ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF EXO ) ' Something Special '

    ลำดับตอนที่ #24 : [OS] :: My Happiness (Baek x Do)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.63K
      10
      6 พ.ค. 56

    My Happiness

    Baekhyun x Kyungsoo









     

     

     

                ความสุขของ โด คยองซู เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว

     

               

     

    ความสุข

                ของ โด คยองซู คือ พยอน แบคฮยอน

     

               

                ในทุกเช้าภายในหอพักนี้ คนแรกที่โผล่พ้นจากประตูห้องนอนของตัวเองก็คงไม่พ้นคนที่ได้ฉายาคุณแม่ของวง โด คยองซู ขาเรียวเล็กก้าวออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง เดินไปเรื่อยพร้อมกับเปิดผ้าม่านให้กว้างขึ้น แสงแดดยามเช้าอันแสนสดใสสว่างวาบเข้ามาเด่นชัดภายในห้อง

     
     

                ห้องที่เคยมืดทึบ สว่างไปพร้อมกับรอยยิ้มแสนสดใสของคนตาโตที่หยีตาเล่นกับแสงแดด เช้านี้ก็คงเหมือนกับทุกวัน รีบตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้กับเหล่าสัตว์จำศีลภายในวงที่นอนอืดไม่รับรู้เรื่อง

     
     

                “หือ.. แบคฮยองหรอ”

     
     

                “งือ รู้ได้ไง อุตส่าห์มาเงียบๆแล้วนะ” คยองซูยิ้มแบบขัดเขินเล็กน้อย มือเล็กที่เคยหยิบแฮมมาเพื่อหั่นให้พอดีคำกลับดูวุ่นวายไปหมด แบคฮยอนจับเอวของพ่อครัวคนเก่งพร้อมกับยืดหน้าเข้าไปดู คาดว่าเช้านี้คยองซูคงได้ลูกมือแต่ก็คงไม่วายพายุ่งอีกตามเคย

     
     

                ล่าสุดที่แบคฮยอนมาช่วย.. อืม ไข่ดาวไหม้ไปสี่ฟอง

     
     

                “เห็นมือก็รู้แล้ว” คนตัวเล็กที่ซ้อนทับข้างหลังส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาเล็กน้อย มือเรียวที่เคยแตะเข้าที่เอวเริ่มเปลี่ยนมาวางไว้ที่พุงแล้วบีบเบาๆ

     
     

                “นั่นสินะ ว้า.. วันหลังมาแบบไหนดี” คยองซูยังไม่ตอบกลับ คนข้างหลังยังคงหาเรื่องมาแกล้งตัวเองอีกตามเคย มือที่บีบเล่นอยู่ที่พุงถูกจับกุมไว้ไม่ให้เล่นแบบนี้ต่อ เดี๋ยวเขาก็รู้หมดว่าเราอ้วนขึ้น

     
     

                “ช่วยได้ไหม ฉันอยากช่วยนายจังคยองซู” ดวงตาเรียวเป็นประกายซุกซน คางแหลมวางไว้ตรงไหล่แคบของคนตาโต ขยับไปมาสร้างความจั๊กจี๊ให้คยองซูจนต้องหยุดแล้ววางมีดพร้อมกับหันไปเอาเรื่อง

     
     

                “แน่ใจหรอว่าจะช่วยผม ฮยองมองผมเฉยๆก็พอ” รอยยิ้มกว้างเป็นรูปหัวใจพอประดับลงบนใบหน้าขาวของคยองซูดูเหมือนทุกอย่างจะลงตัวไปหมด แบคฮยอนพยักหน้ารับแล้วเอามือมากอดเอวพร้อมกับวางคางที่ไหล่แคบตามเดิม

     
     

                “ได้เลย มองเฉยๆแล้วนี่ไง” คยองซูส่งเสียงถอนหายใจออกมาไม่ดังนัก แต่ก็สามารถเรียกรอยยิ้มให้กับคนทั้งคู่ได้อยู่ดี

     
     

                “ผมว่าเช้านี้อาจจะได้กินช้ากว่าทุกวัน” แบคฮยอนหัวเราะร่วนไปกับคำพูดแสนซื่อของคนเป็นน้อง มือที่จับเอวอยู่เริ่มไล้นิ้วไปเบาๆตามเนื้อผ้า ลูบมันไปมาโดยไม่ให้คนที่ง่วนอยู่กับการทำอาหารรู้ตัว

     
     

                “นานแค่ไหนฉันก็รอ”

     
     

                “แต่พวกหมีจำศีลพอออกมาเขาไม่รอกันหรอกครับ”

     
     

     

                เช้าที่มีกลิ่นอายของความสุข คยองซูอยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ทุกวัน

     

     
     

     

                “คยองซู เต้นตามให้ทันสิ นี่รอบที่เท่าไหร่แล้ว”

     
     

                “ผมขอโทษครับ... โค้ช”

     
     

                “เป็นเมนวอยซ์ก็ต้องเต้นได้ เอาใหม่”

     
     

                การฝึกซ้อมเต้นสำหรับเพลงใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักของเมนวอยซ์อย่างคยองซู เพียงแค่ขยับก้าวขาก็คร่อมจังหวะเพลงแล้ว สมควรที่จะโดนโค้ชดุเอาแรงๆ เสียงตอบรับที่เบาหวิวของคนตาโตทำให้พวกรุ่นพี่รุ่นน้องรู้สึกสงสารไปตามๆกัน

     
     

                ตากลมโตเริ่มแดงหน่อยๆ แบคฮยอนมองผ่านตามกระจกสะท้อนข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วจนเป็นปมเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของรุ่นน้องคนสนิท

     
     

                “แบคฮยอน อย่าวอกแวก!

     
     

                “ครับ โค้ช!

     
     

                คนตัวเล็กที่มัวแต่กังวลสะดุ้งเฮือกทันทีที่โดนเสียงดุของโค้ชตำหนิมา ดวงตาเรียวเล็กเผลอสบเข้ากับดวงตากลมโตผ่านกระจกสะท้อน รอยยิ้มจางๆของแบคฮยอนถูกส่งไปให้คยองซูที่ตาเริ่มคลอๆไปด้วยน้ำสีใส

     
     

                คยองซูยิ้มรับให้กับรอยยิ้มนั้นด้วยหัวใจที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง น้ำใสที่คลอหน่วงอยู่ดูเหมือนจะหายไปเสียดื้อๆ เพียงแค่เห็นรอยยิ้มอ่อนแสนอบอุ่น คยองซูก็เหมือนได้รับกำลังใจที่เต็มเปี่ยม

     
     

                หลังจากการซ้อมที่เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วจบลง คยองซูได้เดินไปหลบอยู่ที่มุมของห้อง ร่างเล็กถอนหายใจยาวพ่นลมที่มันอัดแน่นอยู่ในอกออกมาจนรู้สึกว่าหายใจโล่งขึ้น ขาเรียวย่อตัวลง หลังเล็กครูดลงกับผนังแล้วทิ้งน้ำหนักลงปล่อยให้กำแพงเป็นตัวรับความเหนื่อยล้าเอาไว้

     
     

                ความเย็นแล่นเข้าปะทะกับวงแก้ม เหล่สายตาไปก็พบกับกระป๋องน้ำขึ้นไอมาทาบไว้ที่แก้มของตัวเอง มือเรียวที่เพียงแค่ปรายตามองก็รู้ว่าใครจับกระป๋องน้ำผลไม้ไว้แน่น

     
     

                “เหนื่อยก็พักนะคยองซู” น้ำเสียงอ่อนลงจนไม่เหมือนแบคฮยอนคนสดใสที่คยองซูรู้จัก กระป๋องน้ำผลไม้ถูกย้ายที่เลื่อนลงมาวางทาบไว้ที่ลำคอขาว แบคฮยอนคงเอามาให้คลายความล้ามากกว่าจะเอาดื่มแล้วสินะ

     
     

                “ครับ..” มือเล็กนำมาวางทับไว้กับมือเรียวของแบคฮยอน คยองซูจับค้างไว้เนิ่นนาน ไม่มีใครเอ่ยปากออกมา ทุกอย่างรอบตัวเงียบลง มีก็แต่เสียงลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอของคนทั้งคู่

     
     

                “ดีขึ้นรึยัง” แบคฮยอนเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบที่พวกเขาได้สร้างขึ้น คยองซูพยักหน้ารับ เอามือที่วางทาบทับกับมือเรียวออก หัวใจที่อ่อนล้าอยากจะเอ่ยออกมาเหลือเกินว่า อยากมีความสุขกับคนข้างกายนี้.. ไปเรื่อยๆ อยากมีความสุขเพราะเห็น แบคฮยองมีความสุข

     
     

                “ครับ ดีขึ้นมากแล้ว” คยองซูยืดตัวตรง แล้ววางแผ่นหลังพักลงที่กำแพงด้วยท่าทีที่สบายกว่าครั้งแรก เมื่อเห็นดังนั้นคนเป็นพี่อย่างแบคฮยอนเลยเอากระป๋องน้ำที่แนบไว้ที่ลำคอขาวออกพร้อมกับเปิดกระป๋องน้ำจนมีเสียงดังแกร๊ก ให้คนที่หลับตาอยู่หันมามองด้วยความตกใจเล่นๆ

     
     

                “ตกใจหรอ ฮ่าๆ อ่ะ เอาไปซะ หน้ายังซีดอยู่เลย” มือเรียวยื่นกระป๋องน้ำผลไม้ไปจ่อที่ปากอิ่มของคยองซู คนตาโตเลยยิ่งทำตาโตเข้าไปใหญ่แต่พอหันไปมองคนอายุมากกว่าที่พยักพเยิดหน้าให้ดื่มมันเข้าไป ก็เลยจำใจดื่มมันไปอย่างนั้นทั้งที่แบคฮยอนยังถือมันเอาไว้ให้

     
     

                “ดีขึ้นกว่าเมื่อสักครู่แล้ว ไหนดูสิตายังแดงอยู่ไหม” แบคฮยอนเขยื้อนกายเข้ามาใกล้ขึ้น คยองซูที่ไม่ทันตั้งตัวเลยเผลอยกมือขึ้นดันไหล่ของพี่ชายตัวเล็กเอาไว้

     
     

                “เอ่อ..” คนตาโตเอ่ยออกมาเมื่อไม่รู้จะพูดเช่นไรในสถานการณ์ที่ท่าล่อแหลมขนาดนี้

     
     

                “จะร้องไห้อยู่แล้วนะ รู้ตัวรึเปล่าคยองซู” ตาเรียวมองจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตที่สั่นไหว คยองซูหลบสายตาที่จริงจังของแบคฮยอน ถ้าเกิดว่าได้มองนานกว่านี้ คยองซูเองคงต้องเสียน้ำตาให้อย่างแน่นอน

     
     

                “อือ..” ครางรับไว้ในลำคอ จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่มาแตะอยู่หางตาของตัวเอง ปฏิกิริยาตอบรับคือหันไปจ้องหน้าคนกระทำด้วยอาการงงๆ

     
     

                แบคฮยอนวางนิ้วเรียวไว้ที่ปลายหางตาของคยองซูอย่างแผ่วเบา คลึงส่วนปลายเบาๆแล้วเริ่มไล้มาไว้ที่ใต้ตาที่ออกจะบวมเล็กน้อยของคนตาโต รอยยิ้มแสนหวานที่มาพร้อมกับแผงฟันที่เรียงตัวกันสวยเรียกให้หัวใจดวงน้อยของคยองซูเต้นไม่เป็นจังหวะ

     
     

                “ถ้าเหนื่อยจนอยากร้องไห้.. นายจะมาร้องกับฉันก็ได้นะ”

     
     

                ทันทีที่น้ำเสียงแสนอบอุ่นนั่นสิ้นสุดลง หยดน้ำใสที่กักเก็บไว้นานแสนนานก็ไหลออกมาเหมือนกับระบบอัตโนมัติ หยาดน้ำใสไหลมาตามแก้มขาวนวลแล้วไปรวมตัวกันอยู่ที่ปลายคางสวย แบคฮยอนยิ้มจางให้กับความอ่อนไหวของรุ่นน้อง นิ้วเรียวปาดหยดน้ำตาทิ้งแล้วจับหัวของคนตาโตซบเข้าที่อกของตัวเอง

     
     

                “ร้องจนกว่านายจะพอใจคยองซู”

     
     

                ยิ่งเจอคำพูดแบบนี้ น้ำตาที่ไหลอยู่ก็ยิ่งไหลไม่หยุดหย่อน เสียงสะอื้นไห้เล็กๆพร้อมกับอาการตัวสั่นน้อยๆเล่นเอาแบคฮยอนถึงกับถอนหายใจออกมา ถ้าเหนื่อยมากขนาดนี้จะอดทนไปถึงไหนกัน ...

     
     

                แบคฮยอนลูบหลังบางเบาๆ มือเรียวผลัดกอดผลัดลูบอยู่เสียนาน เสื้อยืดสีขาวที่ไว้ใส่ซ้อมเริ่มเปียกชื้นเป็นวงกว้างเพราะหยาดน้ำใสอุ่น เอื้อมมือขึ้นไปลูบหัวเป็นการปลอบประโลมหัวใจที่เหนื่อยล้าของคยองซู อ้อมกอดที่เคยหลวมกลับแน่นขึ้นเพราะคนที่ร้องไห้เริ่มจะหันมากำเสื้อยืดของแบคฮยอน ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมาที่เสื้อยืดคล้ายจะเป็นการซับหยาดน้ำตาของตัวเอง

     
     

                เสียงสะอื้นไห้เริ่มเบาลง ร่างบางที่เคยสั่นสะท้านเริ่มสงบลง มือที่เคยกำแน่น.. ก็ยังคงกำแน่นอยู่อย่างนั้น คยองซูไม่อยากปล่อยมือออกจากความอบอุ่นแบบนี้ ไม่อยากแม้แต่จะเงยหน้าออก

     
     

                “สบายใจขึ้นรึยัง” มือเรียวเริ่มลูบหัวอีกครั้ง แบคฮยอนส่งเสียงอ่อนออกไป การร้องไห้ของคยองซูเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกแน่นที่หน้าอก ไม่มีใครรู้ว่าคนตัวเล็กคนนี้อึดอัดแค่ไหนยามที่ต้องกลั้นสิ่งที่อยู่ในใจแบบนี้ไว้คนเดียว

               

                “อือ” ตอบรับเบาๆในลำคอ ขยับตัวซุกหาความอบอุ่นจากอ้อมกอดแสนแน่นของแบคฮยอน

     
     

                “เงยหน้ามาสิ เร็วเลย” แบคฮยอนจับเข้าที่คางของร่างเล็กในอ้อมกอด ช้อนคางเรียวขึ้นมาให้สบเข้ากับตาของตัวเอง คยองซูขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

     
     

                ดวงตากลมโตที่เคยสดใสและเป็นประกายกลับบวมแดงจนคนมองใจหาย หยาดน้ำตายังเหลือค้างคาอยู่ที่ปลายหางตา จมูกโด่งสวยแดงก่ำพร้อมกับส่งเสียงฟึดฟัดออกมาสร้างรอยยิ้มให้กับคนมอง เรียวปากอิ่มบวมเจ่อ คงเพราะระหว่างนั้นคงกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อกั้นเสียงเป็นแน่

               

                “ตาแดงกว่าตอนนั้นอีก พวกพี่ๆจะต้องถามนายแน่” แบคฮยอนกล่าวออกมาอย่างขำๆ คยองซูหลุบตามองต่ำ นิ้วเรียวไล้ปาดหยาดน้ำตาที่ปลายหางตาแล้วนำมันไปเช็ดเข้าที่เสื้อยืดของตัวเองก่อนจะนำมือขึ้นมาบีบลงไปที่ปลายจมูกโด่งเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว

     
     

                “จมูกก็แดงเป็นรูดอร์ฟเลย” คยองซูสั่นหน้าไหว ผมเส้นเล็กสะบัดพลิ้วไปกับแรงสั่นของหัว ภาพตรงหน้าทำให้แบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง

     
     

                “แบคฮยองอา” เอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบาพร้อมกับแก้มที่ขึ้นสีแดง รู้สึกได้ว่าเมื่อสักครู่ตัวเองจะทำเรื่องน่าอับอายไปจนแบคฮยอนเอ่ยปากล้อออกมาแบบนี้

     
     

                “นานๆทีร้องไห้ดีกว่านะ นายไม่เหมาะกับน้ำตาเลยคยองซู” มือเรียววางแหมะลงที่หัวทุยของคนตาโต ยิ้มหวานให้กับคนน้องที่เริ่มยิ้มตาหยีตอบรับ

     
     

                “ครับ.. แบคฮยองก็ ช่วยอยู่ตอนที่ผมอยากร้องไห้ด้วยนะ ผม.. ไม่อยากร้องให้ใครเห็น”

     
     

                “ฉันสัญญา”

     
     

                เป็นอีกครั้ง ที่คยองซูมีความสุข เพราะรอยยิ้มหวานของแบคฮยอน

     

     

     

     

              “กว่าจะกลับมานะ มีอะไรเปล่าพวกนาย ทำไมให้ซึงฮวานฮยองไปรับอีกรอบ” เสียงสอบถามความเป็นไปของวงแบบนี้คงไม่พ้นใคร ลีดเดอร์ของวงอย่างจุนมยอน

     
     

                “เปล่าน่าฮยอง นี่ก็สงสัยอะไรนักหนา” แบคฮยอนเอ่ยขึ้นอย่างติดตลกพร้อมกับตีเข้าไปที่หลังของลีดเดอร์อย่างหยอกล้อ

     
     

                “ก็เปล่า เป็นห่วงนี่หว่า เออไม่มีอะไรแล้วก็เข้าๆห้องไปเหอะ” พอถามไถ่ตามประสาคนเจ้ากี้เจ้าการเสร็จ ก็ไล่กลับห้องอย่างว่าง่ายไม่มีการสอบถามต่อ คยองซูที่หลบอยู่ข้างหลังของแบคฮยอนถึงกับถอนหายใจยาวออกมาเมื่อไม่มีใครสังเกตเห็นดวงตาของตัวเองที่ออกจะแดง

     
     

                “ฮยองเป็นคนจัดการหรอครับ” คนตาโตเอียงคอถามขึ้น พร้อมกับช้อนตามองรุ่นพี่ที่ยืนยิ้มแป้น

     
     

                “อือดิ เห็นคนแถวนี้ซึมไป เลยไปเคลียกับซึงฮวานฮยองให้บอกเดี๋ยวค่อยมารับ”

     
     

                คยองซูยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตประกายไปด้วยความสุข หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง ไม่คิดว่าแบคฮยอนจะเป็นคนที่ละเอียดอ่อนขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะสังเกตคนที่ไม่ค่อยแสดงออกอย่างคยองซู

     
     

                “พอร้องไห้ไปแล้วนี่ก็ยิ้มอย่างเดียวเลยนะ” แบคฮยอนเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งอย่างหมั่นเขี้ยวอีกครั้ง ขาเรียวเดินไปที่โซฟากลางห้องแล้วนั่งลงพักเหนื่อยจากการนั่งรถกลับมายังหอ

     
     

                คยองซูเมื่อเห็นคนเป็นพี่เดินไปนั่งแล้วจึงหันกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง หยิบผ้าผืนเล็กที่ไม่ค่อยได้ใช้ออกมา เดินลากขาจนมาถึงในครัวพร้อมกับเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเย็นออกมา เปิดฝาแล้วเทน้ำเย็นจัดลงบนผ้าผืนเล็ก บีบพอหมาดแล้วเดินไปยังคนตัวเล็กที่นั่งหลับตาเอาหัวหงายไปข้างหลังตรงเบาะ

     
     

                “อ่ะ..” เสียงเล็กร้องออกมาเบาๆอย่างตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นบริเวณแก้มที่เริ่มไล้ลามมาถึงต้นคอ พอลองนึกดูแล้วคงไม่มีใครทำแบบนี้นอกจากคนตาโตก็ยิ้มหวานออกมาทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น

     
     

                “ดีบ้างไหมครับ” คยองซูคุกเข่าจับพนักพิงของโซฟา ยืดหน้าเข้าไปใกล้หมายจะดูสีหน้าผ่อนคลายของแบคฮยอนให้รู้สึกใจชื้น

     
     

                “อืม ดีเหมือนกันแฮะ” คนที่นั่งอยู่บนโซฟาตอบรับด้วยน้ำเสียงสบายๆ แขนเรียวยืดสุดความยาวแล้วโน้มไปข้างหลังพนักพิงของโซฟา มือเรียวจับสะเปะสะปะลงบนหน้าของคยองซู พอรู้สึกว่าตรงนั้นเป็นพวงแก้มนิ่มก็เริ่มลูบมันเบาๆอย่างสนุกมือ

     
     

                มือเล็กเริ่มไล้ผ้าเย็นไปทั่วใบหน้าพริ้มของแบคฮยอน สายตาอ่อนโยนยามมองไปที่ใบหน้านั้นบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนคนนี้รู้สึกเช่นไร

     
     

                ส่วนมือเรียวของแบคฮยอนที่เคยจับไว้ที่แก้มเริ่มเกี่ยวรั้งไว้ที่คอสวยของคยองซู นิ้วเรียวสวยเริ่มเล่นซนอีกครั้ง จรดปลายนิ้วแต่ละนิ้วช้าๆลงบนหลังคอของคนตาโตเบาๆ

     
     

                “ปูไต่.. ปูไต่” เสียงเล็กพูดออกมาไม่ดังนัก แต่ก็ทำให้คนที่ซับหน้าให้ถึงกับออกอาการแก้มแดงได้ไม่ยาก คยองซูระบายยิ้มให้กับอารมณ์เด็กๆของคนตรงหน้า ซับไปที่ลำคออีกครั้งแล้วนำมือออกมา เอาผ้าที่เช็ดเสร็จยัดใส่มือของแบคฮยอน

     
     

                “ไปอาบน้ำดีไหมครับ” คยองซูยืดตัวยืน มือเล็กจับไปที่ไหล่ของแบคฮยอนแล้วบีบเบาๆหลายๆทีเป็นการนวด ก่อนจะฉวยมือเรียวของคนเป็นพี่ให้ลุกขึ้นเตรียมตัวไปอาบน้ำได้แล้ว

     
     

                “จะได้พักผ่อนกันเร็วๆ พรุ่งนี้เรามีซ้อมร้องเพลงนะฮยอง” แบคฮยอนหรี่ตามองขึ้นไปบนเพดาน แต่แทนที่จะกลายเป็นเพดานสีขาวของหอพัก ดันกลับเป็นหน้าขาวใสของคยองซูแทน

     
     

                “พรุ่งนี้ซ้อมกับนายหรอ” เสียงเล็กเอ่ยถามออกมาเบาๆ ดวงตาเรียวลืมขึ้นมาเต็มทั้งสองตาแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตที่วูบไหว

     
     

                “ครับ ไปอาบน้ำกันเถอะ” ฉุดมือเรียวนั่นอีกครั้ง แล้วก็สำเร็จ เพราะครั้งนี้แบคฮยอนไม่มียื้อยึดพร้อมกับลุกขึ้นยืนตามอย่างว่าง่าย

     
     

                “ก็ได้..”

     
     

                “แบคฮยองอาบน้ำก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมทำอาหารรอ” เป็นรอยยิ้มหวานอีกครั้งที่แบคฮยอนได้รับ เหมือนวันนี้จะได้รับเสียหลายรอบเลยสิ

     
     

                คยองซู มีความสุขกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้แบคฮยอน

     

     

     

             

                “ความจริงฮยองไม่เห็นต้องมาส่งผมเข้านอนเลย” คยองซูเอ่ยออกมาเบาๆ เพราะไม่อยากรบกวนเมมเบอร์คนอื่นในห้องที่พอเขาเข้ามาถึงห้องก็หลับกันเหมือนซ้อมตาย

     
     

                “เอาน่า จะรอจนกว่านายจะหลับ ไม่อยากเห็นคนแถวนี้แอบร้องไห้ตอนนอน” แบคฮยอนเอ่ยขึ้นติดตลก แต่คนที่ได้ยินกลับไม่รู้สึกตลกด้วยสิ แก้มขาวขึ้นสีแดงพร้อมกับอมลมจนแก้มพอง

     
     

                “ใครที่ไหน ไม่มี.. ซะหน่อย” เอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว แบคฮยอนยิ้มจางๆ พร้อมกับนำมือไปลูบหัวกลม ถ้าลูบไปจนคยองซูหลับจะไม่มีใครตื่นขึ้นมาแอบล้อแบคฮยอนใช่ไหม

     
     

                “สายของฉันบอกมาก็แล้วกัน หลับได้แล้ว ไหนบอกมีซ้อมร้องเพลงกับฉันไง”

     
     

                “ฮยองก็เหมือนกันแหละน่า” ปลายเสียงออกจะดุขึ้นจนคนฟังถึงกับหัวเราะในลำคอ

     
     

                “รีบนอนสิ”

     
     

                “ครับ.. ฝันดีนะแบคฮยอง พอผมหลับแล้วรีบออกไปนอนบ้างนะ”

     
     

                “โอเค”

     
     

                มือเรียวยังคงลูบหัวกลมนั้นเบาๆ ลูบช้าๆด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้น ทั้งสงสารที่วันนี้ร้องไห้งอแง และก็ทั้งเอ็นดูที่ทำตัวน่ารักออกมาโดยไม่รู้ตัว

     
     

                จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนตัวเล็กบนเตียง ดวงตากลมโตสองข้างปิดสนิท คยองซูหลับตาพริ้มบนเตียงนอนดูยังไงแล้วก็เหมือนเทพธิดาตัวน้อย แบบนี้สิยิ่งทำให้แบคฮยอนอยากดูแล อยากปกป้อง อยากทำอะไรให้เพื่อให้ได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุข

     
     

                “ฝันดีนะคยองซู”

     
     

    เป็นอีกคืนที่แบคฮยอนก้มหน้าจรดริมฝีปากของตัวเองลงที่หน้าผากนูนสวยของคยองซู

     
     

    คยองซูก็คงไม่รู้เหมือนกันสินะว่า

     
     

    ความสุข

    ของ พยอน แบคฮยอน ก็คือ โด คยองซู

               

     

     
     

     
     

                END

               

     



     

    อยากคุย:

    แบคโด้คนตัวเล็กสองคนมาเสิร์ฟด้วยรักนะคะ

    สุขสันต์วันเกิดนะ MY LAFS พยอน แบคฮยอน กรั่กๆๆ เลิ้บยูว

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×