ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF EXO ) ' Something Special '

    ลำดับตอนที่ #23 : [SF] :: 0502 (Kris x Tao)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 606
      1
      2 พ.ค. 56

    0502
    Kris x Tao

    สุขสันต์วันเกิดนะจื่อเทา.. คือเราแค่คิดชื่อเรื่องไม่ออกเฉยๆ ๕๕๕ 




     

     

     

    “หนึ่ง สอง สาม”

     
     

    “หนึ่ง สอง สาม”

     
     

    “หนึ่ง สอง สาม”

     
     

    เสียงเล็กๆของเด็กน้อยดังขึ้นเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงของเท้าที่กระทืบลงที่พื้น ไม้พลองยาวตั้งขนานวางตัวยาวกับพื้นบนไหล่ของเด็กน้องผมดำขลับอย่างคนเอเชีย ตาเรียวเฉี่ยวมองไปข้างหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น จมูกโด่งรั้นที่ประดับบนใบหน้าดูสมบูรณ์แบบและสามารถบอกได้ว่าคนคนนี้รั้นมากแค่ไหน แถมด้วยริมฝีปากบางหยักสวยที่กำลังพ่นลมหายใจเข้าออกอย่างแรงเพื่อปรับสภาพร่างกายให้หายเหนื่อย

     
     

    “ซ้อมอยู่หรือจื่อเทา” ร่างเล็กหันไปมองตาขวางทันทีเมื่อมีคนมาขัดเวลาฝึกซ้อมของตัวเอง ไม้พลองยาวฟาดอากาศมาข้างลำตัวของผู้บุกรุกพื้นที่แห่งนี้ ก่อนจะหยุดมันไว้ที่ระดับเอวแล้วปล่อยค้างไว้อย่างนั้นให้คนมาใหม่ได้ยืนนิ่งส่งยิ้มกวนๆไปให้สักที

     
     

    “ทำร้ายพี่ได้ลงคอหรือไง” น้ำเสียงแหบเพี้ยนหูแบบนี้บอกได้ถึงอายุของคนตรงหน้าได้อย่างดีว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะโตเป็นหนุ่ม


     

    “มีอะไร” จื่อเทาเอ่ยเสียงออกไปเรียบๆ มือเล็กถือไม้พลองตั้งขึ้นข้างลำตัว ตาเรียวหลุบต่ำลงมองที่พื้นสนามฝึก

     
     

    มาทำไม ไม่ได้อยากเจอเลย

     
     

    “ทำไมกัน พี่มาหาต้องมีเหตุผลด้วยแล้วหรือ ทีแต่ก่อนพอว่างหน่อยเจ้าก็เรียกหาแต่พี่” คิ้วเรียวขมวดขึ้นเป็นปมอยู่กลางหน้าผาก ปากหยักสวยพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ในหัวตอนนี้กำลังหาสารพัดวิธีหลีกเลี่ยงคนตรงหน้าอย่างหาสาเหตุไม่ได้

     
     

    “นั่นแต่ก่อน อย่ายึดติดกับอดีตไปมากเลย” คนที่ได้ยินถึงกับผงะเล็กน้อย แต่ก็ยังแสร้งส่งรอยยิ้มหวานไปให้เหมือนเดิม

     
     

    “อดีตของพี่มันมีความหมายมากมาย”

     
     

    “ท่านพี่อี้ฟานจะหยุดพูดได้ยัง”

     
     

    “นั่นสินะ”

     
     

    อี้ฟานพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ร่างที่สูงกว่าเดินมาหยุดลงตรงหน้าของจื่อเทา มือหนายกขึ้นนำไปลูบที่กลุ่มแพรไหมสีดำขลับ ลูบบางเบาอย่างรักใคร่ แล้วชักมือกลับเมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่ลืมตัวจนเกินไป

     
     

    ร่างสูงหันหลังกลับพร้อมกับรอยยิ้มที่จางลง มือที่เคยลูบเส้นผมนั้นอย่างบางเบากำแน่นจนขึ้นรอย ขายาวก้าวช้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเมื่อนึกถึงใบหน้าบึ้งตึงของน้องที่มองมายังตนเอง

     
     

    “ไร้สาระ.. คนอะไร” เมื่อเห็นว่าหลังของร่างสูงได้หายไปจากระยะสายตาแล้วจึงย่อตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้น วางไม้พลองไว้ข้างตัวพร้อมกับผ่อนลมหายใจ

     
     

    จื่อเทาไม่ได้เกลียดท่านพี่อี้ฟาน... ท่านพี่จะเข้าใจข้าไหม

     
     

    “นี่หลงเอ๋อ ฉันจะทำยังไงดี” ร่างบางเอ่ยขึ้นมาลอยๆเมื่อสายตาเรียวสบเข้ากับเจ้ากระต่ายสีขาวขนปุยที่ตนแอบเลี้ยงไว้ หลงเอ๋อบุตรแห่งมังกรชื่อที่คิดแล้วคิดอีกกว่าจะได้มา แต่เพียงแค่นึกถึงหน้าของใครบางคนชื่อนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที ท่านพี่จะมีอิทธิพลกับจื่อเทามากเกินไปแล้ว

     
     

    “ท่านแม่บอกว่าท่านพี่อี้ฟานจะต้องหมั้นหมายกับหญิงสาวที่เพียบพร้อมในไม่ช้านี้.. ท่านพี่อี้ฟานไม่ยอมบอก ฉันโกรธ โกรธมากด้วย แต่พอเห็นหน้าเขาวันนี้ฉันกลับโกรธไม่ลงแล้ว เฮ้อ”

     
     

    เจ้ากระต่ายน้อยทำหน้าที่ผู้ฟังได้อย่างดี มันขึ้นมานั่งลงบนตักให้คนที่ต้องการระบายลูบหัวพร้อมกับเอ่ยความรู้สึกในใจออกมา จื่อเทาเป็นเพียงเด็กผู้ชายคนนึงที่ยังไม่เข้าใจกับความรู้สึกของตนเอง

     
     

    “หลงเอ๋อ พอฉันนึกถึงเรื่องนี้ทีไรมันเจ็บไปหมด ตรงนี้ มันเจ็บมันอึดอัด ฉันรู้สึกเหมือนกับตัวเองซ้อมวูซูจนเหนื่อยแล้วไปวิ่งขึ้นลงบันไดศาลเจ้าแล้วกลับมาซ้อมต่อโดยไม่พัก” มือเรียวนำไปวางไว้ตรงตำแหน่งด้านซ้ายของอก หัวใจดวงน้อยที่เต้นเป็นจังหวะรู้สึกได้ถึงแรงบีบอัดทุกครั้งยามที่นึกถึงเรื่องนี้

     
     

    “ฉันจะไม่ซ้อมวันนี้แล้ว นายอย่าลืมหาอะไรกินล่ะเข้าใจนะ” กล่าวเสร็จก็จับเจ้ากระต่ายน้องวางลง หยิบไม้พลองพร้อมกับยืดตัวขึ้น พาตัวเองไปถึงห้องเก็บอุปกรณ์แล้วจัดการนำอุปกรณ์การฝึกคู่ใจไปวางไว้ในชั้นพร้อมกับปิดประตูลงกลอนไว้อย่างดี

     
     

    “ไปตลาด ไปตลาด ไม่สนเรื่องนี้สิจื่อเทา” เด็กน้อยพูดขึ้นมาเบาๆ เหมือนให้กำลังใจตนเอง ขาเรียวเดินไปตามทางอย่างเคยชิน หันไปชมนกชมไม้ตามอารมณ์

     
     

    “วันนี้จะรับอะไรดีหรือจ๊ะ คุณหนูจื่อเทา ผลไม้อบแห้งหรือจะรับเป็นเชื่อมดีจ๊ะ” หญิงชราทักขึ้นอย่างเป็นกันเองเมื่อเห็นลูกค้าคนสำคัญเดินมาหยุดอยู่ที่แผงร้านค้าของตน

     
     

    “พุทราเชื่อม.. เอาหวานๆ”

     
     

    “หวานมากจะไม่ดีกับเจ้านะ” เสียงกระซิบข้างใบหูทำให้เด็กน้อยรีบย่นคอหนี พร้อมกับตั้งการ์ดจะปล่อยหมัดออกไปทำร้ายคนที่มาทำรุ่มร่ามกับตนได้ทุกเมื่อ

     
     

    “แล้วท่านพี่ยุ่งอะไรกับข้า” จื่อเทาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน

     
     

    “เดี๋ยวนี้ไม่น่ารักเลยนะ เจ้าจะพูดเพราะกับข้าไม่ได้เชียวรึ” ร่างสูงของอี้ฟานเดินเข้าไปใกล้ นิ้วเรียวทำท่าขึ้นหมายจะดีดเข้ากลางหน้าผาก แต่ก็โดนจื่อเทาปัดมือนั้นออกไปก่อน

     
     

    “อย่ามายุ่งกับข้า” น้ำเสียงเรียบที่เอ่ยออกมากลับจับความรู้สึกสั่นได้ที่ปลายประโยค ร่างบางก้มหน้าลงหาเศษเหรียญในกระเป๋าแล้วรีบยื่นไปให้คุณยายพร้อมรับพุทราเชื่อมนั้นมาถือไว้

     
     

    ขาเรียวก้าวออกไปด้านข้างทันทีที่ได้รับพุทราเชื่อม ปากหยักสั่นระริกเข้าหากัน อกด้านซ้ายปวดหนึบขึ้นมาเหมือนทุกครั้งที่เห็นหน้าท่านพี่อี้ฟาน รู้สึกผิดเหลือเกินที่เอ่ยปากออกไปอย่างร้ายกาจเช่นนั้น

     
     

    จื่อเทาที่ก้มหน้าก้มตารีบเดินออกมาจึงไม่ได้มองทางเดินหรือผู้คนที่สัญจรไปมา ร่างบางชนกระแทกเข้ากับกำแพงคนเข้าอย่างจังจนตัวเองนั้นล้มลงไปคลุกฝุ่นอยู่ที่พื้น

     
     

    “เห้ย นี่ชนข้าอยากมีปัญหาหรือ” น้ำเสียงเข้มตะคอกออกมาจนคนตัวเล็กที่นอนกุมเข่าตัวเองสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ

     
     

    “ไม่ ข้าขออภัย ข้าไม่ได้เจตนา” ร่างบางกล่าวออกไป มือเรียวนำมากุมไว้ที่เข่าด้านซ้ายที่ชุ่มไปด้วยเลือด สงสัยเมื่อสักครู่ที่ล้มคงเอาไปครูดกับเศษกิ่งไม้ที่หักอยู่เป็นแน่

     
     

    “คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือไง ทำไมชนแล้วแค่น้ำคำขอโทษก็เพียงพอรึ” ชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแลดูน่ากลัวย่างก้าวเข้ามาใกล้กับร่างบางที่กุมเข่าตัวเองไว้อยู่ ถ้าหากเกิดว่าตนเองไม่เจ็บจนลุกไม่ขึ้นแบบนี้คงสู้กันสักตา หรือไม่ก็หนีพ้นไปแล้ว ไม่ต้องมานั่งตัวสั่นเป็นลูกนกหลงรังแบบนี้

     
     

    “แล้วจะเอาเช่นไร ท่านจะเอาเงินข้าไหมล่ะ” ร่างบางหยิบถุงเงินในกระเป๋าพร้อมกับโยนลงไว้ข้างหน้าตนเอง ดวงตาเรียวจ้องมองไปที่ร่างใหญ่โตตรงหน้าด้วยสายตาที่เอาเรื่องเล็กน้อย

     
     

    “นี่จะมากไปแล้ว นี่เจ้าดูถูกข้าถึงขนาดโยนถุงเงินให้เลยรึ” จื่อเทาตาโตขึ้นด้วยความหวาดกลัว ลำแข้งของคนตรงหน้าเตะเข้ามาอย่างจังที่น่องขาของตนเอง ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นริ้วขึ้นมาจนถึงต้นขาแล้วชาวาบจนสุดปลายเท้า

     
     

    เจ็บ.. เจ็บมากที่สุด

     
     

    “เงียบ เงียบทำไมห๊ะ! เจ้าเด็กไร้มารยาท” ร่างเล็กที่สั่นเทาหลับตาลงแน่นด้วยการว่าไม่อยากจะเห็นสิ่งที่น่ากลัวตรงหน้าอีก ขาข้างซ้ายที่โดนเตะเริ่มไร้ความรู้สึกแล้ว มันเจ็บจนหาที่เปรียบไม่ได้แล้วกลายเป็นชาจนแทบไม่รู้สึกถึงบาดแผลตรงหัวเข่าอีก

     
     

    ร่างใหญ่ง้างขาเตรียมเตะเข้าไปที่เด็กน้อยอีกครั้ง แต่กลับไม่เป็นอย่างที่ใจคิด เพราะเมื่อขาข้างนั้นกำลังจะสัมผัสลงบนลำตัวของเด็กคนนั้น ความรู้สึกชาวาบที่ขาของตนเองทำให้ต้องหันมามองดูก่อนที่จะ

     
     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก เจ็บ.. เจ็บ เจ้า เจ้าตัดขาข้า” ร่างใหญ่โตร้องเสียงดังแล้วล้มตัวลงไปข้างหลังอย่างน่าเวทนา ขาใหญ่ที่กระเด็นไปคนละทิศกับตัวดูน่าสยดสยองไม่น้อย เลือดสีแดงฉานไหลอาบพื้นถนน แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามปัดป่ายไปมาอย่างทุรนทุราย

     
     

    แต่ก็ช่างมันปะไร... คนที่ทำกับเด็กน้อยของข้า แค่นี้ยังน้อยไปเสีย

     


     

     

    “จื่อเทา.. จื่อเทา เป็นอะไรไหม” น้ำเสียงบางเบาที่กระซิบลงที่ใบหูทำช่างคุ้นเคยและอบอุ่น หยดน้ำตาที่กักเก็บไว้เอ่อล้นออกมาไหลอาบแก้มขาวนวล ปากหยักสั่นระริกอย่างน่าสงสาร มือเล็กที่เคยจับอาวุธมากมายดึงรั้งเสื้อของร่างสูงเข้ามากอดแน่นพร้อมกับซุกหน้าลงอกที่อกแกร่งอย่างต้องการที่พักพิง

     
     

    “เจ็บ.. ฮึก ท่านพี่อี้ฟาน จื่อเทาเจ็บมาก” อี้ฟานที่ได้ยินน้ำเสียงสะอื้นไห้อย่างเจ็บปวดยิ่งทำให้รู้สึกแค้นไอ้คนที่ทำร้ายคนสำคัญของตนเอง ร่างสูงลูบหัวคนในอ้อมอกพร้อมกับจับตัวให้อยู่ในท่านอนหงาย

     
     

    อี้ฟานอุ้มเด็กน้อยขึ้น ร่างบางพอถูกยกขึ้นจากที่สูงก็เกี่ยวแขนไว้กับลำคอแกร่งแน่น ขาข้างซ้ายที่โดนเตะจนไร้ความรู้สึกเริ่มมีอาการปวดจนต้องกัดฟันไว้แน่น ร่างสูงที่เห็นดังนั้นจึงก้มหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับจุมพิตบางเบาลงที่ริมฝีปากหยักสวย จูบซับย้ำๆเพื่อให้เด็กน้อยผ่อนคลายจากอาการเจ็บ

     
     

    “ไม่ร้องนะคนดี พี่อี้ฟานอยู่นี่แล้ว” หน้าผากสวยวางแนบลงกับหน้าผากนูนของจื่อเทา อี้ฟานจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำใสที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตา จมูกโด่งไล้ไปตามสันจมูกสวยของร่างบางคลอเคลียอยู่สักพักแล้วค่อยเงยหน้าขึ้น ก้าวขาเดินไปยังผู้เคราะห์ร้ายที่บังอาจยุ่งกับคนสำคัญของอี้ฟาน

     
     

    “แค่นี้ยังน้อยไป.. สำหรับคนอย่างแก เฉินช่วยจัดการต่อด้วยนะ ตามสบายที่เจ้าต้องการ”

     
     

    “ขอรับท่านอี้ฟาน” องครักษ์หนุ่มน้อมรับหน้าที่ รอยยิ้มเย็นกระตุกขึ้นที่มุมปาก พร้อมกับมือหนาที่ชักดาบคู่ใจออกจากฝัก เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วอี้ฟานจึงเดินออกมาจากสถานที่ที่จะเป็นแห่งสุดท้ายที่ร่างใหญ่โตนั้นจะได้มีโอกาสหายใจ

     
     

    อี้ฟานอุ้มร่างของเด็กน้อยเดินไปเรื่อยๆจนถึงม้าหนุ่มที่เป็นพาหนะประจำของตนเอง เจ้าม้าสีขาวปรอดไปทั้งตัว ดวงตาสีดำกลมโตจ้องมองมายังร่างเล็กในอกของเจ้านาย จมูกเปียกชื้นแตะลงบนแขนเล็กที่คล้องอยู่ที่คอของอี้ฟานคล้ายจะปลอบโยน

     
     

    “แกก็เป็นห่วงจื่อเทาหรอ หมิงเต๋อ” ร่างสูงอุ้มร่างเล็กของจื่อเทาขึ้นไปวางบนหลังของม้าขาวอย่างเบาแรง ก่อนจะปีนตามขึ้นมาพร้อมช้อนหลังจื่อเทาให้มาอยู่ที่อกแกร่งของตนเอง

     
     

    “เจ็บมากใช่ไหม.. เดี๋ยวพี่จะพากลับบ้านนะ” จมูกโด่งฝังลงที่กลุ่มแพรไหมสีดำ สูดดมกลิ่นหอมจากหัวทุย พร้อมกับนำมือข้างนึงมารวบกอดตัวของเด็กน้อยไม่ให้ตกลงยามที่เขาบังคับเจ้าหมิงเต๋อ

     
     

    “อื้อ เจ็บ...” หัวเล็กซุกลงเข้าที่หน้าท้องของอี้ฟานอย่างรักใคร่ ถึงแม้จะเจ็บที่ขาแต่ตอนนี้จื่อเทารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจนต้องลอบยิ้มออกมาไม่ให้ท่านพี่ได้เห็น

     
     

    “งั้นรีบกันเถอะ ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปพี่จะไม่ให้อภัยตัวเองอีกเลยทั้งชีวิต”

     
     

    ยามที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด ในหัวจื่อเทามีแต่ชื่อท่านพี่อี้ฟานเต็มไปหมดเลย

     

     


     

     

    “อดเล่นเลยเป็นไงล่ะ”

     
     

    “ไม่ต้องพูดเลย เพราะท่านพี่อี้ฟานแหละข้าถึงได้เป็นเยี่ยงคนพิการแบบนี้ ฮึ”

     
     

    เสียงฟึดฟัดฟังดูแล้วน่าขันสำหรับอี้ฟานไม่หยอก ยามนี้จื่อเทากำลังนอนอยู่ที่เตียงในห้องของร่างสูง ท่านหมอได้กลับไปแล้วหลังจากมาตรวจอาการและรักษาให้กับเด็กน้อย ความวุ่นวายในบ้านตระกูลอู๋ได้สงบลง แต่เหมือนจะเกิดสงครามย่อมๆเมื่อทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันสองคน

     
     

    “ข้าผิดอย่างไรหรือ จื่อเทาของข้า” อี้ฟานขยับตัวไปนั่งลงข้างกายของเด็กน้อย ฟูกหนายวบตัวลงพร้อมกับร่างของร่างสูงที่โถมตัวแล้วใช้แขนรองรับน้ำหนักตัวเองไว้ หน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงนิดเดียวจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

     
     

    “เพราะท่านมา ข้าเลยเดินไปทางนั้น” เด็กน้อยที่ยังคงหาขออ้างมาเถียงกลับหันหน้าหนีไปอีกฝั่งของเตียง แก้มใสแดงขึ้นลามไปถึงใบหู ฟันขาวขบลงที่ปากตนเองเมื่อนึกถึงตอนที่ท่านพี่ได้กระทำเช่นไรในตอนนั้น ยิ่งคิดก็เหมือนจะสร้างภาระให้กับตัวเองเสียจริง หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดอยู่รอมร่อ

     
     

    “แล้วเจ้าจะเดินหนีพี่ไปเพื่ออะไร หือ ช่วงนี้เจ้าหนีหน้าพี่ทำไมจื่อเทา” อี้ฟานคร่อมตัวไปหวังจะมองดวงหน้าใสของเด็กน้อย แต่กลับโดนมือเรียวเล็กนั่นจับมาที่คางของตัวเองพร้อมกับดันออกอย่างเต็มแรง

     
     

    “ท่านพี่ ข้าเจ็บขาอยู่นะ! ถ้าท่านพี่มาโดนขาเมื่อไหร่ข้าจะฟ้องท่านแม่”  หลุบสายตาต่ำลงระหว่างพูดไม่ใช่วิสัยของนักสู้อย่างจื่อเทาเลย ร่างสูงที่ได้ยินดังนั้นจึงยกตัวออกจากร่างบางแล้วหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู

     
     

    “พี่เข้าใจแล้ว ไม่โดนแล้ว ตอบพี่ก่อนสิ.. ฮึ เจ้าเป็นอะไรทำไมถึงหลบหน้าพี่” ร่างสูงถามขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้น้ำเสียงกลับดูจริงจังจนคนฟังเข้าถึงกับเก็บอาการไม่ถูก ปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น หลุบตาต่ำมองไปอีกทาง ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าของท่านพี่อี้ฟาน

     
     

    “เจ้าจะไม่บอกพี่?” ถามออกมาอีกครั้งพร้อมกับมือหนาที่ลูบเบาๆที่แก้มใสของร่างเล็ก

     
     

    “ทีท่านพี่อี้ฟาน.. ยังไม่ยอมบอกข้าเลย”

     
     

    จื่อเทาเอ่ยออกมาเสียงอ่อย มือเรียวกำแน่นเข้ากับผ้าแพรผืนบางที่คลุมกาย ดวงตาหลุบต่ำเริ่มเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำใสอีกครั้ง หน้าอกด้านซ้ายบีบตัวจนรู้สึกอึดอัดไปหมด เหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจในบรรยากาศแบบนี้เสียจริง

     

    “หือ พี่ไม่ได้บอกอะไรกับจื่อเทา” ร่างสูงถามขึ้นด้วยความสงสัย มือที่เคยลูบแก้มใสหยุดลงแล้วเลื่อนลงมาสัมผัสเข้ากับมือบางที่กำลังกำผ้าแพรผืนบางไว้แน่น จับมันบางเบาแล้วคลายมือบางนั่นออกมากุมไว้เองประสานนิ้วมือเข้าตามทุกร่องนิ้วของจื่อเทา กอบกุมไว้ไม่ปล่อยให้เด็กน้อยได้สะบัดออก

     
     

    “ก็..” เสียงเล็กเงียบลง ก่อนที่หยาดน้ำใสในดวงตาเรียวจะก่อตัวพร้อมกับไหลลงมาไล้ตามแก้ม

     
     

    “ไม่ร้องนะคนดีข้องพี่ เจ้าไปได้ยินอะไรมา.. บอกพี่มาสิ” เอ่ยออกมาพร้อมกับนำริมฝีปากไปจูบซับหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มของเด็กน้อย จื่อเทาเม้มปากแน่นไม่กล้าเอ่ยออกมาเพราะกลัวว่าถ้าเอ่ยออกไปแล้วอี้ฟานจะรู้สึกไม่ดีกับจื่อเทา

     
     

    ริมฝีปากร้อนประกบลงที่ปากหยักของจื่อเทา ลิ้นหนาเลียแลบไล้ตามริมฝีปากสวยขบเม้มจนขึ้นสีเข้ม ร่างสูงนำมือไปประคองใบหน้าของร่างเล็กปรับหาองศาที่เหมาะเจาะก่อนจะก้มลงไปจูบย้ำซ้ำๆ เรียวลิ้นหนาดุนดันปากหยักให้อ้าออก เด็กน้อยที่ไม่ประสาอ้าปากขึ้นด้วยความตกใจ

     
     

    หลับตาลงอีกครั้งพร้อมกับรับความหวานของจุมพิตที่ท่านพี่มอบให้ ลิ้นร้อนดุนดันลิ้นเล็กอย่างหยอกล้อ เกี่ยวกระหวัดจนหยาดน้ำใสไหลมาตามมุมปากสวย อี้ฟานถอนปากออกมา ก้มลงมองหน้าของเด็กน้อยที่ขึ้นสีแดงจัด ดวงตาเรียวที่หลุบต่ำยิ่งทำให้อี้ฟานอยากจะแกล้งอีกเสียหลายรอบ

     
     

    “ที่นี้จะยอมบอกพี่ได้หรือยัง” อี้ฟานพูดพร้อมกับก้มลงไปมองตาเรียวสวยนั้นอย่างจริงจัง ริมฝีปากบางแตะลงบนมุมปากหยักของจื่อเทา แล้วผลักตัวเองมามองหน้าเด็กน้อยอีกครั้ง

     
     

    “ก็ได้..”

     
     

    “บอกพี่เดี๋ยวนี้ ไม่งั้น...”

     
     

    “ได้บอกแล้วก็ได้! ท่านแม่ของข้าบอกท่านพี่จะหมั้นหมายกับหญิงนางหนึ่ง ท่านพี่ไม่ยอมบอกข้าเรื่องนี้ ข้าโกรธ.... ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญแท้ๆ” มือเรียวเล็กของตัวเองนำมาจับลงที่แก้มทั้งสองข้างของตนที่ขึ้นสีแดง คล้ายจะปกปิดความเขินอายที่แผ่กระจายชัดเจนบนใบหน้าของตนเอง

     
     

    “เรื่องแค่นี้?” ร่างสูงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงธรรมดาจนคนฟังถึงกับหันมาถลึงตาใส่

     
     

    “เรื่องแค่นี้ตรงไหน ท่านพี่อี้ฟานกำลังจะหมั้นหมายนะ ท่านพูดว่าเรื่องแค่นี้ได้เยี่ยงไร” จื่อเทาตอกกลับด้วยน้ำเสียงกึ่งตะคอก ปากหยักสั่นระริกด้วยอารมณ์โกรธ

     
     

    “เอ้า ก็จริง.. ไม่ใช่พี่สักหน่อยที่ต้องหมั้นหมาย”

     
     

    “ห้ะ...” เด็กน้อยตาโตขึ้นด้วยความตกใจ มองหน้าร่างตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ปากเล็กอ้าค้างน้อยๆจนคนเป็นพี่หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ขัน

     
     

    “เจ้าฟังถูกแล้ว” อี้ฟานพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแห่งความดีใจ เรื่องที่จื่อเทาโกรธเขาเป็นเรื่องที่ทำให้หัวใจของตนรู้สึกพองโต มีความสุขเสียจนทำอะไรไม่ถูก

     
     

    “งั้น.. แปลว่า แปลว่าท่านพี่จะไม่หมั้นหมายกับผู้ใดหรอ”

     
     

    “แน่นอน ญาติของพี่ต่างหากที่หมั้นหมาย”

     
     

    จื่อเทาแทบจะอยากนำมือมาขยี้หัวแรงๆให้หายโกรธตัวเอง ท่านแม่นะท่านแม่มาบอกทั้งทีก็ไม่บอกให้เข้าใจเรื่องราวจนจบ แถมจื่อเทายังทำนิสัยร้ายกาจใส่ท่านพี่อี้ฟานไปเสียหลายเรื่อง

     


     

    “ท่านพี่อี้ฟาน... จื่อเทาขอโทษ” ร่างเล็กเอ่ยออกมาเสียงอ่อย ดวงตาเรียวใสจ้องมองไปที่ใบหน้าของร่างสูง มือเรียวเล็กที่เคยจับผ้าแพรแน่นนำขึ้นไปลูบหน้าเรียวของอี้ฟานอย่างบางเบา

     
     

    “เจ้าโกรธพี่เพราะเรื่องนี้เองหรือ” อี้ฟานยิ้มรับนำมือของตนเองมาวางทับกับมือเรียวของจื่อเทา

     
     

    “ข้าเข้าใจท่านผิด ให้อภัยข้าเถอะนะ”

     
     

    “ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเลยจื่อเทา” มือที่กอบกุมทาบทับมือเรียวของจื่อเทาบีบบางเบาแต่เน้นย้ำความรู้สึกของตนเองที่มีให้กับเด็กน้อยที่ยังทำหน้าสำนึกผิดอยู่

     
     

    “แต่ข้า..”

     
     

    “ถ้าเจ้าพูดอีก พี่จะจูบเจ้าแบบเมื่อครู่เป็นการปิดปาก” จื่อเทาหุบปากฉับทันทีเมื่อร่างสูงเอ่ยจบ

     
     

    “เรื่องนี้มันทำให้พี่ดีใจเหลือเกินจื่อเทา ที่เจ้าเป็นแบบนี้เพราะเจ้าใส่ใจในตัวพี่..” อี้ฟานยื่นมืออีกข้างไปลูบไล้ที่ใบหน้าใสของเด็กน้อย ปัดหน้าม้าสวยให้พ้นผ่านจากการบดบังดวงตาเรียวใส

     
     

    “มันทำให้พี่รู้ว่าหัวใจของเจ้า.. เต้นแรงแค่ไหนยามที่เจ้าอยู่กับพี่” มือหนาวางลงบนหน้าอกข้างซ้ายของจื่อเทา จังหวะการเต้นของหัวใจที่คล้ายกับของตนเองยามอยู่กับร่างเล็กตรงหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ความรู้สึกทั้งหมดได้อย่างดี

     
     

    “ท่านพี่..” เสียงแผ่วเบาลอดผ่านริมฝีปากหยัก

     
     

    “ข้ารักเจ้าจื่อเทา” ดวงตาเรียวใสเบิกกว้างขึ้น อาการที่เกิดขึ้นในอกข้างซ้ายแบบนี้เหมือนกับมีดอกไม้ไฟนับร้อยกำลังเบ่งบานอยู่ มันไม่เหมือนกับครั้งนั้นที่เป็น ไม่ได้บีบแน่นเหมือนจะขาดใจ แต่ครั้งนี้มันกลับเต้นแรงพร้อมความสุขที่จุกแน่นในอก

     
     

    “ท่านพี่.. อี้ฟาน”

     
     

    “เจ้ารักพี่ได้ไหมจื่อเทา” อี้ฟานมองลึกเข้าไปในดวงตาใสที่สั่นไหว แก้มขาวขึ้นสีแดงดูน่ารัก ริมฝีปากแดงจัดเม้มเข้าหากันเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างออกมา เด็กน้อยกำลังทำให้อี้ฟานมีความสุขกับภาพตรงหน้าเสียเหลือเกิน

     
     

    “ท่านพี่..”

     
     

    “ว่าไงคนดี”

     


     

    “ข้ารักท่านพี่อี้ฟานที่สุด..”

     

     

     
     

    END

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×