ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #234 : เล่ม 8 - ตอนที่ 109 - แผนตอบโต้จักรวรรดิ (4)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.58K
      11
      24 พ.ย. 51

    /> /> />

    ไอเวอเรียสจึงกล่าวต่อไปว่า “เมื่อปัจจัยประการแรกผ่านพ้นไป ปัจจัยที่สองที่พวกเราต้องการก็คือ ลม อันเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยพัดให้ต้นเพลิงของเราลุกลามไปทั่วนครมิสต์ได้ในระยะเวลาอันสั้น”

                    “ลม?” แมกซิมิเลี่ยนทวนคำขึ้น กล่าวว่า “ตามธรรมชาตินั้นอากาศบริเวณนครมิสต์จะมีลมรุนแรงในช่วงกลางปีที่เป็นฤดูมรสุม พวกเราต้องการลมที่รุนแรง แม่นยำ และพัดพาจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก ดังนั้นการจะพึ่งพาลมธรรมชาติเป็นเรื่องที่มิอาจกระทำได้”

                    เจ้าเมืองจูเลียสเสนอขึ้นว่า “เช่นนี้พวกเราก็ต้องพึ่งพาลมสังเคราะห์ ที่เกิดจากการสร้างด้วยเอลที่สามแล้วกระมัง?

                    ไอเวอเรียสพยักหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ไม่ผิด พวกเราจะต้องใช้ลมจากเอลที่สาม”

    กอร์ดอนตั้งข้อสังเกตว่า “ปัญหาคือพวกเราจะหาเอลลิสจำนวนมากมาสร้างลมที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องและยาวนานได้อย่างไร? ปริมาณลมที่พวกเราต้องการต่อให้เป็นเอลลิสระดับท่านคาเทจหรือดูแรนดัลในสภาพสมบูรณ์พร้อมกระทำการด้วยตนเองก็มิอาจกระทำได้”

    “คนผู้หนึ่งคงมิอาจกระทำได้ แต่ถ้าเป็นกองทัพทั้งกองทัพย่อมสามารถกระทำได้จริงหรือไม่?” เสนาธิการหนุ่มหันไปมองทางโรซาไลน์ผู้เป็นศิษย์น้อง กล่าวว่า “โชคดีที่ราชอาณาจักรลาเวนดิสมีกองกำลังกริฟฟอนอันขึ้นชื่อ แม้ว่าในปัจจุบันท่านโซโลมอนจะบาดเจ็บมิอาจเข้าร่วมการรบได้ แต่ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมาร์คีสสามารถควบคุมกองกำลังกริฟฟอนได้อย่างไม่มีปัญหา หากพวกเราใช้เอลลิสนับพันผลัดการสร้างกระแสลมอย่างต่อเนื่อง ข้าเชื่อมั่นว่าพวกเราสามารถควบคุมกระแสลมได้ตามใจนึกอย่างแน่แท้”

    สตรีสาวได้รับหน้าที่สำคัญจึงหันไปมองที่ขุนศึกไกครั้งหนึ่ง บุรุษหนุ่มมอบรอยยิ้มเป็นการให้กำลังใจและความเชื่อมั่นเป็นการตอบแทน โรซาไลน์จึงกล่าวว่า “หน้าที่อันสำคัญเช่นนี้ข้าที่เป็นผู้สืบทอดกองกำลังกริฟฟอนต่อจากท่านพ่อจะขอรับเอาไว้เอง”

    “เพียงเท่านี้ข้าก็คิดว่าแผนการวางเพลิงเผานครมิสต์น่าจะสำเร็จไปด้วยดี ขอเพียงวางกำลังทหารอย่างรัดกุมการจู่โจมครั้งนี้ก็มีส่วนสำเร็จเกินกว่าครึ่ง เหตุใดจึงมีปัจจัยที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเล่า?” ขุนศึกไกถาม

    เสนาธิการหนุ่มจึงตอบว่า “ปัจจัยที่สามนั้นสำคัญไม่แพ้ปัจจัยสองปัจจัยแรก เมื่อเรามี ไฟ และ ลม เอาไว้เผานครแล้ว พวกเราก็ควรที่จะมี แรงกดดันที่จะทำให้กองทหารฝ่ายตรงข้ามแตกพ่าย ซึ่งแรงกดดันนั้นจะเป็นอย่างไรมิได้นอกเสียจากการบุกจู่โจมกองทัพของจักรพรรดิเวอร์น่อนโดยตรงจากทางบก สร้างความเสียหายทั้งทางด้านขวัญและกำลังใจ กดดันให้ตกอยู่ในสภาพจำต้องถอย”

                    แมกซิมิเลี่ยนพลางกล่าวขึ้นว่า “ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของข้า กอร์ดอน แม่ทัพใหญ่ชิมอนและทหารชาวมิสต์เอง พวกเราจะเป็นทัพหน้าที่ยกเข้าตี โดยเคลื่อนกำลังผ่านเมืองออรอนที่อยู่ทางตะวันตก ใช้สะพานที่สร้างไว้ก่อนหน้าข้ามแม่น้ำลาเมนท์ บีบบังคับให้พวกมันเผชิญกับอัคคีทางทิศใต้หรือไม่ก็กองเรือของท่านออสวอล ใช่หรือไม่?

                    “ถูกต้องแล้วท่านแมกซิมิเลี่ยน” ไอเวอเรียสอธิบายต่อไปว่า “แผนการของข้านั้นต้องการให้ท่าน ท่านกอร์ดอนและท่านผู้พิทักษ์ทั้งสามเข้าพัวพันเวอร์น่อนและจอมทัพมังกรทั้งสอง เพิ่มแรงกดดันต่อทหารภายใต้การบังคับบัญชาจนกระทั่งวานเตสและโรฮันต้องสั่งการนำกองทัพถอยร่นขึ้นเหนือ วานเตสผู้นี้รู้หลักการบัญชาการศึกมิใช่บุคคลที่กระหายสงครามดั่งเช่นเวอร์น่อน หากจำต้องถอยทัพในห้วงคับขันเพื่อตั้งหลักวานเตสจะไม่ปฏิเสธที่จะต้องกระทำ ส่วนกองทัพของโรฮันนั้นอยู่ทางทิศตะวันออก หากถูกลาโทน่าตัดการเชื่อมต่อด้วยการเผาทำลายสะพานกลางเมือง โรฮันจะไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากหนีขึ้นทิศเหนือไปตั้งหลักที่นอกเมือง เว้นแต่จะส่งยอดฝีมือเข้ามาทำลายกองเรือของท่านออสวอล หักโหมฝ่าทางน้ำออกไปทางทิศตะวันออก ซึ่งข้าและรินะที่ประจำการอยู่ในตำแหน่งนั้นขออาสาเป็นผู้รับมือ”

                    ขุนศึกไกที่ยังมิได้ถูกเอ่ยชื่อมอบหมายงานจึงอาสาว่า “ให้ข้าเป็นกองกำลังคุ้มครองท่านออสวอลแทนจะดีหรือไม่? ท่านเสนาธิการจะได้สามารถบัญชาการจากตำแหน่งอื่นไม่จำเป็นต้องร่วมรบ เมื่อมีเหตุเปลี่ยนแปลงอันใดจะได้ส่งคำสั่งบอกพวกเราได้ทันการณ์”

                    “ไม่ได้หรอกท่านขุนศึก หน้าที่ของท่านนั้นสำคัญยิ่งกว่าผู้ใด จะให้เปลี่ยนมาทำหน้าที่คุ้มครองกองเรือได้อย่างไร? ข้าที่อยู่ในกองเรือสามารถมองภาพการณ์ได้ชัดเจนเพียงพอแล้ว หากเกิดเหตุคับขันอันใดยังมีซุยริวของรินะเป็นกำลังเสริมอีกแรงหนึ่ง” ไอเวอเรียสเลื่อนปลอกกระบี่ผ่านแผ่นดินมิสต์ขึ้นไปยังเมืองโลซาน กล่าวว่า “ท่านขุนศึกจะต้องยกกองทัพจากเมืองโอดินบุกผ่านเมืองโลซานอย่างสายฟ้าแลบ ในขณะเดียวกันท่านเจ้าเมืองจูเลียสก็จะนำทัพที่เป็นชาวโลซานแท้ๆยกมาจากเอเวอร์เกรซ หาทางตรึงกองกำลังเฝ้าเมืองโลซานนี้ไว้ เปิดทางให้กองทัพของท่านขุนศึกมาดักรอกองทัพของวานเตสที่ถอยร่นจากนครมิสต์ขึ้นเหนือ เป็นทัพพิสดารที่จะคอยดักตีในตำแหน่งที่คาดไม่ถึง บดขยี้กองทัพใหญ่ทิ้งยุติการศึกในคราเดียว”

                    “ยอดเยี่ยม” เจ้าเมืองจูเลียสกล่าวชมเชย “ทหารโลซานภายใต้การควบคุมของข้าเมื่อได้รบในสมรภูมิอันคุ้นเคยย่อมสามารถเปล่งประกายได้เป็นเท่าตัว หน้าที่นี้โปรดวางใจได้พวกเราย่อมไม่สร้างความผิดหวังให้กับพวกท่าน”

                    ปลอกกระบี่ตวัดเจ็ดดาวเลื่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ อันเป็นตำแหน่งของเอเวอร์เกรซ กล่าวว่า “ส่วนท่านผู้ตรวจการโลเปซและกองทัพของท่านแม่ทัพทาเรียจะต้องถ่วงดุลย์กองทัพของสองพ่อลูกตระกูลชไวน์เอาไว้ ซึ่งโดยส่วนตัวข้าไม่คิดว่าพวกเขาทั้งสองจะยอมเคลื่อนไหว หากมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในกองทัพตระกูลชไวน์ ก็ขอให้ท่านโลเปซเปลี่ยนแปลงรับมือตามสถานการณ์เฉพาะหน้า ทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางมิให้กองทัพของตระกูลชไวน์เข้าช่วยการศึกที่เมืองโลซาน”

    ไอเวอเรียสชี้ปลอกกระบี่ไปยังป้อมวอเตอร์ดีพอันเป็นสถานที่สุดท้าย “ขอเพียงพวกเราจับตาดูที่ป้อมวอเตอร์ดีพ พวกเราจะทราบความเป็นมาเป็นไปของกองทัพตระกูลชไวน์ได้ง่าย ซิฟเฟอร์ผู้นี้มีสมองเป็นเลิศก็จริงแต่ยังยึดติดอยู่กับนโยบายของวงศ์ตระกูล ในเมื่อทาลอสรับหน้าที่เฝ้านครหลวงนอร์โปลิส มันคงไม่สั่งให้บุตรชายยกกองกำลังเข้าช่วยเหลือเมืองโลซานโดยผลีผลาม เว้นเสียแต่กองทัพที่เมืองโลซานมีท่าทีจะแตกพ่ายในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นข้าจึงอยากให้ท่านจูเลียสทำสงครามยืดเยื้อ ไม่จำเป็นต้องวัดผลแพ้ชนะโดยฉับพลัน เพียงคอยก่อกวนเปิดเส้นทางให้ทัพของท่านขุนศึกเดินทางผ่านไปได้เท่านั้นเป็นพอ”

                    ผู้ตรวจการโลเปซเลื่อมใสในแผนการของไอเวอเรียสเป็นอย่างยิ่ง กล่าวว่า “แผนการนี้สมบูรณ์แบบยิ่งนัก หากพวกเรากระทำสำเร็จการศึกก็จะยุติลงภายในระยะเวลาอันสั้น หรือถ้าไม่สำเร็จลุล่วงก็จะสร้างความเสียหายให้กับกองทัพจักรวรรดิอักโข ระดับความเสี่ยงที่เห็นนี้ยังอยู่ในขอบเขตที่พวกเราสามารถเห็นว่าสามารถกระทำได้”

                    ไอเวอเรียสรับฟังเช่นนั้นแทนที่จะดีใจแต่ภายในใจกลับฝืนยิ้มโดยที่มิได้แสดงออกมา แผนการนี้จะสำเร็จหรือไม่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสองตัวแปรหลัก หนึ่งก็คือผลการต่อสู้ระหว่างแมกซิมิเลี่ยนกับเวอร์น่อน ซึ่งในจุดนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจมีความมั่นใจว่าแมกซิมิเลี่ยนจะเป็นผู้ชนะ เพราะยอดฝีมือระดับผู้หยั่งรู้ดินฟ้าอย่างท่านคาเทจยังพ่ายแพ้มาแล้ว ส่วนตัวแปรที่สองนั้นก็คือทานาทอส คู่ปรับตัวฉกาจผู้นี้จะตอบโต้อย่างไร? แผนการครั้งนี้จะสามารถลอดผ่านสายตาของบุคคลผู้นี้ไปได้หรือไม่? แม้ว่าแผนการนี้จะเป็นสิ่งที่คนหลายต่อหลายคนนึกว่าเป็นแผนเหนือเมฆอันแสนวิเศษ แต่เมื่อคู่มือเป็นบุคคลผู้นี้เขาเองก็ไม่มีความมั่นใจเต็มสิบส่วนเช่นกัน

                    บทเรียนที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าทานาทอสมีความสามารถที่จะเอาชนะเขาได้ ดังนั้นไอเวอเรียสจึงครุ่นคิดทุกวิถีทาง ค้นหาความเป็นไปได้ทั้งหมดในการรับมือกับบุคคลผู้นี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×