ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #108 : เล่ม 4 - ตอนที่ 53 - มรสุมระลอกแรก (1)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 865
      0
      9 ก.พ. 51

    ภาคปฏิวัติ!
    ตอนที่ 53 มรสุมระลอกแรก
    16 กุมภาพันธ์ อศ. 226
     
    ชายชราคนหนึ่งผมขาวทั่วศีรษะคาดว่ามีอายุเกินเจ็ดสิบปีกำลังจัดแจงสิ่งของอยู่ในบ้านเขาอยู่กินกับหญิงชราอีกคนหนึ่งมาเป็นระยะเวลาห้าสิบปีเศษ
                    เช้ามืดของทุกวันตากับยายสองคนต้องออกไปเก็บพืชผักสมุนไพรที่นอกเมืองเพื่อนำมาขายที่ตลาดตอนเช้าตรู่ ตาต้องตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อจัดแจงสิ่งของอุปกรณ์จำเป็นในการเก็บพืชผักเหล่านี้ สี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาตามิได้เป็นคนเตรียมของหากแต่ยายเป็นคนกระทำแทน จวบจนหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากยายเกิดตกบันไดเป็นอัมพฤกษ์ท่อนล่างไม่สามารถขยับเขยื้อนกายได้ ตาจึงต้องกระทำสิ่งเหล่านี้แทนยายทั้งสิ้น
    ตามิได้เห็นยายเป็นภาระแต่อย่างใด ทั้งยังจะพายายออกไปเก็บพืชผักด้วยกันที่นอกเมือง           สมัยก่อนเกวียนของตาจะผูกติดกับตะกร้าใบใหญ่ใบหนึ่งใช้ลาเทียมลากค่อยๆออกไป แต่บัดนี้ลาตัวเดิมเกวียนเกวียนเดิมกลับต้องผูกเก้าอี้ติดล้อที่นั่งด้วยคนผู้หนึ่งกับตะกร้าใบใหญ่รวมด้วยกันสองสิ่ง ถึงลาจะลากได้ช้าลงอีกหน่อยแต่นั่นกลับมิใช่ปัญหาอย่างใด ไม่ว่าอย่างไรตากับยายก็ต้องออกไปเก็บพืชผักสมุนไพรด้วยกัน ดังนั้นโรคอัมพฤกษ์จึงมิใช่กำแพงกั้นขวางความรักของทั้งคู่ ทั้งยังเป็นสิ่งที่พิสูจน์รักแท้ของตาที่มีต่อยายตลอดห้าสิบปี
                    ด้วยความรักความใส่ใจที่ตามอบให้ ยายจึงมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป ในเมื่อยายยังพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ยายก็จะเป็นคนตื่นแต่เช้าคอยปลุกตา ถึงความจำของยายจะไม่ค่อยดียายจึงเปลี่ยนเป็นใช้กระดาษจดสิ่งที่ต้องกระทำลงอย่างละเอียดถ้วนถี่ กล่าววาจาเตือนความจำตาในทุกเรื่องทั้งยังชวนสนทนาแก้เหงา
                    ไม่เคยมีคนถามตาว่าเขารักยายขนาดไหนหรือยายเป็นผู้หญิงที่ดีปานใด เพราะเพื่อนบ้านทุกคนรู้ว่าคำตอบที่จะได้คือตารักยายเท่าชีวิตและยายเป็นผู้หญิงที่มีความสำคัญกับตามากที่สุด ตาคิดในใจเสมอว่าตาอยากจะอยู่กับยายจนวินาทีที่ลาจากกัน ตาจะไม่ทอดทิ้งยาย ตาจะมั่นคงต่อยาย ทุ่มเทแรงกายแรงใจทุกอย่างในการรักษายายให้หายป่วยจากโรคร้ายเช่นนี้
                    ทุกวันตาจะมีรายได้หลังจากการขายพืชผักสมุนไพรในตอนเช้าวันละสองเหรียญเงินหรือเท่ากับสิบเหรียญทองแดง ข้าวมื้อหนึ่งจะใช้หนึ่งเหรียญทองแดง สมัยก่อนสองคนจะใช้ช่ายค่าดื่มกินวันละสามมื้อเป็นเงินหกเหรียญทองแดง แต่บัดนี้ตาอ้างว่าท้องไส้ไม่ค่อยจะดีจึงรับประทานเพียงมื้อเดียวคือมื้อกลางวัน ส่วนยายยังคงรับประทานอาหารสามมื้อเช่นเดิม จึงทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงเหลือสี่เหรียญทองแดง เงินที่เหลือจากค่ากินดื่มเป็นเงินใช้จ่ายค่าของจิปาถะอีกประมาณวันละสองเหรียญทองแดง สมัยก่อนทั้งคู่จึงมีเงินเก็บสองเหรียญทองแดงต่อวันแต่บัดนี้เพิ่มพูนเป็นสี่เหรียญทองแดง ความจริงแล้วตามิได้ท้องไส้ไม่ค่อยจะดีแต่ประการใดนั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่ตากล่าวกับยายเท่านั้น ซึ่งตาตั้งใจเก็บหอมรอมริบรวบรวมเงินจำนวนนี้ไปรักษายายให้หายขาด ถึงแม้ตาจะต้องหิวโหยในเวลากลางคืนบ้างก็ไม่เป็นไร
                    แพทย์ยุคนี้คิดค่ารักษาสูง ตาได้ยินว่าแพทย์ที่เก่งกาจที่สุดจะต้องใช้ค่ารักษาถึงสิบเหรียญทอง หากตากับยายเก็บเงินได้วันละสี่เหรียญทองแดง เขาทั้งสองต้องใช้เวลาเก็บเงินถึงสามปีครึ่งกว่าจะสามารถไปพบจอมแพทย์ได้ โชคดีที่นักเรียนหมอใจดีคนหนึ่งเคยบอกตาว่าระหว่างที่กำลังเก็บหอมรอมริบตาต้องดูแลยายให้ดี การรักษาโรคอัมพฤกษ์เช่นนี้จะต้องใช้ความดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมาก สุขภาพของยายจะดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจเสียเป็นส่วนใหญ่ ในเมื่อคนที่เป็นอัมพฤกษ์จะช่วยตนเองมิได้และจะไม่รู้สึกเลยว่าอวัยวะท่อนล่างของตนกระทำสิ่งใด ดังนั้นตาจะต้องผู้ดูแลยายแทน คอยยกแข้งขา คอยเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้ยายตลอดเวลา เพื่อรักษาสภาพร่างกายช่วงล่างให้ดีที่สุด
                    ด้วยความรักที่มีให้ต่อยายตาจึงกระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยดีมาตลอด เวลาจะทำอะไรตาก็นึกถึงยายก่อนเสมอ กินนอนพร้อมกัน เนื่องจากตากลัวว่ายายจะทิ้งตาไป ตาไม่อยากจะอยู่คนเดียว อยากให้ยายอยู่เป็นเพื่อนกัน จนตายพร้อมกัน เป็นคู่รักกันตลอดไป
                    ด้วยความพยายามทำให้ตาเก็บหอมรอมริบมาจนเหลืออีกสามวันตาก็จะมีเงินเก็บครบสิบเหรียญทอง เงินเก็บจำนวนนี้จะไม่มีทางได้มาหากปราศจากความพยายาม ความรักและความหวัง ความหวังเท่านั้นที่ทำให้ตากับยายสองคนมีชีวิตอยู่มาถึงปัจจุบัน
                    แต่น่าเสียดายที่ความหวังนั้นต้องมาหายไปในบัดดล
                    สวบ!
    ปลายกระบี่อันเย็นยะเยือกโผล่พ้นอกของตาในขณะขับเกวียน
                    แว่วเสียงนายทหารผู้หนึ่งดังขึ้นว่า “อย่าให้คนที่เห็นแผนการของเรามีชีวิตรอดกลับไปได้เป็นอันขาด” ทหารผู้น้อยคนหนึ่งรับคำขึ้นทันที
                    สวบ!
    ปลายกระบี่อีกเล่มหนึ่งปักจมลงที่อกของยาย
                    ตำนานความรักของตาและยายที่รักกันมากว่าห้าสิบปีต้องมาจบลงอย่างงมงาย เนื่องเพราะตาขับเกวียนผ่านกองทหารของเวอร์น่อนขณะเตรียมก่อการ ตะกร้าที่จะนำไปเก็บพืชผักสมุนไพรล้มระเนระนาด ถุงเงินที่มีแต่เหรียญทองแดงหล่นลงพื้นกระจัดการจายไปเต็มพื้นถนน ถุงเงินที่เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของทั้งสอง
                    เสี้ยววินาทีความเป็นตายนั้นตากับยายต่างหันมามองหน้ากัน แววตาของทั้งคู่มิได้ปรากฏเป็นรอยความคับแค้น หากเป็นประกายอันเกิดจากความรักที่มอบให้กัน นั่นเป็นสิ่งเดียวที่คู่รักชราทั้งสองต้องการในตอนนี้ ตอนที่ทั้งคู่มีลมหายใจสุดท้ายร่วมกัน
                    สิ้นสุดลมหายใจตากับยายทั้งสอง แว่วเสียงเซเบอรอสตะโกนสั่งการในทันใดว่า “บุก! กองทหารนับหมื่นส่งเสียงโห่ร้องขึ้นพร้อมกัน ยกพวกเข้าเข่นฆ่ากองกำลังรักษาตึกธงดาบและธงมังกร
                    ต้องมีคนอีกเท่าใดที่จะประสบชะตากรรมเช่นนี้?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×