คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : รังลับในโอดิน (4)
ลูทวิ่งตามทิศที่หินสีแดงในลูกแก้วชี้นำมาเรื่อยๆ ระหว่างทางที่วิ่งมาเขาเองยังคงงุนงงกับกระบี่เมื่อครู่ที่ใช้ออกอยางพิสดาร
เขาพยายามนึกความรู้สึกในตอนที่เขาใช้กระบี่ตัดคมกระบี่ฝั่งตรงข้าม เท่าที่เขาจำความรู้สึกได้ เขารู้สึกเหมือนว่าเอลกับกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แต่พยายามเท่าไรเขาก็ไม่สามารถใช้มันออกได้อีกครั้ง แสงของเอลบริสุทธิ์ในกายเขาแผ่ออกมาแค่ที่มือซ้าย มิได้แผ่รวมไปถึงกระบี่เหมือนครั้งก่อน มือของเขาเปล่งแสงก็จริง แต่ตัวกระบี่กลับเป็นกระบี่เหล็กธรรมดา มิได้แปรเปลี่ยนเป็นยอดศาสตราวุธ
ลูททดลองดูอีกสองสามคราก็ไม่สำเร็จ เขาจึงสลัดความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องนี้ทิ้งไปก่อน รีบมุ่งหน้าตามรอยโรสที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ
ตำแหน่งที่เขาอยู่ไม่ไกลจากโรสเท่าใดนักถ้าเทียบกับตำแหน่งของบลู ลูทจึงมาถึงที่ตึกที่ว่าการเมืองได้ก่อนบลูพักหนึ่ง
ตึกที่ว่าการเมืองโอดินมียามเพียงสองคนเฝ้าอยู่หน้าประตูเท่านั้น ความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยต่างกับหอประชุมที่เตรียมจัดงานแสดงของยอดหญิงยูกิอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าลูทจะไม่มีความสามารถในการเร้นกายอันสูงส่งดั่งเช่นโรส แต่ยามเพียงสองคนไม่อาจไม่ส่งผลคุกคามต่อลูทแต่อย่างใด เขาสามารถหลบเข้าไปในตัวตึกได้ภายในเวลาชั่วลัดนิ้วมือ
ลูทค่อยๆเดินไปตามทางในสวน อัญมณีสีแดงในลูกแก้วสามสหายชี้ไปทางสวนด้านหลังตึก ตรงจุดนั้นเป็นโกดังเก็บของขนาดใหญ่หลังอาคารหลักอีกทีหนึ่ง โกดังแห่งนี้น่าสงสัยยิ่งนัก
พอลูทเข้าใกล้โกดังเก็บของเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ด้านข้างและเกิดความรู้สึกจากสัญชาติญาณนายพรานขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ผู้คน! มือขวาของเขาเลื่อนไปแตะกระบี่เตรียมพร้อมที่จะชักออกทุกเมื่อหากมีสัญญาณอันตราย
เงาคนกระโดดวูบหนึ่งลงมาจากบนหลังคาโกดังให้เสียงเบาๆว่า “ลูท”
ท่าร่างของลูทต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ที่แท้คนที่กระโดดลงมากลับเป็นหญิงสาวผมทองโรซาไลน์ผู้สอดแนมมาได้ถึงจุดนี้
พอลูทจะถามอะไรโรสโบกมือทำเครื่องหมายว่าอย่าพึ่งกล่าว จากนั้นโรสก็โบกมือนำทางลูทไปยังมุมที่ปลอดภัย นี่เป็นข้อดีของโรส ไม่ว่ากระทำการอะไรก็ต้องรอบคอบอยู่เสมอ
เมื่อมาถึงจุดปลอดภัยโรสจึงกล่าวว่า “ตรงนี้ปลอดภัยแล้ว ... ในโกดังมีคนของพวกมันอยู่สองคน”
ลูทถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้ส่งสัญญาณมา”
โรสมองดูที่แขนขวาของลูทเห็นรอยโลหิตที่พึ่งจะแข็งตัว พอดูดีๆก็พบว่าเป็นแผลกระบี่ยาวเหยียดจึงกล่าวว่า “เจ้าบาดเจ็บหรือ มีคนลอบจู่โจมเจ้าใช่หรือไม่”
ลูทถามว่า “ใช่ เจ้ารู้ได้อย่างไร หรือว่ามีคนลอบจู่โจมเจ้าเช่นกัน”
โรสตอบว่า “ใช่ มีคนสะกดรอยตามข้าเหมือนกัน แต่พอข้าซ่อนตัวในเงามืดร่องรอยก็ไม่ปรากฏให้มันพบเห็น คนชุดดำนั่นคว้าน้ำเหลว ข้าเลยใช้แผนซ้อนแผนสะกดรอยตามมันมาถึงที่แห่งนี้”
ลูทถามอย่างสงสัยว่า “ถ้าอย่างนั้นแล้วเจ้าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือมาเพื่ออะไร หรือว่าที่นี่มีสิ่งใดน่าสนใจ”
โรสตอบว่า “พอข้าเดินทางมาถึงที่นี่ก็พบเห็นคนชุดดำนั่นเดินเข้าไปยังโกดัง ข้าเลยปีนขึ้นไปบนหลังคาเพื่อส่องดู ข้าเห็นคนอยู่ในนั้นสองคนจึงรั้งอยู่บนหลังคาพักหนึ่งเพื่อดักฟัง ได้ยินมันสองคนกล่าวถึงแผนการช่วงชิงเมืองโอดิน”
ลูทถามด้วยความสงสัยว่า “ในเมื่อพวกมันยึดเอาที่ว่าการเมืองเป็นสถานที่ของมันได้ ทำไมต้องวางแผนการด้วยเล่า เช่นนี้ก็เปรียบเสมือนว่าผู้ว่าการเมืองโอดินเข้าร่วมกับฝ่ายเวอร์น่อน เมืองโอดินก็เปรียบเสมือนส้มในลังของพวกมัน”
โรสส่ายหน้ากล่าวว่า “มันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เจ้าก็รู้อยู่ว่าเมืองโอดินเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเซนต์เอลลิส พวกครูบาอาจารย์ที่นั่นต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เอล จำนวนคนก็มีมิใช่น้อย อิทธิพลก็มีอยู่มากโข ถ้าหากบรรดาครูอาจารย์รวมกับนักเรียนที่สามารถต่อสู้ได้ และกองปราบท้องถิ่นเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ ต่อให้อัศวินดำนำทหารมาหนึ่งกองพันก็ยังยึดเมืองได้ลำบาก”
ลูทพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจจากนั้นถามว่า “แล้วพวกมันมีแผนการอย่างไร เจ้าพอจะได้ยินพวกมันกล่าวถึงรายละเอียดบ้างหรือไม่”
โรสกล่าวว่า “ก็ข้ากำลังจะเล่าให้เจ้าฟังเจ้ากลับขัดเสียก่อน”
ลูทได้ยินโรสต่อว่าจึงสงบปากสงบคำ ให้โรสเล่ารายละเอียดต่อไป
โรสหันหน้าไปพลางชี้มือไปยังด้านหลังกล่าวว่า “เจ้าเห็นโกดังนั่นใช่ไหม ด้านหลังของโกดังมีอุโมงค์ใต้ดินทอดลงไป คนชุดดำที่รับหน้าที่ลอบทำร้ายข้านั้นทำหน้าที่ควบคุมปากทางเข้าอยู่ ข้าได้ยินมันบอกกับเจ้านายของมันว่าข้าสามารถหลบการติดตามได้ ... ถ้าให้ข้าเดาเจ้านายของมันก็ต้องเป็นหนึ่งในอัศวินดำ จากที่กุนซือราเมสบรรยายเอาไว้ ข้าคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นอัศวินดำหมายเลขหก ฉายากระบี่ดำทานากะเพราะข้าเห็นกระบี่สีดำคาดอยู่กลางหลังของมัน”
ลูทขมวดคิ้วกล่าวว่า “อัศวินดำอีกแล้วหรือ”
โรสตอบว่า “ใช่ หลังจากนั้นอัศวินดำคนนั้นก็ทำท่าไม่พอใจที่คนชุดดำลงมือประสบกับความล้มเหลว จึงสั่งการให้ชายชุดดำคนนั้นเฝ้าปากทางลงอุโมงค์นี้เอาไว้ อย่าให้มีคนเข้าไปทำลายอาวุธจู่โจมเมืองโอดินเด็ดขาด พอข้าฟังถึงตรงนี้ก็ไม่กล้าดักฟังอีกต่อไป เกรงว่าจะเปิดเผยร่องรอยเลยซ่อนตัวไว้ที่มุมมืดบนหลังคาแล้วก็เปิดสัญญาณติดต่อเรียกพวกเจ้ามา”
ลูทกล่าวว่า “ทำลายอาวุธพวกนั้นสินะ”
โรสพยักหน้าคราหนึ่งตอบว่า “ถูกต้อง อุโมงค์นั่นจะต้องซ่อนอาวุธร้ายแรงเอาไว้อย่างแน่นอน มันอาจจะเป็นอาวุธอัคคีหรือวัตถุระเบิดที่ใช้คร่าชีวิตผู้คนก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพวกเราต้องชิงทำลายอาวุธเหล่านั้นทิ้งไปเสียก่อน ข้าเองจึงเรียกพวกเจ้ามาช่วยกันคิดอ่าน...”
ขณะที่โรสยังกล่าวไม่จบ ลูทพลันยกมือเป็นเครื่องหมายเชิงว่าอย่าได้กล่าวต่อ เขากระซิบเบาๆตัดบทขึ้นว่า “ระวัง มีคนมา”
สัญชาติญาณของลูทเชื่อถือได้เสมอ ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ไม่ผิดพลาด
อีกครู่หนึ่งผ่านไปร่างของผู้ชายสองคนเดินมาถึงตำแหน่งใกล้เคียงที่ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ มือของลูทเลื่อนไปแตะด้ามกระบี่อีกคราจากนั้นก็ปล่อยออกเมื่อเงาทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ขึ้น
ลูทส่งเสียงเรียกออกไปเบาๆว่า “บลู”
ผู้มามิใช่ใครอื่นแต่เป็นบลูและมือปราบไกอันเลื่องชื่อ เมื่อบลูพบเห็นลูทและโรสล้วนปลอดภัยจึงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
บลูเป็นคนกลางแนะนำโรส ลูทและมือปราบไกให้รู้จักกัน เขายังบอกต่อมือปราบไกว่าคนทั้งสองนี้ล้วนเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ดาธ พอบลูถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ โรสกับลูทจึงผลัดกันเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้กับบลูและไกได้รับฟัง
มือปราบไกได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวว่า “พวกเราต้องทำลายอาวุธพวกนี้โดยด่วน แต่ถ้าหากมันไม่ใช่อาวุธอัคคีหรือวัตถุระเบิดแต่กลับเป็นพิษที่แพร่ไปได้ในอากาศ หรือยาสลบที่แพร่กระจายออกเป็นวงกว้างพวกเราจะจบสิ้นในทันที”
ทั้งลูทและโรสสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำวินิจฉัยของไก ถ้าหากเป็นพิษจริงผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะทำความเสียหายร้ายแรงมากกว่าอาวุธอัคคีที่พวกเขาทั้งสองประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้
ลูทกล่าวว่า “บลู เจ้าโดนลอบทำร้ายหรือไม่”
บลูพยักหน้ากล่าวตอบลูทว่า “ใช่ข้าก็ถูกลอบทำร้าย เช่นเดียวกับเจ้าและโรส”
เขาเล่าเรื่องที่ตนเองต่อสู้กับคนชุดดำและโดมจนมือปราบไกมาช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันท่วงทีให้ทั้งลูทและโรสฟังจนหมดสิ้น
โรสกล่าวขอบคุณไกครั้งหนึ่งที่ช่วยเหลือบลูไว้จากนั้นจึงกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้การาดอสอาจจะตกอยู่ในอันตรายจากแม่ทัพมอริแกน”
บลูที่ผ่านการขบคิดถึงเรื่องนี้มาหลายรอบกลับส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “แต่เดิมนั้นข้างก็คิดว่าแม่ทัพมอริแกนอาจเป็นไส้ศึกได้ แต่พอมาคิดดูอีกทีแล้วแม่ทัพมอริแกนคงไม่มีปัญหา แผนที่ที่แม่ทัพมอริแกนส่งมาเป็นแผนที่ของบ้านพักไกไม่แปลกปลอม ถ้าแม่ทัพมอริแกนมีปัญหาจริงเธอคงส่งพวกเราเข้าปากเสือไปเสียแล้ว ข้าไม่สามารถยืนยันได้ว่าไม่มีไส้ศึกคนอื่นอีกนอกจากโดมเพียงแต่การสนทนาในครั้งนั้นมีแค่พวกเรา การาดอส แม่ทัพมอริแกนแล้วก็กุนซือราเมส”
ไกกล่าวว่า “ราเมสย่อมไม่มีปัญหา เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งก่อนที่เกิดสงครามเจนีสคนในครอบครัวของราเมสต่างล้มตายไปจนเกือบหมดสิ้น”
ลูทถามว่า “แล้วพี่ไกรู้ได้อย่างไรกัน”
ไกตอบว่า “เกือบสิบปีก่อนเขาเป็นมือปราบรุ่นพี่ข้าอีกทีหนึ่งเป็นมือปราบชั้นหนึ่งมาก่อนข้าอีก ก่อนที่จะแยกตัวออกไปตามทางเดินชีวิตของเขา ข้าคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเป็นกุนซือให้กับหน่วยงานใต้ดินอย่างกองกำลังปลดปล่อยเจนีส แต่นั่นก็เหมาะสมอยู่ ทั้งบิดาและมารดาของเขาต่างสังเวยชีวิตในศึกครั้งนั้น”
ทั้งสามคนประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่รู้ว่ากุนซือราเมสเคยเป็นมือปราบชั้นหนึ่งมาก่อน เช่นนี้ฝีมือของเขาสมควรจะอยู่ในระดับเดียวกับไก ไม่มากน้อยกว่ากันเท่าใด
บลูกล่าวสรุปว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น โดมคงจะคำนวณเหตุการณ์ล่วงหน้า จากนั้นติดต่อกับอัศวินดำให้ส่งนักฆ่ามากำจัดพวกเราเป็นรายคน ส่วนตัวมันเองมาดักรอที่เมืองโอดิน อาศัยจังหวะที่พี่ไกยังไม่กลับถึงบ้าน เข้าไปทำทีเป็นมือปราบไก วางแผนทำร้ายข้าอีกต่อหนึ่ง”
ลูทกล่าวว่า “จะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม ถ้าพวกเราจับตัวคนชุดดำที่เหลืออีกคนมาถามก็มิใช่หมดปัญหาหรอกหรือ”
ไกกล่าวว่า “เป็นความคิดที่ดี ถ้าหากจะบุกเขาไปยังโกดังเพื่อกระทำเช่นนั้น ต้องกระทำด้วยความรอบคอบและกำหนดแผนเป็นมั่นเหมาะ”
บลูถามว่า “พี่ไกมีแผนอันใดในจิตใจหรือไม่”
ไกพยักหน้าด้วยความมั่นใจครั้งหนึ่ง กล่าวบอกแผนการกับรุ่นน้องทั้งสามเตรียมพร้อมที่จะบุกเข้าไปในโกดัง กวาดล้างไม่ให้มันรู้ตัว
ความคิดเห็น