ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( SF EXO ) ' Something Special '

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF] :: See Sea & Say 1/4 (Do x Baek)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.53K
      2
      12 มี.ค. 56

    See Sea & Say (1/4)
    Kyungsoo x Baekhyun
    เกริ่น : สูดกลิ่นเค็มของทะเลเข้าไปเต็มปอดด้วยความคิดถึง 





















     

                หาดทรายขาวทอดตัวยาวตลอดทาง คลื่นน้ำสีขาวหมุนเป็นเกรียวตีกับหาดทรายแล้วม้วนตัวกลับพัดพาทรายเม็ดละเอียดกับเจ้าปูตัวน้อยกลับเข้าสู่พื้นน้ำขนาดใหญ่ น้ำทะเลสีใสเขียวอมฟ้าส่องแสงทอประกายเล่นกับพระอาทิตย์ กลิ่นเค็มโชยพัดขึ้นมาตามลมถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของสถานที่ที่เรียกว่าทะเล

     

                สองขาก้าวยาวตามหาดทราย เตะผืนน้ำที่เข้ามากระทบเล่น มือข้างหนึ่งเดินจับหมวกปีกกว้างไว้แน่นราวกับว่ากลัวว่ามันจะปลิวไปไกล ทะเลในตอนเช้าเหมาะแก่การเดินเล่นที่สุด อากาศกำลังเย็นสบาย ลมอ่อนๆพัดมาตีเข้ากับหน้า สูดกลิ่นเค็มของทะเลเข้าไปเต็มปอดด้วยความคิดถึง


     

                “กลับมาแล้วนะ ทะเล”

     

     

                พยอน แพคฮยอน เดินเอื่อยตามหาดทราย ลูกมะพร้าวที่ดูดน้ำจนหมดเกลี้ยงถูกนำมาเป็นลูกบอล เตะมันกลิ้งขลุกๆ ดูแล้วเหมือนจะมีความสุขสนุกอยู่คนเดียว รอยยิ้มจางเผยออกมาทุกครั้งยามที่เท้าเปล่าของตัวเองสัมผัสลงบนน้ำทะเลเย็นๆ 

     

     

                มือขาวหยิบถังใบเล็กสีแดงขึ้น แล้วเดินพาตัวเองไปตักน้ำทะเลสีใสมาพร้อมๆกับทรายเปียก พอมาถึงสถานที่ที่ตัวเองเล็งไว้ในตอนแรก ก็จัดการเทน้ำและทรายที่ตักมาลงไป อุปกรณ์ขุดและตักทรายวางกระจัดกระจายอยู่รอบตัว ปราสาททรายกองเล็กเริ่มจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะเจ้าตัวเดินไปเดินมาทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง จนคิดว่ามันใหญ่สมใจตัวเองแล้วจึงนำธงกระดาษที่ตัวเองทำไว้ปักลงไว้บนยอดเป็นการประกาศไว้ว่า ปราสาทของแพคฮยอน

     

     

                “แกห้ามพังเด็ดขาด จนกว่าฉันจะกลับโซล สัญญานะ”

     

     

                หยิบกล้องโพราลอยด์ขึ้นมา ชูขึ้นไปข้างหน้าจัดเล็งหาองศาที่เหมาะสมให้เห็นปราสาททรายที่ตัวเองทำ แล้วเก๊กท่าที่คิดว่าตัวเองจะน่ารักที่สุด ตาเรียวเล็กปิดสนิทเพราะรอยยิ้มกว้างยิงฟันสวย มืออีกข้างชูสองนิ้วขึ้น กดปุ่มถ่ายรูปแล้วรีบเอากล้องลงมา รอรูปใบเล็กไหลออกมาจากตัวเครื่องอย่างใจจดใจจ่อ

     

     

                ปากกาเขียนซีดีที่นำติดตัวมาด้วย ถูกนำมาบรรจงเขียนบนรูปโพราลอยด์แผ่นนั้น วาดหูแมวและหนวดลงบนใบหน้าตัวเองในตัวรูป แล้วขำคิกคักออกมากับฝีมือความสามารถของตัวเอง

     

     

                วันที่ 1 ที่ทะเล แพคฮยอนทำปราสาทใหญ่เบอเร่อเลย

              อากาศก็ดีมากแหละ ไม่อยากกลับโซลแล้ว ฮึง

     

     

                ทะเล สถานที่แห่งความสุขนี่แหละบ้านเกิดของเขา ถึงแม้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะไปฮันนีมูนกันบนสวรรค์แล้ว แต่พวกท่านยังทิ้งสมบัติอย่างสุดท้ายไว้ให้ บ้านหลังใหญ่ที่ยังมีกลิ่นอายของความอบอุ่นอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างจากทะเลไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับตัวเขาที่ทั้งรักและมีความสุขไปกับทะเล

     

     

                แอบหนีมาคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง เพื่อหลบมาหาความสงบสุข หนีความวุ่นวายจากโซล ไม่บอกแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างชานยอล ซึ่งยังไงซะเพื่อนตัวสูงของเขาก็คงรู้อยู่ดีว่าถ้าหายไปเงียบๆก็คงไม่พ้นหนีมาพักผ่อนหย่อนใจอยู่ที่ทะเลนั่นแหละ


     

                พอแสงสีส้มทอประกายอยู่บนท้องฟ้า บ่งบอกถึงสัญญาณว่าแพคฮยอนควรจะกลับบ้านได้แล้ว พอมาที่ทะเลทีไรก็มักจะหลงลืมเวลาทุกที ผู้คนในตอนเช้ามักจะชอบมาเดินเที่ยวเล่นตามชายหาดอีกฝั่งกัน แต่คงมีไม่กี่คนที่รู้ว่าหาดทรายที่สวยแบบนี้หลบมุมอยู่อีกข้าง ถ้าไม่ใช่คนที่เกิดแถวนี้ก็ไม่มีใครจะเดินลึกเข้ามาหรอก เลยกลายเป็นว่าที่ตรงนี้แทบจะเป็นที่ไพรเวทสำหรับเขาไปเลย

     

     

                ระหว่างทางกลับบ้านก็แวะนู่นแวะนี่ตามประสาคนช่างคุย แพคฮยอนเดินเข้าตามร้านที่เปิดโล่งอยู่แถวหาดทราย เดินแวะเข้าไปทักทาย ถามนู่นถามนี่อย่างสนิทสนม เพราะว่าเป็นคนที่อัธยาศัยดีแบบนี้เลยมักจะได้อะไรติดไม้ติดมือมาอยู่ตลอด เช่นครั้งนี้ก็ได้หมึกแห้งตัวยาวมาจากร้านคุณป้ามิยอนเจ้าดังในย่านนี้ เดินไปอีกสักหน่อยก็เจอคุณลุงคังเรียกให้ไปเอาผลไม้แห้งตามฤดูกาลไปทานเล่นที่บ้าน กลายเป็นว่าแทบจะไม่ต้องเตรียมเงินเลยก็ว่าได้ถ้าเขากลับมาที่บ้านเกิดแบบนี้


     

                แสงสีส้มอ่อนเริ่มกลายเป็นสีแสด ท้องฟ้ากำลังกลายเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาเย็น เวลาแบบนี้ไม่ค่อยจะมีคนมานั่งเล่นทะเลกันเท่าไหร่แล้วเพราะยุงเยอะมาก แถมตามความคิดเขานะ ทะเลตอนกลางคืนมันไม่สวยเท่ากับตอนเช้าหรอก ความสดใสในตอนเช้า ต้องดีกว่าความมืดมิดและเงียบเหงาของทะเลตอนกลางคืนเป็นไหนๆ

     

     

                ขาสั้นก้าวกระโดดเล่นเป็นจังหวะ ทางกลับบ้านถึงแม้จะใช้เวลานานถึงยี่สิบนาทีในการเดินทางแต่แพคฮยอนก็ไม่เคยจะหงุดหงิดไปกับมัน มีแต่จะอยากกลับช้าๆนี่สิ พลันสายตาเรียวเล็กก็สบเข้ากับผู้ชายคนนึง ร่างเล็กที่นั่งกอดเข่าพิงต้นมะพร้าวนั้นดูไม่สดชื่นเอาสะเลย สายตาที่ใช้มองทะเลมีแต่ความว่างเปล่า

     

     

                มาเที่ยวทะเลแต่กลับมองทะเลเฉยๆด้วยสายตาแบบนั้นหรอ

     

     

                “นี่นาย ทำไมมานั่งคนเดียวอ่ะ”

     

     

                ด้วยความที่ทุนเดิมของตัวเองเป็นคนอัธยาศัยดีเลยเอ่ยปากทักคนแปลกหน้าไป หน้าตาดูไม่คุ้นเคยเหมือนไม่ใช่คนแถวนี้ อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวก็ได้นี่ หน้าตาก็ดูไม่ใช่คนไม่ดี คงไม่มีอันตรายหรอกจริงไหม แพคฮยอนเดินเข้าไปหยุดนั่งลงข้างๆคนที่เขาเพิ่งทักไป

     

     

                ยังไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากคนข้างกาย แต่สิ่งที่ได้รับมากลับกลายเป็นการมองหน้าด้วยตาดวงโตนั่น ปากหนานั่นดูรับกับจมูกโด่งนั่นอย่างประหลาดใจ 

     

     

    ทำไมกันดวงตากลมโตนั่นออกจะใสแท้ๆ แต่ทำไมกลับมองไปที่ทะเลด้วยสายตาว่างเปล่าแบบนั้นกันนะ การมาทะเลมันแย่ขนาดนั้นเลยเชียวหรอ

     

     

    “ไม่ตอบด้วย หยิ่งจัง ฮึ”

     

     

    “ไม่ ฉันไม่ได้หยิ่ง ฉันแค่.. แค่ตกใจนาย”

     

     

    แพคฮยอนยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับขำเสียยกใหญ่ คนตัวเล็กข้างกายหน้าเจื่อนลงไปจากเดิมเล็กน้อย ดวงตาโตๆมองค้อนมาที่แพคฮยอน ถ้าสายตาแบบนั้นเรียกค้อนก็ขอขันขำสักนิดก็แล้วกัน เป็นผู้ชายที่ตลกจริงๆด้วย

     

     

    “หัวเราะอะไรเล่า แปลกคน”

     

     

    เขาหันไปค้อนตาคืนให้บ้าง ถึงแม้ว่าจะอารมณ์ดีแค่ไหนแต่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยโดนใครมาหาว่าแปลกคนมาก่อน ตาเรียวเฉี่ยวมองค้อนไปที่คนตาโต ร่างเล็กของแพคฮยอนเม้มปากแน่นแล้วหันหน้ากลับไปมองทะเลแทนที่จะเสวนาต่อ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะเป็นคนเริ่มทักก่อนก็เถอะ

     

     

    อะไรกัน อุตส่าห์ชวนคุยเห็นดูเหงาๆ มาว่าเราเฉยเลย เห้อ

     

     

    “นายเป็นคนที่นี้หรอ” คนตาโตถามออกมาหลังจากที่เห็นคนที่เข้ามาทักตอนแรกนั่งเงียบสนิท

     

     

    “อือ แล้วนายอ่ะ”

     

     

    “ป่าวหรอก ฉันเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก”

     

     

    พยักหน้ารับคำกล่าวนั้น ดวงตาโตนั่นยังคงทอดมองทะเลไปด้วยสายตาว่างเปล่าตลอดที่ตอบคำถามของเขา หรือว่านายจะเหงานะ

     

    “นายเป็นคนเกาหลี หรือลูกครึ่งเปล่าอ่ะ” แพคฮยอนถามออกไปด้วยน้ำเสียงใส สายตาที่เคยมองค้อนตอนแรกกลับมาสดใสและเป็นประกายอีกครั้ง จนคนที่มองทะเลอยู่อดไม่ได้ที่จะละสายตาหันมามอง

     

     

    “เกาหลีแท้เลยล่ะ แต่โดนส่งตัวไปเรียนที่นู่น”

     

     

    สายตายามที่คนข้างตัวเขาพูดมันขัดกับน้ำเสียงที่ดูติดตลก มันดูทั้งเหงาและอ้างว้าง ดวงตากลมโตนั่นไม่เหมาะกับสายตาแบบนั้นเลยให้ตายเถอะ ขัดตาที่สุด

     

     

    “นายชื่ออะไร ฉันพยอน แพคฮยอน เรียกแพคฮยอนก็ได้”

     

     

    “โด คยองซู เรียกคยองซูก็ได้”

     

     

    “แล้วคำถามแรกตอบฉันได้รึยังอ่ะ”

     

     

    คยองซูหัวเราะเบาๆกับนิสัยของแพคฮยอน ทั้งๆที่คิดว่าน่าจะลืมคำถามนั้นไปแล้วแท้ๆ แต่กลับถามออกมาอีกครั้ง ดูตาเรียวนั่นมองมาสิ มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด

     

     

    “เบื่อๆก็เลยมานั่ง ไม่รู้ว่าจะไปไหนด้วย ดูนี่สิ” คยองซูหันไปชี้กระเป๋าสัมภาระสองใบของตัวเองให้แพคฮยอนดู มือขาวจับมันขยับมาใกล้ตัว จัดวางให้เป็นระเบียบกว่าครั้งแรกนิดหน่อย

     

     

    “ฉันบอกแล้วไงว่าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก” เอ่ยกลับไปอีกครั้งเมื่อเห็นสายตางงๆของแพคฮยอน ดูท่าทางแล้วคนตัวเล็กกำลังใช้ความคิดอะไรสักอย่างอยู่


     

    “นายลงเครื่องที่โซลแล้วก็มาที่ทะเลนี่เลยอ่ะนะ”


     

    “ถูกต้องแล้ว ฉันถามคนขับรถว่ามีทะเลที่ไหนสงบบ้าง จริงๆแล้วต่อรถมาหลายเที่ยวด้วยนะ ตอนนี้ไม่มีเงินแล้วล่ะ” คนตาโตหัวเราะออกมาหลังจากที่พูดจบ แพคฮยอนอ้าปากค้างเมื่อได้ยิน


     

    “นายจะบ้าแล้วรึไง..”


     

    แพคฮยอนทักออกไปอย่างที่คิดในใจ เขาไม่เคยเห็นใครที่บ้าบิ่นถึงขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก เห็นบอกว่าไปเรียนต่อซึ่งมันก็ต้องนานแน่นอน แล้วเดินทางเองอะไรเองในเกาหลีเลยนี่นะ บ้าไปแล้ว

     

     

    “สงสัยจะบ้าอย่างที่นายบอก ฮ่ะๆ”


     

    “แล้วนี่ทำไงอ่ะ เงินก็ไม่มี นายจะนอนไหนเนี่ย”

     

     

    “ก็คงตรงนี้แหละมั้ง”

     

     

    แพคฮยอนลุกขึ้นยืนทันทีที่คยองซูพูดจบ มือขาวยื่นไปข้างหน้าของคนตาโต พยักเพยิดหน้าไปทางที่มือของตัวเอง หมายจะให้คนที่นั่งอยู่จับแล้วลุกขึ้น คยองซูพอเข้าใจก็ถึงกับร้องอ๋อแล้วดึงตัวเองขึ้นยืนบ้าง

     

     

    “ไม่ได้ ทำแบบนั้นไม่ได้ ทะเลตอนดึกหนาว ยุงเยอะด้วย แล้วตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้ว นายเข้าใจไหม ฉันกำลังจะกลับบ้าน แต่ดันมาคุยกับนายก่อน มันมืดแล้วทางกลับบ้านน่ากลัวมาก เดินกลับเป็นเพื่อนฉันได้ไหม” แพคฮยอนเอ่ยพร่ามออกมายาวเหยียดแทบจะหมดลมหายใจกันเลยทีเดียว

     

     

    “นี่อะไร..” คนตาโตถามออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อแพคฮยอนยื่นถุงที่ใส่หมึกตากแห้งรสเด็ดไปให้ ท่าทางจะไม่รู้จักสินะ ที่เมืองนอกคงไม่มีให้เห็น

     

     

    “ช่วยถือหน่อยสิ หมึกตากแห้งไง ไม่รู้จักหรอ”

     

     

    “อ๋อ เออได้” คยองซูจำใจต้องรับถุงก็อบแก็บที่ใส่ปลาหมึกตากแห้งเอาไว้มาอย่างงงๆ หันไปก้มหยิบกระเป๋าที่ใส่สัมภาระของตัวเองมาวางไว้ใกล้เท้า แล้วหยิบเจ้าถุงปลาหมึกนั่นไปผูกมัดไว้แน่นกับกระเป๋าของตัวเอง

     

     

    “ตามมานะ เอ่อ.. ถ้านายอยากเที่ยว พรุ่งนี้ฉันจะเป็นไกด์ให้เอง”

     

     

    คนตัวเล็กเดินจากไปอย่างเร่งรีบ เท้าเล็กๆนั้นซอยเร็วจนคยองซูต้องวิ่งตาม จนมาใกล้เรื่อยๆ แพคฮยอนจึงลดจังหวะการเดินลง กลายเป็นเดินธรรมดาให้คนข้างหลังเดินตามทัน สองมือพะรุงพะรังไปด้วยกระเป๋าสัมภาระที่ดูจะหนักไม่เบา แถมยังมีถุงหมึกของเขาห้อยอยู่อีก จะขำก็ดูจะนิสัยไม่ดีเกินไป

     

     

    “แล้วฉันนอนไหนได้บ้างอ่ะ” คยองซูถามออกมาเบาๆ

     

     

    “บ้านฉันไง! จะถามอะไรอีกไหม รีบตามมาสิ”

     

     

    “อย่าดุกันสิ..” ปล่อยให้เสียงนี้กระซิบผ่านไปกับสายลม ถ้าพูดดังไปมีหวังแพคฮยอนอาจจะทำมากกว่าดุเขาก็เป็นได้ อย่าพูดอีกเลยดีกว่าคยองซู

     

     

     

     

    TBC




    อยากคุย :

    SF ยาวสี่ตอน เกี่ยวกับทะเล เปิดเพลงประกอบด้วยนะ
    ฝากติดตามด้วยค่ะ 'O'~



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×