ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

ลำดับตอนที่ #23 : คมกระบี่ในเงามืด (4)

โรซาไลน์เขียนจดหมายใส่กระดาษแผ่นเล็กๆ จากนั้นม้วนเป็นทรงกระบอกสอดใส่กระบอกที่ผูกไว้กับขานกพิราบสื่อสารของการาดอส

พิราบสื่อสารพวกนี้จดจำที่อยู่ของการาดอสเอาไว้ในใจ หลังจากที่ถูกปล่อยให้โบยบินสู่ท้องฟ้ามันจะมุ่งหน้าไปยังจุดๆนั้นซึ่งเปรียบเสมือนรังในใจของพวกมัน ถ้าหากไม่ถูกยิงตกลงมาเสียก่อนรับประกันว่าร้อยทั้งร้อยพวกมันก็สามารถบินกลับถึงตำแหน่งเดิม

งานที่บลูแบ่งให้โรสดูเหมือนจะง่ายกว่าคนอื่น เธอจึงสามารถกระทำเสร็จโดยเร็ว ในตอนแรกโรสคิดว่าจะไปเดินเล่นตามร้านขายของดูว่าสินค้าของเมืองโอดินมีอะไรที่น่าซื้อบ้างหรือไม่ แต่พอคิดไปคิดมาก็เปลี่ยนใจทดลองตามหาร่องรอยของอัศวินดำดีกว่า ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนทั้งสองอีกแรงหนึ่ง

โรสคาดว่าลูทคงจะเดินหาร่องรอยอยู่แถบโรงเรียนและในตัวเมือง ดังนั้นเธอจึงเดินออกไปทางตรงกันข้ามแทนที่จะสำรวจในตัวเมืองที่มีคนพลุกพล่านกลับเป็นการเดินสำรวจช่วงรอบนอกเมืองที่เป็นแถบที่อยู่อาศัยแทน

ด้วยหลักวิชากายกรรมและความคล่องตัวที่ฝึกฝนมา ทำให้โรสเป็นสายสืบชั้นแนวหน้า เธอสามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วโดยไร้สุ้มเสียงและหลบซ่อนตัวมิดชิดไร้ร่องรอย ท่ามกลางม่านวิกาลที่ช่วยปกปิดสายตาของผู้คนการพรางตัวของโรสแทบจะเรียกได้ว่าล่องหนสำหรับบุคคลทั่วไป

โรสไม่มีคำว่าประมาท เธอตั้งมั่นอยู่ในความรอบคอบเสมอมา ถึงแม้ว่าจะเป็นการเดินสำรวจทั่วไป เธอก็ใช้วิชาพรางตัวหลบตามจุดอับแสงของอาคารบ้านเรือน เดินสำรวจรอบนอกเมืองโดยทั่ว

เพียงการเคลื่อนที่ไม่กี่ครั้งตามเงามืด โรสที่เปิดเผยกลายเป็นซ่อนเร้น ร่องรอยของโรสวับหายไปในทันที

โรสสอดส่องดูสถานที่ต่างๆก็ไม่พบร่องรอยของอัศวินดำแต่อย่างใด เมื่อเวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ขณะที่โรสซุ่มอยู่ ณ ริมอาคารหลังหนึ่ง เธอก็เห็นเงาดำข้ามกระโจนผ่านรอยต่อหลังคาของอาคารทั้งสอง โลดโผนข้ามศีรษะของเธอไป ถึงแม้จะไม่มีเสียงฝีเท้าแต่เธอก็มั่นใจว่า คนผู้นั้นต้องเป็นคนที่มีเจตนาติดตามตัวเธอมาก่อน

โรสรู้สึกเย็นสันหลังวาบ หากเธอไม่ตัดสินใจพรางตัวเพื่อตามหาร่องรอยของฝั่งตรงข้าม ตัวเธอเองคงจะตกเป็นเป้าจู่โจมอย่างแน่แท้

ประสาทความรู้สึกต่างๆของโรสยังไม่ไวเท่าลูทที่เป็นพรานล่าสัตว์ หรือไม่เท่าแม้แต่บลูที่มีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่า แต่ด้วยการตัดสินใจที่รอบคอบ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเสมอมา ผสานกับความสามารถเฉพาะตัวและโชคที่เข้าข้างทำให้โรสรอดจากการถูกจู่โจมสังหารได้โดยไม่คาดคิด

                ถ้าหากมันพบว่าลอบสังหารผิดพลาด มันจะย้อนกลับไปที่ใด

โรสคิดคำนึงถึงความจริงข้อนี้ หากฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถลงมือได้ประสบผลสำเร็จ แล้วเธอเป็นฝ่ายติดตามมันเอง อาจจะส่งผลดีอันคาดไม่ถึงก็เป็นได้ ถ้าหากเธอสามารถติดตามไปถึงรังของมันแล้วทำลายรังนั้นเสีย

เมื่อโรสคิดได้เช่นนั้นก็ไม่เกรงกลัวอันใดทั้งสิ้น เธอตัดสินใจสะกดรอยตามคนผู้นั้นไปอีกที

โรสไม่ผลีผลามติดตามโดยใกล้ชิดแต่กลับเฝ้าดูอยู่ห่างๆ เธอเห็นคนผู้นั้นวิ่งวนตามหาร่องรอยของเธออยู่รอบหนึ่ง เมื่อพบว่าโรสสลัดหลุดจากการติดตามของมันแล้วจึงวกกลับมายังจุดเดิม ซึ่งเป็นจุดที่โรสเริ่มอำพรางตัว โรสมองสำรวจดูก็พบว่าเป็นผู้ติดตามของเธอชายชุดดำโพกผ้าปิดหน้าคงเหลือแต่ดวงตาทั้งสองข้างสาดส่องในยามวิกาล มันผู้นี้สะพายกระบี่เล่มหนึ่งไว้กลางหลัง ตัวกระบี่เล็กยาวแหลมคมเหมาะสำหรับการจู่โจมด้วยความเร็ว

ชายคนนั้นกล่าวว่ากระไรสองสามคำ โรสคาดว่าคงเป็นคำสบถที่ปล่อยให้เธอหลุดจากการติดตามไปได้ หลังจากนั้นไม่นาน คนชุดดำเมื่อพบว่าการลงมือครั้งนี้คงไม่สำเร็จจึงจากไป

โรสพลันออกจากที่ซ่อนใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีตื่นตัวประสาททุกส่วน พยายามสะกดรอยคนชุดดำนั้นให้ได้โดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

ทั้งสองวิ่งอยู่หนึ่งหน้าหนึ่งหลัง โรสจงใจทิ้งระยะห่างเอาไว้ประมาณร้อยกว่าเมตรเพื่อไม่ให้ฝั่งตรงข้ามจับการติดตามได้

พอรู้ตัวอีกทีโรสก็เดินทางมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เธอเห็นคนชุดดำเดินหายเข้าไปในตัวอาคาร โรสยังไม่กล้าติดตามเข้าไปเพราะอาจจะพบกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนชุดดำเพียงคนเดียว

เธอมองสำรวจรอบอาคารพบป้ายที่ระบุว่าเป็นตึกของผู้ว่าการเมืองโอดิน เธอจึงแน่ใจเสียแปดส่วนว่าพวกอัศวินดำต้องพบเห็นร่องรอยของเธอแล้ว และผู้ว่าการเมืองโอดินคงจะต้องเข้าเป็นฝ่ายเดียวกันกับอัศวินดำเสียเป็นแน่

พอเธอปลุกปลอบประสาทและสติทั้งหมดให้ทำงานอีกครั้ง โรสจึงเร้นกายในเงามืดหายร่างเข้าไปในอาคารอย่างไม่เกรงกลัว