื่องนี้เป็นความลับนะ ผมคงตอบไม่ได้หรอก” เพลิงขยิบตาให้

    “อ๋อ งั้นก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ มาคำถามต่อไปกันดีกว่า” คนถามก็อดเสียดายนิดๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นี่นะ มันอยู่ในข้อตกลงในการสัมภาษณ์

    “แล้วงานอดิเรกของคุณล่ะครับ”

    “ก็... อืม” เพลิงทำหน้านึกก่อนจะตอบว่า “อ้อ อ่านหนังสือกับซื้อหนังสือครับ”

    “เอ ซื้อหนังสือนี่มันอะไรกันครับ”

    “ก็เวลาว่างๆผมไม่อ่านหนังสือก็จะไปเดินซื้อหนังสือเข้าบ้านครับ”

    หลังจากนั้นก็ยังคงมีคำถามออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุดจนผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้คนสัมภาษณ์ถึงเอ่ยประโยคที่คนนั่งรออย่างเขารอคอยมาได้

    “มาถึงคำถามสุดท้ายแล้วนะครับ” เพียวก้มลงไปมองคำถามสุดท้ายที่น่าจะเรียกกระแสจากสาวๆได้ แล้วถามต่อ ”แล้วเพลิงมีแฟนรึยังครับ” 

    คนถูกถามคำถามที่คาดไว้แล้วก็ตอบ “ยังไม่มีหรอกครับ 555 เห็นผมอย่างนี้ไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยนะ”

    “อ้าว อย่างคุณหล่อๆไม่มีคนเข้าจีบหรอครับ”

    “พูดอย่างนี้ผมเจ็บนะครับเนี่ยยย” ถึงจะโอดครวญอย่างนั้นแต่ก็หัวเราะออกมา แล้วก็ตอบ “คนเข้ามาจีบน่ะมีครับ แต่ผมหล่อเลือกได้อ่ะเลยไม่ได้ตอบรับ 555 อย่าๆเพิ่งอยากลุมตื๊บผมนะ ผมล้อเล่นครับ”

    “แล้วสรุปทำไมถึงไม่มีแฟนล่ะครับ” คนถามเริ่มลุ้นเองบ้าง ก็ถ้าไม่หล่อเลือกได้ แล้วทำไมถึงไม่มีแฟนสักทีกันล่ะ

    “ผมไม่ขอตอบล่ะกันครับ” เพลิงเอานิ้วชี้แนบมาก แล้วพูดแบบไม่มีเสียงว่า ความลับครับ

    “หว่า น่าเสียดายจังเลยนะครับ” เพียวทำหน้าสลดนิดหน่อยแล้วพูดต่อ “งั้นช่วยใบ้นิดหน่อยได้ไหมครับ”

    “โอเคๆก็ได้ครับ... ผมรอใครบางคนอยู่น่ะ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรอผมอยู่ไหมนะ”

    พอได้คำตอบแบบนั้น คนหน้าหวานก็ยิ้มกว้างแล้วบอกว่า “อย่างนั้นหรอครับ ผมเชื่อว่าเขาต้องรอคุณอยู่แน่ๆนะครับ”

    “ขอบคุณครับ” เพลิงยิ้มให้กล้องแล้วรอให้เพียวกล่าวจบ

    “ขอบคุณสำหรับการให้สัมภาษณ์ในวันนี้นะครับ” เพียวว่ากับเพลิงแล้วก็หันหน้าหากล้อง “วันนี้ผมกับเพลิงก็ขอตัวลาก่อนนะครับ สวัสดีครับ”

    เพลิงก็หันไปสวัสดีแล้วโบกมือให้กล้อง แล้วก็หันมาพูดกับเพียวว่า

    “เราขอตัวกับก่อนนะ”

    ยังไม่ทันที่เพียวจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรเพลิงมันก็หันไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินมาลากผมกลับคอนโดทันที ระหว่างทีเดินผมเลยถามมันว่า

    “มึงสัญญาอะไรกับใครอ่ะ”

    “อืมม ใครบางคนว่ะ” มันตอบให้แล้วยักคิ้ว

    “กวนตีนนะมึง” ผมด่าขำๆ

    “เดี๋ยวมึงก็รู้น่า ถ้ามันยังไม่ลืมกูนะ” มันพูดประโยคกำกวมแล้วหันมามองผม แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อแค่ตอบ “เออ” ไปเท่านั้น

    ไม่รู้ว่ามึงจะยังรอกูอยู่รึเปล่า แต่กูรอมึงอยู่นะเจ้าของแหวนวงนี้น่ะ


    :::::::::::::::::::::::::::

    Talkkkkk

    คราวนี้มาเร็วน้าา มาตามคำเรียกร้องเลยย(?) มาลงให้ก่อนเป็นการขอโทษที่ครั้งที่แล้วลงช้ามว๊ากก ครั้งหน้าไม่รู้ว่าจะมาเร็วหรือมาช้ายังไงอ่ะน้าา ถ้ามาช้าก็ขอโทษทุกคนรออ่านด้วยน้าา ไปก่อนล่ะนะ บ๊ายบาย

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น