ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #251 : เล่ม 8 - ตอนที่ 113 - เส้นทางลับ (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      3
      26 ธ.ค. 51

    /> /> />

    ภาควีรบุรุษเทพสงคราม

    ตอนที่ 113 เส้นทางลับ

    6 เมษายน อ.ศ. 226

     

    “สองวันมานี้เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด เดินทางอ้อมโลกสามรอบได้กระมังกว่าจะมาถึงที่นี่”

                    “เป็นเพราะเจ้าหาเรื่องข้าในบ้านพักนั้น หาไม่แล้วพวกเราคงไม่ต้องลำบากถึงเพียงนี้” เสียงของบลูปนเสียงการหอบหายใจเล็กน้อย ต่างจากลูทที่ปากบ่นว่าเหน็ดเหนื่อยแต่ยังไม่ได้ยินเสียงหอบหายใจสักครั้งหนึ่ง

                    ลูทดึงมือฉุดรั้งสหายขึ้นมาจนถึงยอดของเนินเขาหลังโบราณสถานเอลลี่ กล่าวว่า “อย่างน้อยโชคก็เข้าข้างพวกเราทั้งสองรอบหนึ่ง เจ้าคิดแผนการหลบหนีพร้อมปิดบังสถานภาพออกก่อนที่พวกทหารลาดตระเวนจะเข้ามาค้นบ้านพัก ทำให้พวกเรามีเวลาซ่อนตัวในกองฟาง รอคอยจนพวกมันเข้ามาในบ้านพักกันครบหมดแล้วทะลุผนังออกไป”

                    บลูยักไหล่ด้วยท่าประจำ ชี้นิ้วข้างหนึ่งไปที่สมองพร้อมกล่าวว่า “ผนังในบ้านพักที่สร้างจากหญ้าฟางนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาผืนใหญ่ ขอเพียงระลึกได้ว่าคนเราสามารถเดินทะลุฟางได้ย่อมคิดแผนการนี้ออก แต่น่าเสียดายที่พวกทหารเหล่านั้นจ้องจะค้นหาร่องรอยของพวกเราท่าเดียว จึงลืมเลือนไปว่าทางเข้าออกมิได้มีเพียงประตูหน้าต่าง แต่สามารถทะลุผนังฟางเข้าออกทางใดก็ได้”

                    ลูทพยักหน้าครั้งหนึ่งสนับสนุนว่า “จากนั้นพวกเราก็จงใจทิ้งร่องรอยให้พวกมันติดตามอ้อมไปทางโน้นทางนี้อีกวันหนึ่ง สุดท้ายก็ชิ่งหนีด้วยความเร็วเต็มฝีเท้าวกกลับมายังโบราณสถานเอลลี่ ... ช่างเสียเวลาดีแท้”

                    “เอาเถิด” บลูชี้มือไปยังโบราณสถานที่เคยเป็นเมืองๆหนึ่งมาก่อน กล่าวว่า “ตั้งแต่เกิดมาข้าพึ่งเคยมาเหยียบที่นี่เป็นครั้งแรก ซากเมืองเหล่านี้ก่อให้เกิดจินตนาการอันลึกลับยิ่งนัก”

                    หลังจากเหตุการณ์มหันตภัยที่ได้ทำลายอารยธรรมของโลกไปครั้งใหญ่ โบราณสถานเอลลี่เป็นเมืองเก่าแก่เพียงเมืองเดียวที่เหลือรอดจนถึงปัจจุบัน หากมิได้นักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่าเอลสร้างเครื่องป้องกันปิดกั้นเมืองแห่งนี้จากสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ภายนอก สร้างเมืองเอลลี่ให้เป็นสถานที่ปิดที่สามารถอยู่รอดได้ตัวเองอย่างมั่นคง มนุษย์รุ่นหลังจะมีชีวิตรอดมาได้ถึงทุกวันนี้หรือไม่?

                    โบราณสถานเอลลี่ในปัจจุบันเป็นซากปรักหักพังกึ่งหนึ่ง บ้านเรือนที่ทรุดโทรมจนใช้การไม่ได้แล้วอีกกึ่งหนึ่ง ซากปรักหักพังนั้นส่วนใหญ่เป็นตึกสูงใหญ่ที่ทนทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินมิได้ บางแห่งล้มพังลงมาตั้งแต่ยุคที่เอลยังมีชีวิตอยู่ บางแห่งพึ่งจะถล่มลงมาจากการถูกธรรมชาติกัดกร่อนไม่นานมานี้ บ้านเรือนทรุดโทรมส่วนใหญ่เป็นสิ่งปลูกสร้างหลังเกิดภัยพิบัติ ทั้งเมืองกินพื้นที่กว้างขวางหลายร้อยไร่ คาดว่ามีประชากรอยู่เป็นพันหลังคาเรือน นอกเสียจากลำธารบริสุทธ์สายเล็กที่ไหลเอื่อยๆตลอดเวลาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างรอบพื้นดินแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปจากยุคโบราณทั้งสิ้น ลำธารเล็กๆนี้ชื่อว่า ไวส อันเป็นหนึ่งในต้นน้ำที่ไหลไปรวมกับลำธารสายอื่นๆจนกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ใจกลางนครมิสต์ ตาน้ำที่ไหลไม่เคยหยุดแห่งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เมืองเอลลี่อยู่ชีวิตรอดโดยตัดขาดจากโลกภายนอกได้เป็นร้อยปี

                    สิ่งเป็นที่ตกตะลึงสำหรับอนุชนรุ่นหลังมากที่สุดกลับไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นจากภายนอก แต่เป็นสิ่งที่อยู่ใต้ดินต่างหาก ชั้นใต้ดินของโบราณสถานเอลลี่แห่งนี้เปรียบเสมือนกับว่ามีเมืองอีกเมืองหนึ่งซ้อนกันอยู่ด้านล่าง วิศวกรในอดีตมีความสามารถสูงส่งถึงขนาดขุดเจาะพื้นดินสร้างเมืองอีกแห่งหนึ่งไว้ใต้ดิน อันเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนอีกหลายพันหลังคาเรือน อุโมงค์ใต้ดินบางแห่งมีขนาดกว้างขวางเทียบเท่าถนนที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน แม้ว่าอุโมงค์บางส่วนจะชำรุดจนมิอาจใช้การได้แล้ว แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็เพียงพอที่จะสร้างความอัศจรรย์ให้กับอนุชนรุ่นหลังได้เกินพอ

                    เมื่อบุรุษหนุ่มทั้งสองยืนอยู่บนเนินด้านหลังแล้วมองลงไป ต่างถูกภาพอันตระการตาของโบราณสถานเอลลี่สะกดเอาไว้พักใหญ่ จนกระทั่งลูทกางแผนที่ออก กล่าวว่า “เริ่มงานกันเถิด ทิศตะวันตกจากนี้ไปก็คือนครมิสต์เป้าหมายของการสอดแนมของพวกเรา”

                    บลูดึงสติกลับมาจากภาพเบื้องหน้า ก้มลงมองไปที่แผนที่ชี้นิ้วลากวนไปวนมา กล่าวว่า “นี่เป็นเส้นทางที่พวกเราจะใช้ คงเหลือเวลาอีกราววันหนึ่งก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการ พิราบของเจ้ายังอยู่ดีมีสุขหรือไม่?

                    ลูทหยิบกรงเล็กๆที่แขวนไว้กับสัมภาระขึ้นมา กล่าวว่า “ถึงแม้พวกเราจะเดินทางลำบากลำบนเพียงใด ข้าก็ไม่เคยลืมที่จะให้น้ำให้อาหารมันตรงตามเวลา กินอยู่ราวกับว่าเป็นราชาของวิหคทั้งมวล ข้ารับรองว่าพิราบสามตัวนี้จะบินไปถึงรองแม่ทัพบาวาเรียโดยปลอดภัย”

                    “ขอให้เป็นเช่นนั้นจริง” บลูกางแผนที่ใต้ดินมาคู่กับลูทที่กางแผนที่บนดิน กล่าวว่า “เริ่มปฏิบัติการ”

     

    ผ่านไปอีกครึ่งค่อนวัน ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าสดใสในยามเช้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำท่ามกลางราตรีและดวงดารา

                    บุรุษหนุ่มสองคนพึ่งจะทราบว่าพวกเขาเป็นนักสอดแนมชั้นยอดก็คราวนี้ เมื่ออาศัยแผนที่บนดินและใต้ดินระหว่างนครมิสต์กับโบราณสถานเอลลี่ ประกอบกับวิชาฝีมือที่เก่งกาจหาตัวจับได้ยาก ตำแหน่งการวางกำลังของจักรวรรดิได้ถูกพวกเขาสืบทราบจนหมดสิ้น ยิ่งทำการสืบไปเรื่อยๆทั้งสองยิ่งตระหนกในความสามารถของศิษย์พี่ใหญ่ เนื่องจากจุดที่ไอเวอเรียสทำกากบาทเอาไว้ในแผนที่ อันเป็นการคาดเดาตำแหน่งศัตรูโดยคร่าวนั้นถูกต้องกว่าเก้าส่วน ราวกับว่าเขามีตาทิพย์สามารถพยากรณ์ตำแหน่งการจัดวางกองทัพของจักรวรรดิได้โดยที่ไม่ต้องออกสำรวจ ข้อมูลที่ทั้งสองส่งกลับไปนั้นคือข้อแตกต่างระหว่างสภาพภูมิประเทศจริงและในแผนที่ ข้อแตกต่างการวางกำลังในบางตำแหน่ง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการยืนยันว่าตำแหน่งที่วางกำลังเอาไว้นั้นมีกองทัพตั้งอยู่จริง

                    พิราบตัวสุดท้ายบินออกจากกรงไปยังทิศตะวันออกในเวลาเที่ยงคืน มิได้ตัดตรงเข้าหาลาเวนดิสแต่มุ่งไปยังตำแหน่งของรองแม่ทัพบาวาเรีย ลูทมองมันบินไปไกลจนสุดสายตาก็ไม่พบลูกธนูยิงขึ้นจากฟ้าสักดอกหนึ่ง ก็ระบายลมออกจากอกคาดเดาว่าพวกมันคงจะบินไปถึงเป้าหมายอย่างเป็นแน่ ด้วยความเร็วในระดับนี้คาดว่าไม่เกินเที่ยงข่าวสารของพวกเขาจะต้องถึงมือไอเวอเรียส ทำให้ปฏิบัติการที่จะเริ่มในช่วงหัวค่ำของวันรุ่งขึ้นกระทำได้สมบูรณ์แบบ

                    บุรุษหนุ่มทั้งสองนั่งอยู่ที่ริมทางเดินสายหนึ่งใจกลางนครมิสต์ ยินเสียงของบลูขึ้นว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งหนึ่งข้าเคยคิดว่าการใช้สมองวิเคราะห์เหตุการณ์เป็นจุดเด่นของข้าที่หาผู้ใดเปรียบได้ยาก การวางแผนจัดวางตำแหน่งการป้องกันป้อมวอเตอร์ดีพครั้งก่อนยิ่งตอกย้ำให้ข้ามีความคิดเช่นนั้น แต่เมื่อได้ปฏิบัติภารกิจชิ้นนี้เสร็จสิ้นข้ากลับรู้สึกเหมือนเป็นกบในกะลาไม่ทราบว่าเสนาธิการที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ต่อให้ข้าฝึกอีกสิบชาติก็ไม่มีทางสู้การวางแผนของศิษย์พี่ใหญ่ได้ ในแผนที่การวางกองกำลังที่ศิษย์พี่ใหญ่คาดเดาได้เกือบหมดนั้น อย่างเก่งข้าสามารถกระทำได้ถูกต้องเพียงครึ่งหนึ่ง”

                    ลูทส่ายนี้ชี้ไปมา กล่าวว่า “ผิดแล้ว ผิดแล้ว ที่เจ้ามิอาจคาดการณ์ถูกต้องนั้นเป็นเพราะว่าการจัดวางกองกำลังของฝ่ายตรงข้ามกระทำโดยทานาทอส ข้ามองไปมองมายังไม่รู้เรื่องเสียด้วยซ้ำว่าเพราะเหตุใดถึงวางกองทหารในตำแหน่งเหล่านี้ ทั้งๆที่ตำแหน่งบางตำแหน่งเป็นจุดที่ได้เปรียบสมควรป้องกันมากกว่าด้วยซ้ำ และข้าก็เชื่อว่าเจ้าเองก็คงไม่เข้าใจในการวางแผนบางส่วนเช่นกัน หากพวกเรายังไม่สามารถล่วงรู้กลยุทธ์อย่างลึกซึ้ง ต่อให้คาดเดาอย่างไรก็คงไม่มีทางเดาถูกเป็นแน่ อย่างไรก็ตามการคาดเดาหรือการวางตำแหน่งกองทัพมิใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด หัวใจหลักคือการปฏิบัติหลังจากเกิดเหตุต่างหาก ว่ากองทัพในตำแหน่งใดสมควรจะเคลื่อนไหวไปที่ตำแหน่งใดเมื่อข้าศึกบุกมาจากด้านนี้ด้านนั้น แล้วเชื่อมโยงกลับมายังการวางกองทัพอีกทีหนึ่งว่าจะวางกองทัพในตำแหน่งใดจึงจะเหมาะสมที่สุด ซ้อนกลยุทธ์กันไปมาหลายชั้น ยิ่งคิดยิ่งลึกซึ้งยิ่งปวดเศียรเวียนเกล้า จนในที่สุดข้าได้ล้มเลิกไปแล้ว”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×