คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #279 : เล่ม 9 - ตอนที่ 126 - พานพบ (2)
“ท่านบลู!?” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงร่วงหล่นของกระบี่ “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“นั่นควรจะเป็นคำถามของข้ามิใช่หรือ?” บลูปล่อยมือออกจากข้อมือของฝ่ายตรงข้าม กล่าวว่า “ขออภัย”
“ไม่เป็นไร ข้ามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อจับตามองสถานการณ์ในนครหลวงแล้วรายงานกลับไปให้ท่านพ่อ” หญิงสาวผมสั้นส่ายศีรษะตอบ จากนั้นจึงถามต่อไปว่า “ตามรายงานจากพิราบรายวันท่านบลูสมควรจะอยู่ที่ลาเวนดิสมิใช่หรือ? มีเรื่องเร่งด่วนอันใดที่ทำให้ท่านต้องเดินทางขึ้นเหนือมาถึงใจกลางนครหลวงของจักรวรรดิ?”
บลูเห็นว่าคงจะยากที่จะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามนี้ ยิ่งไปกว่านั้นสตรีเบื้องหน้าเป็นบุคคลที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมาก่อนจึงมิอาจกล่าวถ้อยคำโป้ปดหลอกลวง บุรุษหนุ่มจึงตัดสินใจเลี่ยงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ของตน ตอบว่า “พบพานเจ้าในที่นี้แสดงว่าโชคยังเข้าข้างพวกเราอยู่บ้าง สองวันก่อนข้าทราบข่าวว่าบิดาของเจ้ากับท่านคาร์ลกำลังจะยกกองทัพบุกเข้าสู่นอร์โปลิส และข้าก็สืบทราบได้อีกว่าสถานที่แห่งนี้เป็นกับดักแห่งหนึ่ง”
ขนคิ้วสีเดียวกับผมขมวดเข้าหากันเล็กน้อย กล่าวว่า “กับดัก?”
“ทันใดที่กองกำลังตึกธงดาบและตึกธงมังกรยกเข้ามาประชิดชายแดนปะทะกับกองกำลังรักษานครหลวง กองกำลังของโรฮันที่เฝ้าอยู่ที่เมืองโลซานทางใต้จะยกเข้าตีกระหนาบสองด้าน” บลูกล่าวอย่างจริงจัง
คราบปลอมแปลงโฉมมิอาจปกปิดความงามของซิลิเซียได้ สตรีผมแดงนางนี้กล่าวตอบว่า “ขอบคุณท่านที่เป็นห่วง แต่สำหรับการเดินทัพครั้งนี้พวกเราได้ตระเตรียมพร้อมสรรพในทุกด้าน รวมไปถึงความเป็นไปได้ที่ว่าทางฝ่ายโรฮันจะสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว ดังนั้นสิ่งที่ท่านบลูตักเตือนเมื่อครู่มิอาจเรียกว่ากับดัก แต่เป็นอันตรายที่พวกเราพร้อมที่จะรับมือและตอบโต้กลับไป”
เสียงทอดถอนหายใจของบลูพลันดังขึ้นครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “นี่จึงเป็นเหตุผลที่ข้ากล่าวว่าครั้งนี้ศัตรูวางกับดักเอาไว้อย่างแยบยล ขออภัยที่ข้าจำเป็นต้องกล่าววาจาขวานผ่าซากฟังแล้วไม่รื่นหู ความมั่นใจของพวกเจ้าจะเป็นดาบสองคมสังหารพวกเจ้าเอง ศัตรูจงใจแสดงให้พวกเจ้าเห็นว่ายังอยู่ในสภาพอ่อนแอไม่เพียบพร้อม แต่แท้จริงแล้วกำลังรอให้เหยื่อก้าวเข้ามาติดกับ บอกตามตรงว่ายอดฝีมืออย่างโรฮันต่อให้ข้า ลูทและพี่ไกสามคนร่วมมือกันยังไม่แน่ว่าจะสู้เสมอได้หรือไม่ ไม่นับรวมซิงเควด้าและพริมที่ปัจจุบันมีความสามารถไม่เป็นรองกันเท่าใด ทางด้านกองทัพของพวกเจ้าอาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์เต็มร้อย ยิ่งได้พันธมิตรใหม่อย่างสาธารณรัฐเอนเซลเข้ามาร่วมด้วยแล้วยิ่งเปรียบเสมือนพยัคฆ์ติดปีกไม่เกรงกลัวอันใด แต่ข้าขอบอกตามตรงว่าทุกสิ่งที่พวกเจ้าวางแผนเอาไว้ ล้วนอยู่ในการคาดการณ์ของพวกมัน ข้ามิได้จงใจสร้างความสั่นคลอนให้กับกองทัพของพวกเจ้า วาจาทั้งหมดล้วนตั้งอยู่บนความปรารถนาดี”
ใบหน้าของซิลิเซียแปรเปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อบลูกล่าวถึงเอนเซล ในเมื่อความลับไม่เป็นความลับอีกก็คาดว่าฝ่ายศัตรูคงจะทราบแล้วเช่นกัน จึงถามตามตรงว่า “ท่านบลูกำลังจะบอกว่าหากพวกเราจู่โจมในตอนนี้จะต้องพ่ายแพ้ยับเยิบอย่างนั้นหรือ?”
บลูพยักหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวยืนยันว่า “ไม่ผิด”
...
สายตาของบุรุษหนุ่มประสานสบกับหญิงสาว พลางทำความเข้าใจสตรีเบื้องหน้า กล่าวด้วยวาจาอันนิ่มนวลว่า “หากใช้ความแค้นเป็นที่ตั้งมุ่งแต่จะล้างแค้นเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงแต่เจ้าจะพลาดโอกาสที่จะพบเห็นสิ่งดีๆรอบกาย ยังจะเป็นการพาตัวเองเข้าสู่การดับสูญ มิอาจกระทำการได้สำเร็จ”
“ท่านจะเข้าใจได้อย่างไร?” เสียงสั่นเครือของซิลิเซียดังขึ้น
มือขวาของบลูจึงค่อยๆเอื้อมไปวางบนบ่าของสตรีตรงหน้า ในสมองของเขาครุ่นคิดถึงวาจาร้อยแปดพันประการแต่กลับมิอาจกล่าวออกมาแม้แต่หนึ่งถ้อยคำ
ขณะนั้นเองน้ำตาหยดหนึ่งของซิลิเซียพลันไหลลงอาบแก้ม
!?!
หอน้อยกลางน้ำตั้งตระหง่านกลางนครหลวงนอร์โปลิส เห็นเด่นเป็นสัญลักษณ์จากระยะไกล
สถานที่แห่งนี้ฝังไว้ด้วยความประทับใจของบุรุษหนุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เหยียบย่างจนกระทั่งถึงครั้งสุดท้ายที่ก้าวเท้าออกไป ซึ่งความประทับใจทั้งสองครั้งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ก้าวแรกที่บุรุษหนุ่มได้ย่างเท้าเข้าสู่ชั้นบนสุดของหอน้อยกลางน้ำ เสียงไวโอลินที่บรรเลงโดยโฉมสะคราญประดุจเสียงทิพย์จากสรวงสวรรค์สร้างความทรงจำไม่รู้เลือนฝังลึกลงไปในจิตใจ แต่ความทรงจำของก้าวสุดท้ายที่ย่างออกมากลับกรีดลึกเป็นแผลร้าวบาดหัวใจปรากฏเป็นสายธารโลหิต ความโหดร้ายของสงคราม เสียงกรีดร้องจากผู้คนที่กำลังหนีความตาย และสตรีคนรักที่เหลือเพียงลมหายใจรวยริน
ลูทไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาเหยียบสถานที่นี้อีก อย่างน้อยก็ไม่คาดคิดจนกว่าสงครามจะสิ้นสุด
ฤดูกาลที่เปลี่ยนผันทำให้สถานที่แห่งหนึ่งเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลางเดือนเมษายนหอน้อยกลางน้ำถูกดอกไม้รอบทะเลสาบกลบความสง่าด้วยสีสันอันสดใส ฤดูใบไม้ผลิของต้นไม้ใบหญ้าล้อมรอบหอน้อยที่เป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ร่วงทำให้เกิดความขัดแย้งของทิวทัศน์ที่ปรากฏขึ้นสู่สายตา แต่ในความขัดแย้งนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความกลมกลืนอย่างหนึ่ง
“นี่ข้าฝันไปหรือไม่?” บุรุษหนุ่มเอ่ยปากกับตัวเองในขณะที่อยู่ในวังวนแห่งความคิด ย้อนลึกไปสู่ห้วงของความทรงจำในอดีต ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยเผชิญล้วนกลับกลายเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง ความรักความทรงจำที่เป็นเครื่องผูกผันระหว่างจิตใจสองดวงนั้นหายไปสิ้น คงเหลือเพียงหมอกจางๆที่เป็นตัวแทนอันไม่สมบูรณ์ของความทรงจำเพียงข้างเดียว เมื่อสิ่งที่คงอยู่ด้วยความทรงจำของคนสองคนเหลือเพียงคนหนึ่ง สิ่งนั้นจะเรียกว่าฝันหรือไม่? รอยยิ้มอย่างเต็มฝืนกลับปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของลูท “ใช่ … ข้าฝันไปจริงๆ”
แต่เมื่อบุรุษหนุ่มเบือนหน้าไปเห็นสตรีในชุดขาว ‘ความฝัน’ ที่เขากำลังคิดอยู่ในขณะนี้กลับกลายเป็น ‘ความจริง’ ขึ้นมาชั่วคราว เนื่องจากสตรีผู้นั้นคือยอดหญิงผู้สะคราญโฉม ยูกิ อาเมดะ
“ไม่น่าเชื่อ …”
ยูกิเดินจากปากทางเข้าอุทยานมายังริมทะเลสาบตรงเข้ามาหาบุรุษหนุ่ม กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเรียบสนิทว่า “ยินดีที่ได้พบพาน”
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” ลูทถาม
ยูกิในชุดขาวถอนหายใจครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ข้ามาเพื่อเคารพเสี่ยวชิง”
“เสี่ยวชิงคือผู้ใด?”
“นางเป็นหญิงรับใช้ของข้า ผู้หลับอย่างเป็นสุขอยู่ที่หอน้อยกลางน้ำแห่งนี้ ตั้งแต่ที่ข้าสูญเสียความทรงจำก็ตั้งใจไว้ว่าจะต้องมาเยี่ยมสุสานของนางสักครั้งหนึ่ง”
เสี่ยวชิงในความทรงจำของบุรุษหนุ่มเคยเป็นยอดหญิงยูกิมาแล้วครั้งหนึ่ง สตรีผู้ที่เขาเคยพบพานและเข้าใจผิดที่ทะเลสาบมรกต นางเป็นหญิงสาวชาวบ้านผู้น่ารักและมีอนาคตอีกยาวนาน แต่กลับต้องสังเวยชีวิตเป็นเหยื่อของสงครามรายแรกๆของเหตุการณ์ปฏิวัติที่นางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย
ยอดหญิงยูกิกล่าวด้วยความเศร้าสร้อยต่อไปว่า “แม้ว่าข้าจะจำไม่ได้ว่าที่แห่งนี้เกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าหากข้าจากไปก่อนที่เรื่องราวจะเกิดขึ้น เสี่ยวชิงคงจะไม่ต้องมาตายอย่างงมงาย”
ลูทส่ายศีรษะครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดรู้ล่วงหน้าว่าเหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้น อย่าได้โทษตัวเองเลย”
“ต่อให้ข้าโทษตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะโทษอย่างไรจริงหรือไม่?” ยูกิฝืนยิ้มตอบ ก้าวเข้ามาเคียงข้างบุรุษหนุ่มแล้วชี้นิ้วไปที่สิ่งก่อสร้างงามวิจิตรตรงหน้า กล่าวว่า “หอน้อยกลางน้ำตรงหน้านี้เสมือนเป็นสถานที่ใหม่ที่พึ่งจะเคยมาเยือนเป็นครั้งแรก ต่อให้ขบคิดอย่างไรก็ไม่มีแม้แต่ภาพที่คุ้นเคยสักเสี้ยวหนึ่งผ่านเข้ามาในห้วงสมอง … ไปกันเถิด ข้าอยากจะไปกล่าววาจากับเสี่ยวชิงสักครู่หนึ่ง”
บุรุษหนุ่มขบคิดตามคำพูด เดินเคียงข้างยูกิเข้าไปยังเกาะตรงกลางทะเลสาบอันเป็นสถานที่ตั้งของหอน้อยกลางน้ำ จนมาหยุดยืนอยู่หน้าบานประตูใหญ่ชั้นล่างที่ปิดสนิท “เห็นทีเราทั้งสองจะขึ้นไปข้างบนไม่ได้เสียแล้ว”
ยูกิใช้มือข้างหนึ่งบดบังแสงพระอาทิตย์ แหงนหน้ามองชั้นบนสุดของหอน้อยจากพื้นดิน “หอน้อยแห่งนี้จัดเอาไว้สำหรับรับรองอาคันตุกะของนอร์ หากไม่มีอาคันตุกะชั้นพิเศษมาเยือนหอน้อยจะถูกปิดมิให้ผู้ใดเข้าไปข้างใน หลังจากเหตุการณ์ที่มีการต่อสู้กันที่ชั้นบนสุด คิดว่าตัวห้องบางส่วนคงจะเสียหายไปพอสมควร หากยังมิได้ซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม คาดว่าทางนอร์คงจะไม่ใช้สถานที่แห่งนี้รองรับอาคันตุกะอีก”
“น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีโอกาสได้ขึ้นไป”
ยูกิส่ายศีรษะครั้งหนึ่ง ตอบว่า “พวกเราไม่จำเป็นต้องขึ้นไปมิใช่หรือ จะอย่างไรเสี่ยวชิงต้องถูกกลบฝังอยู่เบื้องล่าง เพียงแต่พวกเรามิอาจหาสถานที่ที่เป็นสุสานของนางได้ เพราะคงจะไม่มีใครอยากสร้างสุสานในบริเวณหอน้อยกลางน้ำ คงจะต้องถือว่าผืนแผ่นดินและทะเลสาบแห่งนี้เป็นสุสานของเสี่ยวชิงแล้วกระมัง”
ยูกิเดินไปที่ริมทะเลสาบ หันหลังให้กับหอน้อยกลางน้ำ ประสานมือทั้งสองไว้กลางทรวงอก กล่าวว่า “ขอพระแม่อลิซซ่าบนสรวงสวรรค์ถ่ายทอดวาจาเหล่านี้ไปให้เสี่ยวชิงด้วยเถิด ว่าทุกวินาทีที่พวกเราได้อยู่ร่วมกันข้ามีความสุขยิ่งนัก ตลอดเวลาข้าไม่เคยเห็นนางเป็นสาวใช้สักครั้งหนึ่งแต่เป็นสหายที่แสนวิเศษ ขอให้นางหลับอย่างเป็นสุขเถิด ท่ามกลางทะเลสาบที่งดงามแห่งนี้”
ลูทยืนอยู่ด้านหลังเห็นยูกิกล่าวจบจึงถามว่า “เจ้ายังคงเสียใจอยู่หรือไม่?”
ยูกิตอบว่าไม่คำหนึ่ง กล่าวว่า “วันนี้ข้าตั้งใจจะแต่งชุดสีขาว ที่เป็นสีของสวรรค์ชั้นฟ้า อันเป็นสถานที่ที่เสี่ยวชิงสิงสถิตย์ สาเหตุที่ข้ามิได้ใส่ชุดสีดำเป็นเพราะว่าข้ามิได้มาเพื่อแสดงความเศร้าโศกเสียใจของการตายจาก แต่ต้องการจะมาบอกกล่าวกับนางที่อยู่บนสวรรค์ ว่าข้าจะเป็นตัวแทนของนางว่าจะทำให้แผ่นดินผืนนี้มีความสุข เสี่ยวชิงคงไม่ต้องการให้ผู้ใดตกเป็นเหยื่อของสงครามเฉกเช่นนางอีก และข้าเองจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น”
ลูทยิ้มรับความตั้งใจของยูกิโดยที่มิได้กล่าวอันใด
ความคิดเห็น