คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : [SF] :: Unfortunately 2/? (Kai x Baek)
Kai x Baekhyun
“เห้ยคยองซู เดี๋ยวฉันลงไปซื้อของที่มินิมาร์ทแถวนี้ก่อนนะ ลืมแปรงสีฟันว่ะ”
“ใช้อันเดียวกันก็ได้มั้ง ปากฉันปากนาย ไม่เป็นไรหรอกน่า” คยองซูเอ่ยออกมาขำๆ มือเรียวที่กำลังเปลี่ยนช่องทีวี หันมาทำเป็นเอารีโมทมาสีฟันตัวเอง แบคฮยอนที่มองอยู่ขำออกมาแล้วโบกมือเชิงไม่เอาด้วยดีกว่า พร้อมกับก้าวเท้าเดินออกจากห้อง
หอของคยองซูเป็นหอพักนอกไม่ใช่หอพักในมหาลัย เวลาจะไปทำอะไรที่ไหนกี่โมงกี่ยามเลยดูสะดวก เพราะจะออกไปตอนไหนก็ได้เรื่องของพวกคุณเถอะ
เขาใช้เวลานานอยู่กว่าจะลงมาถึงชั้นล่าง ก็ตั้งชั้นสามเชียวนะ แถมต้องลงบันไดด้วยความระวังอีก ไอ้สร้อยเครื่องรางนั่นก็ถูกเก็บมาใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเคย
ความจริงจะไม่เอามาก็ได้.. แต่ความกังวลมันก็อยู่เหนือหลายๆอย่าง
แบคฮยอนเดินมาตามทางเดินเรื่อยๆ ขาเรียวก้าวทีละก้าวอย่างสบายอารมณ์ อากาศตอนกลางคืนหลังจากฝนตกอาจจะหนาวนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าอากาศดีทีเดียวเหมาะแก่การมาเดินเล่นสุดๆ
มินิมาร์ทที่ว่าก็อยู่ไม่ไกลหอสักเท่าไหร่ เดินมาได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงที่หมาย แบคฮยอนรีบเข้าไปในร้านพร้อมกับซื้อแปรงสีฟันเจ้าปัญหาที่เขาดันลืม ทั้งๆที่ในหัวก็ตั้งลิสท์ของจำเป็นแต่ละอย่างไว้แล้ว
เดินเอ้อระเหยลอยชายสุดๆ
อากาศกำลังดี.. ไปช้าหน่อยคยองซูคงไม่ปล่อยเขานอนข้างนอกหรอก
มั้ง?
“อ่า เจ้าหมาน้อย.. ทำไมหน้าคุ้นๆ” จากระยะทางไม่กี่ก้าว เขาสามารถเห็นเจ้าหมาน้อยตัวเดิม ใช่เขามั่นใจว่ามันเป็นตัวเดียวกันกับเมื่อตอนเย็นที่เล่นกัน
แบคฮยอนรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้กับเจ้าหมาน้อยที่กำลังเดินเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่อยู่แถวข้างทางเท้า มันเดินกระดิกหางไปมา หันไปมองนั่นนี่อย่างสนใจ คนที่จับตามองอยู่ถึงกับเผลอยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
“เจ้าตัวเล็ก..” เขาลองเรียกมันดู ดูเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยจะจำเขาได้มันหันมามองพร้อมกับวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาใกล้ กระโดดเกาะขากางเกงวอร์มเขาแน่น
“ไงล่ะ เป็นหวัดป่าว ฉันเป็นหวัดแหละ ดูน้ำมูกดิ” แบคฮยอนซื้ดน้ำมูกเป็นตัวอย่างให้หมาน้อยตัวนั้นดู ดูเหมือนว่ามันจะเข้าใจเหมือนกันแฮะ มันส่งเสียงเห่าตอบรับเขาพร้อมกับกระโดดเหยงๆอยู่ที่ขา
“หิวไรป่ะ เดี๋ยวไปซื้อมาให้กิน รอนี่ก่อนนะ” ใครจะว่าเขาบ้าก็ว่าไปเถอะ เพราะตอนนี้แบคฮยอนกำลังคุยกับน้องหมาอย่างจริงจังเชียวแหละ
ร่างบางเดินย้อนกลับไปที่มินิมาร์ทที่เดิม เข้าไปซื้อไส้กรอกออกมาสักถุง แล้วเดินกลับไปหาหมาน้อยที่ตั้งตารอไส้กรอกหอมๆของเขา ลิ้นเล็กห้อยลงมาพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เอาหัวไถไปที่ขาของเขา
“เห้ยตั้งใจกินดีๆ” ไส้กรอกถูกบิออกเป็นชิ้นพอดีคำ เขาป้อนให้มันทีละชิ้น แต่ดูเหมือนเจ้าตัวน้อยจะดูกินช้าละเลียดไปหน่อย พอเขาเหลือบตามามองเวลาก็ถึงกับตาโต ..
จะห้าทุ่มแล้ว ยังนั่งให้ไส้กรอกหมา
ดีเยี่ยมเลย แบคฮยอน
“งั้นวางไว้ในถุงนะ แกกินดีๆล่ะ” จัดการวางถุงไส้กรอกไว้ตรงหน้าของมัน แล้วลุกขึ้นปัดฝุ่นตามตัวเล็กน้อย บิดขี้เกียจสองสามทีให้หายเมื่อยจากอาการนั่งนานเพื่อป้อนไส้ให้กรอกหมา
“โฮ่ง!”
“เห้ย กินดีๆ นี่จะคาบไปไหน” พอเห็นเจ้าหมาน้อยนี่คาบถุงแล้วเดินตามข้างทางก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ เหมือนใจแป้วเบาๆ
“ไม่ต้องคาบไปกินที่อื่น...” เหมือนเขายิ่งเรียก เจ้าหมาตัวนี้ก็ยิ่งซนเดินหนีไปเรื่อยๆ แล้วคืนนี้จะได้นอนไหมเนี่ย หรือต้องเดินตามหมาอย่างนี้อย่างเดียว
“เห้ย จะทำไรอ่ะ ข้ามถนนไม่ได้นะ เดี๋ยวรถก็มาหรอก” เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงริมถนน เจ้าหมาน้อยตัวนั้นมันกำลังมุ่งหน้าไปอีกฝั่งของถนน หน้าตาของมันมุ่งมั่นมากและพร้อมจะเดินไปทุกเมื่อ
รถคันแล้วคันเล่าขับผ่านหน้าเขาไป แต่เจ้าหมาน้อยนี่ดูจะไม่ลดละ มันรอเวลาจนกระทั่งไม่มีรถแล้วข้ามไป
“เห้ย รถ!” มันข้ามมาได้เกือบเลนถนนนึงแล้ว แต่กลับมีรถยนต์ขับผ่านหน้ามันไปอย่างฉิวเฉียด เห็นดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องข้ามถนนเพื่อจะตามไปอุ้มมันข้ามไป
โอเค.. ปลอดภัยแล้วนะเจ้าหมา
แบคฮยอนเดินมายืนอยู่กลางถนนเพื่ออุ้มเจ้าหมาน้อยตัวนี้.. เสียสติหรือเสียสติ
“รอรถไปก่อนแล้วเราค่อยเดินกันนะ นั่นไม่มีรถแล้ว” ขาเรียวก้าวผ่านไปตามถนน เลนที่หนึ่ง เลนที่สอง จนกระทั่งเลนที่สาม
กลับมีรถจากไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้ามาใกล้
อีกแค่ก้าวเดียวเขาก็จะถึงทางเท้าแล้ว... อีกแค่นิดเดียว
แสงไฟจากหน้ารถสว่างจ้าจนทำให้ตาทั้งสองข้างของร่างบางพร่ามัว ภาพเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดตรงหน้าทำให้เขาก้าวขาไม่ออก อีกไม่นาน.. รถคันนั้นก็จะชนเขา
แสงไฟสีขาวนวลสว่างจ้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงของร่างบางพร้อมกับแสงจากไฟหน้ารถที่กำลังสาดเข้ามาควบคู่กับเสียงแตรรถที่บีบดังระงม
“ช่วย... ด้วย”
ฟุบ..
ตายยัง? ไม่เจ็บแฮะ
“โอย..” เสียงเบาๆข้างหูนี่มันคืออะไรกัน
“โอ้ย! อย่าเพิ่งขยับ” ชัดเลยไม่ใช่ข้างหู แต่อยู่ข้างล่างตัวเขา แล้วตอนนี้เขากับเจ้าหมาน้อยก็ปลอดภัยหายห่วงอยู่ที่ข้างทางเท้าแล้ว
เดี๋ยว แบคฮยอนยังดีใจไม่ได้... คนข้างล่างนี่ใคร
“เจ็บแฮะ” เขาหันไปมองข้างล่างตัวเองนิดนึง คนที่อยู่ข้างใต้เขาหน้าคุ้นอย่างประหลาดใจ ทั้งจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมที่ตอนนี้ปิดสนิท และปากหยักที่ร้องโอดครวญ แถมด้วยเสียงที่คุ้นเคยอีก
“จงอิน.. จงอิน!” ร่างบางตะโกนขึ้นพร้อมกับเขยิบตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เจ้าหมาตัวต้นเหตุที่อยู่ในอ้อมกอดของเขากระโดดพลิ้วหายไปแล้วพร้อมกับถุงไส้กรอก ทิ้งให้เขาอยู่กับคนที่ช่วยชีวิตสองต่อสอง
“เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนบ้าง เรียกรถพยาบาลไหม” แบคฮยอนกระวนกระวายจับนู่นจับนี่ร่างสูงพร้อมกับถามอาการ มือเรียวเตรียมล้วงมือถือในกระเป๋าเพื่อโทรเรียกรถพยาบาล
แต่สิ่งที่ออกมากลับไม่ใช่มือถือนี่สิ
สร้อยเครื่องรางที่คุณยายให้เขามาวันนี้ตกลงอยู่ข้างตัว
พร้อมกับแสงสว่างสีขาวนวลที่จางลงไป จนมืดในที่สุด
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน...
แบคฮยอนรีบหยิบสร้อยเครื่องรางเส้นนั้นขึ้นมาดู นิ้วเรียวปาดไปตรงแฉกดาว หยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดหน้าจอให้พอมีไฟแล้วนำมาส่องเข้าที่สร้อย
“แฉกดาวหายไปแล้ว...” มือเรียวที่ถือสร้อยอยู่สั่นขึ้นมาทันที สิ่งที่เจอเมื่อเย็นกำลังเกิดขึ้นจริง
“โอย นายไม่เป็นไรใช่ไหมแบคฮยอน” จงอินที่ยืดตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิได้แล้วหันหน้ามอมองแบคฮยอนที่ยังคงจดจ้องกับบางสิ่งในมือเรียว
“อือ... ฉันโอเค แล้วนายล่ะ” ร่างบางถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว แล้วแถมท้ายประโยคยังดูสั่นเสียจนร่างสูงจับความกังวลได้
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ในมือนายคืออะไรอ่ะ” จงอินยืดหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับมองสร้อยเครื่องรางในมือของแบคฮยอนพลางพิจารณา
“เรื่องมันยาว... เอ่อ” แบคฮยอนเอ่ยขึ้นอย่างติดขัด
“เล่าให้ฉันฟังได้นะ ถ้ามันทำให้นายสบายใจขึ้น” ร่างสูงยืดมือไปจับไหล่บางของแบคฮยอนพร้อมกับตบลงให้กำลังใจเบาๆ
“นาย.. มากับฉันหน่อยได้ไหม” ร่างบางลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง ยื่นมือไปข้างหน้าหมายให้จงอินที่นั่งอยู่จับแล้วลุกขึ้นตาม
“ห๊ะ งั้นแปลว่านายก็ต้องเจอกับเรื่องโชคร้ายอีกตั้งสี่เรื่องน่ะหรอ” จงอินถามขึ้นด้วยเสียงที่ดูตกใจ
“อื้อ ก็คงเป็นอย่างนั้น.. ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งเมื่อกี๊ที่เกือบตายน่ะ” ร่างบางเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยก็มีเพื่อนรับรู้เรื่องนี้ด้วยลดความกดดันลงได้เยอะเลย
“ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้จงอิน ฉันคงไม่รอด” แบคฮยอนหันไปส่งยิ้มหวานให้กับร่างสูงที่ยืนอ้าปากค้างมองรอยยิ้มที่แบคฮยอนให้มา รอยยิ้มหวานที่เผลอทำให้ร่างสูงเอามือเกาหลังคออย่างเขินอาย
“งั้น.. ตามที่คุณยายอะไรนั่นบอกมาว่าจะมีคนมาช่วยนาย ก็คงเป็นฉันสินะ” จงอินที่ดูเหมือนจะเข้าใจเนื้อเรื่องที่เขาเล่าไปแล้วอย่างดี ถามขึ้นอย่างติดตลก
“ไม่รู้สิ.. แต่ฉันไม่อยากให้ใครมาเป็นอันตรายเพราะต้องช่วยฉันหรอกนะ”
หลังจากที่เมื่อครู่เขาได้พาจงอินเดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าหอพักของคยองซู เขาก็ได้พบกับความบังเอิญอีกครั้ง
จงอินอยู่หอเดียวกับคยองซู
ทำไมเขาไม่เคยรู้
แต่ก็แน่สิ.. จะรู้ได้ไง เขาไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
“สงสัยจะเป็นฉันแล้วนะที่ต้องดูแลนาย” ร่างสูงหันมามองเขาด้วยสายตาเหมือนเด็กซนๆคนนึง น้ำเสียงที่ยังติดตลกอยู่ทำให้เขาอดไม่ได้เลยที่จะต้องเป็นกังวล
“มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะจงอิน!” แบคฮยอนเอ่ยขึ้นมาเสียงดังอย่างลืมตัว เลยเพิ่มประโยคที่ดูเบาลงไม่ให้บรรยากาศที่เกิดขึ้นอึดอัดจนเกินไป
“มันจะเป็นอันตราย...”
“ก็ยังไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา เนาะ” ร่างบางเงยหน้าไปมองร่างสูงของจงอินที่ยืนค้ำหัวตัวเอง สายตาที่อ่อนโยนต่างจากทุกครั้งถูกส่งมาให้จนคนที่มองอยู่เกิดอาการแก้มแดงจางๆ เขาจะไข้ขึ้นอีกแล้วไม่ได้นะ สงสัยเขาจะต้องรีบขึ้นไปนอน คยองซูต้องว่าเอาแน่ๆ
“แล้วแต่นายแล้วกัน.. ฉันขึ้นห้องก่อนนะ เพื่อนฉันคงอยากนอนแล้ว” ถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งเพื่อให้พ้นระยะที่จงอินก้มหน้ามามองเขาเมื่อสักครู่ แบคฮยอนโบกมือลาอีกครั้งเหมือนกับตอนล่าสุดที่ป้ายรถเมล์
พอเห็นร่างสูงพยักหน้ารับแล้วโบกมือกลับมา ก็หันหลังแล้วเดินขึ้นหอไปเลย ทิ้งให้จงอินยืนยิ้มหวานอยู่คนเดียวกลางทางเดินของหอ
“ช้าจังนะ ฉันเกือบจะล็อกห้องแล้ว” พอเดินมาถึงหน้าห้องก็เจอคยองซูยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว นี่ถ้าเขาเดินขึ้นมาช้าอีกสักห้านาที ประตูห้องนี้อาจจะปิดไม่รับเขาเข้าแล้วก็ได้
“เจอเรื่องนิดหน่อยน่ะ นี่ไงแปรงสีฟัน” นิดหน่อยเอง เขาก็แค่.. เกือบได้เกิดใหม่
“อื้อ เข้ามาได้แล้วจะรีบนอน นอนดึกจะอ้วนนะ” คยองซูถอยตัวเข้าไปข้างในห้อง เปิดประตูอ้าไว้ให้แบคฮยอนเดินตามเข้ามา คนที่เดินตามเข้ามาแล้วก็หันไปล็อกประตูอย่างรู้หน้าที่แล้วเดินตามเจ้าของห้องเข้าไป
แบคฮยอนเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ หยิบชุดตัวใหม่มาเปลี่ยนด้วยเนื่องจากรู้สึกได้ถึงเหงื่อและตัวเขาเองดันไปคลุกฝุ่นมา แถมยังเป็นการคลุกฝุ่นที่อันตรายมากๆด้วยสิ
“เปลี่ยนชุดไมอ่ะ” ทำไมคยองซูถึงกลายเป็นเจ้าหนูจำไมในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องตลอดด้วยหนิ
“ลงไปวิ่งมาด้วย เหงื่อออก” แบคฮยอนเลี่ยงที่จะตอบตามความจริง เขากลัวเพื่อนตาโตคนนี้ของเขาจะเกิดอาการช็อคด้วยความตกใจเสียก่อน
“แน่นะ” เป็นคนย้ำคิดย้ำคำตั้งแต่เมื่อไหร่กัน โด คยองซู
“แน่สิ ไปนอนได้แล้ว ไหนใครบอกนอนดึกจะอ้วน”
“ฉัน เออนอนก็นอน คนก็นึกว่าไปมีเรื่องกับใครมาเห็นไปช้า”
ร่างบางหัวเราะให้กับความเป็นห่วงเกินเหตุของเพื่อนตาโต แบคฮยอนเดินตามคยองซูไปที่เตียงนอน ปิดไฟตรงหัวมุมแล้วเดินขึ้นไปนอนอีกฝั่งของเตียงโดยที่มีคยองซูนอนเอกเขนกรออยู่แล้ว
“ถ้ามีอะไรก็บอกฉันได้นะแบคฮยอน วันนี้ฉันเห็นนายขมวดคิ้วทั้งวันเลย”
คยองซูเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ รอบห้องมืดสนิทมีเพียงแสงไฟที่เปิดส่องออกมาจากห้องน้ำ แบคฮยอนยังคงลืมตามองขึ้นไปบนเพดานของห้อง
เขากังวลก็จริง... แต่เขาไม่อยากให้คนรอบข้างเป็นห่วงหรอก
“อื้ม ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ นอนเถอะ ฝันดี” ผ้าห่มผืนหนาถูกดึงขึ้นมาคลุมให้คนข้างกายก่อนที่แบคฮยอนจะหันหน้าออกไปอีกฝั่งแล้วซุกตัวลงเตียงตามเดิม
ขอบคุณนะคยองซู
เขาจะไม่ให้คนอื่นข้องเกี่ยวกับเรื่องโชคร้ายนี้แน่นอน...
เพราะงั้น แบคฮยอนคนนี้จะดูแลตัวเองให้ได้มากที่สุด
เขาไม่อยากเป็นภาระให้ใครทั้งสิ้น..
To be continue
ความคิดเห็น