ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #186 : เล่ม 7 - ตอนที่ 91 - สหพันธ์เคลื่อนไหว (2)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.07K
      4
      4 ส.ค. 51

    /> /> />

    “ขออภัยท่านผู้อำนวยการทอริอุส ขอบคุณที่ท่านให้เกียรติมาเยือนตึกบัญชาการเมืองเจนีสเหนือแห่งนี้” ขุนศึกหนุ่มกล่าวพร้อมกับโค้งร่างท่อนบนลงต่ำ ปรากฏเป็นร่างของผู้อำนวยการผมขาวแห่งโรงเรียนเซนต์เอลลิสขึ้น พร้อมกับเอลที่เจ็ดนามว่าย้ายร่างข้ามมิติ

                    “ท่านขุนศึก” ผู้อำนวยการทอริอุสทักทายไกคำหนึ่ง พลางหันไปใช้มือข้างหนึ่งแตะบ่าของครูมอริสใต้สังกัดของเขา กล่าวว่า “สงบสติอารมณ์เสียก่อนมอริส เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านขุนศึกเพียงคนเดียว ข้าเองก็มีส่วนผิดที่ไม่สามารถรั้งตัวชานอนเอาไว้ได้ หากเจ้าต้องการแหล่งระบายโทสะก็ขอให้มาลงที่ข้า”

                    ครูมอริสถูกหมัดของไกชกเข้าอย่างจังประกอบกับการที่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ สติของเขาจึงฟื้นคืนขึ้นมาส่วนหนึ่ง จึงค่อยๆลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “ขออภัยท่านผู้อำนวยการ ข้าทราบว่าเสียกิริยาไปครู่หนึ่ง แต่เรื่องนี้ยากเกินที่จะใช้เวลาเพียงครู่ยามในการทำความเข้าใจ เห็นทีข้าจะต้องขอตัว”

                    ผู้อำนวยการทอริอุสพยักหน้าครั้งหนึ่งด้วยความเข้าใจ เขาเองก็เคยสูญเสียบุคคลใกล้ชิดไปในสงครามเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนเช่นกัน หากมิเคยประสบเหตุเช่นนั้นการที่ครูฝีมือดีใต้การปกครองผู้หนึ่งต้องมาเสียชีวิตไปก็คงจะทำให้เขาควมคุมสติได้ลำบากเช่นกัน ทอริอุสกล่าวว่า “ไปเถิด ข้าเข้าใจ”

                    ครูรูปร่างกำยำผู้นี้จึงสะบัดหน้าจากไปพร้อมกับความเจ็บแค้นที่ฝังลึกต่อบรรดาเหล่าจักรวรรดิ มุ่งหน้าออกไปยังหลุมฝังศพของชานอนที่ถูกสร้างขึ้นแบบเดียวกับหลุมของนายทหารที่มียศสูงที่สุดของอาณาจักรเจนีส อันเป็นการให้เกียรติสตรีผู้นี้อย่างเหลือล้น

                    ขุนศึกไกเห็นครูมอริสจากไปก็ต้องลอบถอนหายใจครั้งหนึ่ง ดวงตาทั้งสองที่ใช้มองบุรุษผู้นี้ล้วนมีแต่ความเศร้าโศกที่แฝงอยู่ภายใน พลางเบือนหน้าหันไปหาผู้อำนวยการทอริอุส กล่าวว่า “ท่านผู้อำนวยการเป็นเอลลิสผู้อาวุโสที่ข้าเคารพยิ่ง โปรดอย่าใช้คำเรียกหาข้าว่าท่านขุนศึกเลยขอให้เรียกว่าไกเฉยๆก็เพียงพอแล้ว”

                    “หาได้ยากยิ่งที่คนหนุ่มอย่างเจ้าจะเป็นคนที่ไม่ถือตัวหรือหลงมัวเมาในอำนาจพึ่งจะได้รับ อย่างน้อยก็ทำให้ผู้อาวุโสอย่างข้าปลื้มใจที่ยังมีบุคคลเช่นนี้หลงเหลืออยู่ สำหรับคำเรียกหานั้นข้าคงมิอาจทำตามคำขอร้องของเจ้าได้เต็มที่ ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้ามีฐานะเป็นถึงผู้นำของอาณาจักรหนึ่งๆ หากจะให้เรียกชื่อตรงๆจะเป็นการดูหมิ่นเกียรติของประเทศและประชาชนภายใต้การปกครอง ฉะนั้นแล้วหากมิใช่เป็นการสนทนาโดยส่วนตัวคำเรียกหาตามตำแหน่งของเจ้ายังคงจะต้องใช้ต่อไป มิใช่เพื่อตัวของเจ้าแต่เพื่อเป็นการให้เกียรติประชาชนอีกกว่าแสนชีวิต แต่ก่อนที่พวกเราจะสนทนาเรื่องราวอีกหลายประการข้ามีคำขอร้องประการหนึ่ง นั่นคืออย่าได้กล่าวถึงเรื่องของชานอนอีกเลย ในแววตาของเจ้าเมื่อครู่นั้นได้แสดงความรู้สึกทั้งมวลออกมาแล้ว ซึ่งข้าทราบดีว่าเป็นความรู้สึกเสียใจที่ไม่มีใครในโลกใบนี้เปรียบ นอกเสียจากบิดามารดาของนางที่สิงสถิตอยู่บนสรวงสวรรค์” ผู้อำนวยการทอริอุสกล่าวตอบพลางเดินเข้าไปหาขุนศึกหนุ่ม ประสานมือข้างหนึ่งเข้าด้วยกันกับมือของบุรุษหนุ่ม พยักหน้าแสดงถึงความเสียใจอย่างใหญ่หลวง

                    ขุนศึกไกพยักหน้าครั้งหนึ่ง หันมากล่าวกับลูทที่ยืนอยู่บริเวณหน้าประตูห้องโถงใหญ่ว่า “เมื่อนับรวมท่านทอริอุสแล้วบุคคลที่ท่านไอเวอเรียสเชื้อเชิญล้วนเดินทางมาถึงที่ตึกบัญชาการครบถ้วน รบกวนเจ้าไปตามสหายทั้งสองของเจ้ามาที่นี่ได้หรือไม่ ข้าอยากจะเปิดการประชุมใหญ่สนทนาถึงแนวทางของพวกเราเหล่าสหพันธ์ทั้งหมด”

                    สหพันธ์ ในที่นี้เป็นชื่อที่เป็นทางการของพันธมิตรสี่ฝ่ายอันประกอบด้วยสหพันธรัฐแห่งนอร์ กลุ่มปลดปล่อยเจนีส ราชอาณาจักรลาเวนดิสและเขตปกครองพิเศษโอเบรอน ที่ได้ตกลงร่วมมือกันต่อต้านกับจักรวรรดินอร์และสาธารณรัฐเอนเซลหรือเรียกสั้นๆว่า จักรวรรดิ

                    บุรุษหนุ่มรับคำครั้งหนึ่ง ขณะที่กำลังจะหันกายจากไปพลันได้ยินเสียงของผู้อำนวยการทอริอุสกล่าวว่า “เจ้าหรือที่มีนามว่าลูท? หนึ่งในสองยอดฝีมืออายุเยาว์ที่ได้รับการกล่าวขานกันมากที่สุดในขณะนี้”

                    “ผู้เยาว์เรียกว่าลูท แต่คำว่ายอดฝีมืออายุเยาว์อะไรนั่นคงจะรับไว้มิได้” ลูทกล่าวตอบอย่างนอบน้อม

                    ทอริอุสขยับเท้าเข้ามาใกล้ จ้องมองลูทอยู่พักหนึ่งกล่าวต่อไปว่า “หลังจากการประชุมในครั้งนี้ ข้าอยากจะขอเวลาสนทนากับเจ้าเป็นการส่วนตัวสักเล็กน้อยจะได้หรือไม่?

                    “ตกลงท่านผู้อาวุโส ผู้เยาว์ขอตัวไปตามสหายก่อน” กล่าวจบลูทก็เดินออกจากห้องโถงไป

                    ทอริอุสมองตามเงาหลังของบุรุษหนุ่มเปรยออกมาว่า “พิจารณาจากรูปร่างหน้าตาท่าทางการพูดจาและวิชาฝีมือแล้ว ข้ารับรองว่าอีกไม่เกินสิบปีบุรุษหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆของแผ่นดิน ท่านขุนศึกมีความเห็นว่าอย่างไร?

                    ขุนศึกไกกล่าวสนับสนุนว่า “ความเห็นของข้าอาจจะแตกต่างกับท่านผู้อำนวยการเล็กน้อย ตรงที่ข้ามั่นใจว่าเวลาที่ท่านผู้อำนวยการกล่าวถึงนั้น คงจะมาให้เห็นภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว”

                    ไกผายมือเชื้อเชิญผู้อำนวยการทอริอุส เดอ เมนอสเข้าไปยังห้องรับรอง ในขณะที่ผู้อาวุโสเกิดความสงสัยขึ้นในใจว่าเพราะเหตุใดขุนศึกไกถึงได้มั่นใจปานนั้น

     

    หลังจากสงครามระลอกที่สองผ่านพ้นไป จึงสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเมืองเจนีสได้รับเอกราชแล้วจริง

                    ครั้งก่อนที่ผู้นำการาดอส “ตาย” ไปเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นเพียงการปล่อยข่าวลวงมิใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด บรรยากาศแห่งความหดหู่และสิ้นหวังแพร่ไปทุกซอกทุกมุมของเมืองเจนีสเหนือใต้ ประชาชนทั้งหลายขาดความเชื่อมั่นว่าบ้านเมืองจะอยู่รอดหรือไม่ บ้างก็ทิ้งบ้านเรือนหนีเข้าไปยังนครมิสต์หรือราชอาณาจักรลาเวนดิสหาทางเอาชีวิตรอด จนกระทั่งสงครามผ่านพ้นไปด้วยชัยชนะของเมืองเจนีส ที่ขุนศึกไกพิสูจน์ให้เห็นว่าอาณาจักรแห่งนี้ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเองเช่นกัน ประชาชนที่อพยพหนีออกไปก่อนหน้าจึงค่อยๆทยอยกันกลับมาตั้งรกรากถาวรอีกครั้ง ภายใต้การนำของผู้นำคนใหม่

                    แม้ว่าผู้นำการาดอสจะต้องมา “ตาย” ไปอีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งครั้งนี้มิใช่การปล่อยข่าวหลอกลวงอีก ขวัญและกำลังใจของประชาชนกับเหล่าทหารกลับมิได้ลดน้อยลง เนื่องจากพวกเขาเชื่อมั่นในตัวของผู้นำคนใหม่คนนี้แล้ว ว่าจะสามารถนำพาให้เมืองเจนีสเหนือใต้อยู่รอดปลอดภัยจากเงื้อมมือของพวกจักรวรรดิได้สำเร็จ พิธีศพของผู้นำการาดอสถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ซึ่งในสายตาของประชาชนเห็นว่าเป็นการสิ้นสุดยุคการปกครองแบบกษัตริย์และราชวงศ์

                    ความจริงที่ว่าไกเป็นผู้สืบทอดโดยตรงจากบุรพกษัตริย์อาเรสยังคงถูกปิดเงียบ เก็บไว้เป็นความลับของเขาและคนอีกไม่กี่คน ไกไม่ต้องการกระจายให้เรื่องนี้ออกไปสู่หูของประชาชน เขาไม่ต้องการรับตำแหน่งของราชันย์ในยุคสงครามเช่นนี้ โดยให้เหตุผลกับกุนซือราเมสว่าแม้แต่ผู้นำการาดอสยังทิ้งความเป็นเชื้อพระวงศ์และตำแหน่งกษัตริย์โดยชอบธรรม จนกว่าบ้านเมืองจะมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุข แล้วเขาที่พึ่งจะก้าวเข้ามารับตำแหน่งขุนศึกและผู้นำคนใหม่จะมีหน้าไปรับตำแหน่งกษัตริย์ได้อย่างไร กุนซือราเมสเห็นด้วยกับเหตุผลดังกล่าวจึงไม่ขอกล่าวถึงเรื่องนี้จนกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะคลี่คลายไปในทางที่ดี

                    นอกจากบรรดาขุนพลของกองกำลังปลดปล่อยเจนีสแล้ว ในห้องประชุมประกอบด้วยตัวแทนจากกองกำลังต่างๆในสหพันธ์ กล่าวคือไอเวอเรียสผู้เป็นตัวแทนจากโอเบรอน วิสเคานท์ลาร์กกับมาร์คีสโรซาไลน์ผู้เป็นตัวแทนจากลาเวนดิส ผู้ตรวจการโลเปซผู้เป็นตัวแทนจากสหพันธรัฐแห่งนอร์ และผู้อำนวยการทอริอุสผู้เป็นตัวแทนจากโรงเรียนเซนต์เอลลิส

                    ลูทเดินเข้าห้องประชุมมาพร้อมกับสหายทั้งสอง โรซาไลน์แยกตัวออกไปนั่งรวมกันกับกระบี่ที่หนึ่งโซโลมอนและวิสเคานท์ลาร์ก เหลือเพียงลูทกับบลูนั่งติดกับแม่ทัพมอริแกนในส่วนที่เป็นของกองกำลังปลดปล่อยเจนีส

                    ยินเสียงกุนซือราเมสกล่าวขึ้นว่า “เมืองเจนีสได้รับเกียรติจากพวกท่านทั้งหลายที่ได้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาจึงอยากจะขอกล่าวเข้าประเด็น ว่าพวกท่านมีความเห็นอย่างไรในการที่จะรับมือกองทัพจักรวรรดิ?

                    วิสเคานท์ลาร์กกล่าวขึ้นเป็นคนแรกว่า “ข้าจะเล่าสถานการณ์ล่าสุดทางทิศใต้ให้กับพวกท่านฟังก่อน ขณะนี้กองกำลังของราชอาณาจักรลาเวนดิสกำลังพัวพันกับการศึกยืดเยื้อที่เมืองเบริล สองพ่อลูกมาร์เวอริคและมาร์คัสปิดประตูเมืองตั้งรับอย่างหนาแน่นไม่ยอมออกมาสู้รบ จากที่มั่นอันแข็งแกร่งของเมืองเบริลพวกเราจึงไม่สามารถบุกทะลวงเข้าไปได้ตามใจปรารถนา ท่านพ่อของข้าหรือมาร์ควิสลูเชียสเปลี่ยนเป็นใช้กลยุทธ์บดขยี้บรรจงทำลายแนวป้องกันทีละน้อย ค่อยๆหาทางเจาะตัวเมืองเบริลจากภายนอก เนื่องจากการเสด็จมาเยือนแนวหน้าขององค์ราชินีเจสสิกา ส่งผลให้ขวัญและกำลังใจของเหล่าทหารเพิ่มพูนมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ความได้เปรียบทั้งมวลจึงตกอยู่กับฝ่ายของเรา อาจเรียกได้ว่าสามารถกุมชัยชนะอยู่ในกำมือได้แล้ว เหลือเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้กองทัพได้รับความสูญเสียน้อยที่สุด”

                    ไอเวอเรียสกล่าวทัดทานว่า “ท่านวิสเคานท์อย่าพึ่งประมาทกองกำลังของมาร์ควิสมาร์เวอริค พิจารณาจากประวัติความเป็นมาพบว่าสองพ่อลูกคู่นี้ใช้เวลาสิบกว่าปีในการซ่องสุมกำลังเพื่อก่อการปฏิวัติ จากเวลาดังกล่าวข้าเชื่อมั่นว่าฝ่ายข้าศึกต้องมีไพ่ตายอะไรบางอย่างที่ยังมิได้ใช้ออก กลยุทธ์ของท่านมาร์ควิสลูเชียสดำเนินมาถูกทางแล้ว เหลือเพียงการประสานงานที่ถูกต้องระหว่างพวกท่านกับหน่วยข่าวกรอง จับตามองการตอบโต้ที่มีโอกาสเป็นไพ่ตายของฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพียงเท่านี้ชัยชนะก็จะกลายเป็นของพวกท่านแล้ว”

                    วิสเคานท์ลาร์กพยักหน้าเห็นด้วยครั้งหนึ่ง ยินเสียงของกระบี่ที่หนึ่งโซโลมอนกล่าวว่า “หากพวกเราใช้กองกำลังกริฟฟอนเป็นหัวหอก ใช้ความสามารถพิเศษทำลายแนวป้องกันรอบนอกไปเสีย เปิดทางให้ทัพใหญ่ของราชอาณาจักรบุกทะลวงเข้าไปจะดีหรือไม่?

                    กุนซือราเมสกล่าวว่า “นี่เป็นแผนการอันประเสริฐ หากกองกำลังกริฟฟอนสามารถจู่โจมทำลายป้อมด้านนอกโดยมิได้รับความสูญเสียแล้ว เมืองเบริลคงจะต้องแตกภายในชั่วข้ามคืน”

                    วิสเคานท์ลาร์กรับฟังเช่นนั้นจึงหันไปถามขุนศึกไกว่า “ท่านขุนศึกมีความเห็นอย่างไร? พวกเราเข้าใจว่ากองกำลังกริฟฟอนในขณะนี้ประจำการทำหน้าที่รักษาเมืองเจนีสใต้อยู่ หากจะโยกย้ายออกมาช่วยสงครามทางด้านใต้การป้องกันเมืองก็จะอ่อนแอลง จึงอยากจะขอความเห็นจากท่านขุนศึกในเรื่องนี้ ว่ากองกำลังของเมืองเจนีสมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดในการใช้สอยกองกำลังกริฟฟอน ไม่เช่นนั้นพวกเราจะส่งกองกำลังหน่วยอื่นเข้ามาเฝ้ารักษาเมืองเจนีสใต้ โยกย้ายให้กองกำลังกริฟฟอนไปปฏิบัติภารกิจที่เมืองเบริลเป็นการชั่วคราว”

    ขุนศึกไกตอบว่า “ก่อนที่จะตอบคำถามของท่านวิสเคานท์ข้าอยากจะกล่าวถึงเรื่องบางอย่างก่อน ข้าเชื่อว่าพวกท่านทั้งหลายคงจะเคยได้ยินถึงตำนานเรื่อง ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน มาบ้างไม่มากก็น้อย แต่พวกท่านบางคนคงยังไม่ทราบหรอกว่ากุญแจแห่งพิภพที่สาบสูญหายไปนั้นได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในมือของอดีตผู้นำการาดอส และสุดยอดศัสตราวุธชิ้นนี้ได้ตกทอดผ่านมายังมือของข้าพเจ้าในฐานะผู้นำคนถัดไป” จากนั้นไกจึงเล่าเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของปริศนาผู้นำการาดอส ตั้งแต่การแสร้งตายครั้งแรกจนกระทั่งการเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน

    หลังจากเล่าจบไกจึงแก้ห่อผ้าที่พกพาอยู่ข้างเอวออกท่ามกลางที่ประชุม กล่าวว่า “บัดนี้กุญแจแห่งพิภพได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของพวกท่านแล้ว”

    เสียงฮือฮาของบรรดาผู้นำทั้งหลายดังขึ้นจนมีคำถามของผู้ตรวจการโลเปซว่า “การที่ท่านขุนศึกแสดงกุญแจแห่งพิภพให้พวกเราเห็นเป็นประจักษ์เช่นนี้มีความหมายว่าอะไรหรือ?

    ไกส่ายหน้าครั้งหนึ่งกล่าวว่า “มิได้มีความหมายอะไรมาก นอกเสียจากว่าข้าเองอยากจะพิสูจน์ประโยคที่ว่า หากผู้ใดครองสองศาสตราผู้นั้นจะมีอำนาจครองแผ่นดิน สักครั้ง”

    วิสเคานท์ลาร์กถามขึ้นมาทันทีว่า “ท่านจะทำได้อย่างไร? ในเมื่อกุญแจแห่งสวรรค์นั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ของนครมิสต์ คงมิให้ผู้ใดเข้าไปหยิบฉวยได้โดยง่าย”

    ขุนศึกหนุ่มจึงหันหน้าไปมองลูทครั้งหนึ่งผายมือออกพร้อม กล่าวว่า “บุรุษหนุ่มผู้นี้มีนามว่าลูท เป็นศิษย์ของท่านอัครผู้พิทักษ์แห่งนครมิสต์ดูแรนดัล อันเป็นบุคคลผู้เดียวในแผ่นดินที่มีสิทธิ์ถือครองกุญแจแห่งสวรรค์ บัดนี้ข้าอยากจะให้พวกท่านทุกคนร่วมกันเป็นพยานในการมอบกุญแจแห่งพิภพให้กับน้องผู้นี้ เดินทางไปยังนครมิสต์เพื่อหยิบยืมกุญแจแห่งสวรรค์พิสูจน์คำกล่าวที่ยังคงค้างคาใจในอดีตอีกครั้ง”

    ลูทตะลึงตะลานที่อยู่ๆตนเองก็ได้รับการมอบหมายให้กระทำภารกิจเช่นนี้อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จริงอยู่ว่าเขาเป็นศิษย์ของอาจารย์ดาธ แต่ภารกิจที่แทบไม่มีหนทางสำเร็จเช่นนี้เขาจะไปทำได้อย่างไร

    “เพราะเหตุใดท่านขุนศึกจึงมีความคิดเช่นนี้? กุญแจแห่งพิภพคือสุดยอดศัสตราวุธอันหาที่ใดเปรียบ หากอยู่ในการครอบครองของเมืองเจนีสจะอย่างไรกองทัพจักรวรรดิก็ต้องเกรงอยู่สามส่วน จริงอยู่ที่ลูทมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับท่านอัครผู้พิทักษ์ แต่การเป็นศิษย์อาจารย์กันก็มิได้หมายความว่าลูทจะได้หยิบยืมกุญแจแห่งสวรรค์มาทดลองใช้ตามใจชอบมิใช่หรือ ยิ่งไปกว่านั้นการที่จะลักลอบเข้าไปในสุสานบุรพกษัตริย์เพื่อเข้าถึงประตูทิฆัมพรอันเป็นเขตสงวนสิทธิ์ของนครมิสต์ยิ่งเป็นไปมิได้ ภารกิจที่เลือนลอยขึ้นกับความเชื่อเก่าแก่เช่นนี้จะใช้ในการทหารได้อย่างไร?” วิสเคานท์ลาร์กทัดทาน

    ผู้ตรวจการโลเปซกล่าวว่า “อย่าว่าแต่เพียงท่านวิสเคานท์คนเดียวที่ไม่เห็นด้วยกับภารกิจนี้ข้าเองก็ไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนตัวข้ามีความเห็นว่าหากท่านขุนศึกใช้กุญแจแห่งพิภพออกรบในสงคราม กองทัพของเมืองเจนีสจะมีแสนยานุภาพเพิ่มพูนขึ้นอีกเป็นเท่าตัว”

    สองจากสี่กองกำลังในสหพันธ์คัดค้านการตัดสินใจของขุนศึกไก ทุกผู้คนจึงหันไปจับจ้องที่ไอเวอเรียสผู้เป็นตัวแทนของโอเบรอนว่านักยุทธศาสตร์อัจฉริยะผู้นี้มีความเห็นว่าอย่างไร ไอเวอเรียสยิ้มพลางกล่าวว่า “พวกท่านอย่าพึ่งรีบด่วนปฏิเสธไป แผนการนี้เป็นการเสนอให้ท่านขุนศึกด้วยตัวของข้าเอง หลังจากผ่านการไตร่ตรองร่วมกันเป็นอย่างดีเมื่อสองวันก่อน พวกเราทั้งสองจึงเห็นพ้องต้องกันเนื่องจากมีเหตุผลสามประการคอยสนับสนุน หนึ่งคือเหตุผลที่ว่าท่านขุนศึกเป็นเอลลิสแห่งตระกูลคาร์เดล ซันและเอลทั้งสองมิอาจอยู่ร่วมกัน กุญแจแห่งพิภพที่เป็นศัสตราวุธของซันชินแทบไม่มีประโยชน์เมื่ออยู่ในมือของท่านขุนศึกแม้แต่น้อย”

    ไกกล่าวเสริมว่า “หากปล่อยให้กุญแจแห่งพิภพอยู่ในมือข้า มันจะกลายเป็นเพียงเศษเหล็กก้อนหนึ่ง ดังนั้นข้าจำต้องเลือกผู้ที่จะถือครองมันและสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มากที่สุด จากบรรดาผู้คนรอบกายที่ข้าไว้วางใจที่สุด ท่านไอเวอเรียสกับข้าเห็นพ้องต้องกันว่าลูทที่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ด้วยความสำเร็จของศาสตร์แห่งซันระดับกึ่งไร้รูป ผลงานที่ได้ช่วยให้ฝ่ายสหพันธ์รอดพ้นจากห้วงอันตรายมาหลายครั้งหลายหน ศักยภาพในการพัฒนาตนเองที่เหนือขีดจำกัด และความสัมพันธ์อันดีกับอัครผู้พิทักษ์แห่งนครมิสต์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมานี้ล้วนพิสูจน์ได้และพวกเราหลายๆคนในที่นี้เคยเห็นมากับตา ข้าจึงตัดสินใจให้ลูทเป็นผู้ถือครองสุดยอดศัสตราวุธเล่มนี้เป็นการชั่วคราว โดยที่สิทธิ์ของความเป็นเจ้าของยังเป็นสิทธิ์ของรัฐอิสระเจนีส เช่นเดียวกับท่านดูแรนดัลที่มีสิทธิ์ในการถือครองกุญแจแห่งสวรรค์ของนครมิสต์”

    ผู้ตรวจการโลเปซและวิสเคานท์ลาร์กพยักหน้ายอมรับในเหตุผลข้อนี้รอคอยคำอธิบายของเหตุผลถัดไป

    ไอเวอเรียสให้เหตุผลว่า “สาเหตุที่สองมาจากตัวนครมิสต์เอง พวกเราทุกคนล้วนทราบว่าเวอร์น่อนเคยประมือกับท่านอัครผู้พิทักษ์ในการศึกปฏิวัตินครนอร์โปลิสจนบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่าย จนบรรลุข้อตกลงไม่สอดมือเข้ายุ่งเยี่ยวเป็นเวลาหกเดือน แต่ข่าวล่าสุดที่ได้จากสายลับของข้าระบุว่าเวอร์น่อนนั้นกำลังพักรักษาตัวจนเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว และหมากต่อไปของเวอร์น่อนคงจะไม่พ้นนครมิสต์ที่มีพรมแดนติดกัน ชิงสังหารท่านอัครผู้พิทักษ์ที่ยังไม่สามารถฟื้นคืนร่างกายให้เป็นปกติได้ ทันใดที่เวอร์น่อนสามารถยึดชัยภูมิศูนย์กลางของแผ่นดินอย่างนครมิสต์ได้เมื่อนั้นกองทัพจักรวรรดิจะสามารถรุกรับได้ทุกทาง เชื่อมประสานกองทัพเอนเซลและนอร์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตัดขาดการเชื่อมต่อของเอเวอร์เกรซออกจากเจนีสลาเวนดิสและโอเบรอน ต่อจากนั้นพวกท่านคงทราบดีว่าจะเป็นอย่างไร”

    ผู้อำนวยการทอริอุสที่นั่งอยู่ด้านข้างเอ่ยปากขึ้นบ้าง กล่าวว่า “เรื่องนี้คงไม่ง่ายดายปานนั้นหรอกพ่อหนุ่ม แม้ว่าท่านดูแรนดัลมิอาจต่อสู้ได้เต็มความสามารถ แต่บรรดาผู้พิทักษ์ทั้งสี่และเอลมาสเตอร์คาเทจนั้นมิใช่กระดูกอ่อนให้ขบเคี้ยวเล่นตามใจชอบ ถึงแม้ว่าเวอร์น่อนใช้ยอดขุนพลทั้งสองมิดาสกับทาลอส รวมกับบุตรชายของมันวานเตสบุกเข้านครมิสต์เต็มกำลัง ก็เรียกได้ว่าเพียงสูสีก้ำกึ่งกับท่านคาเทจและผู้พิทักษ์ทั้งสี่ อย่าว่าแต่ตอนนี้ทั้งมือซ้ายและมือขวาของเวอร์น่อนล้วนได้รับบาดเจ็บจากการศึกครั้งล่าสุด มิดาสต้องเสียแขนข้างหนึ่งแลกกับชีวิตของท่านอดีตผู้นำการาดอส และทาลอสถูกอดีตอัศวินดำแจ๊คทำร้ายเป็นบาดแผลฉกรรจ์”

    ภาพวาระสุดท้ายของแจ๊คแล่นวูบเข้ามาในห้วงสมองของลูททันที มือขวาของเขากุมชมิทท่าร์ที่แจ๊คเหลือไว้ให้เล่มหนึ่งแนบแน่น วงจรซันเอลในร่างโคจรหมุนไปกลับอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงมือข้างหนึ่งของสหายรักที่วางไว้บนไหล่ซ้าย ลูทเบือนหน้าไปเห็นบลูส่ายหน้าให้เขา วงจรซันเอลที่พลุกพล่านจึงสงบลงได้ การตายของพรานใหญ่มีผลต่อจิตใจของลูทมากมายมหาศาล เพียงแต่เขาไม่อยากนึกถึงมันเก็บกักมันไว้ที่ส่วนลึกของจิตใจ มิให้ความบอบช้ำกำเริบขึ้นมา

    ไอเวอเรียสระบุต่อไปว่า “เรื่องนี้ผู้เยาว์คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าท่านผู้อำนวยการกล่าวถูกต้องทุกประการ เพียงกองกำลังเท่านั้นมิอาจทำอย่างไรนครมิสต์ได้ แต่ปัจจุบันจอมทัพมังกรฮินเดลและเบเรียลทั้งสองได้บรรลุข้อตกลงกับจักรวรรดินอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลักฐานคือการร่วมจู่โจมของอัศวินมังกรเบลโทริน่าและโมลล็อค หากบุคคลทั้งสองและอัศวินดำใต้สังกัดของพวกมันลงมือจริง ผู้เยาว์เห็นว่านครมิสต์อาจมีอันตรายร้ายแรง”

    “ถูกต้องของเจ้า” ผู้อำนวยการทอริอุสยอมรับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×