ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #246 : เล่ม 8 - ตอนที่ 111 - สองเรา (6)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.46K
      4
      16 ธ.ค. 51

    /> /> />

    ปึง! บานประตูกระทบผนัง เปิดเข้าไปเห็นจอมแพทย์วีกำลังใช้นิ้วประกบเข้ากับขั้วหัวใจของชายชราผมขาวยุ่งเหยิง

                    สภาพร่างกายของจางเสินโส่วในขณะนี้ย่ำแย่ถึงขีดสุด ดวงตาทั้งสองแตกซ่านบ่งบอกถึงมัจจุราชที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า ผิวหนังทั้งร่างที่เคยเต่งตึงเนื่องจากปราณโลหิตหล่อเลี้ยงปัจจุบันกลับเหี่ยวย่น ชี้ให้เห็นว่าปราณโลหิตที่พึ่งพาการเต้นของหัวใจสูบฉีดอนุภาคปราณไปทั่วร่างทำงานล้มเหลว อันเป็นจุดจบของชีวิต

                    “ท่านผู้อาวุโส” ลูทร่ำร้องเรียกจางเสินโส่ว ตรงดิ่งเข้าไปจับมือที่ไร้เรี่ยวแรงและเย็นเฉียบข้างนั้น

                    ในสมองของยูกิไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับจางเสินโส่วหลงเหลืออยู่ แต่เมื่อทราบจากรินะและจอมแพทย์วีว่าบุคคลตรงหน้าเป็นผู้ที่เสียสละชีวิตช่วยนางเอาไว้ น้ำตาจึงซึมมาถึงบริเวณเบ้าตาด้วยความสำนึกในบุญคุณ ทรุดเข่าทั้งสองลงข้างกายลูท ยื่นมือทั้งสองกุมทับลงไปที่หลังมือของบุรุษหนุ่มและชายชราที่สัมผัสกันไว้เมื่อครู่

                    อาการของจางเสินโส่วย่ำแย่ลงทุกขณะ จอมแพทย์วีต้องตัดสินใจกล่าวว่า “ขณะนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย สามารถจากไปได้ตลอดเวลา” แม้ว่าปากพูดเช่นนั้นแต่สองมือยังคงยื้อชีวิตของเฒ่าสติฟั่นไม่หยุดหย่อน ปรากฏเหงื่อเม็ดโตไหลซึมออกมาจากริมหน้าผากอย่างต่อเนื่อง

                    จางเสินโส่วมีหรือที่จะไม่รู้อาการตนเอง จึงกล่าวสั่งเสียว่า “ข้ามีเรื่องหนึ่ง ...”

    “ข้าจะทำตามที่ท่านผู้อาวุโสกล่าว” ลูทลั่นวาจาอย่างแน่วแน่

    รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบริเวณมุมปางของเฒ่าสติฟั่น รวบรวมปราณโลหิตทั่วร่างป้องกันชีพจรหัวใจเป็นแรงเฮือกสุดท้าย การกระทำเช่นนี้จะย่นเวลาชีวิตของจางเสินโส่วลงไปอีก เพราะเมื่อใดที่ปราณโลหิตสิ้นฤทธิ์เมื่อนั้นเขาจะสิ้นใจในบัดดล แต่ข้อดีของการดึงปราณโลหิตมาป้องกันหัวใจก็มีอยู่ ตลอดช่วงเวลานี้จางเสินโส่วจะกล่าววาจาได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัดและไม่รู้สึกทรมานใดๆอีก “หากพวกเจ้าทั้งสองมีโอกาสให้แวะไปที่บ้านพักของข้า”

    ยูกิงุนงงว่าบ้านพักนั้นอยู่ที่ใดจึงคิดจะเอ่ยปากถาม พลันได้ยินบุรุษหนุ่มข้างเคียงกล่าวว่า “บ้านพักบริเวณชายป่าติดชานเมืองธอร์ใช่หรือไม่?

    จางเสินโส่วรับคำครั้งหนึ่ง กล่าวต่อไปว่า “ที่นั่นมีศัสตราวุธอยู่สองชิ้น ชิ้นหนึ่งข้าสร้างเสร็จสมบูรณ์ อีกชิ้นหนึ่งยังคงเป็นเพียงแบบร่าง ข้าทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งชีวิตสร้างอาวุธทั้งสองขึ้นหมายจะให้ติดทำเนียบสิบหกศาสตรา แต่กลับมิอาจสร้างได้สำเร็จ ... ช่างน่าสมเพชจริงๆ”

    “ท่านผู้อาวุโสต้องการให้เราไปนำอาวุธชิ้นนั้นมาใช่หรือไม่? ท่านต้องการมอบให้ผู้ใด?” ยูกิถามขึ้น

    “มันทั้งสองเป็นของพวกเจ้า” จางเสินโส่วหลับตาลงกล่าวว่า “ชิ้นที่สร้างเสร็จแล้วเป็นของเจ้าหน้าโง่ ส่วนชิ้นที่สร้างยังไม่เสร็จเป็นของแม่นางน้อย พวกเจ้าทั้งสองคนหนึ่งเป็นศิษย์ของข้าอีกคนหนึ่งเป็นศิษย์ของคนที่ข้ารัก ซึ่งข้าก็เปรียบว่าเป็นศิษย์ของข้าเช่นกัน ทีแรกข้าต้องการให้อาวุธทั้งสองชนิดนั้นเปล่งอานุภาพเหนืออาวุธอื่นใด แต่ขณะที่ข้ากำลังสร้างมันเสียงเพลงของคาโรลพลันดังก้องขึ้นในหู สิ่งที่สร้างสำเร็จจึงกลับกลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง”

    ยูกิถามต่อไปว่า “เป็นอะไรหรือท่านผู้อาวุโส?

    “เครื่องดนตรี”

    ลูทงุนงงกับคำตอบของจางเสินโส่ว เอ่ยปากว่า “เครื่องดนตรี?

    จางเสินโส่วพยักหน้าครั้งหนึ่ง ฝืนเอื้อมมืออีกข้างที่บุรุษหนุ่มหญิงสาวมิได้เกาะกุมล้วงเข้าไปในอกเสื้อ ลูทเห็นเช่นนั้นจึงรีบรุดเข้าไปช่วยผู้เฒ่าจางหยิบสมุดบางๆขึ้นมาเล่มหนึ่ง ยินเขากล่าวด้วยเสียงอันแหบพร่า แล้วก็ไอออกมาเป็นโลหิตสองสามครั้ง “จงเปิดดู”

    ลูทหยิบสมุดเล่มนั้นขึ้นเปิดออก “นี่มัน บทเพลง?

    ยูกิอุทานขึ้นมาดังอา กล่าวขึ้นว่า “ลายมือของอาจารย์!?

    “เพลงนี้เป็นเพลงที่นางแต่งขึ้นในยามว่าง ใช้เวลาไม่นานแต่ก็เป็นนางประพันธ์ขึ้นให้ข้า ทั้งชีวิตนี้ข้ามีโอกาสได้ฟังเสียงมันเพียงครั้งเดียว จึงหวังว่าหากตายไปข้าอยากให้พวกเจ้า ... ใช้เครื่องดนตรีที่ข้าสร้างขึ้น บรรเลงบทเพลงนี้ต่อหน้าหลุมศพของข้า”

    “แต่ในเมื่อเครื่องดนตรีมีเพียงชิ้นเดียว อีกชิ้นหนึ่งจะทำอย่างไร?” ลูทถาม

    “เจ้า ... เจ้านี่มันโง่จนวินาทีสุดท้าย เจ้าเป็นศิษย์ของข้า หากเจ้าไม่สร้างมันขึ้นมามันจะสร้างตัวเองขึ้นมาได้หรือไม่?” จางเสินโส่วกล่าวพร้อมกระอักโลหิตออกมาคำโต

    ยูกิรับปากในทันใดว่า “ท่านผู้อาวุโสไม่ต้องห่วง พวกเราทั้งสองขอสัญญาว่าจะกระทำตามที่ท่านกล่าว”

    “ดี ... ดี” เสียงตอบรับของจางเสินโส่วเบาลงอย่างสังเกตได้

    ปราณโลหิตในร่างของจางเสินโส่วดำเนินมาถึงสุดปลาย การยื้อชีวิตของจอมแพทย์วีมิอาจกระทำได้อีก ยินเสียงคำกล่าวสุดท้ายของเฒ่าชราผู้นี้ว่า “อย่างน้อยข้าก็ตายโดยไม่เสียดาย ... เพราะข้าได้กระทำเพื่อหญิงที่ข้ารักจน ... สุดลมหาย ...”

    คำว่า “ใจ” มิอาจเปล่งออกมาจากปากของบุรุษชราผู้นี้ได้ ลมหายใจเขาก็ขาดช่วง หัวใจหยุดเต้น สิ้นชีวิตโดยที่มิอาจเหนี่ยวรั้งไว้ได้อีก พร้อมกับหยาดน้ำตาของบุรุษหนุ่มหญิงสาวที่หลั่งไหลออกมาด้วยความเศร้าโศก

    “ใจ” ศิษย์คนแรกและคนเดียวของจางเสินโส่วเป็นคนกล่าวคำสุดท้ายแทน

    จอมแพทย์วีทอดสายตาไปที่บุรุษที่รักสตรีคนเดียวกับเขาผู้นี้ กล่าวประโยคหนึ่งออกมาจากใจจริง

    “ขอบคุณ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×