ประวัติ บ้านตากแดด ต.หัวโทน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
ตามตำนานที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่ามา ตอนที่จำความได้ เล่าว่าตำนานการเกิดชื่อหมู่บ้านนั้นสันนิษย์ฐานว่ามีอยู่ สองนัย
นัยที่ 1 เชื่อ ว่าสมัยหนึ่งมีลิงโทนตัวหนึ่งออกอาละวาทไปทั่วแถวหมู่บ้านนั้น เข้ามากินของที่ไร่นาของชาวบ้าน โดยลิงตัวนี้อาศัยอยู่ในป่าใกล้ ๆ หมู่บ้าน เมื่อลิงโทนออกอาละวาทชาวบ้านหนักเข้า กลุ่มนายพรานจึงรวมตัวกันจัดกำลังเพื่อออกล่าลิงโทนตัวนี้ จึงเข้าไปในป่าออกล่า จนไปเจอลิงตัวนี้เข้า (จำไม่ได้ว่าลิงขนาดตัวเท่าไหร่) นายพรานก็ต่างลุมล้อมลิงโทนและสามารถฆ่าลิงได้สำเร็จ หลังจากฆ่าลิงตัวนั้นเสร็จนายพรานกลุ่มนี้ก็ตกลงกัน ว่าจะแบ่งลิงตัวนี้อย่างไรดี นายพรานคนหนึ่งบอกว่า จะเอาหนัง ส่วนนายพรานอีกคนหนึ่งบอกว่า จะเอาหัว เมื่อตกลงกันได้จึงแบ่งหนัง กับ หัวลิง ไป ส่วนเนื้อและส่วนอื่น ๆ ก็ แบ่งกันคนละเล็กล่ะน้อย นายพรานกลุ่มที่เอาหนังก็นำหนังมาตากแดดไว้ กลุ่มนายพรานกลุ่มนี้จึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่าบ้านตากแดดในปัจจุบัน ส่วนกลุ่มนานพรานที่เอาหัวลิงไปก็เดินทางไปทางทิศตะวันออกแลละไปตั้งหมู่ บ้านว่า
"หัวโทน" ซึ่งเรียกกันจนถึงปัจจุบัน
นัยที่ 2 เชื่อกันว่าในสมัยพุทธกาลมีวัดอยู่วัดหนึ่งซึ่งเป็นวัดป่า มีสามเณรรูปหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่ฉลาดเฉลียว และเก่งกล้าด้านคาถาอาคม อยู่ยงคงกะพันตั้งแต่อายุยัเด็กได้เดินทางไปนำพระไตรปิฎก ณ ชมพูทวีป ระหว่างทางเจอกับปัญหาต่าง ๆ มากมาย สามเณรรูปนี้ไปถึงชมพูทวีปและได้นำพระไตรปิฎกกลับมา ระหว่างทางเมื่อใกล้จะถึงบริเวณของบ้านตากแดดในปัจจุบัน ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักทำให้พระไตรปิฎกที่นำมาเปียกไปส่วนหนึ่ง ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ สามเณรรูปนี้จึงต้องหยุดพักที่บริเวณนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นจึงนำพระไตรปิฎกที่เปียกฝนออกมาตากแดด เมื่อชาวบ้านได้มาพบสามเณรก็ได้นิมนต์ให้อยู่จำพรรษาที่หมู่บ้านนี้ เนื่องจากเอาพระไตรปิฎกมาตากไว้ที่หมู่บ้านนี้จึงได้ ตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านตากแดด" ในปัจจุบัน
*** หมายเหตุ : เรื่องประวัติหมู่บ้านนี้ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดเพียงแต่เป็นข้อสันนิษฐาน และเล่าสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันไม่มีพยานบุคคล ที่อยู่ในเหตุการณ์ เป็นแค่เพียงตำนานเรื่องเล่าที่เล่าสืบต่อกันมา
ประวัติ บ้านตากแดด ต.หัวโทน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
เขียนโดย
esanjames
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
23 ธ.ค. 53
3,277
15
ความคิดเห็น
ลึกกว่านั้น
ลองไปศึกษา \\\"ญาคู ขี้หอม \\\"
ผู้ครองคนสองฝั่งแม่น้ำโขง
อาจ มีความจริง มากกว่าลิงนะ