ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF EXO ) ' Something Special '

    ลำดับตอนที่ #52 : [SF] :: Unreasonable (Baek x Do)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 692
      4
      29 พ.ค. 58

    Unreasonable
    Baekhyun x Kyungsoo

    PS. EROTIC+ (ไม่ชอบอ่านข้ามได้ค่ะ)





     
     

    โด คยองซูรู้.. ใช่ รู้ทุกอย่าง

     

                รู้และเห็นมันอย่างที่โดนกล่าวหานั่นแหละ

     

     

                “นายเห็นมัน ใช่ไหม”

     

    มันช่างเป็นน้ำเสียงที่น่ากลัว เขาไม่เคยเห็นคนคนนี้ในโหมดแบบนี้ ผู้ชายขี้เล่นที่มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าขาวสะอาดสะอ้านกับดวงตาแสนออดอ้อนสำหรับทุกคน

     

                “ฉัน.. ฉัน” ไม่สามารถพูดออกมาได้เต็มปาก ในเมื่อสายตาแข็งกร้าวยังมองมาตรงหน้าอยู่เช่นนี้

     

                “ฉันกับพี่น่ะ นายเห็นใช่ไหม” มือเรียวยาวเอื้อมขึ้นกระชากคอเสื้อจนเขาเริ่มเท้าไม่ติดพื้น ริมฝีปากถูกเม้มเอาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บแสบไปหมด

     

                “ก็ดี ไม่พูดก็ดี” แรงที่ถูกดันขึ้นผ่อนลง แอบผ่อนลมหายใจออกจากโล่งอก แต่ก็ต้องหยุดหายใจอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคที่คนคนนั้นกล่าวออกมา

     

                “ระหว่างฉันกับจุนมยอนอาจไม่ใช่เรื่องตั้งใจ นายก็รู้นี่.. วัยรุ่น วัยกำลังอยากลอง และในเมื่อเรามีอารมณ์ทั้งคู่ ใครจะห้ามมันอยู่ ก็แค่ต้องปลดปล่อยออกมา ง่ายมากมายตรรกะนี้”

               

                คนตรงหน้ากำลังทำให้เขากลัว คยองซูขดตัวกับมุมผนังห้องน้ำ ตัวสั่นงกๆเหมือนลูกนกพึ่งหัดบิน แต่นี่เขายังไม่ทันได้หัดบินเลย แถมตอนนี้ยังจะโดนเด็ดปีกในไม่ช้าด้วยสิ

     

                สักหมักสองหมัดคงไม่สาแก่ใจ ถ้าให้พอใจ.. เขาคงต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลสักเดือนสองเดือนแทนซะแล้ว

     

                “แต่นั่นมันพี่ชายของนายนะ แบค..แบคฮยอน” เผลอหลุดความคิดหนึ่งออกมาดังจนเจ้าของชื่อหันกลับมามองช้าๆพร้อมมุมปากที่ถูกจุดขึ้นเป็นรอยยิ้ม

     

                “อ้าว งั้นดีเลย นายจะบอกว่า นายอยากอาสาทำให้ฉันแทนพี่ชายแล้วใช่ไหม หืม โด คยอง ซู”

     

                ทั้งรอยยิ้ม สีหน้า แววตา คนตรงหน้าช่างร้ายบริสุทธิ์ ปลายนิ้วที่เชยคางเขาขึ้นกับลมหายใจร้อนที่เป่าอยู่ตรงต้นคอทำให้ไรขนอ่อนลุกชัน กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของแบคฮยอนกำลังทำให้เขาเคลิ้มไปกับสัมผัส

     

                ครั้งแรกกับความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับเด็กที่พึ่งขึ้นมัธยมปลายแบบคยองซู การเห็นคนจูบกันต่อหน้าก็ถือว่าเป็นเรื่องหนักหนาสากันแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องมันแดงขึ้นแบบนี้ ก็เป็นเพราะ..

     

                วันนั้นหลังเลิกเรียน มันเป็นวันที่เขากลับบ้านเย็นเพราะมัวแต่ทำความสะอาดภายในห้องเรียน เพื่อนทุกคนกลับกันหมดแล้ว และเขาเหลือแค่เทน้ำที่ใช้ถูพื้นห้องทิ้งซะ

     

              สองมือถือถังที่เต็มไปด้วยน้ำอย่างทุลักทุเล ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ ที่แปลกไปกว่าทุกครั้ง ตรงที่มันมีเสียงที่ทำให้ตัวเองรู้สึกขนลุกซู่ ไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่ไม่เคยได้ยิน เสียงแบบนี้เขาเคยรู้ตอนมัธยมต้นตอนนั้นที่แอบเข้าไปในห้องคนเดียวแล้วเปิดคลิปหนังผู้ใหญ่ที่ได้แผ่นมาจากเพื่อนตัวสูงอย่างชานยอล

     

              เขาเลือกที่จะหยุดอยู่หน้าทางเข้า วางถังใส่น้ำไว้ให้เบาที่สุด แล้วชะโงกหน้าเข้าไปดูเพียงนิดเดียว เพียงแว๊บเดียวที่คยองซูต้องกลับมาเอาหลังพิงกำแพงแล้วเอามือทาบกับอก

     

              แบคฮยอน.. กับใครไม่รู้ ที่มากไปกว่านั้นคนที่อยู่กับแบคฮยอนเป็นผู้ชายด้วยกัน

     

              ความอยากรู้อยากเห็นมันมีมากกว่าความกลัวภายในใจ คยองซูชะโงกหน้าไปดูอีกครั้ง แล้วก็ต้องหน้าแดงเมื่อได้ยินเสียงครางยาวอย่างไม่เก็บกั้นอารมณ์ของแบคฮยอนลอดออกมา ใบหน้าดูมีความสุขเวลาอีกคนที่นั่งคุกเข่าผงกหัวเข้าออกเร็วขึ้น และเสียงเรียกชื่อ จุนมยอนอาที่ดังออกมาทำให้คยองซูถึงกับกลั้นหายใจแล้วเอามือกุมปากตัวเอง

     

              ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจกว่าสิ่งอื่นใด มากกว่าแบคฮยอนกำลังทำอะไรแบบนั้นกับผู้ชาย ไม่ใช่แค่ผู้ชาย แต่เป็นพี่ชายแท้ๆของตัวเอง

     

              และเมื่อเขาตั้งสติได้อีกครั้งก็ตอนอีกคนเสร็จสิ้นอารมณ์หมายพร้อมสายตาที่ไม่เป็นมิตรมองมายังตัวเอง นั่นแหละคือสายตาคาดโทษที่คยองซูพยายามหนีมันมาได้ถึงสามวันเต็มๆ

     

     แล้วก็มาแจ็คพ็อตตกที่วันนี้ วันที่เขาเป็นเวรห้องอีกตามเคย.. แน่นอนว่าทุกคนภายในห้องได้กลับไปหมดแล้ว เหลือทิ้งไว้ให้คยองซูน้อยกลอยใจอยู่กับถังน้ำคู่ใจ และผู้ชายที่ชื่อแบคฮยอน

     

     

                “ไม่ใช่นะ! ไม่ใช่อย่างนั้น” สะดุ้งตื่นจากภวังค์ที่สร้างขึ้นมา มันคงเป็นเดจาวูที่กำลังจะเกิดกับตัวเองในไม่ช้า เขาส่ายหัวไปมาเหลือบมองดวงตาของแบคฮยอนที่ตอนนี้ฉายแววบางอย่าง

     

                “แล้วที่มาแอบมองคนอื่นแบบนั้น.. เป็นเด็กไม่ดีเลยน้า” ปลายนิ้วเย็นลากผ่านจากคางไปสู่แก้ม ริมฝีปากที่เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำเอาเขาหดขอหนีจนหัวติดผนัง น้ำเสียงแผ่วของแบคฮยอนทำให้ความรู้สึกบางอย่างมันผุดขึ้นมา

     

                กลัวหรอ.. ไม่สิ ไม่ใช่ มันวูบไหว เหมือนต้นหญ้าที่ถูกพัดไปกับสายลมอ่อน

     

                “จะว่าไปนายก็น่ารักดีนะ” ความอุ่นชื้นวาบผ่านแก้มไปจนส่วนนั้นที่โดนเห่อร้อน ใบหน้าของตัวเองที่เหลือบมองผ่านยังกระจกตรงอ่างล้างมือมันช่างแดงเหมือนผลแอปเปิ้ลสีสด

     

                ริมฝีปากของแบคฮยอนยังคงคลอเคลียอยู่ไม่ห่างระหว่างแก้มและใบหู ลิ้นร้อนแลบเลียติ่งหูจนตัวเขาเองขนลุกชันและชาวาบไปทั้งตัว

     

                “ย..อย่าทำอะไรฉันเลยนะแบคฮยอน ฉันขอโทษ จะต่อยจะเตะฉันยังไงก็ได้”

     

                เป็นคำอ้อนวอนที่เขาคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เอ่ยปากออกมาพูดกับใคร และมันได้ถูกใช้กับผู้ชายคนนี้ที่เขาคิดว่าทั้งสามปีการศึกษาคงได้เป็นเพื่อนที่ดีหรือไม่ก็คงไม่มีเรื่องให้บาดหมางใจกันหรอก

     

                มือทั้งสองข้างกำแน่นเกาะอยู่กับผนังห้องน้ำ เหงื่อที่ผุดมาตามใบหน้าเริ่มไหลลงจากขมับมาสู่ปลายคาง จนกระทั่งหยดลงแล้วโดนแบคฮยอนใช้มือปาดมันไป

     

                “อยากให้ฉันทำอะไรหรอ ต่อยแบบนี้งั้นหรอ” ทำท่าง้างหมัดออกไปไกล จนคยองซูที่ยืนสั่นอยู่หลับตาปี๋ก้มหน้าหลบ

     

                “ฮ่าๆ ฉันจะทำแบบนั้นกับใบหน้าน่ารักๆได้ยังไงล่ะ” แบคฮยอนขำ

     

                “ฉัน..”

     

                “โทษฐานที่มาแอบดูกัน ฉันจะเดาเอาเองว่านายคงอยากลอง หรือเปล่าล่ะคยองซู”

     

                มือเรียวที่เคยไล้อยู่ที่แก้มถูกเคลื่อนมายังกางเกงของเขาอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เริ่มจะตามอะไรไม่ทัน แต่เมื่อรู้สึกได้ถึงเข็มขัดและซิปกางเกงถูกรูดลงเขาถึงได้รู้ตัวว่าแบคฮยอนกำลังจะทำอะไร

     

                อะไรบางอย่างที่เป็นเหมือนแบคฮยอนในวันนั้น..

     

                “แบคฮยอน ขอร้อง.. ได้โปรด” เขาหนีบขาไม่ยอมปล่อยให้คนตรงหน้าที่เลื่อนตัวไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าขาเขาแล้วดึงกางเกงลง แบคฮยอนจิ๊ปากอย่างขัดใจแต่ก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้

     

                “ขอร้องงั้นหรอ เอาให้ดังกว่าฉันวันนั้นเลยแล้วกัน โดคยองซู”

     

                ไม่ทันที่กางเกงจะถอดลงจนหมด แบคฮยอนก็แทบทำให้คยองซูล้มทั้งยืน

     

                “แบค..ฮยอน นายทำอะไร หยุด” มือเรียวจับอยู่ที่เอวเขาเป็นหลักไว้ทั้งสองข้าง มีเพียงใบหน้าที่อยู่ตรงกลางลำตัวของเขา พยายามที่จะขัดขืนแต่เหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดมันหายไปพร้อมความเปียกชื้นผ่านชั้นในผ้าฝ้ายขาว

     

                ลิ้นร้อนกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างดี แบคฮยอนยังไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการกดจูบย้ำไปที่ตรงนั้นจนขึ้นรูปกับใช้ลิ้นเลียลากผ่านจนได้ยินเสียงเล็ดลอดมาจากริมฝีปากอิ่มสวย

     

                คยองซูกัดปากแน่นจนรู้สึกได้ถึงความเค็มปร่าจากเลือดที่ริมฝีปากของตัวเอง น้ำตาเริ่มกลั่นตัวเป็นเม็ดไหลลงมาจากดวงตากลมโตคู่นั้น

     

                มันคือการสั่งสอน แบคฮยอนยิ้มมุมปากลอบมองขึ้นยังใบหน้าของคนตัวเล็กที่พยายามสะกดกั้นอารมณ์ภายในตัวเอาไว้ ยิ่งเห็นว่าริมฝีปากนั้นเม้มแน่นเท่าไหร่ แบคฮยอนก็จะยิ่งเพิ่มน้ำหนักริมฝีปากที่กดจูบลงไปมากเท่านั้น

     

                “ถ้านายรู้สึกดีไม่ควรเก็บมันเอาไว้นะ” ยืดตัวขึ้นกับพื้นเพื่อลุกขึ้นยืนมองอีกคนที่ยืนพิงผนังร้องไห้อยู่ แบคฮยอนถอนหายใจสะบัดหัวเบาๆก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้ประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากบวมแดงของอีกคน ลิ้นร้อนเลียตามรอยแผลแผ่วเบา คล้ายเป็นการปลอบประโลมให้อีกคนผ่อนคลาย

     

                คยองซูเหมือนผ้าขาวที่กำลังถูกแบคฮยอนสาดสีใส่ทีละนิด ยิ่งเมื่อลิ้นเรียวต้อนเข้าใส่ ลิ้นของคนตัวเล็กที่พยามหนีก็เหมือนกลายเป็นการหลบเพื่อเกี่ยวกระหวัด มือเรียวที่วางอยู่ตรงเอวเริ่มบีบเค้นนวดให้อีกคนรู้สึกดี แล้วก็เป็นคยองซูเองที่เคลิ้มจนมือที่เคยกำแน่นอยู่กับผนังย้ายมาบีบอยู่ที่ต้นแขนก่อนจะไหล่ไปคล้องยังคอของอีกคน

     

                หยดน้ำตาถูกเกลี่ยด้วยเรียวนิ้วของแบคฮยอน คยองซูหยุดร้องไห้แล้วมองตาอีกคน

     

                “ให้ฉันได้ทำโทษนายเถอะ.. แล้วฉันจะไม่เอาเรื่องนายอีก”

     

                เพราะดวงตาที่สั่นไหวของอีกคนแท้ๆที่ทำให้แบคฮยอนนิ่มนวลขึ้น คยองซูหลบสายตาที่มองมา รอรับชะตากรรมที่ตัวเองทำเอาไว้ในตอนแรก แอบตัดพ้ออยู่ในใจคนเดียวว่าทำไมถึงต้องมาโดนทำอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่ถ้าให้โดนอัดจนน่วมยังจะรู้สึกดีซะกว่า..

     

                แต่ก็คงห้ามอะไรไม่ได้แล้วล่ะ

     

                แบคฮยอนเข้าครอบครองริมฝีปากอิ่มอีกครั้งด้วยความอ่อนโยน ประกบจูบก่อนจะย้ายมายังลำคอขาวพร้อมสร้างรอยเอาไว้จนพอใจ อย่างน้อยรอยนี้ก็คงทำให้ใครได้รู้แล้ว เจ้าตัวเล็กตรงหน้านี้ก็คงเลิกซ่าไป ต้องทำให้มันเป็นที่ที่เห็นได้ง่าย แค่นี้แบคฮยอนก็รู้สึกสะใจเบาๆ

     

                ระหว่างที่อีกคนเคลิ้มมือเรียวก็อาศัยจังหวะนี้เกี่ยวขอบชั้นในสีขาวนั้นลง แนบชิดลำตัวของตัวเองจนคยองซูสะดุ้งเฮือกสุดตัว ดวงตากลมโตเหลือกมองเขาก่อนจะได้กลับไปเป็นรอยยิ้มหวาน

     

                “ไม่ต้องกลัวนะ นายก็เห็นนี่นาว่าวันนั้นฉันมีความสุขแค่ไหน หืม..”

     

                ความเย็นตรงกลางลำตัวทำให้คยองซูหน้าขึ้นสี หันหน้าของตัวเองไปยังผนังไม่ยอมจ้องหน้าของอีกคน แต่ก็ต้องหยุดหายใจเสียดื้อๆเมื่อความเย็นเมื่อครู่ถูกแทรกด้วยมืออุ่นร้อนที่จับลงไปยังตรงกลางลำตัวแล้วเริ่มรูดเบาๆอย่างใจเย็น

     

                “แบคฮยอน..” เขากัดริมฝีปากตัวเองแน่นระหว่างเรียกชื่อคนตรงหน้า ดูเหมือนหมอนั่นจะไม่ใส่ใจเสียงของเขาเลยสักนิด ความอุ่นวาบตรงแกนกายทำให้มันร้อนวูบไปทั้งตัว เหมือนเส้นประสาททั้งหมดกำลังถูกกระตุ้นความรู้สึกไปจนถึงปลายเท้า

     

                แบคฮยอนยังคงซุกไซร้อย่างสนุกสนานกับซอกคอของเขา ทั้งๆที่มือเรียวนั่นก็ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เขาคิดว่าหมอนั่นลืมเรื่องตอนแรกไปแล้วล่ะที่โกรธนักโกรธหนา ตอนนี้ดูเหมือนจะกำลังสนุกกับการแกล้งเขาเล่นให้ขาดใจซะมากกว่า

     

                มือร้อนรูดขึ้นลงอย่างใจเย็น แต่คนโดนอย่างเขาเริ่มไม่เย็นด้วยแล้วสิ ของแบบนี้ให้โดนอัดจนน่วมยังรู้สึกทรมานน้อยกว่า และ.. เขาก็ไม่ได้ช่วยตัวเองมาเกือบจะสองอาทิตย์แล้ว

     

                “โด คยองซูน้อยไม่ค่อยน้อยแล้วนี่นา” หมอนั่นกำลังแกล้งให้เขาอายจนขาดใจ แบคฮยอนเหลือบมองมาทางเขา พร้อมรอยยิ้มร้ายที่ชอบทำ

     

                “ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเลยนะ สีแดงอมชมพู..”

     

                “หยุดพูดได้แล้ว! จะทำอะไรก็รีบทำ..” เผลอขึ้นเสียงอย่างลืมตัว พอรู้ตัวก็ได้แต่หลบสายตาหยอกล้อของอีกคนที่ส่งมาให้

     

                “ทนไม่ไหวก็บอกกันดีๆสิ ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงตอนนี้เลย เอาไว้ตอนหลังจากนี้ดีกว่า”

     

                เขาเหลือบตามองอีกคนเล็กน้อย ก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นปิดปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงไว้ เมื่อแบคฮยอนก้มตัวลงนั่งคุกเข่าแล้วแตะปลายลิ้นลงตรงๆที่ส่วนปลายของเขา

     

                ความร้อนจัดทำให้เขาเหมือนจะตายทั้งที่ยืนอยู่อย่างนี้ ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆแต่ก็รู้สึกดีจนบรรยายไม่ถูก ยิ่งอีกคนครอบครองเข้าไว้จนทั้งหมด คยองซูยิ่งส่ายหน้าไปมาไม่อยากยอมรับความรู้สึกแบบนี้ที่ไม่รู้จะบอกกับตัวเองว่ามันคืออะไรดี

     

                แบคฮยอนผงกหัวเขาออกเป็นจังหวัด ช้าบ้างเร็วบ้างจนคยองซูได้แต่กลั้นเสียงเอาไว้ แต่ความรู้สึกดีที่พุ่งตรงออกมาทำให้เสียงที่กลั้นออกมากลายเป็นเสียงครางหวานหูที่ทำให้แบคฮยอนยิ้ม

     

                มือเรียวจับเอวไปพร้อมกับบีบเค้นสะโพกสวย ก้นกลมกลึงเป็นอีกสิ่งที่แบคฮยอนได้รู้ว่าคยองซูมีอะไรดีอีกเยอะ บางทีนี่อาจจะทำให้เขาลืมผู้หญิงไปทั้งชีวิตเลยก็ได้

     

                ยิ่งเสียงครางนั้นดังมากเท่าไหร่ แบคฮยอนก็ยิ่งได้ใจรีบเร่งจังหวะจนคนตัวเล็กทำตัวไม่ถูก เสียงหอบหายใจแรงกับมือที่จับลงมายังกลุ่มผมแน่น ทำให้รู้ว่าอีกไม่นานร่างตรงนี้จะถึงปลายสวรรค์แล้ว

     

                “อึก อะ แบคฮยอน..”

     

                เป็นการลงโทษที่หอมหวานจริงๆ

               

                หยาดอารมณ์ที่พวยพุ่งออกมาจนล้นปากแบคฮยอนเป็นตัวการันตีได้เลยว่าคยองซูสุขสมเสียเต็มอุรา ร่างเล็กนั่นหอบหนักยืนโก่งตัวจับไหล่เขาเป็นที่พักพิง

     

                “รู้สึกดีอย่างที่ฉันบอกไว้ใช่ไหมล่ะ” แบคฮยอนหัวเราะขึ้นจมูกเมื่อเห็นสีหน้าปุเลี่ยนของคยองซู

     

                “ฉัน..ไปได้หรือยัง” คยองซูหอบหายใจแรง หลังบางพิงเข้ากับผนังสไลด์ตัวลงมาเบาๆเป็นหลักพิงแทนการยันไว้กับแบคฮยอน

     

                “อืม ไปสิ หมดการลงโทษแล้ว หวังว่านายจะได้รู้นะว่าโทษนี้เป็นยังไง” ร่างเล็กมองด้วยสายตางุนงงกับท่าทีของอีกคนที่เปลี่ยนไป แบคฮยอนดูทำตัวสบายๆ ปัดฝุ่นกับเสื้อและกางเกงก่อนจะช่วยเขาดึงกางเกงใส่ให้ด้วยซ้ำ

     

                “ไปเถอะ ไม่ต่อยไม่เตะนายซ้ำหรอก แค่นั้นก็แค่นั้นดิ” ขึ้นเสียงจนตัวเขาเองสะดุ้งรีบจัดแต่งตัวให้เรียบร้อยในกระจก ก่อนจะก้มหัวโค้งให้อีกคนแล้วเดินหนีออกไป

     

                นั่นคือการลงโทษของเขาจริงๆใช่ไหม

                หรือของจริง.. มันยังมาไม่ถึงกัน

     

     

     

     

                “เห้อ มึงต้องบ้าไปแล้วแน่แบคฮยอนที่คิดทำอะไรแบบนี้..” พูดกับตัวเองแล้วทิ้งตัวลงพิงผนังพร้อมกับแขนที่ยกขึ้นมาพาดบนหน้าผาก

                   

     

                นึกถึงคำพูดจุนมยอนก่อนหน้านั้นเลย

     

                “ถ้าชอบทำไมไม่บอกไปแต่แรกล่ะ” จุนมยอนหัวเราะกับสีหน้าของเขาหลังจากที่เห็นหลังไวๆของคยองซูวิ่งหนีไปแล้ว

     

              “ยังไม่ทันจีบแต่มาเห็นแบบนี้แล้วเนี่ยนะ พี่ก็ประสาทไปแล้วหรือไง” แบคฮยอนตอบอย่างหัวเสีย ดึงเข็มขัดให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะจับจุนมยอนให้ลุกขึ้น

     

              “ก็อยากลองเองหนิช่วยไม่ได้ พอบอกที่บ้านก็กลัวแม่.. สมน้ำหน้าแล้วล่ะนะ” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของตอนนั้น แล้วจุนมยอนก็เดินไปล้างหน้าล้างตาทิ้งหายเขาไปเลย

     

             

    “ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วหรือเปล่าวะ.. เกลียดไปด้วยแล้วมั้ง”

     

                ขี้ขลาดที่เอาเรื่องแบบนี้มาอ้างแล้วขู่ให้เขากลัว แถมยังเอาแต่ใจทำอะไรแบบนั้นอีก

    สมน้ำหน้าจริงๆแหละแบคฮยอน

     

     

     

     

                .

                .

     

               

                เกือบอาทิตย์แล้วที่แบคฮยอนไม่มองหน้าหรือคุยกับเขาเลย ทั้งๆที่นั่นควรเป็นเรื่องที่ดีและเขาควรสบายใจ แต่.. ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้คยองซูรู้สึกแย่

     

                ความรู้สึกที่ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเวลาเดินผ่านหรือเผลอไปสบตากับแบคฮยอนเข้า

     

                ใบหน้าจะเห่อร้อนทุกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องคราวนั้น น้ำเสียงที่ใช้ ความอุ่นร้อนที่โดนสัมผัส จะใช้ว่าหลอกหลอนแทบทุกคืนก็ว่าได้ จนกลายเป็นว่าในทุกคืน.. เขาจะต้องช่วยตัวเองแล้วเสร็จไปพร้อมกับใบหน้าและรอยยิ้มของแบคฮยอน

     

                หรือนี่คือบทลงโทษที่แท้จริงของแบคฮยอนกัน บทลงโทษที่ทำให้เขาเป็นได้ถึงขนาดนี้

     

               

     

    เย็นนี้คยองซูต้องอยู่ทำความสะอาดแทนเพื่อนร่วมชั้นที่มาขอผลัดเวรแทน เขาเป็นคนยังไงก็ได้อยู่แล้วเพราะยังไงวันที่เขามีเวรเธอก็ต้องทำแทนสลับกันอยู่ดี

     

    คยองซูรับหน้าที่ถูพื้นเหมือนอย่างเคย จริงๆก็เปล่าหรอก เพราะไม่มีใครยอมทำซะมากกว่า ใครๆก็ไม่อยากทำหน้าที่นี้ ต้องทำทั้งห้อง แถมยังกลับบ้านเย็นอีก.. ก็คงมีแต่เขานี่แหละที่ยอมทำ

     

    ถังน้ำถูกยกไปทิ้งในห้องน้ำเหมือนเคย เขามองไปยังผนังกระเบื้องก่อนจะเบือนหน้าหนีเมื่อนึกถึงวันนั้นแล้วรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าขึ้นมา คยองซูวางถังเปล่าไว้กับพื้นก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงที่ที่เขาเคยยืนเมื่อตอนนั้นแล้วลูบไปที่กระเบื้องนั้นเบาๆ

     

    ภาพของแบคฮยอนลอยขึ้นมาทั้งๆที่ไม่อยากเจอ.. แต่ไม่อยากเจอจริงๆหรอ

    บทลงโทษของแบคฮยอนคือแบบนี้นี่เอง.. เขาอยากตีตัวเองให้เจ็บจะได้ลืมเรื่องวันนั้นสักที

     

     

     

     

    “มาทำอะไรเย็นๆแบบนี้คนเดียว”

     

    ทั้งร่างสะดุ้งจนเผลอเตะเข้ากับถังจนเกิดเสียงดัง คยองซูหันไปมองคนที่อยู่ตรงกรอบประตูห้องน้ำช้าๆ ก่อนจะรู้สึกถึงความร้อนที่วูบอยู่ตรงหน้าของตัวเอง

     

    “ป..เปล่า แค่มาทิ้งน้ำ” พูดเสียงตะกุกตะกักจนคนที่อยู่ตรงประตูยิ้มขำ

     

    “โดนงานหนักอีกแล้วล่ะสิ”

     

    เขาพยักหน้าลงช้าๆ รีบก้มตัวลงเก็บถังที่กลิ้งอยู่กับพื้นมาไว้ในมือ พยายามมองหน้าคนที่คุยด้วยให้น้อยที่สุด จนเดินมาถึงหน้าประตูแบคฮยอนก็ยกแขนขึ้นมากั้นไว้ ไม่ยอมให้เขาออกไปจากในห้องน้ำนี้สักที

     

    “มีอะไรหรือเปล่า มันเย็นมากแล้ว” ร่างเล็กทำท่าจะลอดตัวใต้ช่องแขนของแบคฮยอนเพื่อออกไป แต่เหมือนอีกคนจะรู้ทัน เปลี่ยนเป็นโอบแขนกอดตัวของคยองซูเอาไว้แทน

     

    “เฮ้ แบคฮยอนปล่อยฉัน.. นายไม่พอใจอะไรฉันอีก จะเอาเรื่องอะไร” เขาตกใจ ไม่สิต้องบอกว่าตกใจมากที่อีกคนทำแบบนี้ใส่ อ้อมแขนที่โอบไว้อยู่กระชับแน่นขึ้นจนเขาอึดอัด แบคฮยอนกำลังหาเรื่องเขาอีกแล้วอย่างนั้นสินะ ครั้งนี้จะอะไรล่ะ ต่อยแทนสินะ ครั้งนั้นมันคง.. เบาเกินไป

     

    “เหมือนวันนั้นเลยนะ เวลานี้ หน้าตาของนายที่กำลังตกใจก็เหมือนเดิม” แบคฮยอนขำและทำตัวสบายๆจนคยองซูรู้สึกแปลกใจ แต่พอเห็นท่าทางแบบนี้ก็พอใจชื้น เหลือบขึ้นมองดวงตาสวยที่ไม่มีแววแข็งกร้าวหรือว่างเปล่าแบบวันก่อนๆ

     

    “จะทำอะไร ถ้าอยากจะเอาเรื่องก็ต่อยๆให้จบ ฉันจะได้กลับบ้าน” เขาถอนหายใจอย่างหมดแรง เหนื่อยที่ต้องมาคอยเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ เพื่อรองรับอารมณ์อันแปรปรวนของอีกคน

     

    “นั่นสินะ รีบทำให้จบๆ จะได้รีบกลับ” แบคฮยอนกระตุกยิ้ม

     

    “ฉันขอโทษ วันนั้น.. ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบดู แล้วก็.. แล้วก็ไม่ได้เอาไปบอกใคร” คยองซูก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด พอนึกขึ้นได้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแบคฮยอนที่มีคนไปแอบเห็นตอนทำอะไรแบบนั้น.. แค่คิดก็ก้มหน้ายอมรับผิด ถ้าโดนต่อยอีกสักหมัดสองหมัดคงสบายใจ หวังว่าอีกคนก็คงรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน

     

    “โอเค ฉันจะต่อยนาย” อยู่ๆอีกคนก็ขึ้นเสียงจนเขาสะดุ้งขึ้นมองตาที่ใส่แววขี้เล่นลงไป ก่อนจะต้องหลบตาแล้วหลับตาหนีเมื่อแบคฮยอนง้างหมัดขึ้นทำท่าจะต่อยอย่างจัง แล้วก็..

     

     

    ฟอด

     

    หอมแก้มงั้นหรอ?

     

    “นาย..” เขาเงยหน้ามองแบคฮยอนที่ลอยหน้าลอยตาทำท่าไม่รู้เรื่อง ดูเหมือนอีกคนจะเห็นว่าเขามองเลยเลิกคิ้วถาม

     

    “ทำไม อยากให้ฉันทำโทษอีกหรอ” พูดจบก็ตามมาด้วยการหอมแก้มอีกครั้งแต่เป็นคนละข้างกับเมื่อสักครู่

     

    คยองซูกำลังมึนยิ่งกว่าการโดนต่อยน็อกจนดาวขึ้นหัว แต่กลายเป็นว่ากำลังมึนงงกับท่าทางของอีกคนที่แปลกไปจากครั้งนั้นในสถานที่แห่งนี้

     

     

     

    “นี่คยองซู.. นายรู้อะไรไหม ยังมีความลับอีกเรื่องในวันนั้นที่นายยังไม่รู้” แบคฮยอนก้มหน้าจนชิดลำคอของเขา ริมฝีปากเรียวกระซิบออกมาเบาๆข้างใบหูจนเขารู้สึกได้ถึงความร้อนวาบที่แผ่ซ่านมาถึงใบหน้า

     

    “ฉัน.. ไม่รู้” เจ้าลูกนกตัวน้อยตัวสั่นอีกครั้ง คยองซูกำลังรู้สึกเหมือนกับวันนั้น เหมือนเป็นเดจาวูซ้ำจากเมื่อคราวก่อน มือของคนตรงหน้าดันจนตัวเขาติดผนังแล้วขังเขาไว้ในกำแพงแขนของตน

     

    “ความลับที่ว่า หลังจากนายวิ่งหนีไปตอนนั้น.. เราก็คุยกันต่อเรื่องของนาย”

     

    ลมร้อนที่เป่าลงไปช้าๆตรงลำคอทำให้ไรขนอ่อนที่คอขาวลุกชัน คยองซูมองหน้าของแบคฮยอนอย่างตกใจ ความลับที่อีกคนบอก.. มันเป็นเรื่องที่มีเขาเกี่ยวข้องอยู่ในนั้น

     

    แบคฮยอนไล้ริมฝีปากไปตามสันกรามของร่างเล็ก กดจูบเบาๆจนถึงใบหูที่ขึ้นสีแดง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอรับเหมือนกับรอให้อีกคนเข้ามาช่วงชิง

     

    ความรู้สึกแบบเดิมมันกำลังเกิดขึ้นกับผู้ชายตัวเล็กๆอย่างคยองซู เรื่องบางเรื่องที่หาเหตุผลมาใช้ยังไงก็ไม่เข้าใจสักที.. แค่ตอนนี้อยากสัมผัสแบคฮยอนให้มากขึ้นเหมือนอย่างวันนั้น และทุกคืนของเขาก็คงเป็นอีกเรื่องที่ไม่ต้องหาเหตุผลมาอธิบาย เพียงแค่ปล่อย..

     

    ให้เป็นตามความรู้สึกของตัวเองก็พอ

     

    “ปากของนายหวานเหมือนวันนั้นเลย” แบคฮยอนพูดทั้งๆที่ริมฝีปากของเรายังคลอเคลียไม่ห่าง ใบหน้าร้อนขึ้นเหมือนอารมณ์ตอนนี้ของเขาที่โดนจุดขึ้น

     

    โดยเชื้อเพลิงที่ชื่อว่าแบคฮยอน

     

    “นายทำแบบนี้ทำไมอีก..” เขาถามเสียงเบา ปล่อยมือไปตามแรงโน้มถ่วงโลก แต่ดูเหมือนแบคฮยอนจะไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น หมอนั่นยกมือของเขาที่ว่างเปล่าขึ้นมาวางไว้ที่อกของตัวเอง

     

     

     

     

     

    “ฉันหรอ.. คง.. ทำตามความรู้สึกของฉันและนายมั้ง”

     

    “ไม่สิ ต้องเรียกว่า.. ทำตามความรู้สึกของเรา”

     

    ถึงมันอาจจะดูฟังไม่เข้าที แต่ตอนนี้คยองซูก็คงเห็นด้วยกับประโยคนั้น ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไม แต่เพราะเราทั้งคู่ทำมันตามความรู้สึก.. โดยที่บางที

     

    การที่ไม่มีเหตุผลมารองรับเลย อาจเป็นเรื่องที่ดีระหว่างเราสองคน

     

     

                ถ้าเรื่องมันเกิดจากการที่เผลอไปรับรู้

                งั้น.. ลองไม่รู้สักอย่าง ก็คง ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

     

     

     

     

     

     

     

    END

     

     

     

     

     

    อิโรติก มิโรติก เล่นกับดิกสุด กรี๊ด พิมพ์อะไรออกมาคนทะลึ่ง..

    หวังว่าฟิคเรื่องนี้จะไม่โดนสอย และไม่มีใครเอาไปว่าเสียๆหายๆนะคะ T_T

    อยู่ๆก็อยากแต่งขึ้นมาเฉยๆ แล้วจะลงเพราะว่า เย้ขายรองเท้าออกเฉยๆด้วย 555

     

    อ๋อ... คือฟิคนี้ไม่มีอะไรเลยล่ะค่ะ เหตุผลของเรื่องนี้.. ไม่มีเลยค่ะเหมือนชื่อเรื่องเปี๊ยบ ก๊ากๆ

     

    หายกันไปนานแสนนาน และจะบอกว่าอาจจะกลับมาพร้อมช็อตฟิค..

    ที่ดูยาว.. ยาวมาก แต่งไปไม่ถึงครึ่งเรื่องก็ปาไปสามพันคำ (ปล.เรื่องนี้ 4,200 คำเป๊ะ)

     

    เอาเป็นว่าไม่มีคัท ใครไม่ชอบอ่านเลื่อนได้เลย.. ต้องบอกอีก คัทใส่ไหนได้มั่งคะ

    เตรียมไว้เลยดีไหม ฟิคเราอาจจะไม่ปลอดภัย ฮ่อย.. ทอล์คยาวทำไม คิดถึงทุกคนนะ

     

    หวังว่าการลงฟิคครั้งนี้จะทำให้เราจองบัตรคอนทันด้วย ทุกคนช่วยอวยพรที

    แล้วก็อะไรอีกดี อ๋อ.. ดูแลสุขภาพด้วยน้า อากาศเปลี่ยนแปลง

     

    มาถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่าทุกคนไม่อ่านทอล์คกันมันพิมพ์เยอะกว่าฟิคซะแล้วมั้ง555555

    ขอบคุณเสมอค่ะ และขออภัยที่หายไปนาน เรียนปีหนึ่งมันหนั๊กกกหนักเนาะ TwT

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×