ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #261 : เล่ม 9 - ตอนที่ 122 - ก่อนออกเดินทาง (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.63K
      3
      20 ม.ค. 52

    /> /> />

    ภาคสักวันหนึ่ง

    ตอนที่ 122 ก่อนออกเดินทาง

    11 เมษายน อ.ศ. 226

     

    บุรุษชาวมิสต์กับลูกครึ่งมิสต์นอร์สองคนยืนอยู่เคียงคู่กัน ต่างคนต่างมีสายเลือดครึ่งหนึ่งของอีกคนไหลอยู่ในร่าง

    ณ ระเบียงนอกห้องทำงานของผู้แทนนครมิสต์แมกซิมิเลี่ยน เป็นทิศตรงข้ามกับสวนดอกลิลลี่ของระเบียงนอกห้องลูท เมื่อทอดสายตามองออกไปเบื้องนอกจะเห็นวังฟ้าประทานอันกว้างใหญ่ ที่บรรดาขุนนางใหญ่น้อยจากหัวเมืองรอบนอกเริ่มจะทยอยเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาของตน

    ตะวันบ่ายคล้อยลงเรื่อยๆขณะที่แมกซิมิเลี่ยนกล่าววาจา ช่วงเวลากลางวันของอีกวันหนึ่งกำลังจะหมดไป “นานเท่าใดแล้วที่พวกเราสองพ่อลูกมิได้สนทนากันอย่างนี้?

    สำหรับบางคนวันหนึ่งที่ผ่านไปอาจไม่มีความหมายอันใด แต่สำหรับบางคนแล้วเวลาวันหนึ่งสำคัญยิ่งกว่าเวลาที่เหลือทั้งชีวิตของเขา ทุกครั้งที่คนผู้หนึ่งต้องการให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็ต้องมีคนอีกผู้หนึ่งที่ต้องการให้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า นี่กระมังคงเป็นหนึ่งในความเที่ยงธรรมของพระเจ้า ที่ไม่ว่าอย่างไรเวลาก็จะผ่านไปด้วยความเร็วเท่ากัน แต่เหตุใดนักปราชญ์ผู้รอบรู้จึงชมชอบกล่าวว่า เวลาของคนเรามีไม่เท่ากัน

    “กว่าสองเดือนแล้วกระมัง” เสียงของบุรุษหนุ่มผมน้ำตาลแดงดังขึ้น ชายผมของลูกครึ่งมิสต์นอร์ยาวเลยมาอีกนิ้วหนึ่งปลิวพลิ้วไปด้านหลังตามกระแสลม ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าลากรถและล้อไม้บดถนนอยู่เป็นระยะ เหลือเวลาอีกไม่กี่อึดใจเขาก็จะต้องจากกรุงเดว่าแห่งนี้ไปเช่นกัน

    บุรุษหนุ่มกล่าวว่า “วันนี้ข้ามีเรื่องสองเรื่องจะมากล่าวทั้งขอบคุณและขออภัยท่านพ่อ”

    แมกซิมิเลี่ยนแปลกใจเล็กน้อยกับคำว่า “ขออภัย” จึงตอบว่า “เรื่องขอบคุณก่อนดีหรือไม่? หลายวันมานี้ข้าฟังข่าวร้ายมามากเกินพอแล้ว”

    “เรื่องที่เกี่ยวกับการขออภัยไม่จำเป็นจะต้องเป็นข่าวร้ายมิใช่หรือ?” ลูทยิ้มให้กับบิดาครั้งหนึ่ง กล่าวพร้อมกับมองไปที่ทิวทัศน์เบื้องล่างว่า “มีเรื่องราวซับซ้อนมากมายหลายประการที่หากคนผู้หนึ่งไม่คิดทบทวนหลายครั้งหลายหน ก็คงจะไม่มีทางเข้าใจจุดประสงค์แท้จริงที่เคลือบแฝงไว้ ซึ่งข้าเองก็พึ่งจะเข้าใจในเรื่องๆหนึ่ง ขอบคุณท่านพ่อที่ให้โอกาสข้าได้ออกมาเผชิญโลกกว้าง ทั้งๆที่ท่านรู้แก่ใจว่าการปล่อยให้บุคคลที่มีสายเลือดเทพสงครามอย่างข้าออกไปเพ่นพ่านตัวคนเดียวนั้นอันตรายเพียงใด หากท่านพ่อไม่เชื่อใจข้าคงไม่ตัดสินใจเช่นนี้”

    คำกล่าวของลูทเมื่อครู่ทำให้แมกซิมิเลี่ยนไม่ยึดถือว่าเขาเป็นเด็กน้อยผู้หนึ่งอีก แต่เป็นคำกล่าวของบุรุษเต็มตัวที่สามารถไว้วางใจได้ผู้หนึ่ง “โลกภายนอกเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวมากหลายในสถานที่ที่เจ้าไม่มีโอกาสได้พบเห็น สำหรับข้าแล้วการเดินทางไปสัมผัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีคุณค่ามากกว่าการอ่านหนังสือแล้วจินตนาการภาพสถานที่แห่งนั้นยิ่งนัก ข้าคิดเสมอว่าบุคคลที่ชอบเรื่องการประดิษฐ์และการดนตรีอย่างเจ้าต้องรู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ขอบอกตามตรงว่าในตอนนั้นใจหนึ่งข้าต้องการให้เจ้าออกไปเผชิญโลกกว้าง ทดลองใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งอื่นที่มิใช่หมู่บ้านสวนเชอร์รี่ เหมือนกับคำกล่าวของดาธว่าผู้ที่มีประสบการณ์มากที่สุดมิใช่ผู้ที่มีชีวิตอยู่ยืนยาวที่สุดแต่เป็นผู้ที่ผ่านเหตุการณ์มาหลากหลายที่สุด”

                    ผู้ที่มีประสบการณ์มากที่สุดมิใช่ผู้ที่มีชีวิตอยู่ยืนยาวที่สุดแต่เป็นผู้ที่ผ่านเหตุการณ์มาหลากหลายที่สุดอย่างนั้นหรือ?’ บุรุษหนุ่มพยักหน้าซึมซับประโยคของอาจารย์ลงไปในจิตใต้สำนึก แล้วจึงถามว่า “ส่วนอีกใจหนึ่งเล่า?

                    ดวงตาของแมกซิมิเลี่ยนปรากฏเค้าของเงาอดีต “อีกใจหนึ่งของข้ามิได้แตกต่างจากผู้ที่ทำหน้าที่บิดาทั่วไป ที่กังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับบุตรของตัวเองหากปล่อยให้เขาออกไปอย่างนี้ แต่เมื่อข้าทดลองคิดทบทวนมองย้อนกลับไปดูตัวเองในอดีต นึกถึงการตัดสินใจของปู่ของเจ้าในอดีต กลับพบว่าหากข้ามิได้มีโอกาสได้สัมผัสโลกภายนอกคงจะเสียใจไปชั่วชีวิต เมื่อคิดได้เช่นนี้ข้าจึงชื่นชมปู่ของเจ้าในฐานะของบิดาเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นสาเหตุให้ข้าตัดสินใจปล่อยเจ้าออกจากการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด”

                    ลูทยิ้มรับคำอธิบายด้วยความจริงใจ “นั่นเป็นสาเหตุของคำขอบคุณที่ข้าได้กล่าวไป”

                    แมกซิมิเลี่ยนทอดถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ประโยคขอบคุณของลูทมีความหมายต่อเขามากนัก อย่างน้อยการตัดสินใจของเขาถูกต้องส่วนหนึ่ง แม้ว่าอีกส่วนหนึ่งจะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายจากเทพสงคราม แต่อย่างไรก็ตามเมื่อบุตรชายพึงพอใจในประสบการณ์ที่เขาหยิบยื่นให้ ผู้เป็นบิดาจะกังวลแทนไปเพื่ออะไร

    หลังจากที่จัดเรียงความคิดเสียงใหม่ เสียงของแมกซิมิเลี่ยนจึงดังขึ้นว่า “หลังจากที่ได้ฟังเรื่องดีๆข้าก็พร้อมที่จะฟังข่าวร้ายบ้างแล้ว”

                    “ข้าบอกท่านพ่อแล้วมิใช่หรือว่าการขออภัยไม่จำเป็นต้องเป็นข่าวร้ายเสมอไป” ลูทย้อนประโยคเดิมอีกครั้งพร้อมอธิบายว่า “การขออภัยนี้สืบเนื่องจากสาเหตุของคำขอบคุณเมื่อครู่ ข้าอยากสารภาพตามตรงว่าตั้งแต่อาทิตย์แรกหลังจากก้าวออกจากบ้าน ข้าก็ลืมไปเสียสนิทว่าจะต้องจัดเรียงทำเนียบศาสตราของท่านพ่อขึ้นมาใหม่ ดูเหมือนว่าท่านพ่อจะเป็นพ่อที่ประเสริฐแต่บุตรของท่านกลับละเลยในหน้าที่ที่ท่านสั่งไปเสีย”

                    แมกซิมิเลี่ยนแกล้งทำเสียงไม่พอใจว่า “แล้วเจ้ายังมีหน้ามาบอกข้าว่านั่นมิใช่ข่าวร้ายอีก?

                    ทันใดที่สิ้นสุดเสียงกล่าวเสียงหัวเราะของบิดาและบุตรพลันดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน เปลี่ยนให้บรรยากาศรื่นเริงขึ้นมาในทันตา

    ดวงตาสีน้ำตาลของแมกซ์ฉายแววในอดีตเมื่อเพ่งพิจารณาบุตรชายอย่างถี่ถ้วน “ในตอนนี้ข้าเห็นเจ้าก็เสมือนส่องกระจกมองตัวเองอีกคนหนึ่ง”

                    “หากข้าไม่เหมือนท่านพ่อแล้วจะเหมือนผู้ใดได้?” ลูทตอบแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “ข้าสงสัยว่าเพราะเหตุใดท่านพ่อจึงไม่รวมกระบี่คู่ล่องหนไว้ในรายชื่อสุดยอดศาสตรา?

                    บิดายิ้มพลางตอบว่า “เจ้าจะเชื่อถือหนังสือเล่มนั้นหรือไม่หากผู้เขียนจัดเรียงอาวุธที่ตนเองใช้ลงไปในทำเนียบ?

                    ขณะที่ลูทกำลังจะกล่าววาจาโต้แย้งแมกซิมิเลี่ยนพลันชี้นิ้วไปที่ห่อผ้าที่บุรุษหนุ่มถือ แทรกประโยคขึ้นมาก่อนว่า “ยกเว้นแต่ศาสตราคู่กู้แผ่นดินที่อยู่คู่กายเจ้า”

                    บุตรชายพลันหัวเราะกลบเกลื่อน เปลี่ยนคำโต้แย้งเมื่อครู่เป็นกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านพ่อคงจะไม่ขัดข้องหากข้าจะใส่ชื่อกระบี่คู่ล่องหนลงไป เพราะว่าทำเนียบสิบหกยอดศัสตราวุธเล่มใหม่นี้มีข้าเป็นผู้เรียบเรียง”

                    ทันใดที่ลูทกล่าวจบเสียงหัวเราะของบิดากับบุตรชายก็ดังขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง

    จนกระทั่งลูทชี้นิ้วโป้งเข้าหาหน้าอกตนเอง กล่าวอย่างมั่นใจว่า “หลังจากที่ข้ากลับมาข้าอยากจะให้ท่านพ่อช่วยเหลือเรื่องหนึ่ง”

    “บอกมาได้” แมกซิมิเลี่ยนตอบโดยที่ไม่ต้องคิด

    มือข้างเดิมนั้นเปลี่ยนเป็นชี้ไปที่ธนูยาวของแมกซิมิเลี่ยนในห้องทำงาน กล่าวว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทุกครั้งที่ข้าเข้าป่าไปล่าสัตว์กับท่าน ท่านพ่อใช้ธนูในขณะที่ข้าใช้หน้าไม้ ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็รู้ๆกันอยู่ไม่ต้องกล่าวถึง แต่ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาข้าได้ประดิษฐ์หน้าไม้ขึ้นมาใหม่อยู่รุ่นสองรุ่น หน้าไม้ไฮดรานี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติที่เพียงลั่นไกแค่ครั้งเดียวก็ยิงลูกดอกออกไปได้หลายชุด ดังนั้นเมื่อเรื่องทุกประการสงบลง ข้าจึงอยากจะขอทดสอบฝีมือล่าสัตว์ของท่านว่าเมื่อแก่ตัวลงแล้วฝีมือถดถอยลงตามหรือไปไม่?

                    บิดาร้องเพ้ยด้วยความไม่เชื่อโสตประสาทของตน ตอบว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าเมื่อครู่ใช้ปากกล่าววาจา? หากจะมาทดลองฝีมือล่าสัตว์กับข้านั้น เด็กอ่อนหัดระดับเจ้ายังเร็วไปยี่สิบปี”

                    “หากรออีกยี่สิบปีท่านพ่อก็คงจะไม่มีแรงน้าวคันธนูแล้วกระมัง” บุรุษหนุ่มตอบทันควัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×