ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #240 : เล่ม 8 - ตอนที่ 111 - สองเรา (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.5K
      4
      6 ธ.ค. 51

    /> /> />

    /> /> />

    ภาควีรบุรุษเทพสงคราม

    ตอนที่ 111 สองเรา

    3 เมษายน อ.ศ. 226


    เสียงเพลงไพเราะดังขึ้นที่ริมระเบียง ท่วงทำนองที่เคยประทับตราตรึงส่งผลให้หญิงงามตื่นขึ้นจากนิทรา

                    “ขออภัยที่ต้องทำให้เจ้าตื่น” บุรุษหนุ่มหยุดบรรเลงขลุ่ยเมื่อเห็นหญิงสาวเดินออกมาในชุดเสื้อคลุม ดวงอาทิตย์พึ่งจะฉายแสงได้ไม่ถึงชั่วโมงอาจเป็นเวลาที่เช้าเกินไปสำหรับคนป่วยที่ยังต้องนอนรักษาตัว

                    “นั่นเป็นเพลงอันใดหรือ ทำนองของมันคล้ายคลึงกับเพลงใจประสานใจยิ่งนัก?” โฉมสะคราญถามขึ้นพร้อมกับเรือนผมสีดำขลับที่ปลิวสยายกลางสายลม สองมือของนางกอดร่างกายอันผอมบางเข้าหากัน นึกไม่ถึงว่าความเย็นยะเยือกในยามเช้าจะทำให้ร่างกายสั่นสะท้านถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าเสื้อคลุมเพียงตัวหนึ่งคงจะต้านทานไม่ได้

                    บุรุษหนุ่มมิได้ตอบคำ ปลดเสื้อคลุมหนังกลับสีน้ำตาลอ่อนบนร่างคลุมหัวไหล่ที่แคบเล็กทั้งสอง กล่าวด้วยวาจาที่นุ่มนวลว่า “สายลมในยามเช้าของที่นี่หนาวเหน็บต่างจากตอนบ่ายมากนัก แม้ว่าสายลมจะไม่รุนแรงแต่ความเย็นที่พัดผ่านมาอาจทำให้เจ้าจับไข้เสียโดยง่าย ยิ่งเป็นในช่วงที่เจ้ายังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บเช่นนี้ยิ่งต้องดูแลตัวเองให้ถ้วนถี่มากกว่าเดิม”

                    หญิงสาวรู้สึกได้ถึง ความห่วงใย และ ความอ่อนโยน ที่บุรุษหนุ่มตรงหน้าแสดงออก แต่นิสัยที่ชมชอบดนตรีของนางกลับทำให้นางละเลยข้อเท็จจริงในส่วนนี้ไป กล่าวว่า “เจ้ายังมิได้บอกข้าว่าบทเพลงเมื่อครู่นี้มีชื่อว่าอะไร?

    ลูทยิ้มให้กับคำถามเมื่อครู่ กล่าวว่า “ทดลองฟังดูอีกสักครั้งหนึ่ง”

    ทันใดที่กล่าวจบบุรุษหนุ่มก็ประกบริมฝีปากเข้ากับปลายขลุ่ยบุปผาบริสุทธิ์ บรรเลงออกมาเป็นบทเพลงเดิมที่ถูกหยุดกลางครันเมื่อครู่ เมื่อเสียงขลุ่ยในช่วงแรกกระทบโสตประสาทก็ทราบว่าเป็นท่วงทำนองของเพลงรัก ความรักของบุรุษหนุ่มที่สนองตอบต่อการแสดงออกของหญิงสาว แฝงไว้ด้วยความคะนึงหาจับหัวใจ จนกระทั่งเปลี่ยนท่วงทำนองไปเรื่อยๆกลายเป็นบทเพลงรักหวานซึ้ง ทำนองอันไพเราะกินลึงฝังลงไปในใจ อันเป็นตัวแทนของบุรุษหนุ่มที่มีต่อสตรีผู้นั้น และในช่วงสุดท้ายของเพลง เสียงขลุ่ยได้เปลี่ยนแปรไปอีกครั้ง ราวกับว่าความรักของบุรุษหนุ่มได้รับการตอบสนองจากหญิงสาวเช่นกัน จนกระทั่งความรักของทั้งสองจบลงอย่างมีความสุข แม้ว่าเสียงขลุ่ยจะเงียบหายเสียงเพลงจะสิ้นสุด แต่ความรักของทั้งคู่ได้ถูกถ่ายทอดผ่านเสียงเพลงฝังลงไปในจิตใจของผู้ฟังเรียบร้อยแล้ว

    หญิงสาวตกอยู่ในภวังค์ของเสียงดนตรี ไม่ทราบแม้กระทั่งว่าที่ดวงตามีหยาดน้ำตาไหลลงมาหยดหนึ่ง เสียงขลุ่ยได้แทรกเข้าไปถึงจิตใจนาง ถ่ายทอดความรู้สึกจนกลั่นกรองออกมาเป็นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งปิติ

    ยูกิอุทานขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อพบว่าผ้าเช็ดหน้าสีขาวซับลงบนปรางค์แก้มของตน และปรางค์แก้มสีขาวสดใสก็กลับกลายเป็นสีชมพูระเรื่อเมื่อพบว่าบุคคลที่กำลังซับน้ำตาของตนเป็นบุรุษแปลกหน้าผู้หนึ่ง นางไม่ทราบว่าจะหาคำพูดใดมากล่าวนอกจากประโยค “ขอบคุณ” อันแผ่วเบาราวกับเสียงแมลงหวี่

    “ทีนี้เจ้าทราบแล้วใช่หรือไม่ว่าเพลงที่ข้าบรรเลงเมื่อครู่คือเพลงอะไร?” ลูทถามหลังจากที่เช็ดน้ำตาของหญิงสาวเสร็จสิ้น ไม่ทราบว่าเพราะอะไรแต่ทันใดที่ดวงตาทั้งสองกวาดผ่านใบหน้าของนางกลับมิอาจละสายตาไปที่อื่นได้ ท่าทางของยูกิในตอนที่กึ่งเขินอายเช่นนี้กลับมีเสน่ห์ยิ่งนัก

                    ในตอนนี้บุคคลที่เต็มไปด้วยความทุกข์มิใช่นางแต่เป็นเจ้า ดูเหมือนว่าอาจารย์จะกล่าวได้ถูกต้อง ยูกิเบื้องหน้าของข้านี้ไม่มีร่องรอยของความทุกข์แม้แต่น้อย

                    เมื่อยูกิได้ยินคำถามเมื่อครู่พลันเรียกสติกลับคืนมาได้ หันกายออกไปที่ริมระเบียง จงใจหลบสายตาของบุรุษหนุ่มมิให้จับจ้องใบหน้าที่เป็นสีแดงซ่าน ตอบว่า “บทเพลงเมื่อครู่เป็นเพลงใจประสานใจช่วงหลังใช่หรือไม่? บทเพลงใจประสานใจที่ข้าบรรเลงไปนั้นแท้จริงแล้วยังไม่จบสิ้น แม้ว่าเป็นเพลงรักแต่ยังคงมีท่วงทำนองที่ขาดหาย ถ่ายทอดอารมณ์ของบทเพลงได้ไม่ถึงที่สุด ตัวโน้ตนั้นจบลงอย่างสมบูรณ์ก็จริงแต่ความรู้สึกกลับค้างคาไว้เพียงครึ่งๆกลางๆ การพบพานของคู่รักทั้งสองทำให้ต่างฝ่ายต่างแสดงความรักของตนออกมาเพียงคนละครึ่ง ยังเหลืออีกกึ่งหนึ่งเก็บเอาไว้ในใจ ท่วงทำนองพลันเปลี่ยนไปเป็นการแสดงความคะนึงหา ที่ต้องการความรักอีกครึ่งหนึ่งจากฝ่ายตรงข้าม พอได้ยินบทเพลงในท่อนหลังที่ถ่ายทอดความรู้สึกที่เหลือออกมาทั้งสิ้น ทำให้ข้านั้นตื้นตันจนเสียกิริยาไปเมื่อครู่ ต้องขออภัยเจ้าด้วย”

                    “เจ้าไม่จำเป็นต้องขออภัยหรอก ทราบหรือไม่ว่าครั้งแรกที่ข้าได้ยินบทเพลงนี้ก็มิได้มีสภาพแตกต่างไปจากเจ้าเท่าใดนัก” สายตาของลูทยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าของยูกิ ถามว่า “เจ้าทราบหรือไม่ว่าบทเพลงนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?

                    ยูกิพยักหน้าตอบครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “บทเพลงท่อนแรกเป็นบทเพลงที่อาจารย์เคยบรรเลงให้ข้าฟัง วันก่อนท่านจอมแพทย์บอกว่าเพลงใจประสานใจนี้เป็นสิ่งที่ท่านกับอาจารย์ทั้งสองประพันธ์ขึ้นร่วมกัน จึงให้ข้าทดลองบรรเลงบทเพลงใจประสานใจของอาจารย์ดูสักครั้ง”

                    “ท่านคาโรลคงจะดีใจไม่น้อยหากทราบว่าความรักของท่านจบลงด้วยความสมหวัง น่าเสียดายที่บุคคลทั้งสองมิอาจอยู่รับความสุขที่จะตามมากับบทเพลงใจประสานใจทั้งสองช่วงนี้ได้” ลูทกล่าว

                    ยูกิพยักหน้ารับคำครั้งหนึ่ง มองออกไปยังท้องฟ้าเบื้องบน สองมือประสานไว้ที่ทรวงอกหลับตาลงพร้อมกล่าวว่า “ขอพระแม่อลิซซ่าได้โปรดเมตตา ถ่ายทอดคำกล่าวของศิษย์ไปถึงอาจารย์บนสรวงสวรรค์ด้วยเถิด ความปรารถนาของอาจารย์ได้พบกับความสมหวังในวันนี้ บทเพลงที่ท่านบรรเลงอย่างเงียบเหงาคนเดียวมาเป็นเวลาหลายสิบปีได้รับการตอบรับจากเขาแล้ว แม้ว่าอาจารย์จะมิอาจอยู่ชื่นชมกับบทเพลงใจประสานใจนี้ได้ ศิษย์ก็จะขอเป็นตัวแทนของอาจารย์ถ่ายทอดบทเพลงนี้ไปทั่วแผ่นดิน จารึกความรักอันสวยงามของอาจารย์เอาไว้ตลอดไป ขอให้อาจารย์พักผ่อนอย่างเป็นสุขด้วยเถิด”

                    ลูทอดยิ้มออกมามิได้เมื่อได้ยินคำกล่าวที่เปี่ยมไปด้วยความกตัญญูเช่นนี้ “ขลุ่ยบุปผาบริสุทธิ์เลานี้จะช่วยจารึกบทเพลงใจประสานใจอีกแรงหนึ่ง ข้าให้สัญญา”

                    โฉมสะคราญหันกลับมาจับจ้องบุรุษหนุ่ม ความเขินอายเมื่อครู่ได้หายไปหมดสิ้น กล่าวว่า “วิชาการบรรเลงขลุ่ยของเจ้าคงจะถือว่าเป็นเอกในแผ่นดินแล้วกระมัง ตั้งแต่เกิดจนถึงบัดนี้ข้ายังไม่เคยได้ยินเสียงดนตรีของผู้ใดที่แฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณมากเท่าเสียงดนตรีของเจ้า มิใช่เพียงแต่การบรรเลงอย่างถูกต้องทุกจังหวะ เสียงเพลงของเจ้าสามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่ผู้ประพันธ์ต้องการสื่อออกมาได้ทั้งหมด”

                    “แต่ในบางครั้งกลับถ่ายทอดอารมณ์ของผู้บรรเลงลงไปอย่างไม่ตั้งใจได้อีกด้วย”

                    ยูกิหัวเราะเล็กน้อย รำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อไปว่า “ท่านผู้อำนวยการทอริอุสแห่งโรงเรียนเซนต์เอลลิสสาขาโอดิเป็นผู้ที่เข้าใจเสียงดนตรีมากที่สุดในโลกผู้หนึ่ง เขาเคยกล่าวว่าการบรรเลงเครื่องสายของข้านั้นยากที่จะหาผู้ใดเปรียบ แต่ถ้าหากจะเทียบกับการบรรเลงเครื่องเป่าของยอดหญิงคนก่อน ความสามารถของข้ายังคงเป็นรองนางอยู่ขั้นหนึ่ง ในวันนั้นข้าจึงตัดสินใจตั้งเป้าหมายในชีวิต ว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องฝึกฝนการดนตรีให้เชี่ยวชาญ ยกระดับตนเองจนสามารถก้าวล้ำนางไปได้ในที่สุด”

                    “ยอดหญิงคนก่อนอย่างนั้นหรือ?” บุรุษหนุ่มถามย้อนด้วยความสงสัย “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”

                    ยูกิอธิบายตามนิสัยที่เป็นผู้ชอบสนทนาเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ว่า “เมื่อยี่สิบแปดปีก่อนมีสตรีนางหนึ่งเข้าแข่งขันช่วงชิงตำแหน่งเมธี ไม่มีผู้ใดหรอกคิดว่านางจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะ บรรดาคณะกรรมการที่ตัดสินต่างก็ลำเอียงหมายที่จะให้คะแนนบุรุษมากกว่าสตรี แต่ที่สุดแล้วสตรีผู้นั้นกลับสะกดคนทั้งหอประชุมด้วยเสียงขลุ่ย ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธว่าการแสดงของนางไม่ดี แต่ละคนต่างหาที่ติมิได้จนสุดท้ายจึงต้องลงคะแนนให้นางเป็นผู้ชนะเลิศอย่างเอกฉันท์ ตำแหน่งยอดหญิงตำแหน่งแรกในประวัติศาสตร์จึงเกิดขึ้นในวันนั้น ซึ่งก็คือยอดหญิงจูเลียนั่นเอง”

                    “ว่ากระไร!?

                    ยูกิถามว่า “เรื่องอันใดหรือ? ข้ากล่าวผิดไปตรงไหนหรือไม่?

    “มิใช่ๆ เพียงแต่ชื่อจูเลียนั้นคือชื่อของมารดาข้าเอง” ลูทกล่าวในขณะที่ยังตื่นเต้นกับเรื่องที่ตนเองได้ยิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×