คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #269 : เล่ม 9 - ตอนที่ 124 - เข้าถ้ำเสือ (2)
“จากการที่จักรวรรดินอร์แตกแยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่าทำให้พวกเรามีจุดยืนบางแห่งที่ตรงกัน สำหรับพวกท่านทั้งสองคงจะยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับมหาอุปราชวานเตสทายาทโดยชอบธรรมของจักรพรรดิเวอร์น่อน หันอาวุธเข้าหาฝ่ายอุปราชโรฮันที่จ้องจะแย่งชิงอำนาจปกครองสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย” ไอเวอเรียสกล่าวด้วยคำพูดเรียบๆ ตามด้วยการยิงคำถามว่า “ทว่าเรื่องราวดูเหมือนจะไม่ง่ายเสียเช่นนั้น เนื่องจากอุปราชโรฮันผู้กระทำการปิตุฆาตกลับไม่ยอมกรีฑาทัพเข้านครหลวงประกาศตัวเป็นจักรพรรดิคนใหม่ แต่กลับซ่องสุมกำลังพลนับหมื่นตั้งหลักอยู่ที่เมืองโลซานไม่ยอมเคลื่อนไหว ไม่ว่าผู้ใดต่างล้วนทราบว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติจากการกระทำที่น่าสงสัยเช่นนี้ แต่สำหรับท่านคอร์เนเลียคงจะมีอะไรมากกว่านั้น สายเลือดแห่งอาร์คาน่าในกายท่านรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างใช่หรือไม่?”
!?!
โทมัสที่นั่งอยู่เคียงข้างหันไปมองผู้บังคับบัญชา เห็นสายตาของคอร์เนเลียทั้งสองจ้องไปที่ไอเวอเรียสอย่างเฉียบคม จึงทราบว่าคำกล่าวของฝ่ายตรงข้ามมีมูลความจริง เมื่อบุรุษเลือดร้อนใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งจึงสงบปากสงบคำ รอคอยคำตอบของหัวหน้าตน
เสียงของไอเวอเรียสดังขึ้นต่อไปว่า “จริงอยู่ว่าเพียงข้อมูลในหนังสือที่ข้าได้จัดเตรียมไว้ให้อ่านผ่านตาอาจไม่เพียงพอ แต่ข้าเชื่อว่าการที่ท่านปรากฏตัวในสมรภูมิครั้งนั้นอย่างเหมาะเจาะแสดงว่าต้องรู้สึกได้ถึงเทพสงคราม หาไม่แล้วคงจะไม่มีทางช่วยเหลือท่านมหาอุปราชได้ทันท่วงที”
ในใจของอัศวินดำหมายเลขสองนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่ค้นเจอในบ้านพักระหว่างเส้นทางหลบหนี ด้วยหน้าปกที่เป็นรูปสตรีผมสีม่วงจึงสะกิดความสงสัยของคอร์เนเลียอย่างยิ่งยวด เมื่ออ่านจบรอบหนึ่งก็ทราบว่าภายในระบุถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาณาจักรอาร์คาน่าและเทพสงคราม จนกระทั่งรับทราบความจริงว่าบุคคลที่มีสีผมสีม่วงนั้นมีสายเลือดของทายาทแห่งอาร์คาน่าไหวเวียนอยู่ในร่างราวหนึ่งในสี่
ทว่าสิ่งที่สร้างความประหลาดใจที่สุดให้กับนางมิใจหนังสือเล่มนั้น แต่กลับเป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง กระดาษที่สอดเอาไว้กับปกหลังสุดของหนังสือ
ใจความสั้นกะทัดรัดแต่ตรงประเด็น เนื้อความระบุถึงรายละเอียดเกี่ยวกับตระกูลที่มีสายเลือดสาวกแห่งเทพสงคราม ความสงสัยของคอร์เนเลียได้ถูกกระตุ้นออกมาจนหมดสิ้น
หลังจากนั้นคอร์เนเลียจึงค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ค้นคว้าจากบันทึกเก่าๆในประวัติศาสตร์ จนสามารถยืนยันได้ว่าตนเองมีสายเลือดของทายาทแห่งอาร์คาน่าอยู่จริง และทราบความจริงว่าหน้าที่ของบุคคลที่มีสายเลือดนี้คือการหยุดยั้งเทพสงครามมิให้กลับมาอาละวาดอีกครั้ง
อีกหลายวันให้หลังจดหมายลึกลับได้ส่งมาอีกครั้ง เมื่อเทียบลายมือผู้เขียนแล้วสามารถยืนยันได้ว่าเขียนด้วยลายมือของบุคคลคนเดียวกันกับจดหมายที่โทมัสได้รับก่อนหน้า นางจึงชักชวนโทมัสไปยังสมรภูมินครมิสต์ พิสูจน์ให้รู้ว่าเทพสงครามมีอยู่จริงหรือไม่
สุดท้ายนางได้เห็นกับตาว่าเทพสงครามแท้จริงแล้วคือผู้ใด
คอร์เนเลียครุ่นคิดอยู่พักใหญ่แล้วจึงกล่าวว่า “ข้าเข้าใจในสิ่งที่ท่านไอเวอเรียสพยายามจะบ่งบอก แต่ก่อนที่พวกเราจะสนทนากันต่อไป ข้าต้องการทราบว่าจุดประสงค์การมาของท่านในวันนี้คืออะไร? หากต้องการอ้างเรื่องสายเลือดของทายาทแห่งอาร์คาน่าที่ไหลเวียนอยู่ในกายข้าเพื่อชักชวนให้เข้าร่วมกับฝ่ายท่าน หรืออ้างบุญคุณที่ช่วยปล่อยตัวพวกเราทั้งสองออกจากโอดิน ข้าต้องขอกล่าวคำปฏิเสธล่วงหน้า”
“ข้าเองก็เช่นกัน” โทมัสวางหอกคู่กายลงบนโต๊ะ กล่าวสนับสนุนพร้อมชี้นิ้วหัวแม่มือเข้าที่หน้าอกของตนว่า “หากชีวิตนี้เป็นเจ้าช่วยมาก็จงเชิญเอากลับไปได้ รับรองว่าข้าจะไม่ตอบโต้แม้สักครึ่งกระบวนท่า แต่ถ้าจะให้ข้าทรยศต่อจักรวรรดินอร์ต้องขอบอกว่าไม่มีวัน”
“ที่แท้คอร์เนเลียก็มีสายเลือดแห่งอาร์คาน่า” โรซาไลน์กล่าวขึ้น
ลูทสนับสนุนว่า “เหตุใดข้าจึงลืมความจริงข้อนี้ไปเสียสนิท บุคคลที่มีสีผมประหลาดสมควรจะเป็นอะไรสักอย่างที่มิใช่บุคคลปกติ ยกตัวอย่างเช่นเจ้านี่เป็นต้น”
บลูที่ถูกลูทชี้มือมาใส่จึงกล่าวว่า “ข้าเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเจ้า มิใช่ตัวประหลาด”
บุรุษหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงหัวเราะฮาๆ ย้อนว่า “ตัวประหลาดหรือไม่ก็ไม่มีผู้ใดมีผมสีน้ำเงินอย่างเจ้า”
หญิงสาวผมทองส่ายศีรษะครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “พวกเจ้านี่ก็เหลือเกินจริงๆ ยังมีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกันในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้อีก”
รินะถามขึ้นว่า “เมื่อคนทั้งสองปฏิเสธโดยสิ้นเชิงอย่างนี้การเจรจาจะไม่ล้มเหลวหรอกหรือ? พวกเราอุตส่าห์เร่งเดินทางขึ้นเหนือมาตลอดทั้งคืน”
เสียงของไกตอบขึ้นว่า “รอดูต่อไปเถิด ในเมื่อการเจรจายังไม่จบจะบอกว่าล้มเหลวในตอนนี้ยังคงเร็วเกินไป กระบี่ตวัดเจ็ดดาวที่ได้ชื่อเป็นหนึ่งในสิบหกสุดยอดศาสตราบางครั้งยังต้องสยบให้กับปัญญาและวาจาของไอเวอเรียส”
บลูพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อนึกถึงครั้งที่ศิษย์พี่ใหญ่ดำเนินกลยุทธ์เผานครมิสต์ ทำนายการจัดวางตำแหน่งพลทหารของฝ่ายตรงข้ามราวกับว่าเห็นด้วยสองตา จึงยิ้มที่มุมปากพลางกล่าวว่า “เห็นท่าจะจริง”
“ขุนพลที่ใจเด็ดอย่างเจ้า ข้าชื่นชมนัก” ไอเวอเรียสกล่าวกับโทมัสก่อนที่จะให้คำตอบฝ่ายตรงข้ามว่า “ทว่าพวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ที่ข้ามาในวันนี้มิใช่ต้องการที่จะชักชวนพวกเจ้าให้เข้าร่วมกับทางสหพันธ์ แต่ข้ามีคำขอร้องประการหนึ่งที่อยากจะให้พวกเจ้าช่วยเหลือ”
“คำขอร้อง?” โทมัสยกหางเสียงขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ
คอร์เนเลียจ้องไปที่บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นมันสมองของฝ่ายสหพันธ์อย่างไม่กะพริบ ถามว่า “ท่านไอเวอเรียสมีคำขอร้องประการใด?”
“ข้าต้องการพบคนสองคน อยากจะให้ท่านช่วยนำทางก็เท่านั้น” ไอเวอเรียสกล่าวว่า “คำขอร้องง่ายดายประการนี้คงจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงของรองหัวหน้าหน่วยรบพิเศษอัศวินดำกระมัง”
สตรีผมม่วงพยักหน้าครั้งหนึ่ง “เรื่องนี้ต้องดูว่าคนสองคนที่ท่านต้องการพบคือผู้ใด”
“สองคนที่ข้าต้องการพบท่านคอร์เนเลียล้วนรู้จักเป็นอย่างดี” รอยยิ้มอันแยบยลของไอเวอเรียสปรากฎขึ้นที่มุมปาก กล่าวว่า “คนผู้หนึ่งคือมหาอุปราชวานเตสผู้เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพของท่าน ส่วนอีกผู้หนึ่งคือเสนาธิการสูงสุดทานาทอสผู้เป็นมันสมองของกองทัพท่าน”
หลังจากที่คำพูดประโยคเมื่อครู่กล่าวออกไป ทั้งบุคคลในบ้านพักและบุคคลที่คุมเชิงอยู่ด้านนอกต่างไม่ปริปากกล่าววาจาใดๆ ความเงียบเข้ามาเยือนเมื่อพวกเขารอคำตอบของคอร์เนเลียอย่างใจจดใจจ่อ
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของไอเวอเรียสมองทะลุเข้าไปในดวงตาสีม่วงแดงของคอร์เนเลีย จนกระทั่งได้ยินคำตอบจากปากของนางว่า “ตกลง”
“ท่านคอร์เนเลีย?” โทมัสถึงกับงุนงงเมื่อได้ยินผู้บังคับบัญชาของตนตกลงรับปากอย่างง่ายดาย
คอร์เนเลียลุกขึ้นจากบ้านพัก กล่าวว่า “แต่ทว่ามีข้อแม้ประการหนึ่งจำต้องให้ท่านรับปากก่อนที่ข้าจะพาท่านไปพบกับบุคคลทั้งสอง”
“เสนอมาได้”
คอร์เนเลียมองออกไปที่พื้นที่นอกบ้านพัก ตอบอย่างรวบรัดว่า “ในบรรดาพวกท่านทั้งหกคนมีเพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถติดตามข้าไปพบกับท่านมหาอุปราชและท่านเสนาธิการสูงสุด ส่วนอุปกรณ์ทุกอย่างที่จัดว่าเป็นอาวุธขอให้ฝากไว้กับบุคคลที่รั้งอยู่ที่นี่มิอาจนำติดตัวไป เงื่อนไขนี้ท่านเห็นว่าอย่างไร?”
ความคิดเห็น