ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #272 : เล่ม 9 - ตอนที่ 124 - เข้าถ้ำเสือ (4)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.36K
      4
      17 ก.พ. 52

    /> /> />

    “น่าสนใจไม่น้อย” ทานาทอสครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วถามต่อไปว่า “ทว่าท่านไม่คิดหรอกหรือว่าเรื่องนี้เป็นการเพ้อฝันอย่างหนึ่ง? ไม่ว่าอย่างไรคาร์ลหรือโจนาธานที่เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายสหพันธ์ก็จะไม่ยอมตอบตกลงกับเงื่อนไขข้อนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากำลังเคลื่อนทัพเข้ายึดนครหลวงในวันสองวันท่านก็ทราบแก่ใจมิใช่หรือ? ข้ามิได้ดูถูกบุคคลที่มีสติปัญญาสูงส่งอย่างท่าน แต่อยากทราบว่าท่านมีทุนรอนอันใดที่จะใช้เป็นหลักประกันหรือเครื่องยืนยันในข้อเสนอที่เปรียบเสมือนการเพ้อฝันตื่นหนึ่ง”

                    ไอเวอเรียสส่ายศีรษะ กล่าวว่า “หากเป็นฝ่ายสหพันธ์เพียงฝ่ายเดียวแล้วข้าสามารถยอมรับตามตรงได้ว่าไม่มี แต่ถ้าพวกเราทั้งสองร่วมมือกันอาจทำให้เกิดหนทางใหม่ได้สายหนึ่ง”

                    หนทางสายใหม่?’ ลูทคำนึงขึ้นในใจ สติปัญญาของบุรุษหนุ่มผู้นี้จัดว่าอยู่ในระดับดีเยี่ยม แต่เมื่อขบคิดแทบตายกลับมิอาจหยั่งได้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องการจะสื่อเรื่องราวใด

                    ทานาทอสพลันพยักหน้าครั้งหนึ่ง ถามว่า “ท่านแน่ใจหรือว่าหนทางสายนั้นจะเป็นไปได้?

                    “เป็นหนทางสายใด?” เป็นคอร์เนเลียที่ตามไม่ทันถามขึ้น

                    ทานาทอสลุกขึ้นจากโต๊ะไปหยิบแผนที่ภูมิศาสตร์มากางออก ชี้นิ้วลากจากตำแหน่งค่ายทหารไปยังนครหลวงนอร์โปลิส กล่าวว่า “มุ่งเข้าสู่นครหลวง ประกาศตัวเป็นจักรพรรดิก่อนที่ผู้ใดจะทำสำเร็จ ท่านไอเวอเรียสหมายความเช่นนี้ใช่หรือไม่?

                    ไอเวอเรียสพยักหน้ารับคำ กล่าวว่า “หากมีกองทัพเจนีสสนับสนุน พวกท่านย่อมสามารถกระทำการนี้สำเร็จได้ไม่ยากนัก”

                    เสียงหัวเราะของทานาทอสดังขึ้นครู่หนึ่งแล้วดับไป “ท่านไอเวอเรียสชมชอบกล่าววาจาตรงจุดที่คันเสียจริง การเคลื่อนกำลังเข้านครหลวงเป็นสิ่งที่ผ่านการขบคิดมาหลายสิบครั้ง ปัญหาเรื่องโรฮันนั้นมีอยู่จริงแต่ประเด็นหลักกลับมิได้อยู่ที่นั่น ลำพังข้าสามารถรับมือกับกองทัพของโรฮันเปิดทางให้ท่านมหาอุปราชเข้าสู่นครหลวงได้อย่างไม่มีปัญหา ประเด็นอยู่ที่เมื่อเข้าไปถึงแล้วกลับพบปัญหาอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก”

    “ท่านหมายถึงปัญหาเรื่องของตระกูลชไวน์ใช่หรือไม่?” เป็นเสียงของไกถามขึ้น

                    ทานาทอสพยักหน้าครั้งหนึ่ง ตอบว่า “หากท่านมหาอุปราชมิได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ครั้งก่อน บัดนี้ท่านคงจะครองตำแหน่งจักรพรรดิองค์ที่สองแห่งจักรวรรดินอร์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่การที่ร่างกายของท่านมิได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ทำให้ข้าเกรงว่าจะชักนำปัญหาเรื่องความทะเยอทะยานของตระกูลชไวน์ขึ้นมา ความเสี่ยงในจุดนี้เทียบกันมิได้กับผลตอบแทนที่จะได้รับ”

                    “แต่เมื่อมีกองกำลังเจนีสคอยหนุนพวกท่าน ปัญหานี้จะหมดไปใช่หรือไม่?” ไกกล่าวต่อไป

                    ครานี้ทานาทอสกลับส่ายศีรษะ กล่าวว่า “หากเป็นเมื่อสามวันก่อนนั้นอาจใช่ แต่ในตอนนี้คงจะเป็นไปมิได้เสียแล้ว”

                    “สามวันนี้ต่างกันอย่างไร?

                    “ต่างกันมากพอสมควร” ทานาทอสชี้นิ้วไปที่เมืองเอเวอร์เกรซ กล่าวว่า “ไม่เพียงพวกเราต้องรับมือกับกองทัพของโรฮันจากโลซานและกองทัพตระกูลชไวน์ในนครหลวง แต่กลับเพิ่มกองทัพของคาร์ลอีกพวกหนึ่ง ศัตรูเพิ่มจากสองเป็นสามในขณะที่พวกเราเพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง ท่านเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่?

                    ไอเวอเรียสพยักหน้ารับคำ ตอบคำถามพลางชี้มือไปที่ตอนใต้ของโลซานว่า “หากข้ามีข่าวมาบอกพวกท่านว่า กองกำลังตระกูลซิลเวอร์แซนด์ของลาเวนดิสกำลังเดินทางขึ้นเหนือ ผ่านเมืองโลซานเข้าร่วมแบ่งปันชิ้นเนื้ออันโอชะนี้ด้วย จะพอเป็นไปได้หรือไม่?

                    ทานาทอสจ้องมองไอเวอเรียสด้วยสายตาคมกริบ กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านกำลังจะนำกองทัพของฝ่ายตนเองส่งเข้าปากของโรฮันอย่างนั้นเพื่อให้พวกข้าได้สถาปนาจักรพรรดิองค์ใหม่อย่างนั้นหรือ?

                    “ลำพังมาร์ควิสลาร์กอาจกล่าวได้ว่าเป็นอย่างนั้น” ไอเวอเรียสชี้นิ้วไปตามแม่น้ำลาเมนท์ กล่าวต่อไปว่า “แต่เมื่อมีกองเรือของกองกำลังกริฟฟอนเป็นทัพล่องหน ใช้นครมิสต์ที่ปรักหักพังเป็นเครื่องกำบังในการเดินเรือเพื่อสนับสนุนอย่างลับๆ การศึกนี้จะมิใช่เป็นการส่งเนื้อเข้าปากเสืออีกใช่หรือไม่?

                    คอร์เนเลียได้ยินแผนการแล้วถึงกับทึ่งในความสามารถ คำนึงว่า มันสมองของบุรุษผู้นี้ไม่เป็นรองเสนาธิการคนใด อาจเรียกได้ว่าอัจฉริยะฟ้าส่งมาเกิดเช่นเดียวกับท่านทานาทอส

                    ขณะที่ทานาทอสชื่นชมแผนการของไอเวอเรียสอยู่ในใจ ก็ได้ยินเสียงบุรุษเข้มเสียงหนึ่งจากนอกกระโจมกล่าวว่า “พวกเจ้ากระทำเช่นนี้มีจุดประสงค์เคลือบแฝงอันใด?” สิ้นเสียงกล่าวก็เห็นร่างผู้นำสูงสุดของค่ายทหารแห่งนี้ มหาอุปราชเดินเข้ามาในกระโจมรับรอง

                    ทุกผู้คนต่างรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอันร้อนแรงที่เกือบฉุดรั้งไว้ไม่อยู่ เมื่อยอดขุนพลทั้งสองคนเผชิญหน้ากันอย่างไม่ลดราวาศอก สายตาของไกลาเดีย เดอ เจนีสและวานเตส ซอร์โดจับจ้องซึ่งกันและกันอย่างไม่มีผู้ใดยอมอ่อนข้อให้ผู้ใด

     

    “นี่เป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีก็ไม่รู้ที่ข้ามีโอกาสได้ถือดาบถือกระบี่พร้อมๆกัน” บลูมองอาวุธในมือที่ลูทฝากไว้ “อีกทั้งพวกมันทั้งสองยังเป็นศาสตราคู่กู้แผ่นดินที่ผู้คนใต้หล้าต่างหมายปองเสียด้วย”

                    สองสตรีหนึ่งบุรุษนั่งจับเจ่าอยู่ในกระท่อมฟางแห่งหนึ่ง รินะชะเง้อคอมองที่ประตูกระท่อมเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน กล่าวว่า “พวกเขาไปตั้งครึ่งค่อนวันแล้วเหตุใดยังไม่กลับมาอีก?

                    โรซาไลน์ที่ดูเหมือนจะยังคงอารมณ์ดีอยู่เพียงคนเดียว ตอบว่า “พวกเขาพึ่งจะจากไปไม่ถึงสองชั่วโมง ศิษย์น้องอดทนรอสักประเดี๋ยวหนึ่งศิษย์พี่ใหญ่ก็จะกลับมา”

                    รินะพลันหน้าแดงขึ้นมาวูบหนึ่ง กล่าวตะกุกตะกักว่า “ใคร ... ใครว่ารินะกำลังรอศิษย์พี่ใหญ่”

                    “หากเจ้าไม่รอเข้าแล้วจะรอผู้ใด” โรซาไลน์บีบสันจมูกที่ตั้งตรงของรินะเบาๆคราหนึ่ง กล่าวว่า “แววตาของเจ้ามันฟ้อง ปิดบังข้ามิได้หรอก”

                    บลูหันมามองสองสาวหยอกล้อกันพักหนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “จะไม่ทราบได้อย่างไรในเมื่อในใจของนางก็มีแต่พี่ไกเช่นกัน ช่วงเวลาอย่างนี้น่าอิจฉาบุคคลที่มีความรักจริงๆ เมื่อใดที่สงครามสิ้นสุดข้าคงจะมีโอกาสได้ร่วมงานวิวาห์ถึงสองคู่ในเวลาไล่เลี่ยกัน”

                    โรสถูกคำพูดของบลูหยอกจนนึกถึงคำขอแต่งงานเมื่อคืน แก้มทั้งสองจึงเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับแก้มของรินะมิได้ต่างกันเท่าใด สตรีทั้งสองถูกคำว่า “วิวาห์” เล่นงานจนหยุดหยอกล้อกันไปในทันตา

                    อีกครู่หนึ่งต่อมาโรซาไลน์จึงสวนกลับว่า “ก่อนที่จะมากล่าวถึงเรื่องความรักของผู้อื่นก็สนใจเรื่องของตนเองก่อนดีกว่าหรือไม่? หากเจ้ายังทำให้นางเสียใจอยู่อย่างนี้ต่อไปข้าจะไม่อภัยให้เจ้า”

                    ใบหน้าของบลูแปรเปลี่ยนวูบหนึ่ง ฝืนยิ้มพร้อมกล่าวว่า “โชคดีเป็นเจ้าที่ต่อไปนี้คงไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้อีก เรื่องของข้ากับนางจบกันไปแล้ว”

                    “ว่ากระไร!?” โรซาไลน์อุทานพร้อมหันขวับไปมองบุรุษหนุ่ม “บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น?

                    “ประเดี๋ยวหนึ่ง อธิบายให้ข้าฟังก่อนได้หรือไม่ ข้าไม่เข้าใจว่าศิษย์พี่ทั้งสองคุยกันเรื่องอันใด?” รินะถาม

                    “ศิษย์พี่ของเจ้ามีความรักกับสตรีนางหนึ่งผู้เป็นสหายสนิทของข้า” โรซาไลน์จึงหันกลับไปอธิบายก่อนที่จะเค้นถามบลูว่า “แต่ทำไมความสัมพันธ์ของพวกเจ้าทั้งสองจึงสิ้นสุดลง?

                    บลูยักไหล่ครั้งหนึ่งด้วยท่าประจำ กล่าวว่า “ในเมื่อเรื่องของพวกเราทั้งสองเป็นไปมิได้แล้วจะดันทุรังไปทำไม?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×