ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #236 : เล่ม 8 - ตอนที่ 110 - ศิษย์ทั้งห้า (1)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.66K
      3
      28 พ.ย. 51

    /> /> />

    ภาควีรบุรุษเทพสงคราม

    ตอนที่ 110 ศิษย์ทั้งห้า

    2 เมษายน อ.ศ. 226

     

    ณ ตึกตระกูลชไวน์

                    อัศวินดำหมายเลขสี่ซิฟเฟอร์เดินทางกลับมาจากแนวหน้าเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน ผลงานชิ้นล่าสุดของมันคือการยึดป้อมวอเตอร์ดีพอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยที่ไม่เสียทหารแม้สักคนหนึ่ง แต่ซิฟเฟอร์มิได้เอ่ยปากถึงผลงานแม้แต่คำเดียว ไม่เพียงผลงานการรบชิ้นนี้ ขนาดการทุบสถิติเรื่องการบรรจุเป็นอัศวินดำที่อายุน้อยที่สุดของวานเตส มันก็ไม่เคยเอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว ทั้งหมดเป็นเพราะว่ามันมิได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านั้น

                    หากมิได้รับการยอมรับจากตระกูล ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญ

                    “ซิฟเฟอร์” เสียงของจอมพลทาลอสดังขึ้นเมื่อบุตรชายบรรลุถึงห้องโถงใหญ่

                    “ท่านพ่อ” ซิฟเฟอร์หยุดก้าวเท้าตอบรับคำหนึ่ง มันทราบว่าบิดาต้องมีเรื่องที่จะสนทนาอย่างจริงจัง หาไม่แล้วบิดาของมันจะไม่มีทางมายืนรออยู่ที่ห้องโถงเช่นนี้

                    ทาลอสเดินนำหน้าโดยมีซิฟเฟอร์เดินตามหลังอย่างที่ไม่ต้องบอกกล่าว ผ่านไปครู่หนึ่งทั้งสองเข้ามาถึงห้องหนังสือ อันเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมคัมภีร์ต่างๆของตระกูลชไวน์

                    “เจ้าทราบหรือไม่ว่าตระกูลชไวน์มีจุดยืนอย่างไรกับอาณาจักรนอร์?” บิดาถามบุตรชายในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรด

                    ซิฟเฟอร์ตอบโดยที่ไม่ต้องขบคิด ในเรื่องที่มันจดจำได้ตั้งแต่สามขวบว่า “ยืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่ ป้องกันอธิปไตยของชาติ รักษาไว้ซึ่งเกียรติยศของวงศ์ตระกูล”

                    “ดี” ทาลอสถามต่อไปว่า “เจ้าคิดอย่างไรกับการที่อาณาจักรนอร์จะขยายพื้นที่ออกไปครอบครองแผ่นดิน?

                    ซิฟเฟอร์มองเข้าไปในดวงตาของบิดาครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “การขยายพื้นที่มิใช่เรื่องของตระกูลชไวน์แต่เป็นนโยบายของจักรวรรดิ หากไม่มีคำสั่งจักรพรรดิโดยตรง คนในตระกูลชไวน์จะไม่ลงมือปฏิบัติ”

                    “ผิดแล้ว” ทาลอสส่ายศีรษะครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “หากเป็นเพียงปฏิบัติการยิบย่อย พวกเราตระกูลชไวน์จะยินยอมเคลื่อนไหว แต่ถ้าเป็นการทำสงครามชิงเมือง ต่อให้เป็นคำสั่งของจักรพรรดิพวกเราก็จะไม่ปฏิบัติตาม”

                    “เช่นนั้นขอข้าถามท่านพ่อบ้าง เหตุใดท่านจึงเข้าร่วมสงครามเจนีส การรุกรานเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนไม่ขัดกับหลักการของตระกูลชไวน์อย่างนั้นหรือ?” ซิฟเฟอร์กล่าว

                    “ปฏิบัติการทั้งหมดที่ข้าหรือคนของตระกูลชไวน์ร่วมลงมือล้วนอยู่ภายในเขตแดนนอร์ทั้งสิ้น” ทาลอสกล่าวต่อไปว่า “ตระกูลชไวน์ได้ชื่อว่าเป็นป้อมปราการอันดับหนึ่งของนอร์มานับตั้งแต่ที่มีการสถาปนาอาณาจักร ไม่ว่าผู้ปกครอง สมาชิกสภา หรือแม้แต่ระบอบการปกครองจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ตระกูลชไวน์ก็ยังคงยืนหยัดอยู่มาเป็นเวลาหลายร้อยปี ก่อนสมัยผู้กล้าอาเรสรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเสียด้วยซ้ำ”

                    ซิฟเฟอร์พยักหน้าครั้งหนึ่ง ถามต่อไปว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดตระกูลชไวน์จึงไม่ก้าวขึ้นเป็นผู้ปกครองนอร์เสียเอง ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพ บารมี บุคลากร พวกเราล้วนมีพร้อมทุกปัจจัย แต่สมาชิกสภาสักคนตระกูลชไวน์ก็ไม่เคยส่งคนเข้าไป”

                    “ตำแหน่งผู้นำเป็นตำแหน่งอันเลื่อนลอย การเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือการเลือกตั้งครั้งหนึ่งๆย่อมนำมาซึ่งการเปลี่ยนในตำแหน่งผู้นำ อำนาจและบารมีที่ได้มาไม่คงอยู่ถาวร หากเปรียบเทียบกับตำแหน่งอันดับสองที่มั่นคงตลอดกาลอย่างประมุขตระกูลชไวน์ ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจโยกคลอนตระกูลของเราได้ เหตุที่พวกเราไม่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งไม่ใช่เพราะว่าพวกเราไม่มีความสามารถในการเป็นผู้นำ แต่เป็นเพราะว่าทั้งหมดนี้ขัดกับหลักการของตระกูลชไวน์ตั้งแต่ต้น พวกเราจึงไม่กระทำ” จอมพลทาลอสตอบอย่างชัดเจน “เจ้าก็ทราบดีถึงการเปลี่ยนแปลงของตระกูลที่เป็นผู้ปกครองว่าเกิดขึ้นอยู่เสมอมาใช่หรือไม่?

                    “ตระกูลวิลล์เป็นตัวอย่างที่ดี” ซิฟเฟอร์ตอบ

                    “เช่นนั้นเจ้าก็คงจะพอนึกได้ว่าสมควรจะทำอะไรต่อไป หากการตัดสินใจของตระกูลซอร์โดบานปลายมากไปกว่านี้” ทาลอสกล่าวพร้อมกับมองบุตรชายด้วยสายตาอันเฉียบคม

                    ซิฟเฟอร์มองบิดาด้วยสายตาชนิดเดียวกัน กล่าวว่า “ตราบใดที่พวกมันไม่เพลี่ยงพล้ำ พวกเราจะยังคงทำหน้าที่เป็นป้อมปราการเหล็กไหล สนับสนุนพวกมันในขอบเขตของอาณาจักรนอร์ต่อไป แต่ถ้าพวกมันแสดงท่าทีชักศึกเข้าบ้านเมื่อใด พวกเราค่อยเปลี่ยนการตัดสินใจใช่หรือไม่?

                    จอมพลทาลอสยิ้มครั้งหนึ่ง ยกมือขึ้นตบไหล่บุตรชาย กล่าวว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นผู้สืบทอดตระกูลชไวน์อย่างเต็มตัว เมื่อใดที่ข้ามีอายุเกินหกสิบปีเมื่อนั้นเจ้าก็จะเป็นประมุขของตระกูลชไวน์ เวลายี่สิบสี่ปีที่ข้าเคี่ยวเข็ญหล่อหลอมเจ้าขึ้นมานั้นยาวนานก็จริง แต่เวลาที่เจ้าจะต้องดูแลตระกูลชไวน์ให้อยู่รอดปลอดภัยนั้นยาวนานกว่านัก”

                    ซิฟเฟอร์ตะลึงตะลานกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน ตั้งแต่มันเกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่บิดาแสดงออกถึง ความไว้วางใจในตัวมัน และมันทราบว่าความไว้วางใจนี้ยากที่จะได้รับยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสวรรค์ ทอดสายตาทั่วแผ่นดิน บุคคลที่บิดาของมันมอบความไว้วางใจให้นั้นมีไม่เกินห้าคน แม้แต่ประมุขตระกูลซอร์โดก็มิใช่หนึ่งในนั้น

                    บุตรชายตัดสินใจกล่าวกับบิดาว่า “ท่านพ่อไม่เคยได้ยินประโยคนกสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อนบ้างหรือ?

                    จอมพลทาลอสพยักหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “เกาทัณฑ์ยังคงจำเป็นจนกว่าฝูงวิหคจะตกตาย โดยเฉพาะฝูงอินทรีที่พวกเรากำลังไล่ล่ายิ่งตกตายลำบาก ตราบใดที่ยังไม่ถึงเวลานั้นตระกูลชไวน์จะยังคงนโยบายเดิม”

                    ซิฟเฟอร์พยักหน้าครั้งหนึ่งรับคำบิดา

                    “หนังสือเล่มนี้เป็นของเจ้า” จอมพลทาลอสหยิบหนังสือออกมาจากลิ้นชักข้างขวา หน้าปกของมันเขียนว่า แยกนภา อันเป็นชื่อของง้าวประจำตระกูล ยินเสียงบิดากล่าวต่อไปว่า “กลับไปทำงานของเจ้าได้ หากมีความเปลี่ยนแปลงอันใดข้าจะส่งคนไปติดต่อเจ้าเอง จงวิชาในหนังสือให้คล่อง สักวันหนึ่งเจ้าจะต้องใช้มัน”

                    ซิฟเฟอร์โค้งคำนับบิดาตามสิ่งที่มันเคยปฏิบัติแล้วหันกายจากไป

    บุรุษหนุ่มผมแดงที่พึ่งจะเดินเข้าตึกมากับที่กำลังจะเดินออกไปนั้นดูภายนอกเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ความเปลี่ยนแปลงภายในนั้นมากมายเกินกว่าที่บุคคลนอกตระกูลชไวน์จะสามารถรับรู้ได้ โดยเฉพาะเป้าหมายที่เคยฝังลึกในจิตใจ กระทำทุกอย่างเพื่อการยอมรับของบิดา แต่บัดนี้เป้าหมายนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว จากการยอมรับของบิดากลายเป็นความรุ่งโรจน์ของตัวมันเอง

    หากผู้อื่นสามารถครองอำนาจ เหตุไฉนข้าจึงมิอาจ?’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×