ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #56 : เล่ม 2 - ตอนที่ 18 - ศาสตราไร้สภาพ (4)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 910
      1
      30 ต.ค. 50

    ลูท บลูและพริมเดินออกมาถึงหน้าโรงเรียนเซนต์เอลลิส ปล่อยให้โรสอยู่เรียนวิชากับชานอนตามลำพัง
    อยู่ดีๆลูทพลันกล่าวขึ้นว่า ข้าอยากจะออกไปเดินสูดอากาศอยู่เงียบๆสักพัก
    เขาอยากจะออกไปเดินเล่นเพื่อทำจิตใจให้สบาย ความฝันของเขาที่อยากจะใช้เอลให้ได้ก็ต้องมาพังทลายลง ความรู้สึกการเป็นตัวถ่วงในกลุ่มของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเมื่อเห็นโรสกำลังจะพัฒนาตัวไปอีกขั้น ความรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์นั้นยากที่จะรับได้สำหรับผู้ชายทุกคนโดยเฉพาะเมื่ออยู่ร่วมกับเพื่อนฝูงหรือบุคคลที่ตนเองรัก ลูทเองก็มีความรู้สึกเช่นนี้ไม่แตกต่างไปจากชายคนอื่นทั่วไป
    พริมกำลังจะเอ่ยปากกล่าวอะไรเป็นเชิงให้กำลังใจแต่ก็ถูกบลูห้ามเอาไว้ ปล่อยให้ลูทมีเวลาว่างสำหรับคิดหาวิธีแก้ปัญหาของเขาเพียงลำพัง บลูเชื่อว่าลูทเพียงต้องการเวลาที่อยู่เงียบๆสักขณะหนึ่ง เมื่อเขาหาวิธีแก้ปัญหาได้เขาก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
    พอลูทเดินจากไปอีกคน ในกลุ่มพวกเขาที่มีห้าคนก็เหลือเพียงสองคนที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ พริมจึงกล่าวขึ้นว่า พี่บลูเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน ส่วนข้ามาที่เมืองนี้เป็นครั้งแรก ถ้าอย่างนั้นพี่บลูช่วยพาข้าเที่ยวรอบเมืองสักรอบหนึ่งดีไหม พอกล่าวจบก็ลากบลูออกไป บลูยังไม่ทันกล่าวอะไรก็ถูกลากออกไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
     
    บรรยากาศในย่านการค้าของเมืองโอดินยังพลุกพล่านเหมือนเคยถึงแม้ว่าจะมีข่าวเรื่องอุกกาบาตตกลงมาแถบชานเมืองก็ตาม
    ในหมู่ผู้คนที่กำลังเดินจับจ่ายใช้สอยบนถนนสายหลักก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นว่า โอ๊ย ... ปล่อยนะ จะลากพริมไปไหน
    ผู้ชายผมสีน้ำเงินจับแขนผู้หญิงคนนั้นพาเดินไปเบื้องหน้า เขาหันมาตอบว่า ตามมาเถอะน่า
    พริมตอบอย่างขุ่นเคืองที่บลูจับแขนตนเองแรงเกินไปว่า ไปก็ได้ ทำไมต้องลากกันด้วย
    ในขณะที่ออกมาจากโรงเรียนเซนต์เอลลิสเห็นได้ชัดว่าพริมเป็นคนลากบลูออกมาเพื่อให้เขานำทางท่องเที่ยว แต่ภาพเหตุการณ์เบื้องหน้านี้กลับตาลปัตรเมื่อบลูเปลี่ยนเป็นผู้ลากพริมแทน ไม่นานทั้งสองก็ถูลู่ถูกังมาถึงร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ภายในร้านมีลูกค้าจับจองดื่มกินเพียงสองโต๊ะ บลูมองดูลาดเลาโดยรอบเดินเข้าไปเลือกโต๊ะที่อยู่ห่างไกลจากผู้คนมากที่สุด
    บลูทำเสียงเข้มสั่งว่า นั่งลง
    พริมไม่กล่าววาจาเชิดปากน้อยๆของตนขึ้นแต่ก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี
    บลูจ้องมองพริมจากนั้นจึงกล่าวว่า ทีนี้บอกมาได้หรือยังว่าเจ้าตามพวกเรามาได้อย่างไร
    พริมกล่าวว่า ก็ข้าบอกพวกพี่ไปเมื่อคืนแล้วยังไงว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่ข้าเห็นอัญมณีสีแดงส่องแสง ข้าถึงได้ตามหาพวกพี่พบ
    บลูยังคงจ้องมองตาไม่กระพริบจากนั้นกล่าวว่า เหลวไหล เจ้าเป็นชาวเอนเซล ชาวเมืองเอนเซลไม่สมควรที่จะเดินทางคนเดียวถึงขนาดข้ามแผ่นดินมาเป็นแรมเดือนจนถึงเมืองโอดินแห่งนี้ แม้ข้าเชื่อว่าเจ้าบังเอิญติดตามพวกเราพบเพราะอัญมณีสีแดงส่องสว่างเป็นเรื่องจริง ข้าก็ยังสงสัยเรื่องที่เจ้ามาเดินเพ่นพ่านอยู่ในเมืองนี้ได้อย่างไร ตัวเจ้าเองก็ยังไม่ถึงวัยที่จะออกผจญภัย ทีนี้เจ้าบอกข้าได้หรือยังว่าเดินทางมาแถบนี้เพื่ออะไร
    พริมถึงกลับอับจนถ้อยคำเมื่อถูกบลูถามเช่นนั้น นั่งนิ่งไม่กล่าวอะไร
    บลูถามต่อว่า ข้ารู้ว่าบางครั้งการสืบสาวเรื่องส่วนตัวของเจ้าอาจจะเป็นการเสียมารยาทหรือเป็นการคุกคามสิทธิส่วนบุคคลของเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าตั้งใจจะเดินทางร่วมกับกลุ่มของพวกเรา ข้าก็เห็นความปลอดภัยของพวกพ้องมาก่อนสิ่งอื่นใด ถ้าเจ้ายังไม่กล่าวอะไรอีกล่ะก็ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นผู้ต้องสงสัยข้อหาสมคบคิดพวกอัศวินดำทำหน้าที่เป็นไส้ศึก จากนั้นจะส่งตัวเจ้าให้กับมือปราบไกนำไปขังไว้ในตารางจนกว่าเรื่องทั้งหมดจะเรียบร้อยแล้วค่อยสืบสวนกันอีกที
    ซึ่งความจริงแล้วบลูเองก็ไม่คิดว่าพริมเป็นไส้ศึกอะไรหรอก เพียงแต่เขาสงสัยและจำเป็นที่จะต้องสืบค้นเป้าหมายที่แท้จริงของพริมให้ได้เสียก่อน การเดินทางของเขาในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อคนหมู่มาก ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวใดๆอาจจะต้องมาล้มตายหากเขาทำงานผิดพลาด เมื่อบลูคิดได้เช่นนี้จึงต้องจับเอาพริมมาเค้นถามถึงจุดประสงค์ของนางให้แจ่มแจ้งเสียก่อน มิฉะนั้นถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดใดๆขึ้นตัวเขาเองก็ไม่สามารถรับผิดชอบต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวนมากได้
    พริมร้องขึ้นมาว่า อย่านะ ข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์จริงๆ
    บลูเห็นว่าไม้แข็งที่เขาใช้เริ่มได้ผลแล้วจึงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อน เขากล่าวว่า จากตราสัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์ที่เจ้าครอบครองข้าก็เชื่อว่าเจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ดาธโดยแท้ หากเจ้าเปลี่ยนใจบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าให้ข้าฟังและข้าเห็นว่ามีเหตุผลที่ดีพอ ข้าอาจจะช่วยเจ้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องการก็ได้
    พริมนั่งนิ่งไปสักพักจากนั้นจึงกล่าวว่า ข้าบอกก็ได้แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับอาจารย์เด็ดขาด
    บลูกล่าวว่า ถ้าเรื่องที่เจ้าสารภาพออกมาไม่ผิดต่ออาจารย์ข้าก็รับปาก แต่ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตามข้าจำเป็นที่จะต้องเล่าเรื่องนี้ให้กับเพื่อนที่เหลือในกลุ่มอีกสามคนได้รับรู้
    พริมกล่าวว่า ข้าจะเล่าให้ฟังก็ได้แต่จำกัดผู้ฟังเอาไว้แค่สี่คนเท่านั้น ที่ข้าเดินทางมายังเมืองโอดินแห่งนี้จุดประสงค์หลังของข้าคือตามหาพี่ชายที่สาบสูญไป
    บลูส่ายศีรษะกล่าวว่า ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเพราะเหตุใดเจ้าถึงต้องเสี่ยงอันตรายกับกองกำลังอัศวินดำทั้งกอง ถ้าหากเจ้าถูกจับได้ขึ้นมาก็คงจะเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โต อย่าว่าแต่ตามหาพี่ชายของเจ้าเลย ชีวิตของเจ้าก็แทบจะเอาตัวไม่รอด เจ้าพอที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังตั้งแต่ต้นได้ไหม
    พริมพยักหน้าครั้งหนึ่ง นางนั่งเรียบเรียงเหตุการณ์อยู่สักพักแล้วจึงเริ่มเล่าว่า ข้าเป็นชาวเอนเซลอาศัยอยู่กับพ่อแม่และพี่ชายที่แก่กว่าข้าสิบปีที่เมืองอิซซ์ทางใต้ อยู่มาวันหนึ่งราวปีก่อนพี่ชายของข้าพลันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พ่อแม่ของข้าส่งคนออกตามหาเป็นเวลาสิบกว่าวันก็ไม่พบข่าวสารอันใด ข้าและพวกเขาต่างก็เสียใจมากที่อยู่ดีๆต้องมาสูญเสียลูกชายไป
    พอดีพ่อแม่ข้ารู้จักกับท่านอาจารย์จึงเห็นว่าอาจารย์ดาธเป็นความหวังสุดท้าย พ่อข้าขอร้องให้ท่านอาจารย์ช่วยตามหาตัวพี่ชายซึ่งในที่สุดแล้วท่านอาจารย์ก็รับปากตกลง แม่ข้าจึงขอร้องอาจารย์อีกเรื่องหนึ่งฝากข้าให้เป็นศิษย์ของอาจารย์ เพื่อจะได้รู้จักวิชาป้องกันตัวไม่ให้เกิดเรื่องเหมือนพี่ชายอีก อาจารย์กล่าวว่าที่เขาเดินทางมาหาบิดามารดาข้าก็เพราะมีจุดประสงค์จะรับข้าเป็นศิษย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ข้าจึงเป็นศิษย์ของอาจารย์นับตั้งแต่นั้นมา ออกเดินทางตระเวนไปทั่วเพื่อตามหาพี่ชายของข้า
    จนอยู่มาวันหนึ่งประมาณอาทิตย์ก่อน ข้ากับท่านอาจารย์เดินทางมาถึงแถบนครมิสต์ ท่านอาจารย์บอกข้าว่าท่านจะไปทำธุระส่วนตัวเรื่องหนึ่ง ข้าจึงขอแยกตัวกับท่านอาจารย์เพื่อตามหาพี่ชายระหว่างช่วงสองสามวันที่ท่านเดินทางไปทำธุระ
    เช้าวันต่อมาข้าก็ออกเดินสำรวจรอบๆนครมิสต์กลับได้ยินผู้คนสองคนคุยกันเรื่องห้องทดลองเอลเทคลึกลับแห่งหนึ่ง ข้าแอบฟังอยู่ห่างไกลจึงจับใจความได้คร่าวๆว่าอยู่แถบทางเหนือของนครมิสต์เข้าไปในพื้นที่ของอาณาจักรนอร์
    บลูถามแทรกขึ้นว่า แล้วเจ้าแยกกับอาจารย์ในตอนนั้นหรือ
    พริมพยักหน้าตอบว่าใช่คราหนึ่งแล้วกล่าวว่า สองสามวันต่อมาข้าเดินทางล้ำเข้าไปในเขตอาณาจักรนอร์ค้นหาเป็นการใหญ่จนสืบเสาะพบห้องวิจัยลับแห่งหนึ่ง ข้าใช้เอลแห่งความมืดกล่อมให้พวกยามที่เฝ้าปากทางเข้าหลับไปชั่วขณะจากนั้นจึงเข้าไปค้นเอกสารกับร่องรอยต่างๆ ข้าเห็นสัตว์จำนวนหนึ่งถูกนำมาทดลอง มีทั้งพวกที่ทดลองผิดพลาดรูปร่างอัปลักษณ์ดุร้ายและพวกที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลองอีกหลายตัว
    บลูกล่าวถามต่อไปอีกว่า แล้วเจ้าทำไมไม่กลับไปบอกอาจารย์เรื่องนี้แต่กลับมาที่นี่แทน
    พริมยังไม่ทันได้ตอบอะไรน้ำตาของนางกลับไหลลงมาหยดหนึ่ง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×