ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #235 : เล่ม 8 - ตอนที่ 109 - แผนตอบโต้จักรวรรดิ (5)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.58K
      8
      26 พ.ย. 51

    href="file:///E:\DOCUME~1\MyHome\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///E:\DOCUME~1\MyHome\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///E:\DOCUME~1\MyHome\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" />

    ตอนนี้เปิดบริการให้ใช้งานเวปไซต์ผ่าน www.legendofel.com ได้แล้วนะครับ

    ขณะนั้นเองบุคคลที่อยู่ว่างไม่ได้รับมอบหมายงานสองคนได้กล่าวขึ้นมาพร้อมกัน ลูทกับบลูกล่าวว่า “ในเมื่อทุกคนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ พวกข้าจะทำหน้าที่อันใด
    ?

                    “ข้าไม่ปล่อยให้พวกเจ้าทั้งสองว่างงานหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานของพวกเจ้านั้นจะต้องเริ่มก่อนที่ผู้คนอื่นๆในที่ประชุมนี้ ข้าเชื่อว่าภายในเวลาเจ็ดวันหลังจากนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการโจมตีสวนกลับ พวกท่านสามารถเตรียมกองทัพให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดภายในเวลาเจ็ดวันหรือไม่?” ไอเวอเรียสย้อนกลับไปถามบรรดาแกนนำในที่ประชุม

                    แม่ทัพจูเลียสที่จำเป็นต้องไปเตรียมกองทัพถึงเมืองเอเวอร์เกรซนั้นใช้เวลามากที่สุด จึงกล่าวแทนบุคคลอื่นๆว่า “จริงอยู่ว่ากองทัพของเมืองโลซานนั้นเตรียมตัวอย่างเพียบพร้อมอยู่ตลอดเวลา แต่ในปัจจุบันกองทัพภายใต้การดูแลของข้านั้นถูกจัดสรรให้ร่วมกับกองทัพของแม่ทัพทาเรียและแม่ทัพโจนาธาน ดังนั้นข้าอาจต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการที่จะคัดทหารเมืองโลซานที่มีประสบการณ์ กำหนดเส้นทางและตำแหน่งรายละเอียดปลีกย่อยที่จะใช้ตรึงกองทัพจักรวรรดิ ภายในเวลาเจ็ดวันข้าเชื่อว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น เสบียงของพวกเราจะเพียบพร้อม กองทัพสองหมื่นนายของข้าจะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ”

                    “ดี” เสนาธิการไอเวอเรียสตอบ พลางหันไปกล่าวกับบลูและลูทว่า “ดังนั้นภายในสามวันนี้พวกเจ้าจะต้องออกเดินทางเข้าไปในเขตแดนของมิสต์ล่วงหน้า ก่อนกองทัพของพวกเราจะบุกเข้าทำการใดๆ ข้าจะต้องมีแผนที่และข้อมูลอย่างละเอียดของฝ่ายตรงข้าม นอกจากท่านมาร์คีสโรซาไลน์ที่ต้องควบคุมกองกำลังกริฟฟอนแทนท่านโซโลมอน นับว่าพวกเจ้าทั้งสองมีความสามารถโดดเด่นและเหมาะสมกับการออกสอดแนมมากที่สุด หากมิใช่มือดีระดับเวอร์น่อนหรือวานเตส ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทั้งสองมีความสามารถในการเอาตัวรอดได้ถึงสิบส่วน และถ้าหากเป็นสองพ่อลูกคู่นั้นมาด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่เชื่อว่าพวกมันจะสามารถจัดการพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย”

                    มาร์ควิสลูเชียสที่เคยเห็นบลูปฏิบัติภารกิจมาก่อนนั้นพยักหน้าในทันใด “บุคคลทั้งสองเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ปฏิบัติการที่เมืองเบริลจะไม่ประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้หากไม่มีพวกเขา”

                    “ท่านมาร์ควิสกล่าวเกินไปแล้ว” บลูกล่าวถ่อมตน จากนั้นหันไปถามไอเวอเรียสว่า “ท่านเสนาธิการต้องการให้พวกเราไปสอดแนมในพื้นที่ใดบ้าง?

                    “ข้ามิได้ต้องการให้พวกเจ้าเข้าไปในตัวนครมิสต์โดยตรงเพราะนั่นจะเป็นการเสี่ยงเกินไป สิ่งที่ข้าต้องการคือข้อมูลรอบนอกทางฝั่งตะวันออก อนึ่งนั้นทางฝั่งตะวันตกของนครมิสต์ติดกับเมืองออรอนอันเป็นสถานที่ตั้งของสำนักข่าวพิราบรายวัน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านสตีเฟ่นและสายข่าวบริเวณนั้นสามารถส่งข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำให้กับพวกเราได้ แต่ในขณะที่ทางฝั่งตะวันออกของนครมิสต์เป็นพรมแดนติดกับอาณาจักรเอนเซลที่เป็นพันธมิตรกัน หน่วยสอดแนมของพวกเรามิอาจแทรกซึมเข้าไปลึกถึงระดับนั้น ดังนั้นข้าต้องการให้พวกเจ้าเดินทางอ้อมไปยังโบราณสถานเอลลี่อันเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ทหารจักรวรรดิแตะต้องสถานที่แห่งนี้เป็นแน่”

    ไอเวอเรียสหยิบแผนที่ที่ติดตัวขึ้นมาสองผืน แผ่กางบนที่ประชุมทับแผนที่ใหญ่กลางโต๊ะ เห็นทุกผู้คนในห้องล้วนจ้องมองแผนที่ทั้งสองผืนเป็นตาเดียว เสนาธิการหนุ่มจึงกล่าวต่อไปว่า “พวกท่านทั้งหลายคงจะทราบดีว่าศาสตราจารย์ซาริคผู้เป็นคนในตระกูลอาร์มาดิเนสนั้นเป็นนักโบราณคดีชั้นนำ แผนที่ทั้งสองนี้เป็นท่านลุงสร้างขึ้นมาด้วยตนเองจึงมีความน่าเชื่อถือเต็มสิบส่วน แผ่นแรกแสดงถึงพื้นที่ของโบราณสถานเอลลี่และพื้นที่รอบนอก ซึ่งละเอียดเพียงพอที่จะใช้เป็นแผนที่สำหรับการสอดแนม พวกเจ้าทั้งสองสามารถลัดเลาะไปตามถ้ำและแนวป่าที่สามารถปกปิดร่อยรอยอย่างมิดชิด เข้าไปยังใจกลางของโบราณสถานเอลลี่ได้ในที่สุด และจากตำแหน่งนั้นขอให้พวกเจ้าเปลี่ยนมาดูแผนที่อีกผืนหนึ่งนี้ควบคู่กันไป อันเป็นแผนที่ที่แสดงทางเดินใต้ดินและอุโมงค์ที่เชื่อมกันระหว่างเส้นทางใต้ดินของโบราณสถานเอลลี่”

                    นิ้วมือทั้งซ้ายขวาของไอเวอเรียสชี้ไปยังตำแหน่งของแผนที่ทั้งสองผืนพร้อมๆกัน กล่าวว่า “จะเห็นว่าหากพวกเจ้าใช้เส้นทางใต้ดินนี้ให้เป็นประโยชน์ พวกเจ้าจะสามารถเข้าใกล้ตัวนครมิสต์เข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงทางออกบริเวณเมืองเก่าได้ในที่สุด แต่ข้ามิได้ต้องการให้พวกเจ้าไปไกลถึงขนาดนั้น เพียงแค่สามารถสอดแนมพื้นที่รอบนอกเมือง ห่างจากตัวเมืองห้าร้อยถึงหนึ่งพันก้าวก็นับว่าเพียงพอแล้ว ขอเพียงพวกเราสามารถล่วงรู้ที่ตั้งของทหารฝ่ายตรงข้ามได้แม่นยำเหมือนลายมือบนฝ่ามือ ข้าเชื่อมั่นว่าแผนการเผานครมิสต์ในครั้งนี้จะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นอีกห้าส่วนเป็นอย่างน้อย”

                    ขุนศึกไกมองไปที่บุรุษหนุ่มทั้งสอง กล่าวว่า “ชะตาของพวกเราในที่นี้จะอยู่หรือไปล้วนขึ้นกับพวกเจ้าแล้ว”

                    แมกซิมิเลี่ยนมองไปยังบุตรชายของตนเอง เขาไม่เคยนึกคิดว่าวันหนึ่งจะได้เห็นบุตรชายที่เกลียดการสู้รบและสงครามเข้ากระดูกดำถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมืออายุเยาว์ และได้รับการมอบหมายงานสอดแนมที่สำคัญเช่นนี้ ใจหนึ่งเขาก็ภูมิใจในความสำเร็จของบุตรชาย แต่อีกใจหนึ่งกลับคอยถามตัวเองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ?

                    ผู้ตรวจการโลเปซเห็นด้วยกับการสอดแนมอย่างไม่มีเงื่อนไข พอคิดทบทวนจึงเสนอความคิดขึ้นว่า “ในหมู่แม่ทัพนายกองของสหพันธรัฐแห่งนอร์ของเรามีอยู่หน่วยหนึ่งที่เคยเป็นสายสืบอยู่ในเอนเซล รองแม่ทัพบาวาเรียและนายกองปาร์กเกอร์ทั้งสองเคยทำงานอยู่กับลูทมาก่อนทั้งที่เอนเซลและการศึกที่ป้อมวอเตอร์ดีพ ข้าคิดว่าทั้งสองอาจมีหนทางช่วยเหลือเรื่องการสอดแนมครั้งนี้ให้ง่ายดายยิ่งขึ้น”

                    ไอเวอเรียสปรบมือครั้งหนึ่ง หันไปกล่าวกับผู้ตรวจการโลเปซว่า “ทีแรกข้ากังวลอยู่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้ลูทและบลูส่งข่าวกลับมาหาพวกเราได้อย่างสะดวก หากจะปล่อยพิราบให้บินตรงมายังค่ายทหารของพวกเราก็อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยิงตกหรือการเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งของกองทัพ แต่ถ้าหากมีกองกำลังเล็กๆของรองแม่ทัพบาวาเรียประจำการอยู่ที่รอยบรรจบระหว่างมิสต์และโอเบรอนเป็นตัวกระจายข่าวอีกครั้งหนึ่ง การส่งข่าวจะง่ายดายมากขึ้นกว่าเดิม พิราบจะบินจากตะวันตกไปยังตะวันออกแทนที่จะบินจากตะวันออกไปยังตะวันตก โอกาสที่จะถูกเพ่งเล็งและยิงพิราบนั้นจะน้อยลง และถ้าหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น มือดีใต้สังกัดของรองแม่ทัพบาวาเรียจะสามารถเคลื่อนพลเข้ารับเหตุเปลี่ยนแปลงได้ทันที”

                    “ขออภัยท่านเสนาธิการ แต่การที่จะส่งมือดีใต้สังกัดของรองแม่ทัพบาวาเรียจำนวนมากข้ามจุดเคลื่อนย้ายจากเอเวอร์เกรซมายังลาเวนดิสทั้งหมดนั้นย่อมเป็นไปมิได้” ผู้ตรวจการโลเปซกล่าวทัดทาน

                    เสนาธิการหนุ่มส่ายศีรษะครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ข้ามิได้ต้องการให้ทหารใต้สังกัดเขาทั้งสามพันเดินทางมาทั้งหมด แต่ถ้าหากเป็นการเคลื่อนย้ายคนจำนวนสักสิบสองคน ข้าคิดว่าเอลลิสที่แปดของพวกเราน่าจะพอจัดการให้ได้ภายในสามวัน ส่วนทางเมืองโอเบรอนจะส่งคนอีกราวห้าร้อยคนให้อยู่ใต้สังกัดของรองแม่ทัพบาวาเรีย ในจำนวนนี้อาจมีคนจากตระกูลมู่ปะปนเข้าไปด้วย เพื่อดึงประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการการเคลื่อนไหวและการรบในแนวป่า อันเป็นเสมือนสนามเด็กเล่นของเอลลิสธาตุไม้ กองทัพของรองแม่ทัพบาวาเรียจะเป็นทัพบกช่วยประสานเสริมกับทัพเรือของท่านออสวอลอีกแรงหนึ่ง”

                    “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่มีความกังวลใจใดๆ ทันใดที่ข้ากลับไปถึงเอเวอร์เกรซจะส่งคนไปขออนุมัติจากท่านผู้ปกครองคาร์ลให้ดำเนินการทันที”

                    “ขอบคุณมากท่านผู้ตรวจการ”

                    ราชหัตถเลขาออสวอลเห็นว่าที่ประชุมได้ข้อสรุปกันแล้วจึงหันไปกล่าวกับบุคคลที่อาวุโสที่สุดทั้งสองว่า “ท่านแมกซิมิเลี่ยนและท่านกอร์ดอนมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมใดๆหรือไม่?

                    แมกซิมิเลี่ยนหันไปสบตากับคาเทจและดูแรนดัลครั้งหนึ่ง ทั้งสองพยักหน้าสนับสนุนในแผนการของไอเวอเรียส จึงกล่าวว่า “สำหรับข้านั้นไม่มีข้อคิดเห็นใดๆแล้ว ขอเพียงสั่งการมาข้าก็พร้อมจะนำทัพของนครมิสต์บุกเข้าไปยังใจกลางนครทันที”

                    “มารดาของเจ้าเถอะ หน้าที่นำทัพนั้นเป็นของข้า ส่วนหน้าที่ของเจ้านั้นคือการหาวิธีการไล่ตะเพิดสองพ่อลูกตระกูลซอร์โดนั้นให้ออกไปจากตัวนครก่อนที่จะถูกไฟคลอกกันทั้งหมด” กอร์ดอนหันไปตอกสหายสนิท เรียกเสียงหัวเราะจากที่ประชุมได้พอสมควร

                    เมื่อดูแรนดัลได้ยินเช่นนี้พลันนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน คำนึงขึ้นพร้อมถอนหายใจครั้งหนึ่งว่า ทั้งสองคนยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง หากวินสตันอยู่ร่วมอีกคนหนึ่ง วันคืนเหล่านั้นอาจหวนกลับมาจริงๆก็เป็นได้

                    เมื่อที่ประชุมลงมติเห็นพ้องต้องกัน ทุกคนต่างทยอยกันออกจากห้องประชุม ซึ่งในขณะนั้นเองเสียงของมาร์ควิสลูเชียสพลันดังขึ้นข้างโสตประสาทของไอเวอเรียสว่า “เจ้าจงใจทิ้งกระดูกก้อนโตเอาไว้ให้กับข้าอย่างนั้นหรือ?

                    ไอเวอเรียสหันกลับไปยิ้มให้มาร์ควิสลูเชียส รอยยิ้มนั้นเหมือนเกิดจากการฝืนอย่างเต็มเปี่ยม กล่าวตอบว่า “หากมิใช่ท่านมาร์ควิสแห่งซิลเวอร์แซนด์คงจะไม่มีผู้อื่นเหมาะสมอีก ท่านมู่จื้อแห่งโอเบรอนยังคงต้องพักฟื้นจากการศึกครั้งก่อนมิอาจปฏิบัติการได้ ผลลัพธ์ของการศึกครั้งนี้จะอยู่หรือจะไปล้วนขึ้นกับท่านแล้ว”

                    มาร์ควิสลูเชียสยิ้มคืนกลับให้กับไอเวอเรียสเป็นอันรู้กันระหว่างบุรุษสองคนที่มีอายุห่างกันสามสิบกว่าปี มาร์ควิสใช้มือตบหัวไหล่ของบุรุษหนุ่มเบาๆ กล่าวว่า “เจ้าคิดถูกแล้วที่เลือกข้า”

                    เมื่อทุกคนเดินออกจากห้องประชุมไปสิ้น เสนาธิการหนุ่มพลันก้มโค้งสุดตัวแสดงความเคารพให้กับเงาหลังของลูเชียสที่เดินจากไป คำนึงว่า ฝากท่านด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×