ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #245 : เล่ม 8 - ตอนที่ 111 - สองเรา (5)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.49K
      4
      14 ธ.ค. 51

    /> /> />

    ท้องฟ้าจากที่เคยเป็นสีฟ้าสดใสในยามเช้ากลับกลายเป็นสีทองของยามอาทิตย์อัสดง

                    บุรุษหนุ่มหญิงสาวทั้งสองใช้เวลาแลกเปลี่ยนวิชาดนตรีในอุทยานออร์บอร์นชนิดที่ว่าลืมเลือนการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก เมื่อฝ่ายหนึ่งทำหน้าที่อาจารย์อีกฝ่ายหนึ่งก็จะกลายเป็นศิษย์ พอถ่ายทอดทักษะไปครู่หนึ่งทั้งสองก็สลับบทบาทซึ่งกันและกัน ด้วยความที่ทั้งคู่มีพรสวรรค์ในทางดนตรีและมีความรู้ทางด้านพื้นฐานดนตรีอย่างแน่นหนา พอมีครูผู้เชี่ยวชาญมาชี้แนะการบรรเลงเครื่องดนตรีอีกชนิดหนึ่งให้ ใช้เวลาวันหนึ่งทั้งคู่ก็เข้าใจในหลักการและสามารถถ่ายทอดหลักการในเชิงปฏิบัติ บรรเลงเสียงดนตรีออกมาได้พอเป็นเพลง

                    เสียงปรบมือเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างเคียง สตรีสูงอายุชาวลาเวนดิสที่มาพักผ่อนอยู่เคียงข้างเมื่อเห็นทั้งสองตั้งใจเรียนรู้และบรรเลงเพลงออกมาได้จึงปรบมือให้กำลังใจ ลูทกับยูกิทั้งสองยิ้มแย้มตอบพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ

                    บุรุษหนุ่มระบายลมหายใจออกโดยแรง ทรุดนั่งลงหลังจากที่ใช้เวลาทั้งวันในการเรียนรู้วิชาพิณ กล่าวว่า “สมใจอย่างยิ่ง นานแล้วที่มิได้บรรเลงดนตรีเช้าจรดเย็นเช่นนี้”

                    ยูกิที่นั่งชันเข่าอยู่เคียงข้างก็เหน็ดเหนื่อยไม่แพ้กัน “จะไม่ให้สมใจได้อย่างไร วันนี้ทั้งวันนอกเสียจากเวลารับประทานขนมปังแล้วก็ขลุกอยู่กับเครื่องดนตรีทั้งสองชิ้นนี้”

                    “ข้าแทบลืมไปแล้วว่าพวกเราหยุดพักกินขนมปังด้วยซ้ำไป” ลูทหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “ข้าเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งพวกเราคงจะได้บรรเลงดนตรีร่วมกัน โดยที่ข้าเล่นพิณส่วนเจ้าเล่นขลุ่ย”

                    “พวกเราก็พึ่งบรรเลงร่วมกันไปเมื่อครู่มิใช่หรือ?” ยูกิตอบว่า “แต่ทว่าเสียงเพลงที่ออกมานั้น ... อาจหาผู้ฟังได้ยากสักนิด”

                    “ยกเว้นท่านป้าผู้นั้นใช่หรือไม่? ลูทกล่าวพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้า “อีกครึ่งชั่วโมงก็จะมืดค่ำแล้ว”

                    ยูกิมองตามสตรีสูงอายุไปจนเห็นนางเดินลับสายตา เวลายามเย็นเช่นนี้คนที่มาพักผ่อนในอุทยานได้ทยอยกันกลับจนเกือบหมด จึงยื่นขลุ่ยคืนให้กับบุรุษหนุ่ม กล่าวว่า “ขลุ่ยของเจ้า”

                    ลูทส่ายศีรษะครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “เจ้าเก็บไว้เถิด ระหว่างที่ไปอยู่ตระกูลมู่จะได้หมั่นฝึกการเป่าขลุ่ย เสียงเพลงที่ออกมาจะได้หาผู้ฟังได้ง่ายขึ้น”

                    “ขอบคุณสำหรับคำตำหนิ เช่นนั้นเจ้าเก็บพิณหยกอ่อนไว้แล้วกัน” ยูกิพลันนึกขึ้นได้จึงกล่าวว่า “ข้าลืมนึกไปว่าขลุ่ยนี้เป็นของดูต่างหน้าของมารดาเจ้า เจ้าเอาคืนไปเถิด ข้าสามารถหาขลุ่ยเลาอื่นใช้ฝึกแทนได้”

                    ลูทยืนยันคำเดิมว่า “ไม่เป็นไร หลายวันต่อจากนี้ข้าต้องออกไปปฏิบัติภารกิจอันตราย ฝากขลุ่ยบุปผาบริสุทธิ์ไว้กับเจ้าดูเหมือนจะปลอดภัยกว่าที่จะเก็บไว้เอง”

                    “ข้าจะเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดี” ยูกิพยักหน้ารับคำ พลางลุกขึ้นยืนแล้วถามว่า “เพราะเหตุใดเจ้าถึงเล่นดนตรี? การดนตรีสำหรับเจ้าคืออะไร?

    “นักปรัชญาหญิงกลับมาอีกแล้ว” ลูทแหงนหน้าไปมองยูกิพลางยิ้มให้

    ยูกิหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “ข้าเคยถามคำถามนี้กับเจ้าแล้วอย่างนั้นหรือ?

    “โชคดีที่ยังไม่เคย” บุรุษหนุ่มส่ายศีรษะ ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “แต่คำถามอื่นอีกหลายข้อนั้นล้วนทำให้ข้าปวดเศียรเวียนเกล้ากว่าจะสรรหาคำตอบที่เจ้าพึงพอใจออกมาได้ อย่างเช่นความสุขของบุรุษคืออะไร? สิ่งที่มนุษย์สร้างกับธรรมชาตินั้นต่างกันอย่างไร?

    ยูกิแกล้งทำเป็นไม่เห็นกิริยาของบุรุษหนุ่ม กล่าวว่า “ข้ากำลังรอฟังคำตอบของเจ้าอยู่”

    นางจำไม่ได้ ... ช่วงเวลาที่พวกเราเคยอยู่ด้วยกัน

    ลูทถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง ลุกขึ้นยืนแล้วตอบว่า “สำหรับข้าแล้วการดนตรีเป็นสิ่งวิเศษชนิดหนึ่ง ศิลปะแขนงนี้เป็นศาสตร์ที่แปลกเนื่องจากต้องใช้ผู้คนถึงสามประเภทถึงจะสร้างความเป็นดนตรีขึ้นมาได้”

    “สามประเภทเชียวหรือ?

    ลูทพยักหน้า ตอบว่า “ผู้ประพันธ์ ผู้บรรเลงแล้วก็ผู้ฟัง หากขาดใครไปสักคนหนึ่งแล้วการดนตรีจะไม่เป็นการดนตรีอีก หากไม่มีผู้ประพันธ์ฝีมือดีผู้บรรเลงก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเพลงดีๆที่ไหนมาบรรเลง หากไม่มีผู้บรรเลงฝีมือดีผู้ประพันธ์ก็ไม่รู้ว่าจะหาคนมาบรรเลงเพลงของตนเองได้หรือไม่ แต่ถ้าหากไม่มีผู้ฟังแล้ว ทั้งผู้ประพันธ์และผู้บรรเลงก็ไม่มีทางรู้เลยว่าผลงานของตนเองนั้นดีหรือไม่? และยิ่งไปกว่านั้นคนๆหนึ่งสามารถทำหน้าที่ได้ทั้งสามบทบาท แต่มิอาจทำสามบทบาทได้พร้อมๆกัน นั่นเป็นสิ่งที่วิเศษของดนตรีและเป็นสิ่งที่ข้าต้องการที่จะเข้าไปสัมผัส”

    ยูกิมองบุรุษข้างเคียง กล่าวว่า “นั่นเป็นมุมมองเกี่ยวกับดนตรีที่แปลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมารู้หรือไม่? ผู้คนส่วนใหญ่มักจะตอบว่าดนตรีนั้นมอบอะไรให้กับพวกเขา ความสุข ความสำราญ ความบันเทิงใจ หรือแม้แต่ความสมใจที่สามารถได้บรรเลงเพลงดีๆ แต่ไม่มีผู้ใดตอบเชิงวิชาการอย่างเจ้า”

    “เจ้าคิดว่าคำตอบของข้าเป็นอย่างไร?

    ยูกิส่งยิ้มให้กับเขาเล็กน้อย กล่าวว่า “ถือว่าผ่านก็แล้วกัน”

    “โชคดีที่ข้าผ่านคำถามเมื่อครู่ไปได้” บุรุษหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า กล่าวว่า “แต่โชคร้ายที่อีกไม่นานข้าก็คงต้องตอบคำถามใหม่อีกเป็นแน่”

    โฉมสะคราญหัวเราะออกมาเช่นกัน สาวเท้าเดินตามบุรุษหนุ่มไปโดยมิได้ตอบคำ

    สายลมหอบหนึ่งพลันพัดมาก่อนที่ทั้งสองจะก้าวเดินไป ทำให้กระดาษที่มีผู้คนวางเอาไว้บนม้านั่งข้างเคียงปลิวมาหาบุคคลทั้งสอง สายตาและมือทั้งสองของลูทว่องไวเพียงพอที่จะคว้ากระดาษทั้งสามแผ่นเอาไว้ได้ ก่อนที่มันจะปลิวหายไปตามกระแสลม

    “โอ ... การออกแบบเอลเทคสามแผ่นนี้หากปลิวหายไป ผู้เขียนคงจะเสียใจเป็นอย่างยิ่ง” ลูทกล่าว

    “ปลิวมาจากทางนั้นกระมัง” ยูกิชี้นิ้วไปทางขวา เห็นม้านั่งยาวตัวหนึ่ง

    ไม่มีเสียงตอบคำมาจากบุรุษหนุ่ม เขาใช้เวลาสามสี่นาทีศึกษาการออกแบบด้วยสายตาอย่างรวดเร็ว หยิบดินสอที่พกติดตัวขึ้นมาเขียนข้อความลงไปสองสามแห่ง กล่าวว่า “คนที่ออกแบบกระดาษสามแผ่นนี้เป็นนักประดิษฐ์ที่มีฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว”

    เมื่อลูทหาก้อนหินก้อนหนึ่งทับกระดาษสามแผ่นเอาไว้บนม้านั่งตามเดิม ก็ได้ยินเสียงของยูกิถามว่า “เมื่อครู่นี้เขียนอะไรลงไปหรือ?

    “แค่คำแนะนำเล็กน้อยไม่มีอะไรหรอก” ลูทส่ายศีรษะครั้งหนึ่งกล่าวว่า “เจ้าไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนหรือ?

    “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?

    ลูทเปลี่ยนเป็นตอบว่า “รีบไปกันเถิดท้องฟ้าจะมืดแล้ว”

    ใช่ ... นางจำไม่ได้จริงๆ

    แสงยามอาทิตย์อัสดงส่องลงมากระทบเงาไม้ของอุทยานออร์บอร์น ต้นไม้สีเขียวสดถูกชโลมด้วยสีแสงทองของดวงตะวัน ทำให้สวนที่ถูกออกแบบไว้ด้านทิศตะวันตกส่องประกายงดงาม ทั้งๆที่ช่วงเช้านั้นสวนแห่งนี้แทบจะไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย นี่เป็นความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของอุทยานออร์บอร์นแห่งกรุงเดว่า บุรุษหนุ่มหญิงสาวทั้งสองพากันชี้มือเรียกให้อีกฝ่ายหนึ่งทอดสายตามองก่อนที่จะจากไป

    เพียงอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงทางออก ปลายของถนนหินอ่อนกำลังจะสิ้นสุดลงที่ประตูเหล็กดัด ลูทพลันหยุดลงหันไปมองหญิงสาวกล่าวว่า “ข้ามีของสิ่งหนึ่งต้องการจะมอบให้เจ้า”

    ยูกิยื่นมือรับสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง จากนั้นจึงถามด้วยความสงสัยว่า “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?

    “ความทรงจำ” บุรุษหนุ่มกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า “สมุดเล่มนั้นคือความทรงจำของเจ้า ... มิใช่ ... ความทรงจำของเราต่างหาก ข้าใช้เวลาคืนหนึ่งพยายามถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาเป็นตัวหนังสือ ... เท่าที่ข้าจดจำได้ พอเขียนเสร็จจึงออกไปเป่าขลุ่ยเล่นอยู่ที่ริมระเบียงไม่นึกว่าจะทำให้เจ้าตื่น ขออภัยอีกครั้งหนึ่ง”

    “ลูท” ยูกิรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ของบุรุษหนุ่มตรงหน้า พวกเราทั้งสองเคยเป็นคนรักกันจริงๆอย่างนั้นหรือ? เพราะเหตุใดเขาจึงต้องกระทำเพื่อข้าถึงเพียงนี้?’ ด้วยความตื้นตันและความซาบซึ้งนางจึงมิอาจกล่าววาจาใดๆออกมาได้ นิ้วมือข้างหนึ่งพลิกเปิดสมุดเล่มนั้นดู

    “อย่าพึ่งเปิด” ลูทเอื้อมมือไปสัมผัสหลังมือของยูกิก่อนที่นางจะพลิกสมุดเล่มนั้น กล่าวว่า “ข้าอยากให้เจ้านำมันไปเปิดอ่านเพียงลำพัง”

    ยูกิสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากฝ่ามือของอีกฝ่ายหนึ่ง กล่าวรับคำว่า “เช่นนั้นก็ได้”

    ขณะที่บุรุษหนุ่มหญิงสาวทั้งสองกำลังใช้เวลาอยู่ในช่วงสุดท้ายของการเยือนอุทยานออร์บอร์น เสียงๆหนึ่งพลันดังขึ้นมาจากหน้าประตูเหล็กดัด เห็นผู้มาเป็นน้องสาวของยูกิ รินะวิ่งมาอย่างเร่งร้อน หอบหายใจพร้อมกับกล่าวว่า “พี่ยูกิ ศิษย์พี่ รีบกลับไปที่พักด่วน ท่านจาง ... ท่านจางแย่แล้ว”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×