ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #83 : เล่ม 3 - ตอนที่ 35 - หมู่บ้านพนาสุข ครึ่งหลัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 802
      0
      15 ธ.ค. 50

    พวกบลูทั้งสามอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อนกันเต็มที่ ใช้เวลาที่มีค่าอันน้อยนิดอยู่ในบ้านที่อบอุ่นอย่างมีความสุข หากจะเปรียบเทียบกับช่วงเวลาสามวันที่ตรากตรำอยู่กลางป่านับเป็นหน้ามือกับหลังมือ
                    ไกผลัดเปลี่ยนชุดมือปราบที่ขาดวิ่นเป็นชุดเสื้อผ้าชาวบ้านธรรมดา แต่ไม่ว่าทวงท่าการเดินหรือการยกมือวางเท้าของเขายังคงความเป็นมือปราบชั้นหนึ่งอยู่ไม่เสื่อมคลาย ไกเดินไปที่ประตูหันมากล่าวกับน้องทั้งสองว่า “ข้าจะออกไปหาหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย พวกเจ้าจะไปกับข้าไหม?
                    โรซาไลน์อยู่ในชุดเสื้อผ้าสตรีธรรมดาซึ่งดูสวยงามจับตาไม่แพ้ตอนที่อยู่ในชุดเดินทางชุดก่อน รีบตอบกลับว่า “ไปสิรอข้ากับบลูด้วย”
                    ครั้นแล้วเมื่อบลูมาสมทบทั้งสามก็เดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้านด้วยกัน บรรยากาศในหมู่บ้านพนาสุขเต็มไปด้วยพืชพรรณหลากหลายชนิด โรสนึกในใจว่าหากนักพฤกษศาสตร์เซลที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเงาจันทร์ได้มีโอกาสมาเหยียบที่นี่สักครั้งคงจะมีความสุข บ้านทุกหลังสร้างจากไม้และมีต้นไม้ประจำบ้าน แสงอาทิตย์แทบจะสาดส่องลงมาไม่ได้เนื่องจากถูกเงาไม้บดบังไปเกินครึ่ง กลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดต่างๆโชยมาจางๆเมื่อพวกเขาเดินผ่าน
                    ไกหยุดลงเมื่อเห็นเมลกำลังเดินมาหา จึงกล่าวกับนางว่า “ข้ากำลังเดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้านอยู่พอดี พี่สาวมีธุระอันใดให้พวกข้ารับใช้หรือไม่”
                    เมลลานีส่ายศีรษะกล่าวว่า “ไม่หรอก หัวหน้าหมู่บ้านให้ข้ามาเชิญพวกเจ้าไปหาอยู่พอดี”
                    โรสยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ด้วยความยินดี”
                    ที่อยู่อาศัยของหัวหน้าหมู่บ้านเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นสร้างจากไม้เนื้อแข็งล้วนๆ รอบบ้านมีต้นไม้ใหญ่อยู่แปดต้นล้วนเป็นต้นแอปเปิลเก่าแก่ทั้งหมด แต่ด้วยความที่เป็นปลายฤดูหนาวจึงไม่มีผลติดอยู่บนต้นสักลูกเดียว ที่โล่งบริเวณรอบนอกใหญ่กว่าบ้านเรือนหลังอื่นราวสองเท่า บ่งบอกถึงความโอ่โถงโอฬารของหัวหน้าหมู่บ้านพนาสุข
                    ชายชราเชิญพวกไกเข้าไปข้างใน นั่งลงที่โต๊ะตัวใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งจัดเอาไว้รองรับการประชุมหมู่บ้าน เมื่อทุกคนนั่งลงกันครบเรียบร้อย หัวหน้าหมู่บ้านจึงกล่าวว่า “ข้าทราบดีว่าพวกเจ้ามีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง มิฉะนั้นคงไม่ดั้นด้นมาถึงหมู่บ้านอันห่างไกลความเจริญกลางป่ากลางเขา เป็นเวลาประจวบเหมาะกับการที่พวกโจรทั้งสองเข้ามาข่มขู่ชาวบ้าน จึงเห็นว่ามีอะไรบางอย่างผิดสังเกต ขอให้พวกเจ้าบอกออกมาเถิดหากพวกเราช่วยได้ก็จะช่วยอย่างสุดความสามารถ”
                    ไกนั่งอยู่ตรงกลางมีบลูกับโรสขนาบข้าง ถือเป็นตัวแทนในการเจรจาครั้งนี้ กล่าวว่า “บังเอิญพวกข้าผ่านการตามล่าจากคนบางกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดีต่ออาณาจักรนอร์ของเรา จึงต้องเดินทางไปยังนครหลวงนอร์โปลิสให้ทันภายในระยะเวลาอันสั้น เพื่อแจ้งข่าวพวกนี้ให้กับผู้ปกครองอาณาจักรได้ทราบ”
                    ชายชราระบายลมหายใจออกโดยแรง กล่าวว่า “เมื่อตอนกลางวันข้าได้ยินโจรร้ายคนหนึ่งเอ่ยนามถึงท่านผู้ตรวจการมิดาส เรื่องนี้คงมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างใช่หรือไม่?
                    เมลที่นั่งอยู่ด้านข้างชายชรากล่าวว่า “ข้าเองก็ได้ยินเช่นกัน เป็นผู้ที่บาดเจ็บหนีรอดไปได้คนนั้นเอ่ยปาก”
                    มือปราบชั้นหนึ่งกล่าวต่อไปว่า “เรื่องนี้มีผลร้ายแรงต่อหมู่บ้านของพวกท่าน อย่าได้ให้ข้ากล่าวอะไรออกไปเลย เพราะอาจจะชักนำความเดือดร้อนมาให้พวกท่านอย่างไม่จำเป็น ดั่งเช่นเรื่องในวันนี้ หากพวกข้ามิได้เดินทางผ่านมาพวกท่านคงมิต้องประสบกับการข่มขู่ของโจรร้ายทั้งสอง โชคดีที่พวกมันไม่ทำอันตรายชาวบ้านผู้บริสุทธ์ มิฉะนั้นพวกข้าคงมิอาจแบกหน้าอยู่ต่อไปได้อีก และจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต”
                    ชายชรามองเข้าไปในดวงตาอันเที่ยงธรรมของมือปราบไก กล่าวว่า “พ่อหนุ่ม ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูด แต่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นพื้นที่ของภาคกลางที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้ปกครองจอห์นและผู้ตรวจการพาโบล ดังนั้นผู้ตรวจการมิดาสไม่สามารถกระทำอะไรได้ตามใจชอบ ข้าเองมีการคบหากับผู้ตรวจการภาคกลางอยู่บ้าง อย่างเช่นเรื่องในวันนี้ถ้าพวกเจ้ามาช่วยไม่ทัน ผู้ตรวจการพาโบลคงจะนำกำลังเข้ามาช่วยเหลือภายในเร็ววัน จะอย่างไรก็ตามพวกเราถือว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าพ่อหนุ่มไว้วางใจหัวหน้าหมู่บ้านคนนี้ โปรดจงยึดถือชายชราเป็นพวกเดียวกันเสียเถิด”
                    ไกระบายลมหายใจออกจากอก กล่าวว่า “ข้าเข้าใจและขอขอบคุณความหวังดีของท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เอาเป็นว่าข้าจะบอกรายละเอียดเล็กน้อยต่อพวกท่าน ถือเป็นการระวังภัยล่วงหน้าแล้วกัน แต่รายละเอียดโดยรวมข้ามิอาจจะเปิดเผยออกไปได้ ด้วยหตุผลเมื่อครู่ที่ข้าได้กล่าวออกไปแล้ว ในระยะเวลาอันใกล้ผู้ตรวจการมิดาสและผู้ปกครองเวอร์น่อนจะก่อการรัฐประหาร ข้าจำเป็นต้องเข้าไปที่นครหลวงแจ้งข่าวต่อผู้ปกครองจอห์นให้เร็วที่สุด
                    ห้องโถงใหญ่เปลี่ยนเป็นเงียบกริบ ไม่มีคำพูดใดๆปริออกมาจากปากของบุคคลทั้งห้า
    ชายชราพยักหน้าอย่างช้าๆโดยไม่มีท่าทีตกใจอันใด กล่าวต่อไปว่า “สุดท้ายลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น” ที่เขากล่าวอย่างนี้เป็นเพราะชายชราอยู่มาตั้งแต่สมัยเวนผู้เป็นบิดาของเวอร์น่อน การสงครามเจนีสเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนก็กำเนิดจากมัน เขาจึงรู้จักธาตุแท้ของพวกมันเป็นอย่างดี
                    “เช่นนั้นพวกข้าจึงอยากจะขอยืมเรือสักลำหนึ่ง เดินทางไปถึงนครหลวงเร็วได้เท่าไรก็ยิ่งดี”
                    “พ่อหนุ่มอย่าถือสาว่าข้าปฏิเสธเลย หมู่บ้านของเราตั้งอาศัยอยู่ในป่าไม่จำเป็นต้องใช้เรือโดยสารขนาดใหญ่อันใด อีกทั้งในช่วงนี้เป็นฤดูน้ำหลาก เรือในหมู่บ้านที่มีอยู่ล้วนเป็นเรือหาปลาเรียบง่ายมิอาจทานกระแสน้ำเชี่ยวกราก เรื่องให้พวกเจ้ายืมเรือคงจะไม่มีปัญหา แต่ข้าเกรงว่าหากพวกเจ้าฝืนออกเรือคงจะไม่ถึงนครหลวงเป็นแน่”
                    โรสได้ยินเช่นนั้นพลันมีสีหน้าหดหู่ขึ้นมา กล่าวอย่างสิ้นหวังว่า “อย่างนี้พวกเราจะไปถึงนครหลวงให้ทันได้อย่างไร?
                    ไกพลันกล่าวปลุกขวัญและกำลังใจว่า “แม้จะมีโอกาสหลงเหลืออยู่น้อยนิดพวกเราก็ต้องไขว่คว้ามัน อย่าพึ่งหมดกำลังใจไป”
                    บลูคิดในแง่มุมที่แตกต่าง กล่าวว่า “เรื่องกระแสน้ำเป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องการล้อมแม่น้ำเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากมีเพียงอุปสรรคเดียวพวกเราอาจจะโชคดีฟันฝ่าไปได้ แต่ถ้าพบสองอุปสรรครุมเร้าพวกเราคงมีโอกาสรอดไม่ถึงหนึ่งส่วน ไม่ว่าอะไรหนทางนี้จะต้องเป็นหนทางสุดท้ายที่พวกเราสมควรกระทำ ท่านผู้ใหญ่บ้านมีหนทางอื่นจะชี้แนะต่อพวกเราหรือไม่?
                    เมลลานีที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวว่า “ความจริงแล้วด้านหลังของหมู่บ้านเรามีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่ง เคยมีผู้คนกล่าวขานกันว่าสามารถทะลุไปยังเทือกเขาฝั่งตะวันออกได้ แต่ทว่า ...”
                    หัวหน้าหมู่บ้านชรากล่าวว่า “แต่ทว่ายี่สิบปีมานี้ข้ายังไม่เคยเห็นผู้คนรอดออกไปได้สักครั้ง”
                    บลูถามว่า “นั่นเป็นเพราะอะไร?
                    ดวงตาของหัวหน้าหมู่บ้านบ่งบอกถึงความเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด กล่าวว่า “ในถ้ำนั้นมีอันตรายใหญ่หลวง เป็นสัตว์มายาตนหนึ่งที่เกิดจากน้ำแข็งใต้ภูผา อีกทั้งกับดักมากมายตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ แม้แต่ลูกชายของข้าเองยังต้องฝังร่างอยู่ในนั้นตลอดกาล”
                    เมลกล่าวเสริมว่า “ช่วงสิบยี่สิบปีมานี้มีคนจำนวนมากหวังจะสร้างชื่อเสียงเกียรติยศจากการสังหารสัตว์มายาตัวนี้จนต้องทิ้งชีวิตไว้ใต้ถ้ำมากมาย”
                    ไกกล่าวว่า “หรือว่ามันจะเป็นโกเลม? ข้าเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาจากมือปราบรุ่นพี่หลายคน ผลสุดท้ายเรื่องราวนี้ก็เงียบหายไปเองไม่มีคนรายงานเหตุร้ายอีกไม่ใช่หรือ?
                    ชายชราพยักหน้ากล่าวว่า “ไม่ผิดหรอกพ่อหนุ่ม เหตุผลที่เรื่องราวนี้เงียบหายไปเองไม่ใช่เหตุผลอื่นใด นอกเสียจากโกเลมตัวนี้ไม่รุกรานชาวบ้านในหมู่บ้านพนาสุข มันอยู่ส่วนของมันพวกเราอยู่ส่วนของพวกเรา ข้าเคยเห็นคนหลายคนลงไปในถ้ำมานักต่อนักแต่ก็ไม่มีข่าวดีกลับมาแม้สักรายเดียว จึงแก้ปัญหาโดยใช้วิธีปิดปากถ้ำไว้มิให้ผู้ใดย่างกรายเข้าไป เนื่องจากพวกเราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายขนาดนั้น การเดินทางไปนครหลวงจึงใช้เส้นทางน้ำในฤดูน้ำนิ่งก็มิได้ลำบากอันใด”
                    โรสไม่เคยได้ยินคำว่าโกเลมมาก่อนจึงถามว่า “โกเลมคืออะไรกันแน่ ช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่?"
                    ไกกล่าวว่า “โกเลมเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาด จะเรียกว่าสิ่งมีชีวิตหรือว่าสิ่งก่อสร้างก็มิอาจตัดสินได้อย่างแน่นอน เรียกว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของชีวิตและวัตถุ ร่างกายของมันมิได้ประกอบจากเลือดเนื้อเหมือนสัตว์ทั่วไป แต่ทว่าเป็นการรวมกันของวัตถุตามธรรมชาติ ซึ่งอาจจะเป็นหิน ผลึก หรือไม้ก็ได้แล้วแต่ชนิดของโกเลม ส่วนใหญ่แล้วมีร่างกายใหญ่โตสูงกว่าคนปกติทั่วไปเท่าครึ่งถึงสองเท่า หากจะเปรียบโกเลมกับคิเมร่าที่พวกเราสู้ครั้งก่อน ก็คงจะมีอิทธิฤทธิ์ไม่เป็นรองมากนัก ถ้าหลีกเลี่ยงได้พวกเราควรหลีกเลี่ยงให้ถึงที่สุด”
                    โรสนึกถึงคิเมร่าในคุกใต้ดินแล้วยังประหวั่นไม่หาย สัตว์ร้ายสามเศียรนั่นนับเป็นฝันร้ายตื่นหนึ่งจริงๆ หากนางเลือกได้ก็คงจะไม่เลือกเผชิญหน้ากับสัตว์มายาพวกนี้อีก
                    บลูถามถึงโอกาสเพื่อที่จะใช้วิเคราะห์สถานการณ์ว่า “หากเทียบกันระหว่างสองทาง หนึ่งคือนั่งเรือฝ่าแม่น้ำออกไป สองคือกำราบโกเลมตัวนี้ ทางใดสมควรมีความสำเร็จมากกว่ากัน”
                    ไกฝืนยิ้มกล่าวว่า “ถ้าจะให้พูดตามตรง ข้าเองคิดว่าทั้งสองทางมีความสำเร็จประมาณเดียวกัน แต่ถ้าพวกเราลอดถ้ำไปจะมีข้อดีที่ว่าสามารถหลบเลี่ยงหูตาของฝ่ายตรงข้าม ลอบเข้านครหลวงได้ง่ายกว่าทางน้ำมากนัก”
                    บลูเองก็อับจบปัญญาเช่นกันได้แต่กล่าวว่า “พวกเราคงไม่มีทางเลือกอื่นอีก คงต้องทดลองเสี่ยงโชคในถ้ำนั้นสักครั้งหนึ่ง”
                    เมลตัดสินใจกล่าวว่า “หากพวกเจ้ายืนยันจะเข้าไปในถ้ำนั้นจริงๆ ข้าเองขออาสาเป็นผู้นำทางไปถึงปากถ้ำให้ แต่ในความคิดของข้าอยากจะให้พวกเจ้าพักผ่อนกันสักคืนหนึ่งก่อน เตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้เพียบพร้อม เสบียงอาหารน้ำดื่มก็ควรจะพกติดตัวไปให้เพียงพอสำหรับการเดินทาง จริงหรือไม่ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน?
                    ชายชรากล่าวสนับสนุนว่า “เรื่องเสบียงอาหารพวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ชาวบ้านยินดีที่จะมอบให้เจ้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอันใด หมู่บ้านเราอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้เรื่องเสบียงอาหารไม่นับเป็นปัญหาแม้แต่น้อย ในเมื่อข้ารู้ว่าพวกเจ้าเสี่ยงอันตรายมากมายเพื่อจะช่วยเหลืออาณาจักรนอร์ให้สงบสุขข้าก็ยินดีสนุบสนุนในทุกด้าน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของโกเลมนี้เกี่ยวข้องกับหมู่บ้านของเราโดยตรง ขอให้พวกเจ้ารับเอาไว้อย่าได้ปฏิเสธ”
                    โรซาไลน์กลับคืนมาสู่ความยิ้มแย้มแจ่มใส กล่าวว่า “ขอบคุณมากท่านปู่ ไม่ทราบว่าในสมัยก่อนถ้าเดินทางด้วยถ้ำจากที่นี่ไปนครหลวงจะใช้เวลาเท่าใด?
                    ชายชรากล่าวว่า “หากมีผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องกลไกกับดักนำทาง จะใช้เวลาอย่างน้อยสองวันอยู่ในถ้ำ จากนั้นอีกวันหนึ่งพวกเจ้าก็สมควรจะถึงนครหลวง หากพวกเจ้าโชคดีออกจากถ้ำไปได้อย่างปลอดภัย นับเป็นทางลัดที่สั้นกว่าหนทางใดๆ”
                    โรสกล่าวด้วยความคิดรอบคอบว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราสมควรจะพกเสบียงอาหารน้ำดื่มไปอย่างน้อยห้าวัน เผื่อเอาไว้หากเกิดเหตุสุดวิสัยประการใด”
                    บลูเห็นสมควรแก่เวลาจึงกล่าวว่า “พวกเรารบกวนเวลาท่านหัวหน้าหมู่บ้านมามากแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนเตรียมการสำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ดีกว่า ต้องขอขอบคุณพวกท่านทั้งสองอีกครั้งที่ให้ความช่วยเหลือแก่พวกเราเป็นอย่างดี”
                    เมลกล่าวว่า “พวกเรามิได้ช่วยเหลืออะไรมากมายหรอก ที่ทำไปทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากเกียรติยศชื่อเสียงของมือปราบไกที่สร้างชื่อเสียงบารมีเอาไว้ ญาติสนิทของข้าคนหนึ่งหากมิได้มือปราบไกช่วยเอาไว้เมื่อสามสี่ปีก่อนคงจะหมดเนื้อหมดตัวเพราะโจรผู้ร้ายเหล่านั้น”
                    ไกยิ้มให้เมลครั้งหนึ่งกล่าวว่า “พี่สาวไม่ต้องกล่าวขอบคุณข้าหรอก ในเมื่อข้าได้รับหน้าที่ให้ช่วยเหลือชาวบ้านผดุงความยุติธรรม ข้าจะต้องทำให้ดีที่สุด”
                    พวกเขาทั้งสามลาหัวหน้าหมู่บ้านแล้วจึงเดินกลับที่พักด้วยฝีเท้าอันหนักอึ้ง ครั้งก่อนพวกเขาสี่คนสู้กับคิเมร่ายังแทบเอาตัวไม่รอด ครั้งนี้เหลือเพียงบลูกับโรสสองคนและไกอีกครึ่งคนเท่านั้น ต้องปะทะกับโกเลมจะเป็นอย่างไร?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×