tachyon
ดู Blog ทั้งหมด

แอ่วเจียงฮาย - เหนือสุดยอดแห่งสยาม

เขียนโดย tachyon

  แอ่วเจียงฮาย

เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน
ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง


เมื่อคริสต์มาสที่ผ่านมาเราได้ไปเที่ยวที่
เชียงราย เลยอยากมาโม้เรื่องไร้สาระให้ฟัง

ที่นี่ตอนไปถึงอากาศไม่หนาวมากอย่างที่คิด แต่ตอนกลางคืนก็หนาวเอาการอยู่เหมือนกัน จุดมุ่งหมายหลักที่มาเที่ยวที่เชียงรายก็เพื่อขึ้นภูชี้ฟ้า แต่แห่งแรกที่ไปก่อนคือ

  

ผาตั้ง - มาถึงแต่ไปไม่ถึง
เค้าว่าที่นี่ทะเลหมอกสวยไม่แพ้ภูชี้ฟ้า แต่เราไม่เห็นหมอกหรอกนะเพราะดันผ่าไปตอนกลางวันตอนแดดเปรี้ยงๆ คือว่าทันทีที่ถึงรีสอร์ทก็เหมาทั้งคนพร้อมรถปิกอัพพาตะบึงทัวร์ทันที คนขับเป็นหนุ่มชาวไทยภูเขา หน้าตาใช้ได้...กิ๊วๆ พูดไทยได้คล่องแต่ติดเหน่อสำเนียงท้องถิ่น ฝีมือการขับรถของพี่แกกระตุ้นต่อม adrenaline ดีนักแล แบ่บว่ารถไฟเหาะที่ dream world ซิดซ้าย ตะแกยังโม้อีกว่า กระผ้มมมมเพลาๆลงแยะแล้วนะ ถ้าขับคนเดียวล่ะก็...ซิ่งแหลก...เออน่ะ จ้างขาโจ๋มาเป็นสารถีก็ต้องทำจายยยย แต่ก็แปลกนะ แม้ว่าจะซิ่งก็จริงแต่เรากลับรู้สึกมั่นใจว่าเค้าจะไม่พาเราตกดอยแน่ๆ พอถึงผาตั้งก็ถึงเวลาเดิน แต่ที่นี่ก็มีม้าแคระบริการด้วยนะ พาขึ้นดอย 60 บาท แต่ไม่แน่ใจว่าจะพาไปถึงแค่ไหน เราไม่ได้ขี่ม้าเพราะกลัวม้าถีบ เหอๆ และก็มีถ่ายรูปคู่กับม้าด้วยนะ 20 บาท ถ่ายได้ไม่จำกัด แต่ถ้านานไปอาจมีตื้บ

 


ระหว่างทางก็แวะกราบพระพุทธรูปสักหน่อย

 


จากจุดตรงนี้ก็เห็นระฆังหนึ่งใบตั้งเป็นตระหง่านเห็นไกลๆที่ยอดเนินข้างหน้า 

  


สารถีที่กลายมาเป็นไกด์จำเป็นบอกว่าจุดนั้นสูงที่สุดเห็นวิวสวยมั่กมาก เอ่อเฮอะ แค่ 400 กว่าเมตรเอ๊ง สู้ต๊ายยยย ระหว่างทางก็ผ่านป่าหินยูนนาน ก็งั้นๆแหละ และก็ยังมีดงดอกไม้ที่เฉาแห้งตายคาต้นให้ชมเป็นระยะๆ

แต่พอเดินมาถึงช่องเขาขาด (โผล่เข้าไปในช่องหินก็กลายเป็นผาทันที)

 

ไกด์จำเป็นก็เปิดตูดแน่บเพราะขี้(จะ)แตกกะทันหัน โอ้โฮ! แกวิ่งลงดอยได้เร็วปรู๊ด...ปู้ดป้าดด ส่วนเราก็เดินหอบแฮ่กๆต่อไปจนถึงที่ (เรียกว่าเนิน 102 มั้ง) ก็เลยขอตีระฆังให้สะใจหน่อยดิ๊ วิวที่เห็นก็สวยได้ใจ และจากจุดตรงนี้ก็ยังเห็นเป็นทางเดินต่อไปอีก ถึงที่ไหนก็ไม่รู้ ตอนแรกนึกว่าทางเดินของชาวบ้านไปหาของป่าอะไรทำนองนั้น แต่พอลงมาถึงตีนดอยแล้ว ก็เพิ่งรู้ว่าทางนั้นไปยังผาตั้งตัวเป็นๆเลยแหละ เราก็เพิ่งเหลือบเห็นหน้าผาที่ว่าก็ตอนนี้แหละ ถ้าเดินจากจุดระฆังถึงผาตั้งก็อีก 500 เมตรเอ๊งงงง (เรียกอีกอย่างว่าเนิน 103 มั้ง)ไอ่ไกด์กำมะลอก็เพิ่งตรัสรู้เหมือนกัน มันบอกว่ากระผ้มมมก็ม่ายรู้มาก่อนและม่ายเคยไปถึงที่นั่นเล้ย...เออ! 'โหสิว่ะ ดังนั้นเราก็มาผาตั้งแต่ไม่ถึงผาตั้งด้วยประการฉะนี้แล อ้อ! ตอนขาลงนี่เราแวะประตูสยามที่มีทางแยกไปอีกทาง ไม่ไกลหรอก อยู่ก่อนถึงพระพุทธรูปด้วยซ้ำ

 

เรามาถึงจุดนี้ก็มีผู้รู้โผล่มาจากไหนก็ม่ายรู้ ร่ายประวัติศาสตร์เกี่ยวกับที่นี่ให้ฟัง คงเป็นเจ้าหน้าที่ที่นี่และรู้จริงซะด้วย แกโม้ว่าถ้าใครเดินมาถึงหินรูปประตูก็คือเดินมาเหยียบประเทศลาวแล้วนะ (โอ้ไปต่างประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า อิๆ) แต่พี่ไทยขออิ๊บเพราะเป็นจุดชัยภูมิที่คนลาวสามารถเข้ามาได้ง่ายๆ (แต่ก่อนที่นี่ก็เป็นของไทยแหละ แต่โดนฝรั่งเศสยึดไป) แกว่าแต่ก่อนคนลาวลักลอบเข้ามาบ่อยๆ ถึงกับเคยปิดประตูหินซะเลย แต่จากตรงนี้คนไทยก็สามารถเดินเลียบผาไปยังเขตด้านในประเทศลาวได้เช่นกัน แต่ถ้าถูกจับได้ก็จะถูกส่งตัวกลับพร้อมค่าปรับ 40,000 กว่าบาทเอ๊งงงงง

ปิดฉากเรื่องปีนผาตั้งแล้วมาว่าเรื่องอาหารกัน เค้าว่าขาหมูหมั่นโถที่นี่อร่อยเหาะ เราลองสั่งข้าวขาหมูไร้หมั่นโถวที่ร้านอาหารตามสั่ง ร้านท้ายๆอ่ะ ไม่หร่อยเลย (ไม่เกี่ยวกะไม่มีหมั่นโถวนะ แต่เป็นเพราะข้าวขาหมูมันแห้งคาจาน รสชาติก็จืดๆ แต่น้ำจิ้มเผ็ดเอาเรื่อง)แต่ร้านชาชัก (ขายโรตีด้วย) อร่อยดี อยู่ร้านแรกๆแหละ เห็นบอกว่าจะมาขายเฉพาะช่วงหน้าเทศกาล เจ้าของร้านเคยเป็น(และอาจยังเป็น?)ลูกจ้างร้านที่ขายอยู่ที่ The Mall ท่าพระ

ตอนขากลับจะว่าไปดูดอกทิวลิปที่แปลงเกษตรสักหน่อย(ผาหม่น) แต่คุณสารถีบอกว่าต้องถ่อไปดูในตัวเมืองเองนะ เพราะถูกเก็บไปประดับในงานดอกไม้หมดแล้ว งั้นเหรอ? งั้นก็ดูซากุระก็ได้ฟระ  ไกด์เราทำหน้างงแล้วถามว่ามันออกดอกแล้วเหรอ มันยังไม่ถึงเวลาเลย แต่ตะแกก็ยังใจดี (???) แหงนหน้าชี้ให้ดูซากุระที่เริ่มออกดอกเป็นหย่อมเล็กๆที่ปลายยอดไม้ ขณะกำลังขับรถลงเหว เอ๊ย ลงดอย...เฮ่ยๆ ตรูเชื่อแล้วว่าไอ่'ระมีจริงจริ๊ง มองทางเฟ้ย มองทางได้แล้ว...ต่อมาคิดแผนใหม่จะไปดูไร่สตรอเบอรี่ ไกด์เราก็ใจดีพาไป แต่แป่วววว มีแต่วิญญาณสตรอเบอรี่อ่ะ มันถูกเก็บไปแล้วเช่นกัน (กูจะซวยอะไรปานนั้นฟระ...จำไว้อย่ามาช่วงคริสต์มาส)แต่เจ้าของไร่เค้าก็เปิดร้านขาหมูหมั่นโถวด้วย น่าเสียดายที่เราเพิ่งกินไปไม่นานยังอิ่มอยู่ เลยไม่ได้ลอง แต่เจ้าของเค้าก็ใจดีชงชาร้อนๆมาให้ดื่มฟรีเหมือนต้อนรับแขกที่มาเยือนบ้าน และไม่มีการคะยั้นคะยอขายของเหมือนเซลล์หน้าด้านเมืองกรุง เค้าอัธยาศัยดีมาก ท่าทางอาหารจะดีเหมือนคนทำ ก่อนกลับเลยขอนามบัตรไว้ ในนั้นเขียนไว้ว่า "ร้านผาสุข ขาหมู หมั่นโถ อาหารตามสั่ง สะอาด อร่อย ผักปลอดสารพิษ จากกุ๊กที่มีประสบการณ์ยาวนาน ราคาย่อมเยาว์"  ร้านนี้จะเปิดตลอดปีตลอดชาติ ตั้งอยู่ริมทางก่อนถึงผาตั้ง ใครมีโอกาสแวะชิมก็ลองเล่าให้ฟังบ้างนะว่าอร่อยจริงมั๊ย

ภูชี้ฟ้า

 


พอเสร็จจากผาตั้งก็บีบคอสารถีให้ไปภูชี้ฟ้าต่อ...ไปตอนบ่ายแดดเปรี้ยงๆนี่นะ?!?...เหอะน่า ถือว่าไปสำรวจพื้นที่ พรุ่งนี้ก็จะได้ไม่เดินตก
ดอยตาย เหอๆ และยังได้ถ่ายรูปเต็มที่อีกด้วย แทบไม่มีใครมาแย่งซีนเลย มาคราวนี้เรามีได้เด็กน้อย 2 ตัว เอ๊ย 2 คนมาด้วย ค่าจ้างก็ 50 บาท/ 2 คน อยากรู้อะไรถามได้ ถ้าไม่รู้เดี๋ยวก็มั่วตอบให้เองแหละ หรือไม่ก็แสร้งเป็นใบ้เอาดื้อๆ ถ้าเด็กเป็นพวกชอบต่อปากต่อคำ ก็ทำให้การเดินทางขึ้นภูมีชีวิตชีวาไปอีกแบบนะ มันส์ดี (เกือบเอาตีนยันพวกมันลงดอยหลายทีละ) ระหว่างทางก็มีดอกหญ้าขึ้นสลอน บ้านใครขาดแคลนไม้กวาดก็มาสอยจากที่นี่ได้...ฟรี อ้อ! ส่วนไกด์ตัวดีของเราน่ะเหรอ ไม่รู้ยังปวดขี้อยู่อ๊ะเป่า หรืออาจงอนที่เรามีเด็กๆหน้าตาบ้องแบ๊วเป็นไกด์ แกก็เลยบอกขอบายแล้วก็เฝ้ารถปิกอัพคันโปรดอยู่ตรงทางขึ้นภูนั่นล่ะ ตอนขึ้นภูไกด์เด็กน้อยแนะนำให้ไปทางอ้อม เราก็เออออตาม พอถึงบนภูแล้วก็ทั้งเหนื่อยและร้อน แต่วิวก็สวยได้ใจไม่แพ้ผาตั้ง นี่ยังไม่เห็นทะเลหมอกนะเนี่ย ไกด์ตัวน้อยๆก็ชี้ไม้ชี้มือบอกจุดต่างๆใหญ่ นั่น ป้ายสุสานคนเจอภูชี้ฟ้าคนแรก (เป็นชาวไทยภูเขา) ไอ้เราก็ไหนฟระ...โน่นนนนนไง บนภูเขาลูกโน้นนนนนน เอ่อ...ต้องยอมรับเด็กมันตาดีกว่าเรา รู้งี้น่าจะพกกล้องส่องทางไกลมาด้วย...และนั่นภูชี้ดาว...เอ่อแฮะ ชี้ตรงเด่เลย...นั่นประเทศลาว...โน่นแม่น้ำโขง...นี่ดิน นั่นหญ้า บราๆๆๆ หลังจากร้อนได้ที่และเล็งจุดชัยภูมิที่จะมาถ่ายรูปพรุ่งนี้เช้าแล้ว เราก็ลงภูโดยทางตรงตามคำแนะนำเจ้าเก่า (ขอแนะนำ ตอนขึ้นภูนี่ขึ้นทางอ้อมจะดีกว่า ทางชันน้อยกว่า เหนื่อยน้อยกว่า แต่ตอนลงก็ลงทางตรงโลด กลิ้งลงเลยก็ได้เพราะทางมันชันโคตร) อ้อ! ไม่ว่าจะเป็นผาหรือภู ก็จะมีเด็กชาวเขาแต่งตัวประจำเผ่าสวยงาม ทาหน้า ทาปาก รอให้เรามาถ่ายรูปด้วย พวกแกจะท่องเป็นอาขยาน เหมือนกันหมด พวกแกจะท่องประมาณว่า
...พี่คะ ถ่ายรูปกะเด็กชาวม้งไหมคะ ให้เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่น้ำใจจะให้...
คำพูดน่ะฟังดูน่ารักแต่น้ำเสียงอ่ะดิ ทำให้เรานึกถึงหุ่นยนต์ไขลาน

เขาว่าดูพระอาทิตย์ตกตรงลาน ฮ. จะสวยมั๊กมั่ก แต่เราก็พลาดชม และก็กลับไปนอนรีสอร์ทเอาแรง แต่แทบไม่ได้นอนเพราะเสียงโหวกเหวกจากงานปาร์ตี้ กว่าจะเลิกก็ 4-5 ทุ่ม แล้วพอเที่ยง
ปลายๆ ไก่ก็ขันปลุก ย้ำไก่ที่นี่มันขันตอนเที่ยงคืน มันจะปลุกกรูทำมั๊ยยยย แล้วก็ยังมีแมงกะไซด์ซิ่งขึ้น-ลงดอยหลายตลบกว่าจะหยุดซ่า สงสัยตกดอยไปแล้วมั้ง พอเกือบๆตี 4 ก็ตื่นด้วยเสียงคุยของคนขับรถ ช่วงนี้เริ่มมีรถปิกอัพรับจ้างมาเข้าคิวรอผู้โดยสารแล้ว พอรถเต็ม (จุได้ประมาณ 10 คน) ก็ออกรถ ขึ้นดอยกันมืดๆนี่แหละ อ้าว!มืดแบบนี้แล้วจะเห็นอะไรกันล่ะ? เอ่อ! ไอ่พวกที่รีบไปน่ะคงจะรีบไปจองพื้นที่แถว first class รึไม่ก็เป็นพวกที่นอนไม่หลับไม่มีไรทำ

พอจะปีนขึ้นภู ถ้าไม่มีไฟฉายมาด้วย ก็ต้องหาทางเกาะไฟคนอื่นขึ้นไปนะ รึไม่ก็ต้องยอมควักตังค์จ่าย 50 บาทสำหรับเด็กน้อย 2 คนให้พาขึ้นไป อย่าซ่าคลำทางมืดๆไปเอง เด็กๆที่นี่ขยัน แหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตี 3 มาพร้อมไฟฉาย เตรียมรอลูกค้าอยู่ตีนภูแล้ว และถ้าจะซื้อบริการเด็ก เค้าจะมีแบบซื้อ 1 แถม 1 (อะแฮ่ม! รู้นะแอบคิดอะไรอยู่)ไม่แน่ใจถ้าจะขอควงเดี่ยวเค้าจะให้มั๊ย...มาคราวนี้ไม่ได้พกไฟฉายมาเลยได้เด็กหญิงตัวน้อยๆอายุไม่น่าเกิน 9 ขวบมาเป็นแสงสว่างนำทาง (โอ้ ใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมายมั๊ยเนี่ย!) เด็กคู่นี้ไม่ค่อยพูด ได้แต่ก้มมองทางเดินงุดๆ คนนึงส่องหน้า อีกคนส่องหลัง เด็กมันแร๊งงง แต่เรามันโร๊ยยยย ต้องขอพักเป็นระยะๆ คราวนี้ไกด์เราพาขึ้นทางตรง ไม่มีอ้อม สงสัยต้องการทำเวลา กว่าจะถึงยอดภู เกือบอ๊อก ดีที่ยังไม่ได้กินอะไรมา  ตรูเหนื่อยแทบขาดใจตาย รู้เลยว่า NDEs - Near Death Experiences มันเป็นจั๋งได เมื่อวานซ่าขึ้นทั้งผาทั้งภูแต่ยังไม่เหนื่อยเท่านี้เลย อ้อ! ใครเดินไม่เก่งน่าจะหาไม้เท้าจำเป็น เช่น กิ่งไม้ บ้องไผ่ มาช่วยเดินก็น่าจะช่วยได้เยอะ

เราขึ้นภูตอนตี 5 ครึ่ง แต่พอถึงภู คนเป็นล้าน เอ่อ! เวอร์ไปนิด คนเป็นร้อยๆอ่ะ นี่แค่ช่วงคริสมาสต์นะ ยังไม่ปีใหม่ ที่ที่เราเล็งไว้ก็ไม่มีเหลือ ป้ายก็ไม่เห็นละ จะถ่ายรูปก็เห็นแต่หัวคน และเพราะกล้องมันไม่ไฮ ถ่ายอะไรก็ดูมืดไปหมด อากาศบนนี้ก็หนาวได้ใจ มือแทบเป็นน้ำแข็งแต่ก็จำต้องถอดถุงมือไม่งั้นกดปุ่มถ่ายรูปลำบาก จากนั้นก็รอไป ดันทุรังถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ เด็กๆนางแบบ นายแบบ ทั้งหลายก็พากันเดินสวนสนามท่องอาขยานกันตามหน้าที่
...พี่คะ ถ่ายรูปกะเด็กชาวม้งไหมคะ ให้เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่น้ำใจจะให้...

เมื่อเริ่มสว่าง ทะเลหมอกที่รอคอยก็ค่อยๆปรากฎต่อสายตา ชัดขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอยู่บนสวรรค์เลยแหล่ะ แต่หมอกคราวนี้ลึกไปหน่อยแฮะ นี่ก็ครั้งแรกที่ขึ้นมาก็เลยไม่แน่ใจว่าทะเลหมอกที่สวยๆน่ะมันต้องเป็นแบบไหน แต่จากที่เคยเห็นผ่านสื่อต่างๆ เราว่าคราวนี้ระดับหมอกปานกลางอ่ะ เมื่อเราลองมองไปด้านหลังก็เห็นเป็นวิวเหมือนที่เห็นตอนกลางวัน แปลกแฮะ ทั้งๆที่ก็สภาพภูมิประเทศคล้ายๆกัน แต่ด้านนี้ไม่ยักกะมีทะเลหมอก

หลังจากมีแสงอาทิตย์รำไรๆแต่ไกลพร้อมๆกับเสียงลุ้นของผู้ชมเป็นระยะ พอ 7 โมงกว่าๆๆๆ
พระอาทิตย์ก็ได้ฤกษ์โผล่มาทักทายซะที ผู้ชมก็เฮกันตามระเบียบ แต่พระอาทิตย์ขึ้นเร็วมั่กมาก ยังไม่ทันเคลิ้มกับความงามให้ฉ่ำปอดสมกับที่รอคอยมานาน มันก็แผดแสงร้อนแรงเต็มดวงซะละ พร้อมๆกับผู้คนก็สามัคคีเท้าลงภูกันบัดดล เราสงสารท่านอาทิตย์ที่ถูกทิ้งเดียวดายก็เลยอยู่เป็นเพื่อนถ่ายรูปแช้ะๆ สักพักถึงค่อยลงภู ตรงจุดที่มีรถปิกอัพรอรับ ก็จะมีของที่ระลึกขายด้วยนะ ก็งั้นๆแหละ ราคาแบบนักท่องเที่ยว อ้อ! สำหรับห้องน้ำก็มีตรงแถวๆนี้ที่เดียวแหละ เข้าฟรี แต่พิการเกือบทุกห้อง (บนภูมีแต่ห้องน้ำธรรมชาติ...ปล่อยได้ทุกที่ถ้าไม่อายสายตาชาวบ้าน) ส่วนอาหารเรอะ? ไม่มีขายหรอกยกเว้นแถวที่พัก

ตอนขากลับก็เหมือนตอนขามาคือนั่งรถตู้จากท่ารถเมล์เก่าในตัวเมืองเชียงราย (รถออก 7 ครึ่งหรือไม่ก็ 8 โมงนี่แหละ) จ่าย 150 บาทต่อหัว พอขึ้นมาแล้ว ก็อ้าว! แล้วตรูจะกลับยังงั๊ย ก็เลยต้องออดอ้อนบีบคอลุงคนขับให้ขึ้นมารับกลับด้วย ความจริงเค้าก็มีรถเมล์เล็กขึ้นจากจุดเดียวกันมารับ-ส่งที่ภูด้วย แต่เราเพิ่งตรัสรู้ก็ตอนเห็นมันตัวเป็นๆแหละ แต่รู้สึกว่าจะมีวันละเที่ยว และก็นะต้องทำใจมันเป็นรถหวานเย็น ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง วกกลับมาที่รถตู้บ้างตอนขากลับนี่ลุงแกทำหวาดเสียวกว่าตอนมาเพราะแกเล่นตบหน้าตัวเองไป 3 ฉาด ตบทีผู้โดยสารสะเทือนทั้งคันรถ เรารีบอัญเชิญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นการใหญ่ ฮือๆช่วยลูกช้างด้วย จะรอดมั๊ยวะตรู

คำแนะนำ
หากเป็นไปได้ก็ไม่ควรขับรถขึ้นผาขึ้นภูเอง ทางมันหวาดเสียว ถ้าไม่เชี่ยวจริง รถสูท่านอาจแปลงร่างเป็นนกปีกหักร่วงจูบธรณีได้ง่ายๆ เราสังเกตว่าคนที่เอารถยนต์มาก็มักจะขับมาถึงแค่รีสอร์ทหรือ
เต๊นท์ที่ตัวเองพักแรม จากนั้นก็นั่งรถโดยสารขับโดยคนท้องถิ่นอีกต่อหนึ่ง



งานเชียงรายดอกไม้งาม
พอถึงตัวเมืองเชียงรายก็รีบนั่งเรือหางยาวติดถังระเบิด เอ๊ย ถังแก๊ส ล่องแม่น้้ำกกบึ่งไปงานดอกไม้ทันที เจ็บใจไปถึงถิ่นแต่ไม่เห็นทิวลิป มันต้องดูให้หายแค้น อืม! ถึงงานแล้วเข้าชมฟรี เริ่มรู้สึก

 

ดีขึ้นมาบ้าง พอก้าวเข้ามาปุ๊บ ก็เจอดอกทิวลิปปั๊บ ไม่น่าล่ะ คงเก็บมาหมดจริงๆที่นี่เห็นเป็นสวนเลย ดูอลังการ สวยสดงดงามทั้งนั้น เราสังเกตว่าตามจุดใหญ่ๆจะมีสาวงามในสุดพื้นเมืองยืนให้แตะอั๋ง เอ๊ย ให้คำแนะนำพร้อมเป็นแบบถ่ายรูปให้ด้วย จากนั้นก็มีสวนดอกอื่นๆเรียงรายตลอดสาย สวยๆก็หลายแต่จำบ่ได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง แต่เราก็เห็นนะว่ามีดอกอีกหลายๆชนิดมันทำท่าจะเฉาตาย เห็นว่าเพิ่งเอามาลง มันคงกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวมั้ง หรืออาจเป็นเพราะอากาศมันร้อนตับแล่บมันก็เลยอยากลาตาย ส่วนผู้คนก็ยั๊วเยี๊ยะไปหมด จะถ่ายรูปตรงไหนก็มีแต่คนบัง

ตอนที่เรา
ไปก็ยังไม่มีการแสดงอะไรเลย คงจะมีตอนช่วงกลางคืนแหละ เราก็แวะไปซุ้มอาหาร ก็ดูน่ากินเยอะนะ แต่แหม! เสียงลำโพงจากเวทีแถวนั้นก็ดังดีเหลือเกิ๊น แล้วเราก็ชะแว้ปไปดูรถขบวนบุปชาติที่แห่เสร็จและประกวดเสร็จแล้วมาจอดเรียงกันให้ชื่นชม เอ่อ! แต่จอดแบบไม่มีการเรียงลำดับรางวัลที่ได้เลย แล้วบางคันดอกไม้เริ่มเหี่ยวและเครื่องประดับตกแต่งก็อยู่ในสภาพเสียหาย นี่ยังไม่ทันถึงวันปีใหม่เลยนะเนี่ย จากนั้นก็แว่บแวะไปหมู่บ้านชาวเขาที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขาแต่ละเผ่าโดยมีบ้านประจำเผ่า 1 หลังแตกต่างกันออกไป เรานี่เซ็งเป็ดกับการออกแบบรั้วกั้นแต่ละเผ่าเพราะมันกั้นแบบเบ็ดเสร็จ ไม่สามารถทะลุถึงกันและกันได้ ถ้าจะเข้าออกเผ่าไหนก็ต้องเดินย้อนออกทางเดิมแล้วก็อ้อมสวนเส็งเคร็งแล้วก็เข้าประตูรั้วของอีกเผ่า ถ้าอยากลัดก็ต้องลัดสนามหญ้าและมุดรั้วกันเอาเอง เราทนอ้อมสองสามหลังก็เลิก แล้วดูจากไกลๆ ไม่เข้าแมร่งบ้านไหนแล้ว

อ้อ!ที่นี่ก็มีสวนกล้วยไม้ อุโมงค์ดอกไม้ด้วยแต่ก็งั้นๆแหละ แล้วก็มีแสดงผลงานผู้เข้าประกวด
ทำบายศรี ทำสวนจำลอง อืม! ก็สวยดี แต่ที่ชอบมั่กมั้กรองจากสวนทิวลิปแล้วก็เป็นน้ำตกจำลอง ทำได้สวยถูกจายยยย
 

ปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้งที่แหล่งช้อปข้างๆงาน แต่แทบไม่ได้ช้อป อาจเพราะ
เป็นขาประจำเมืองทองกับศูนย์ประชุมสิริกิต เราก็เลยรู้สึกเฉยๆกับที่นี่ จากนั้นหรือ? ก็นั่งเรือหางยาวติดถังแก๊สกลับที่พัก (เป็นไฟต์บังคับอ่ะ ไป-กลับเหมาจ่าย 60 บาท/หัว)


วัดพระแก้ว - อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช - วัดร่องขุ่น

 

มาเชียงรายแล้วก็ไม่ลืมที่จะไปไหว้วัดพระแก้วซึ่งเป็นวัดที่ค้นพบพระแก้วมรกตเป็นครั้งแรก (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ) ตามประวัติกล่าวว่ามีฟ้าผ่าเจดีย์แล้วก็ปรากฎพระพุทธรูปลงรักปิดทองซ่อนอยู่ด้านใน พออัญเชิญออกมา ปูนที่พอกอยู่ก็กะเทาะหลุดเผยให้เห็นถึงเนื้อพระพุทธรูปเป็นหยกสีเขียวมรกต พระแก้วหยกองค์ที่ประดิษฐานอยู่ในปัจจุบันเป็นองค์ที่จำลองมาจากพระแก้วมรกตก




และถ้ามาเชียงรายแล้วไม่ไปไหว้พ่อขุนเม็งรายถือว่ามาไม่ถึงเชียงรายเด้อ ท่านเป็นผู้ก่อตั้งเมืองเชียงรายเลยแหละ ว่ากันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์นักแล อนุสาวรีย์ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงรายบริเวณที่เรียกกันว่าห้าแยก(พ่อขุนฯ) เมื่อก่อนพื้นที่รอบๆอนุเสาวรีย์ก็ไม่ค่อยมีอะไร แต่ตอนนี้ตกแต่งซะสวยงาม ถ้าไม่ติดที่แดดร้อนเปรี้ยงๆ ที่นี่ก็น่านั่งเล่นนะะ



ปิดท้ายด้วยสุดยอดของสุดยอดความอลังการงานสร้าง ต้องยกให้วัดร่องขุ่น หรือรู้จักกันในนามวัดขาว (The White Temple) สร้างและออกแบบโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

เราเพิ่งได้มีโอกาสไปครั้งแรก โอ้ มันอึ้งทำได้ไงเนี่ย อ้าปากค้างพูดไม่ออกกับกระจกระยิบระยับต้องแสงแดดละลานตาเห็นเด่นแต่ไกล แล้วมันก็ทึ่งตื่นตะลึงกับความสวยงามแบบไม่มีใครเหมือนกับความขาวจั๊ว และมันก็เสียววว...คือเอ่อ ไอ่ที่หงิกๆงอๆทั้งหลายหน่ะจะหักมั๊ยน่ะ แล้วถ้านานๆไปสีขาวน้ำนมจะกลายเป็นสีขาวหม่นมั๊ย สงสัยจังอ่า พอเดินเข้าไปในโบสถ์ก็กราบหุ่นขี้ผึ้งของ...ของ...เอ่อ...ลืมหาข้อมูล แต่ถ้าเดาไม่ผิดก็อดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปแล้ว จากนั้นก็เดินดูภาพวาดบนฝาผนังแบบซิวๆ เพราะคนยังไม่มาก ผนังวาดเกือบหมดแล้วเหลือแต่อีกด้านนึงที่ยังไม่ได้ทำอะไร ภาพวาดถูกใจเราโคตรๆ มันเหมือนกับ scifi ในวรรณกรรมไทย คือมันเหมือนกับเอาเรื่องราว เหตุการณ์ทางฟากตะวันตกผสมกับศิลปะทางตะวันออก เช่น เหตุการณ์ 911

 

โลกร้อน สงครามอีรัก Bush vs. Bin Laden, Superman, Spiderman, Metrix(ทอมครูซยืนเท่เชียว) และขน superheroes มาอีกเพียบ มนุษย์ต่างดาวก็มี Starwars ก็มา 'จารย์บ้าสุดๆจริงๆ สุโค่ยยยย อ้อ! ในโบสถ์นี่ดูได้แต่ตามืออย่าต้องกล้องถ่ายรูปนะ

วัดนี้ปรับปรุงใหม่ตามแบบ อ.เฉลิมชัยมานับสิบปีแล้ว (รื้อของเก่าทิ้งทั้งยวง)และมีโครงการลากยาวอีกเกือบร้อยปี อาจารย์แกถึงกับวางลูกศิษย์ไว้ 2 รุ่นเลย เอ้าสู้ๆนะ'จารย์ อิๆ ผลงานสร้างสรรค์ที่เราเห็นตามมุมต่างๆของวัดล้วนมีความหมายแฝงในตัวทั้งสิ้น ตอนแรกเราก็ไม่รู้และไม่เข้าใจหรอก คิดว่าทำเพื่อความกิ๊บเก๋ไม่เหมือนใคร แต่พออ่านหนังสือที่ซื้อมาก็เพิ่งถึงบางอ้ออ่ะ ใครอยากรู้ก็หาซื้อมาอ่านได้ มีขายในร้านขายของที่ระลึก/ภาพวาดที่อยู่ข้างห้องส้วมทองคำ (ห้องน้ำก็สวยเว่อร์จัด แต่เข้าฟรี ตรูเลยไม่กล้าทำสกปรกแม้ขี้ฝุ่นเท่าขี้เล็บ) และอีกที่หนึ่งที่ขายของคล้ายกันก็ในพิพิธภัณฑ์ที่แสดงผลงานของอาจารย์และเหล่าลูกศิษย์ที่ตั้งอยู่อาคารติดกับร้านค้า ก็ชมฟรีอีกเช่นกัน แต่ห้ามถ่ายรูป ตอนเราไปดูข้างในคนยังมีไม่มาก เราเลยได้เดินเอ้อระเหยเพ่งพิจารณาดูภาพวาดแต่ละภาพอย่างสบายอารมณ์ ภาพที่จ๊าบถูกใจเรามากก็เป็นภาพ Male Organ ไอเดียบรรเจิดฮ่ะ ภาพอื่นๆก็สวยได้ใจเช่นกันแต่จำชื่อบ่ได้ละ

เสร็จจากเดินชมก็ลองแวะร้านค้าที่อยู่ด้านข้างๆก็ได้ (แม้กระทั่งอาคารร้านค้าก็ทำสวย) ภาพรวมออกแบบมาดูดี เป็นระเบียบ ดูสะอาดสะอ้าน น่าซื้อน่าใช้ อาหารก็ไม่แพงเว่อร์ ราคาก็ธรรมดาทั่วๆไป อืม! ถือว่าไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ใครว่างผ่านมาเชียงรายก็อย่าพลาดแวะชมล่ะ แต่อย่ามาช่วงเทศกาลเลยเพราะพื้นที่แต่ละส่วนจุคนได้จำกัด เช่น ในโบสถ์ พิพิธภัณฑ์ ดังนั้นอาจไม่สามารถชมได้ทั่วถึง


ปล.รูปหลายรูปจิ๊กจากชาวบ้านมาโดยมี Mr.google เป็นนายหน้า รูปของเรามันเห่ยอ่า เลยมิอาจโชว์เดี่ยว

รูปภาพเพิ่มเติม

ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง
http://www.trekkingthai.com/cgi-bin/webboard/print.pl?content=2332&board=travel

http://www.phuchifa-phatang.com/%e0%b8%9c%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b8%b9%e0%b8%aa%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a1/

http://travel.mthai.com/travel-news/38758.html

http://www.hotsia.com/chiangrai/doiphatang/index.shtml

http://www.phudoilay.com/north/chiangrai/doipatang.php

http://www.phatang.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539152930

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=exsodus&month=06-01-2010&group=1&gblog=89


งานเชียงรายดอกไม้งาม
http://www.fotorelax.com/forum/index.php?topic=12545.0

http://picpost.postjung.com/124983.html

http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?PHPSESSID=c8ac91afdfb6129a6c4547442336604f&topic=56675.0

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10065898/E10065898.html


วัดร่องขุ่น
http://atcloud.com/stories/62468

http://mayaknight07.exteen.com/20071212/entry

 


ความคิดเห็น

piekkpoon
piekkpoon 1 ม.ค. 54 / 09:20
 คนเชียงรายค่ะ : )
ได้ไปเที่ยวงานดอกไม้ไหมม ? :)
Rheinfall
Rheinfall 3 ม.ค. 54 / 04:56
 รีบมาอัพต่อไว ๆ เลย ตูข้ารออยู่วุ้ย
`  ♔ Le'on
` ♔ Le'on 3 ม.ค. 54 / 12:36
 เคยไปภู้ชี้ฟ้า :D
elzadan
elzadan 4 ม.ค. 54 / 22:09
ไปงานดอกไม้มาแล้ว ว่าจะมาเล่าสู่กันฟังเช่นกัน
elzadan
elzadan 6 ม.ค. 54 / 23:13
T e q u i l a !

กะจะเข้าไปทัก แต่เลิกเล่นละ?
ความคิดเห็นที่ 6
เราก็ไปมาตอนปี 2009 ของเราเริ่มที่พระธาตุลำปางหลวง เชียงใหม่ ส่วนเชียงใหม่ถนนคนเดิน ของแพงมั่ก �ๆ ต่อไม่ค่อยลด เชียงราย และ เราเข้าไปจุดข้ามพรมแดน ตรงแม่สาย แต่เราไปซื้อดอกงิ้ว ส่วนพี่คือ ญาติ ๆ เราเค้าไปซื้อพวกเครื่องไฟฟ้ากัน ของมาจากจีนแดง จากนั้นเราก็ไปต่อราคาชาอู่่หลงในตลาดหน้าทางเข้า จนแม่ค้ามองหน้าเลย พระตำหนักดอยตุง ด้านหน้ามีร้านกาแฟกาแฟหย่อยมาก กาแฟอาราบิก้า ซื้อกลับมาเหมือนกัน ส่วนวัดดร่องขุ่นเราก็ไป วัดสวยมากแต่ตอนเราไปอากาศครึ้มเหมือนฝนจะตก ถ่ายรูปมาก็ได้อีกอารมณ์หนึ่งน่ะ แต่ตอนนั้น อาจารย์ ไม่สบาย แต่เราก็ซื้อภาพกลับมานะ ยังซื้อกรอบไม่ได้เลย เพราะต้องไม่อยากตัด เสียดาย หน้าวัดมีร้านขายน้ำพริกที่เป็นเครื่องแกงทางเหนือเป็นโอท็อป หมูยออร่อยมาก พี่เค้าใจดีให้ชิมฟรีด้วยล่ะ เราเกรงใจก็ช่วยพี่เค้าซื้อ �เราซื้อน้ำพริก ที่ใช่้ทำน้ำเงี้ยวมาลองทำกินเองหย่อยมากเลยขอบอก อยากไปอีก ติดใจเครื่องแกง จะไปซื้อดอกงิ้วด้วย อร่อยเหมือนหมูอบแห้งเลยอ่ะ
elzadan
elzadan 8 ม.ค. 54 / 14:01
อืม เราก็รู้สึกว่าถ้าจะกินน้ำเงี้ยวต้องไปกินถึงถิ่นจึงจะครบเครื่อง ถ้ากินที่อื่นนะ ตัดโน่น ตัดนี่ แถมดัดแปลงอีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกงิ้ว ของโปรด เช่นกัน เครื่องปรุงก็ไม่ครบ เช่นไม่มีผักดอง ส่วนชาเราก็ชอบกินนะ แต่ยังไม่เคยซื้อเพราะยังทำใจซื้อไม่ได้ แพงอ่ะ แล้วก็ช่าย วัดร่องขุ่นสวยมาก แต่แหม พอเราถามใครต่อใครว่าไปมาหรือยัง ส่วนใหญ่บอกว่าไปมาแล้ว บางคนบอกหลายรอบ อ้าว! มีแต่ตรูคนเดียว ตกรุ่น!
awawaw
awawaw 9 ม.ค. 54 / 00:26
เล่าสนุกมาก ขำตลอดเลย
ภูกับดอยนี่ยังไม่เคยขึ้น เพราะเพิ่งย้ายไปอยู่ (ย้ายเอาชื่อไปเป็นเจ้าบ้าน เพราะปู่กับย่าเจ้าเดียวไปสร้างบ้านที่นั่น)
ว่าลูกวิ่งขึ้นเขาเก่งๆแล้วจะพาไปเหมือนกัน แต่ตอนนี้เจ้าเดียวยังให้พ่อกับแม่อุ้มอยู่
ส่วนงานดอกไม้ไปทุกปีเพราะของกินเยอะมากกกกกก ชอบบบบบ บางปีไปเทียบทุกวันเลยเอ้า เพราะบ้านอยู่แถวๆ นั้น

ส่วนวัดสีขาว อยากรู้ใช่ไหมว่า ตอนขุ่นๆ แล้วจะเป็นยังไง
ดูนี่ รูปนี้ พ่อเจ้าเดียวถ่าย

elzadan
elzadan 9 ม.ค. 54 / 00:34
เอ๋ ที่สีขุ่นเหมือนขี้ฝุ่นน่ะ เพราะสีรึเพราะมันสกปรกน่ะ โดยเฉพาะมือที่จับจระเข้
torkomut
torkomut 10 ม.ค. 54 / 21:06
 เล่าได้สนุกมากครับ เห็นภาพได้บรรยากาศ  วันหลังไปเที่ยวกลับมา  เล่าให้ฟังอีกนะครับ
awawaw
awawaw 11 ม.ค. 54 / 15:29
ที่มันสีแบบนั้นเพราะโดยละอองน้ำสกปรกตกใส่จ้ะ
ดูที่ปากของพ่อคุณให้ดี มีท่อพ่นน้ำอยู่ แต่ตอนที่ไปถ่าย ทำไมไม่พ่นน้ำก็ไม่รู้
จำได้ว่าไปตอนเช้ามั้ง ยังไม่เปิดให้เข้าหรือไงนี่ ดูซิ ฉากหลังไม่มีคนเลย ดีมะ
elzadan
elzadan 11 ม.ค. 54 / 20:28
โหจากขาวก็เป็นโสโครกเลย แต่ก็เนียนนะถ้าดูจากภาพถ่ายนี่ และนี่คงไปตอนวันธรรมดาหรือไม่ก็เช้าตรู่เลยสิ ดีจัง ถ่ายรูปได้เต็มๆแล้วเดินเที่ยวได้สบายใจเฉิบเลยสิ ไม่ต้องรีบร้อน คราวหน้าจะไปตอนคนน้อยๆบ้าง
eminemzftw
eminemzftw 14 ก.พ. 54 / 21:25
อ่าวนึกว่าถ่ายเอง 555
elzadan
elzadan 16 ก.พ. 54 / 21:16
6 รูปแรกกะรูปสุดท้ายจิ๊กของชาวบ้านมา นอกนั้นก็ของเรา ก็มีภาพที่เราลงเพิ่มเอาใส่ใน gallery ด้วย