ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #211 : เล่ม 7 - ตอนที่ 97 - บุษราคัม (3-4)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.4K
      8
      6 ต.ค. 51

    /> /> />

    โลหิตขององครักษ์ในกระโจมยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง พื้นกระโจมค่อยๆชโลมไปด้วยกลิ่นคาวของโลหิต หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรียังคงจับอาวุธหันเข้าหากันอย่างไม่ลดละ มีเพียงความแตกต่างที่ว่าสตรีผู้นี้ไม่เคยจับอาวุธเข้าห้ำหั่นอย่างจริงจังเลยสักครั้ง

                    “หนึ่งในสิบหกสุดยอดศัสตราวุธ” สายตาอันเย็นชาของทานากะส่อแววของความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย อันเป็นแววตาที่ไม่ค่อยจะพบเห็นได้จากบุคคลผู้นี้ มือสังหารกระบี่ดำยังคงจับจ้องอยู่ที่ข้อมืออันสั่นไหวของราชินีองค์ปัจจุบัน กล่าวว่า “มีดเล่มเมื่อครู่นี้อาจพอยืดชีวิตของเจ้าไปได้อีกสามสี่นาที บัดนี้ดูเหมือนว่าความหวังทั้งหมดจะมลายหายไป สุดยอดศัสตราวุธกลับกลายเป็นอุปกรณ์ขวางมือขวางเท้าของเจ้า และกลายเป็นของขวัญชิ้นโตสำหรับผลงานของข้า”

                    มือที่สั่นไหวของหญิงสาวมาจากทั้งความไม่มั่นคงในการจับศัสตราวุธและความกลัวผสมปนเปกัน ไม่ว่าเป็นผู้ใดเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางรอดเช่นนี้ความกลัวก็ต้องแผ่ซ่านขึ้นมาเป็นธรรมดา เพียงแต่ว่าแต่ละคนจะมีวิธีจัดการกับความกลัวที่แตกต่างกัน และจะสามารถกระทำได้ดีขึ้นเมื่อผ่านประสบการณ์แห่งความกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับหญิงสาวผู้ที่ไม่เคยผ่านสมรภูมินองเลือดใดๆ การที่คุมสติอยู่มิให้แตกกระเจิงไปรอบข้างได้นับว่าเป็นการจัดการกับความกลัวที่น่ายกย่อง

                    เพื่อปวงประชา เพื่ออาณาจักร เพื่อพระมารดาและเพื่อท่าน ข้าจะยังไม่ยอมจบชีวิตอยู่ที่นี่โดยง่าย ข้าจะไม่ยอมให้อาณาจักรแห่งนี้ต้องแตกเป็นเสี่ยงๆในยุคของข้าเมื่อเจสคำนึงขึ้นอาการสั่นไหวบนข้อมือก็ค่อยๆลดลงจนหยุดนิ่ง สายตาของนางมองไปที่ปลายกระบี่ไนทาลั่มอย่างไม่ลดละ

                    “ไม่เลว ยังคงตั้งสติได้อีก” พอเสียงกล่าวของอัศวินดำจบสิ้น กระบี่สีดำเล่มนั้นพลันทะลวงเข้ามาที่ซอกคอของนาง อันเป็นกระบวนท่าแทงคอหอยที่รวดเร็วและรุนแรง

                    เจสเกือบจะกรีดร้องออกด้วยเสียงอันดัง พลิกข้อมือขึ้นด้านบนหมุนคมของบุษราคัมเป็นรูปครึ่งวงกลมหมายจะเข้ากระทบกับคมกระบี่ไนทาลั่ม แต่กระบวนท่าที่เสมือนกับใช้อาวุธไม่เป็นเช่นนี้กลับไม่ส่งประสิทธิภาพใดๆ ไม่มีทั้งความแม่นยำและพลัง ทำให้คมของบุษราคัมพลาดเป้าไปหลายนิ้ว เห็นได้ชัดว่ากระบี่ไนทาลั่มกำลังแทงทะลุคอหอยของนางในไม่ช้า

    ขอโทษด้วยท่านบลู

                    กึง!

                    ปลายกระบี่ไนทาลั่มนั้นหยุดอยู่ที่บริเวณช่องว่างหนึ่งนิ้วก่อนจะถึงซอกคอ แสงสว่างวาบสีเหลืองนวลพุ่งออกมาจากร่างของเจส เข้ากระทบกับกระบี่ไนทาลั่มก่อนที่จะได้รับอันตราย ผลึกเอลไลท์ที่ใจกลางของเรเปียร์บุษราคัมสว่างวาบ แสดงให้เห็นว่าแสงสว่างเมื่อครู่เป็นผลมาจากหนึ่งในสิบหกสุดยอดศัสตราวุธเล่มนี้

                    หญิงสาวหลับตารอรับความตายแต่กลับรอดชีวิตด้วยสาเหตุปาฏิหาริย์ ถึงกับอุทานออกมาดังอาแทบไม่เชื่อสายตาว่าปลายกระบี่นั้นหยุดอยู่ห่างจากซอกคอเพียงนิ้วหนึ่ง

                    จริงอยู่ที่คนเราถ้าไม่มีความเชี่ยวชาญในอาวุธประเภทหนึ่งจะมิอาจดึงประสิทธิภาพของอาวุธชิ้นนั้นออกมาได้ ความจริงนี้ใช้ได้กับศัสตราวุธทั่วหล้ายกเว้นเพียงศัสตราวุธชิ้นหนึ่งอันมีนามว่า บุรษาคัม เรเปียร์บุษราคัมนี้ติดตั้งผลึกเอลไลท์ชนิดพิเศษเอาไว้ที่ใจกลาง แทนที่เรเปียร์เล่มนี้จะเปล่งประสิทธิภาพจากการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ มันกลับเปล่งประสิทธิภาพจากจินตนาการของผู้ใช้ หากผู้ครอบครองมีสภาพจิตใจที่เข้ากันได้กับศัสตราวุธ เมื่อคำนึงถึงสิ่งใดเรเปียร์บุษราคัมจะเปล่งประสิทธิภาพออกมาตามสิ่งที่นึกถึงนั้น ดั่งเช่นการใช้กำแพงเอลคุ้มครองร่างกายของเจสเมื่อครู่ ที่ไม่มีศัสตราวุธเล่มใดในโลกสามารถกระทำได้อีก

                    เพราะบุษราคัมเป็นศัสตราวุธที่บังคับด้วยจิตใจ! และจะต้องเป็นใจของผู้สืบทอดบุษราคัมโดยชอบธรรมเท่านั้น!

                    “อะไรกัน!?” ทานากะอุทานขึ้นเมื่อเห็นว่าคมกระบี่ของตนมิอาจแทงผ่านช่องว่างของอากาศหนานิ้วหนึ่งไปได้ มือที่ถือกระบี่สะท้านไปทั่วเหมือนกับการแทงกระบี่เข้าหากำแพงโลหะ “เป็นไปไม่ได้ กระบี่ไนทาลั่มแทงไม่เข้าได้อย่างไร!?

                    อัศวินดำหมายเลขหกชักกระบี่กลับมาทันควัน ด้วยความฉุนเฉียวจึงกล่าวกระชากเสียงว่า “หากกระบี่เมื่อครู่ใช้การมิได้ ลองดูอีกสักสามสี่กระบี่จะเป็นไร!

                    เคร้ง!

                    ครั้งนี้มิใช่กำแพงที่เกิดจากเอลของหญิงสาวที่หยุดคมกระบี่สีดำทะมึน แต่เป็นกระบองสีเงินที่ยืดทะลวงกระโจมผ้ามาจากด้านข้าง กระบองที่ไม่เคยมีผู้ใดบังคับมันด้วยจิตใจ ยกเว้นความสามารถพิเศษของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง นามว่า บลู วอลทซ์

                    “ข้าให้เจ้ารอนานเกินไปแล้ว” เสียงบุรุษที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านข้าง “ต่อจากนี้ไปจะเป็นสมรภูมิของข้าเอง”

     

    ก้าวเดียวล้มทั้งกระดาน เป็นฉายาของบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นคู่ปรับเพียงหนึ่งเดียวของไอเวอเรียส

                    ทานาทอสเป็นนักยุทธศาสตร์ที่มิอาจมองข้ามไปได้ แม้ว่าไอเวอเรียสจะสามารถเดินหมากอย่างระมัดระวังสักเท่าใด ท้ายที่สุดยังคงเสียทีให้กับทานาทอสทั้งความได้เปรียบด้านเวลาและสถานที่ พวกเขาเหลือเวลาในการปฏิบัติการอีกเพียงสามชั่วโมง ในขณะที่ยังมิอาจนำกองทัพเข้ามาในเมืองได้สำเร็จและร่องรอยก็ถูกเปิดเผย

                    ทั้งสามมุ่งออกจากตัวตึกบัญชาการไปยังโกดังลับ ยินเสียงของไอเวอเรียสกล่าวว่า “จะอย่างไรศัตรูก็ต้องพบตัวพวกเราในอีกไม่กี่นาที มาตรการซ่อนเร้นคงไม่จำเป็นอีกต่อไป บุกเข้าไปถล่มโกดังนี้เสียเปิดประตูให้พวกโซโลมอน เป็นสัญญาณการเปิดศึกไปในตัว”

                    ไกพยักหน้าเห็นด้วยตรงดิ่งไปยังประตูหน้าทางเข้า กล่าวว่า “โรส เจ้ารับหน้าที่เปิดประตูนั่นเสีย พวกข้าทั้งสองจะจัดการส่วนที่เหลือทั้งหมด รีบไป”

                    ทันใดที่สตรีผมทองพยักหน้าก็เห็นร่างของนางขยับเคลื่อนไหวสองสามครั้งแล้วพลันหายไปในความมืด ส่วนขุนศึกไกไม่มีออมรั้งอนุภาคเอลใดๆอีก สะบัดกระบี่บุปผาเพลิงหิมะออกด้วยท่ากลีบดอกไม้เยือกแข็ง อันเป็นท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ หน่วยทหารยี่สิบกว่าคนที่เฝ้าประตูด้านหน้าของโกดังยังไม่ทันทราบว่าอะไรเป็นอะไร ก็กระเด็นออกไปด้านข้างสลบไสลไปสิ้น นี่เรียกว่าไกยังมีความเมตตาอยู่บ้างที่สาดท่าไม้ตายออกจากระยะไกล พวกทหารทั้งหลายจึงไม่ถูกส่วนที่แหลมคมปนความเย็นกร่อนกระดูกของกระบี่ รอดจากการเสียชีวิตอย่างงมงายมาได้

                    “จังหวะนี้!

                    ตูม!

                    เสียงระเบิดดังขึ้นจากข้างโกดัง สตรีผมทองมิได้เร้นกายเข้าไปเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น โรซาไลน์แผ่ฝ่ามือออกใช้เอลแห่งแสงที่พัฒนาต่อเนื่องจากดรรชนีเทพยดานามว่า แสงดาวตก อัดพลังงานแห่งแสงเป็นก้อนใหญ่ทำลายผนังโกดังฝั่งหนึ่งทิ้งเสีย สร้างความแตกตื่นให้กับทหารที่อยู่ด้านใน

                    “ไม่ทราบว่าศิษย์น้องของข้ามีแง่มุมเช่นนี้อยู่ด้วย” ไอเวอเรียสยิ้มที่มุมปาก กระบี่ตวัดเจ็ดดาวเปล่งแสงสีม่วงสดร่ายเอลเคลื่อนกายในระยะสายตาเข้าไปที่ประตูหน้าทันทีหลังจากที่โรซาไลน์ทำลายผนังด้านข้าง ศิษย์พี่ใหญ่อาศัยจังหวะที่ข้าศึกถูกเบี่ยงเบนความสนใจเปลี่ยนกระบี่เป็นแสงสีเหลือง กรีดท่าพสุธากัมปนาทเข้าที่พื้นโกดัง จนเกิดแรงระเบิดขึ้น ณ ใจกลาง กองทหารหลักกว่าแปดส่วนที่เฝ้าพื้นที่แห่งนี้ถูกแรงระเบิดสลบเหมือดไปสิ้น เปิดทางโล่งกว้างให้โรซาไลน์ทำงานได้ง่าย

                    ขุนศึกไกเห็นกองทัพของศัตรูวิ่งตรงเข้ามา ถึงตรงจุดนี้ร่องรอยของพวกเขาล้วนถูกเปิดเผยโดยสมบูรณ์ ดูจากชุดและเครื่องหมายก็ทราบว่าหน่วยที่มาเป็นกองทัพส่วนตัวของอัศวินดำคอร์เนเลีย ไกจึงไม่ยั้งมือออมรั้งไว้อย่างเช่นเคย เร่งเร้าอนุภาคแห่งเอลขึ้นถึงระดับวิถีแห่งฟ้า แสงแห่งเอลน้ำแข็งสีน้ำเงินแผ่ออกโดยรอบ อุณหภูมิรอบกายลดต่ำลงในระดับเดียวกับจุดเยือกแข็ง พวกศัตรูเห็นว่าบุคคลที่อยู่ด้านหน้าเป็นขุนศึกแห่งเจนีสก็ครั่นคร้ามไม่กล้าบุ่มบ่ามบุกเข้ามาโดยใช่เหตุ ทั้งหมดถือดาบยกโล่ขึ้นตั้งรับจัดขบวนอยู่นอกเขตแดนความเย็นนั้น

                    ขุนศึกไกถือกระบี่บุปผาเพลิงหิมะด้วยสองมือขนานกับพื้นดิน ชี้ปลายตรงไปยังเบื้องหน้าปลดปล่อยรังสีอำมหิตออกมาทั่วกาย กล่าวราวกับเป็นขุนพลสวรรค์ว่า “ผู้ใดที่ก้าวเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ จะไม่มีผู้ที่รอดชีวิตไปได้แม้แต่คนเดียว!

                    ตูม!

                    เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งด้วยเอลแสงดาวตก โรซาไลน์ไม่สนใจกระบอกทองเหลืองใดๆ เร่งเร้าเอลขึ้นสู่จุดสูงสุดระเบิดประตูโกดังทิ้งไปเสีย จากนั้นจึงร่ายเอลร่างเงาแสงแบ่งร่างเป็นสี่ร่าง เข้าพัวพันกับหน่วยทหารที่ยังหลงเหลือจากแรงระเบิดของไอเวอเรียสเมื่อครู่ กล่าวว่า “ปล่อยที่แห่งนี้ให้อยู่ในความดูแลของข้า ศิษย์พี่ใหญ่ออกไปช่วยพี่ไกรับมือกับกองทัพหลักเถิด”

                    “ตกลง” ไอเวอเรียสกล่าวจบร่างพลันหายวับ โผล่ออกมาอีกทีที่ด้านข้างขุนศึกไก เห็นตราสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์ที่กระบี่แกว่งไกว กล่าวว่า “นี่ช่างเหมือนครั้งก่อนที่พวกเราสองคนเคยพบพาน”

                    “หันหลังชนกันรับมือศัตรูรอบด้านเช่นนี้” เสียงกล่าวของขุนศึกไกกล่าวจบลงก็เห็นหน่วยรบของฝ่ายตรงข้ามรุกเข้ามาร่วมร้อยนาย นำโดยนายทหารใต้สังกัดคอร์เนเลียผู้หนึ่ง กระบี่บุปผาเพลิงหิมะโคจรกลับด้านเร่งอุณหภูมิสูงร้อนแรง ควบคู่กับเอลที่สี่ของกระบี่ตวัดเจ็ดดาว เปลี่ยนสมรภูมิน้ำแข็งกลายเป็นเพลิงในพริบตา ทหารที่รุกเข้ามาในเขตต้องห้ามต่างแผดเสียร้องออกดังลั่น สองขุนพลแห่งกองกำลังสหพันธ์แหวกว่ายท่ามกลางทะเลมนุษย์ สะบัดกระบี่ทีหนึ่งเป็นการจบชีวิตฝ่ายตรงข้ามผู้หนึ่ง

                    ในขณะที่สมรภูมิอันดุเดือดเลือดพล่านดำเนินต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น โรซาไลน์พลันรู้สึกได้ถึงความกดดันที่มาจากเอลลิสชั้นสูง ศรดอกหนึ่งถูกปล่อยออกมาจากพื้นที่นอกโกดัง พุ่งทะลวงช่องแตกที่เกิดจากเอลแสงดาวตกเข้ามาหาร่างจริงของสตรีผมทอง

                    เคร้ง!

                    โรสใช้ดาบคู่ทั้งสองของบิดาต้านรับศรยักษ์นั้นไว้ได้ ข้อมือทั้งสองถูกแรงกระแทกจนชาด้าน จากตรงนี้จึงคำนึงได้อย่างเดียวว่า เป็นศรพิฆาตเอริค

                    พวกเราสามคนตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูนับหมื่นเช่นนี้จะทำอย่างไร? คาดว่าอีกไม่นานกองทัพใต้สังกัดคอร์เนเลียคงจะรุกเข้ามาประชิดตัวพี่ไก ส่วนกองทัพของเอริคคงจะเข้ามาควบคุมพื้นที่บริเวณโกดังลับนี้ไว้ได้หมดสิ้น ไม่มีทางเลยที่พวกเราสามคนจะต้านรับกองทัพของฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด แม้ว่าได้รับการสนับสนุนจากท่านโซโลมอนและกองกำลังกริฟฟอน จำนวนทหารก็ยังต่างกันอยู่ราวสี่เท่าเป็นอย่างน้อย การปะทะโดยตรงล้วนเป็นจุดอับ โรสคำนึงพร้อมกับหาสถานที่หลบมุม ปิดบังร่างไว้มิให้อยู่ในวิถีศรจากช่องแตก เปิดโอกาสให้ทหารยามอีกเกือบสิบนายที่ทำหน้าที่เฝ้าโกดังหลบหนีออกไป

                    ขณะที่ไกและไอเวอเรียสต่างชุลมุนวุ่นวายอยู่กับการรับมือข้าศึกนับร้อยนั้น ทั้งสองก็รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติจากรังสีอำมหิตถึงสองทาง หนึ่งมาจากทางซ้ายหนึ่งมาจากทางขวา ทั้งสองคนลอบพยักหน้าตกลงกันผละออกจากการพัวพันในทันใด

                    กระสุนวารีจำนวนสิบกว่าลูกถูกยิงมาจากด้านซ้าย ตามติดด้วยผืนผ้าสีดำกลืนกับราตรีอันมืดมิด ไกถือกระบี่บุปผาเพลิงหิมะด้วยมือหนึ่ง เปลี่ยนมืออีกข้างหนึ่งเป็นท่าหัตถ์หิมะ ปัดกระสุนวารีทั้งหมดออกไปข้างกาย ตวัดคมส่วนร้อนของบุปผาเพลิงหิมะเข้าใส่ผ้าพัตรราตรี กล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วใช่หรือไม่ที่ต้องเผชิญกับเจ้าที่นี่ รองหัวหน้าหน่วยอัศวินดำคอร์เนเลีย?

                    ปรากฏร่างของสตรีผมสีม่วงยืนประจันหน้ากับเขา กล่าวว่า “แต่คงจะไม่มีครั้งที่สองอีกที่เจ้าจะหนีรอดจากสถานที่นี้ไปได้”

                    เคร้ง! เสียงโลหะกระทบกันดังก้อง

                    ไอเวอเรียสพุ่งไปด้านขวาได้ใช้กระบี่ตวัดเจ็ดดาวเข้าปะทะกับขลุ่ยทองคำของทานาทอส ทั้งสองวัดกำลังข้อกันอยู่ขณะหนึ่งแล้วผละออกมาพบว่าไม่มีผู้ใดเป็นรองผู้ใด

    ทานาทอสที่หน้าตาหล่อเหลาผมแดงผิวขาวยกมือขึ้นข้างหนึ่งห้ามมิให้พวกทหารจู่โจมใส่บุคคลตรงหน้า กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นไอเวอเรียสผู้โด่งดังใช่หรือไม่? ไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใดที่เจ้าสามารถยับยั้งระเบิดที่ติดตั้งอยู่ในโรงเรียนเซนต์เอลลิสได้จนถึงบัดนี้ข้าก็ต้องนับถือจากใจจริง และต้องยอมรับว่าวิธีรับมือเหตุเปลี่ยนแปลงของเจ้านั้นแยบคายไม่น้อย ถึงกับทำให้ข้าคำนวณผิดพลาดไปหลายจุดปล่อยให้เจ้ากระทำการตามอำเภอใจไปหลายประการ แต่หมากการเปิดฉากรุกโต้กลับเมืองโอดินนี้กลับมิใช่แผนการพิสดารอันใด เนื่องจากมันอยู่ในแผนการที่ข้าได้คำนวณเอาไว้ล่วงหน้าและได้กำหนดวิธีตั้งรับเอาไว้ทั้งหมดแล้ว”

    ไอเวอเรียสตั้งกระบี่ตวัดเจ็ดดาวไว้ตรงหน้า คุมเชิงทหารฝ่ายตรงข้ามพร้อมที่จะสะบัดออกทุกขณะ พลางกล่าวตอบโต้ว่า “ดูจากขลุ่ยเลานั้นคงไม่ต้องถามว่าเจ้าคือทานาทอสหรือไม่ แต่ศิษย์ของปรมาจารย์หมากรุกทองคำจะมีมันสมองตื้นเขินไปหน่อยกระมังหากคิดว่าข้ามีแผนการเพียงเท่านี้?

     

    อาจเป็นที่กังขาว่าบุษราคัมมิใช่ศัสตราวุธชิ้นเดียวในโลกที่ใช้จิตใจควบคุม โดยโต้แย้งว่ากระบองวิสุทธิ์ศาสตราในมือของบุรุษหนุ่มผมน้ำเงินนั้นก็กระทำได้เช่นกัน แต่ความจริงแล้วการควบคุมอาวุธทั้งสองกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

                    เรเปียร์บุษราคัมแปรเปลี่ยนจิตใจ ความคิด ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าออกมาใช้เป็นพลัง กำเนิดเอลจากความรู้สึกเหล่านั้นของเจ้าของ ยิงความรู้สึกเหล่านั้นรุนแรงมากเท่าใดบุษราคัมจะสามารถแปรเปลี่ยนออกมาเป็นอนุภาคของเอลได้มากเท่านั้น ในขณะที่กระบองวิสุทธิ์ศาสตราไม่เกี่ยวข้องอันใดกับความคิดหรือจินตนาการ เพียงแต่บลูใช้ประสาทสัมผัสของตนที่เรียกว่าจิตสัมผัสในการบังคับกระบองด้ามนี้ เสมือนใช้มือล่องหนข้างหนึ่งควบคุมให้กระบองร่ายรำตามใจปรารถนา

                    “พักผ่อนให้สบายเถิด” บุรุษหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นในสมรภูมิที่ดุเดือดเลือดพล่าน ศัตรูเข้มแข็งยังคงยืนอยู่ตรงหน้ามิได้ถูกกำจัดลง

                    “อืม” หญิงสาวตอบรับพร้อมกับทรุดกายลงที่ผนังกระโจมด้วยความเหนื่อยอ่อน มองดูบุรุษหนุ่มรับมือกับอัศวินดำหมายเลขหกด้วยความมั่นใจ

                    ทานากะไม่สนใจว่าบุรุษเบื้องหน้าจะเป็นผู้ใด สะบัดมือแทงกระบี่ออกด้วยกระบวนท่าเดิม ประกายกระบี่สาดเป็นจุดแต้มๆเข้าใส่นัยน์ตาของบลู

                    หากเป็นเมื่อปีก่อนกระบี่ที่แฝงไว้ด้วยความเกรี้ยวกราดและรวดเร็วขนาดนี้บลูคงไม่มีทางรับมือได้ แต่ขณะนี้กลับเป็นตรงกันข้าม ด้วยสายตาที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนของบุรุษหนุ่มทำให้แยกแยะได้ว่าจุดแต้มใดคือจริงจุดแต้มใดคือลวง วินาทีนั้นเองบลูได้กางนิ้วทั้งห้าออกเปล่งแสงสีเขียวที่ปลาย ซัดออกไปด้วยเอลที่สามนามว่าดาบสุญญากาศห้าดาบพร้อมเพรียงกัน แต่แปลกที่ดาบสุญญากาศทั้งห้านั้นมิใช่เป็นคมดาบวาดฝ่าอากาศออกไปเหมือนเคย มันถูกอาคมแปรผันรีดจนกลายเป็นเส้นเล็กดั่งกระบี่ของศัตรู พุ่งเข้าปะทะกับคมกระบี่ไนทาลั่มปิดกั้นการจู่โจมได้อย่างหมดจด อาคมแปรผันช่วยให้บลูเปลี่ยนรูปร่างของเอลที่จะใช้ออกได้ตามใจปรารถนา เปลี่ยนเอลรูปแบบหนึ่งให้กลายเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในขณะที่ยังคงพื้นฐานของเอลนั้นๆไว้ไม่เสื่อมคลาย

                    ทานากะมิได้ตื่นเต้นตกใจแม้แต่น้อย มันทราบว่าศัตรูผู้นี้เข้มแข็งยิ่งขึ้นกว่าครั้งก่อนๆที่เคยพบหน้า บุปผากระบี่เมื่อครู่จึงเป็นเพียงการหยั่งเชิงเท่านั้น เพื่อที่จะให้มันสามารถย่นระยะห่างจากสี่ก้าวเหลือเพียงก้าวหนึ่ง ยินเสียงของอัศวินดำหมายเลขหกกล่าวว่า “อีกสักครู่ เจ้าจะตามรอยสตรีผู้นั้นไปในยมโลก”

                    สตรีผู้นั้น!?’ บุรุษหนุ่มชะงักไปวูบหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ พอนึกถึงครูชานอนที่พึ่งจากไปจึงกระชากเสียงว่า “เจ้า!

                    วินาทีนี้เองที่บลูเปิดช่องว่างเล็กน้อย อัศวินดำหมายเลขหกพลันใช้ท่าไม้ตายก้นหีบ ปลดผลึกนิลอวตารดึงอนุภาคของพลังงานจากอนาคตมาใช้ การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วกว่าเดิมสองสามเท่า กระบี่ที่ดูเหมือนว่าจะมองออกกลับไม่สามารถมองออกได้อีก ตวัดมือเข้ามาหมายจะกรีดเข้าที่ซอกคอ

                    เจสที่นั่งพิงกำแพงอยู่ด้านข้างแทบอยากจะร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง เมื่อเห็นคนรักของตนชะงักไปวูบหนึ่งเปิดโอกาสให้ศัตรูจู่โจมด้วยกระบวนท่าปลิดชีวิต

                    บุรุษหนุ่มเจ็บใจที่ตนเองถูกจู่โจมด้วยคำพูดจนทำให้จิตใจสั่นไหว มิอาจควบคุมสติได้เมื่อความแค้นประดังเข้ามาในห้วงสมอง พึ่งจะมาตั้งสติได้เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าของฝ่ายตรงข้ามใช้ออกมากว่าครึ่งกระบวนท่าแล้ว หากมิอาจหลบได้ปลายกระบี่จะกรีดเข้าใส่เส้นเลือดใหญ่ที่ลำคอ และแน่นอนว่าเขาจะต้องตามครูชานอนไปในปรภพเช่นกัน

                    บลูมีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการขยับหนี ร่างกายที่มิใช่นักสู้โดยกำเนิดของเขาไม่สามารถตอบโต้ได้ทันกับคำสั่งของสมอง

                    ฉัวะ!

                    โลหิตสดๆไหลทะลักออกมาจากปลายคิ้ว บุรุษหนุ่มถูกกระบี่กรีดที่ข้างศีรษะจนเลือดไหลอาบเป็นทาง บาดแผลไม่ลึกมากแต่ยาวเกือบสองนิ้ว ส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามชะงักงันไปครู่หนึ่งเกิดคำถามขึ้นในใจว่า คนผู้นี้หลบรอดกระบี่สังหารได้อย่างไร?’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×