ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {จบเเล้วว} [★ Fic exo ★ ChanBaek]Love of a friend (ft.HH KD)

    ลำดับตอนที่ #19 : [★ Fic exo ★ ChanBaek] Ch 18 : Because i miss u

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.33K
      9
      13 มิ.ย. 57


     

    Love of a friend

    Chapter 18:

    Because I miss u





     

    CnBlue -Because I miss u

     

    ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน ในวันเดียวกัน

    นอกจากเธอที่หายไปแล้ว ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

    ฉันเคยคิดอยากปล่อยมันผ่านไป

    ไม่ทิ้งสิ่งใดไว้เบื้องหลัง

    ★★★★



     

     

                “แล้วเซฮุนรู้เรื่องนี้หรือเปล่า” แบคฮยอนถามผมอย่างกังวลใจ ไม่ต่างจากผมที่รู้สึกวุ่นวายอีกรอบบ.. ลู่หานไม่ให้บอกเซฮุน

                “แล้วลู่หานจะไปเมื่อไหร่ ชาน!!.. อย่าเอาแต่เงียบสิ”เสียงเล็กที่เริ่มงอแง ยังไงเซฮุนมันก็เพื่อนของผม ขอโทษละลู่หาน

                “ลู่หานไม่ได้บอก แต่ชานว่าเราไปบ้านไอ้ฮุนกันเถอะ” ไม่รอความเห็นของแบคฮยอนผมจัดการขว้าข้อมือเล็กให้ก้าวตามมาอย่างรวดเร็ว

               

                เพราะลู่หานไม่ได้บอกลายละเอียดว่าจะกลับไปเมื่อไหร่ ทุกวินาทีต่อจากนี้ผมคิดว่ามันมีค่ามากสำหรับเซฮุนที่ยังไม่ยอมรู้ใจตัวเอง

                แม้แต่ผมที่เป็นคนนอกมองยังรู้เลยว่าเซฮุนไม่เคยลืมลู่หานได้ แม้ท่าทางของมันจะดูนิ่งๆเฉยๆ กับเสี่ยวลู่หาน แต่ตลอดเวลาที่รู้จักกันตั้งแต่มันกลับมาอยู่เกาหลี การที่มันไม่เคยมีใครแปลว่าคนที่ยังอยู่ในหัวใจของมันคือลู่หานคนเดียวคนนี้อย่างแน่นอน

                เราควรจะจัดการเรื่องนี้สักที หลังจากที่เข้าใจกันกับแบคฮยอนแล้วก็มีเรื่องนี้แหละที่ผมกังวล ใครจะมองว่าผมเห็นแก่ตัวหรืออะไรก็ตามแต่ผมทนไม่ได้แล้วจริงๆที่จะเห็นแบคฮยอนต้องเจ็บผมรู้สึกผิดต่อลู่หานอยู่ไม่น้อยทั้งๆที่รับปากแล้วว่าจะช่วยเค้า แต่ผมกลับละเลยมันแล้วสนใจแต่เรื่องของตัวเอง... ถึงอย่างงั้น ยังไงแบคฮยอนก็คือที่หนึ่ง

     ผมละสายตาจากถนนตรงหน้าเมื่อสัญญาณไฟสีเขียวหายไปพร้อมกับตัวเลขสีแดงประมาณสามนาทีได้ที่ปรากฏขึ้นมา ผมเลื่อนมือของตัวเองไปจับใบหน้าเนียนใสให้หันมาสบตาก่อนจะใช้มือของตัวเองขยี้กลุ่มผมนุ่มนิ่มของแบคฮยอนเล็กน้อยอย่างไม่อยากให้คนตัวเล็กเป็นกังวลอะไรเท่าไหร่

                “งื้อ อย่าเล่นสิ” ผมเริ่มลวนลามแบคฮยอนอีกรอบเมื่อคนตัวเล้กเอาแต่นั่งขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดไม่ยอมสนใจผม

                จะเรียกว่าเรียกร้องความสนใจก็คงไม่แปลกอะไรเท่าไหร่ ... ผมก็อยากให้แบคอยอนสนใจแค่ผมคนเดียวนี่นา

     

                “ฮ่าๆ อย่าเครียดแบบนี้สิ ไม่ชอบเลยนะเวลาแบคทำหน้ายุ่งๆเนี่ย” ผมบอกก่อนจะระบายยิ้มน้อยๆ แต่ก็ถูกค้อนวงใหญ่จากคนตัวเล็กส่งมาซะงั้น

                “ไม่เครียดได้ไง เซฮุนเป็นเพื่อนของพวกเรานะชาน” แบคฮยอนหันมาเถียงกับผมอย่างเต็มรูปแบบ

                “ชานก็เป็นแฟนแบคนะ แถมเมื่อคื..”

                “หยุดเลยนะชานยอล! อย่ามานอกเรื่อง นั่นมันก็อีกเรื่องแต่ตอนนี้เรื่องเซฮุน..”

                “เรื่องของชานก็สำคัญนะแบค ชานก็หึงเป็นนะ!” ผมบอกออกมาไม่สนละตอนนี้ว่าจะทำตัวแบบเด็กๆมากแค่ไหน

                “อย่ามาขี้หึงหน่อยเลย ใครกันแน่ที่ควรจะหึงน่ะ ไม่รู้แหละ รีบๆขับรถไปเลย จะรีบไปดูเซฮุน” แบคฮยอนหันหน้าไปมองข้างหน้าพลางพะยักเพยิดให้ผมหันไปมองสัญญาณไฟแดงที่กำลังจะหมดลง   สามนาทีที่ได้ใช้เวลากับแบคฮยอนทำไมมันผ่านไปเร็วขนาดนี้นะ

     

                “อะไรก็เซฮุน ใช่สิ๊ ได้ชานแล้วนี่จะทำอะไรกับชานก็ได้” ผมใส่เกียร์รถให้เคลื่อนที่อีกครั้ง ผมยังคงบ่นงึมงำแต่ก็ตั้งใจให้มันเสียงดังพอที่จำทำให้แบคฮยอนหันมาสนใจ

                “ย๊า..ชานยอ..”

                “ก็ชานให้แบคไปทั้งตัวและหัวใจแล้วนี่ จะทิ้งจะขว้างจะไม่สนใจยังไงก็ได้ใช่ไหม” ผมไม่สนว่าแบคฮยอนจะพูดอะไรยังคงพูดจาด้วยเสียงน่าเวทนา ทำหน้าตาน่าสงสารเหมือนกับรำพึงรำพันกับตัวเองเท่านั้น

                “....”

                “เดี๋ยวชานจะรีบขับพาไปเลยเนี่ย ไม่ต้องใจร้อนก็ได้ ได้เจอกันอยุ่แล้วแหละ จากนั้นก็หมดหน้าที่ของชาน” ผมยังคงบ่นไปเรื่อยเมื่อแบคฮยอนไม่พูดอะไร ผมก็เลยได้แต่เงียบตาม

                ...

    ...

                ....

     

    ...

                ...

     

                ที่จริงผมก็แค่ตั้งใจจะแหย่แบคฮยอนเล่น ไม่คิดว่าเค้าจะจริงจังขนาดนี้ ทั้งรถตอนนี้เลยมีแต่ความเงียบ ทำไงได้ในเมื่อผมเดินมาแล้วจะให้ถอยกลับไปก็กะไรอยู่ผมเลยได้แต่สนใจเส้นทางข้างหน้า สายตาแอบเหลือบไปมองคนตัวเล็กเป็นระยะก็พบว่าแบคฮยอนนั่งเม้มปากแน่นดวงตาเรียวรีกำลังสั่นระริก มือเล็กๆกำแน่นเข้าหากัน ก่อนที่แบคฮยอนจะทำให้สิ่งที่ผมคาดไม่ถึง

     

     

     

                จุ๊ป!

                “แบครักชานคนเดียวนะ อย่าพูดแบบนี้อีกนะ ไม่ชอบเลย” แบคฮยอนเคลื่อนตัวเข้ามาแล้วจุ๊ปแก้มผมหนึ่งทีก่อนจะก้มหน้าพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

     

     

     

                แบคฮยอน..กำลังยั่วผมอยู่หรือยังไงกัน

                อยากจะจับคนตัวเล็กมากดจูบอย่างที่ใจต้องการ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ผมกำลังขับรถอยู่ แบคฮยอนเสร็จผมแน่ๆ ยิ่งอยู่ด้วยกันแบคฮยอนยิ่งน่ารัก น่ารักขึ้นทุกที ไม่มีขีดจำกัด

                “ชานก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ผมบอกยังคงตีเสียงเข้มแต่รอยยิ้มของผมมันกลั้นเอาไว้ได้ไม่อยู่ซะแล้ว “แบคนอนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวถึงแล้วชานจะปลุก” ผมใช้มือข้างหนึ่งบีบจมูกเล็กๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว แบคฮยอนส่งค้อนพร้อมกับทำหน้างอๆมาให้แต่ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าคนตัวเล็กแทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ถนนกำลังโล่งปล่อยมือจากพวงมาลัยรถแล้วปรับเบาะนอนให้คนตัวเล็ก ดันแบคฮยอนให้นอนลง อดไม่ได้ที่จะกดจูบลงไปบนหน้าผากมนทีนึงอย่างไม่รู้จักพอ แต่ก็ต้องปล่อยคนตัวเล็กไปก่อนเพราะนี่มันกลางถนน ผมยังไม่อยากพาแบคฮยอนไปประสบอุบัติเหตุหรอก อยากให้แบคฮยอนรู้สึกอุ่นใจได้ตลอดเวลาเวลาที่อยู่กับผม อยากให้เค้าปลอดภัยเสมอเมื่อมีผมคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ

     

     

     

     

    ★★


     




     

    :::Oh Sehun:::

     

                “พี่มาที่นี่ทำไม?” ผมเอ่ยถามออกไปห้วนๆอย่างทำตัวไม่ถูกกับการมาเยือนของร่างสูงตรงหน้า ทั้งๆที่ความจริงแล้วผมยังไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าพี่เค้าตรงๆ ไม่รู้เลยว่าพี่เค้ารู้บ้างหรือเปล่าว่าผมได้ทำสิ่งที่ผิดกับพี่เค้าไว้ ไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ผมจากมาคนฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อไปทางนั้นอีกเลย จะมีก็นานๆครั้งที่แม่โทรมาถามเรื่องต่างๆ แต่ผมรู้ว่าท่านไว้ใจผมและรู้ว่าผมดูแลตัวเองได้ ท่านเลยไม่ค่อยกังวลที่จะปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว

     

              “ห่างเหินจังแหะ เจอหน้าพี่แล้วไม่คิดจะถามหน่อยเหรอว่าพี่เป็นยังไง” พี่คริสยังคงเป็นคนเดียว ยังคงดูจริงจังแต่ในความจริงจังยังคงมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ด้วยเสมอ

              “...” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ตอนนี้ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง ผมกำลังเครียดเรื่องที่ลู่หานหายไปกำลังจะออกไปตามหาคนคนอวดดีคนนั้น แต่ดันเจอพี่คริสซะก่อน

              ทำให้ความคิดแปลกๆผุดเข้ามาในหัวผมอีกแล้ว..

              ถ้าลู่หานมาที่นี่ แสดงว่าลู่หานกับพี่คริส?

     

              “พี่รู้เรื่องแล้วใช่ไหม” ผมถามออกไปตรงๆ อย่างหวังว่าพี่คริสจะเข้าใจกับสิ่งที่ผมถาม

              “เรื่องอะไรล่ะ เรื่องเรากับอาลู่หรือเรื่องอื่น?” พี่คริสในตอนนี้ที่พูดมันออกมาเต็มปากราวกับเป็นเรื่องชิลล์ๆ ทำให้ผมอึกอักอยู่สักพัก

              “ผม...ขอโทษ” ผมบอกออกไปไม่กล้ามองหน้าพี่ชายทางนิตินัยของตัวเอง ไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมรักพี่คริสเหมือนพี่ชายแท้ๆ แต่สิ่งที่ผมทำลงไป ผมไม่สามารถลืมมันและลบความละอายใจออกไปได้

              “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไอ้น้องชาย พี่ไม่ได้โกรธนาย เรื่องแบบนี้มันไม่มีถูกผิดหรอก .. มันอยู่แค่ที่ว่าอาลู่..เค้ารักใคร”

              ผมเงยหน้าไปสบตากับพี่คริส ก่อนจะพบความไหววูบก่อนที่ดวงตาที่เริ่มหม่นแสงจะหายไปอย่างที่พี่คริสต้องการปกปิดมันไว้เพื่อให้ผมสบายใจ..

     

              แล้วผมควรจะสบายใจได้ยังไง..

     

              เมื่อในหัวใจของพี่คริสก็ยังคงมีแต่เสี่ยวลู่หานไม่เปลี่ยนไป..เหมือนกับผม

     

              “แล้วคนที่อาลู่รัก..ก็คือนายนะเซฮุน..” พี่คริสบีบไหล่ผมเอาไว้แน่น แต่ผมก็ยังคงมองพี่คริสอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่คริสต้องการจะสื่อสารมันออกมา “อย่าโทษตัวเอง แล้วทำตามใจของตัวเอง ไม่ต้องแคร์พี่ ไม่ต้องห่วงว่าพี่จะไม่มีความสุข”

              “พี่..”

              “อย่าให้ความรู้สึกผิดมันมาบดบังความรู้สึกสวยงามพวกนี้เลยนะ ความสุขของพี่คือการที่คนที่พี่รักและน้องชายของพี่มีความสุข.. ถ้ามันจะเป็นอยู่แบบนี้พี่ก็ไม่ต่างจากทั้งเซฮุนแล้วก็อาลู่หรอก”

     

              “พี่หมายความว่ายังไง?”

              “พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับอาลู่ที่นี่ แต่อาลู่เสียใจมาก.. พี่อยากให้นายคิดทบทวนดีดี พรุ่งนี้อาลู่จะกลับจีน รีบตัดสินใจก่อนที่มันจะสายไปนะเซฮุนอ่า”

              พี่คริสตบไหล่ผมเบาๆอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวไปทำธุระเรื่องของลู่หาน ทิ้งผมไว้กับความสับสนในเรื่องที่คิดไม่ตก

     

    .....








     

                ผมยังคงนั่งคิดถึงแต่เรื่องเมื่อวานที่พี่คริสพูดทิ้งไว้ คิดวกวนอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี ถึงพี่คริสจะพูดแบบนั้น..แล้วส่งยิ้มอบอุ่นให้ผม แต่ความเจ็บปวดในแววตาของพี่คริส มันไม่เคยปิดผมได้ .. ผมเห็นมัน

                ดูก็รู้ว่าพี่คริสเองก็เจ็บ และฝืนใจแค่ไหนที่เลือกทำแบบนี้.. ผมทำผิด ผิดต่อพี่คริสมากจริงๆ ที่พี่คริสพูดมันจริงหรอ ว่าผมเอาแต่ขังตัวเองไว้ในบ่วงของความรู้สึกผิดที่มีต่อพี่เค้า.. แต่จะให้ผมไม่รู้สึกผิดได้ยังไงกัน ในเมื่อผมทำผิดจริงๆ ไม่สมควรได้รับรอยยิ้มหรือคำพูดดีดีจากพี่คริสด้วยซ้ำ..

     

     

                ยิ่งพี่คริสดีกับผมมากเท่าไหร่ ความรู้สึกผิดมันยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ให้พี่เค้ามาด่าผม โกรธผมทำร้ายร่างกายผมยังรู้สึกผิดน้อยกว่าการที่พี่เค้าต้องมาฝืนยิ้มให้ผมอยู่แบบนี้

     

                 

     

                การที่ลู่หานลงทุนมาตามง้อผม ในเวลาที่ผมคิด..ว่าลู่หานกับพี่คริสคงมีความสุขดีอยู่ที่จีน.. ผมกลับเอาแต่ปิดกั้นความรู้สึกเอาไว้แล้วก่อกำแพงที่เรียกว่าความเย็นชามากั้นระหว่างผมและ คนที่ผม...รัก

     

     

                รักมาตลอด.. รัก เสี่ยวลู่หาน

     

                ไม่เคยมีใครมาแทนที่คนหน้าหวานคนนั้นได้ ไม่เลยไม่เคยมีใครอีกแล้วที่จะทำให้หัวใจผมเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผมเป็นห่วงมากกว่าตัวเอง ทำให้ผมเสียใจเจ็บปวด.. ทุกความรู้สึกของผมคือลู่หาน ผมไม่รู้ว่าลู่หานจะคิดเหมือนผมไหม แต่ผมน่ะ.. ผมรู้ รู้ตัวเองดีเสมอมา ไม่ว่าจะหนีจากลู่หานมานานกว่านี้อีกสักสิบปี ยี่สิบปี.. ในหัวใจของผมจะไม่มีวันเปลี่ยนไป.. หลายคนอาจจะเรียกมันว่ารักแรกฝังใจ ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ความรู้สึกที่แสนจะหนักแน่นและมั่นคงแบบนี้ .. มีแค่คนคนนี้ ลู่หานคนเดียวที่ผมจะมอบให้

     

     



     

     

                ก๊อกๆๆๆ!!!



     

                “เซฮุน แกอยู่ในนั้นใช่ไหม เปิดประตูให้ฉันหน่อย นี่แบคฮยอนเอง” ผมตื่นจากภวังคืเมือ่ได้ยินเสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงใสใสของแบคฮยอน

                ผมชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจปาดน้ำตาที่ไหลเอ่ออยู่ให้เรียบร้อย ใช่ผมกำลังร้องไห้ อันที่จริง ผมก็พึ่งรู้สึกถึงความอุ่นชื้นที่ไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก

     

     

                ไม่ชอบเลยเวลาร้องไห้.. แต่คิดเรื่องนี้ทีไร.. น้ำตาของผมมันก็ไหลลงมา

                ผมไม่ชอบที่ตัวเองยังอ่อนแออยู่แบบนี้

     

     

                “มีอะไรหรอไอ้ลูก..อ่าวไอ้ยอลก็มาหรอ” ผมกำลังจะทักทายแบคฮยอนต้องถามอย่างแปลกใจเมื่อชานยอลก็มาด้วยกัน มือสองมือที่กุมกันไว้แน่น ทำให้ผมยกยิ้มขึ้นมาเล็กๆ

                สองคนนี้เข้าใจกันได้สักทีสินะ

     

                “ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย ไอ้ตัวดี” แบคฮยอนไม่ได้สนใจสายตาล้อเลียนที่ผมพยายามกลบเกลื่อยความเศร้าแล้วส่งไปให้สักนิด แถมยังลากผมเข้ามานห้องพร้อมกับกดผมลงให้นั่งบนเตียงก่อนที่ตัวเองและไอ้ยอลจะยืนค้ำหัวผมเหมือนจะเค้นเอาความจริงให้ได้

     

                “ฉันรู้แล้วนะเรื่องแกกับลู่หาน แล้วแกรู้หรือยังว่าลู่หานกำลังจะกลับจีนแล้ว”

                ผมไม่ได้ตอบแต่ก็ไม่สามารถปั้นหน้าให้ทะเล้นได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมพยักหน้าให้แบคฮยอนเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าอย่างไม่ต้องการมองสายตาใคร.. เรื่องนี้มันทำให้ผมอ่อนแอได้มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่.. ทุกทีผมสามารถทำตัวปกติได้เวลาอยู่กับคนอื่นแต่วันนี้มันไม่ใช่ ยิ่งคิดถึง ยิ่งรู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่หัวใจ

     

                “รู้แล้ว! แล้วทำไมมานั่งทำหน้าซังกะตายแบบนี้ล่ะโอเซฮุน ! แกใช่เซฮุนที่ฉันรู้จักหรือเปล่า” แบคฮยอนว่าก่อนจะเขย่าตัวผมเบาๆ

                “แกจะมารู้อะไรวะ ไอ้ลูกหมา แม้แต่เรื่องของตัวเองกว่าจะจัดการได้มันง่ายซะเมื่อไหร่ มันง่ายแบบที่แกพุดออกมาหรือไง แกไม่เข้าใจฉันหรอก อีกอย่างฉันไม่ได้รักคนคนนั้นแล้ว อย่าเอ่ยชื่อนั้นให้ฉันได้ยินอีก..” เพราะฉันเจ็บปวดกับมันเกินไปแล้ว

     



     

     


     

                ผลั๊ว!!


     

     

                ความรู้สึกหนักๆของหมัดเพื่อนหูกาง ชื่อว่าชานยอลตรงเข้ามาที่ใบหน้าของผมอย่างม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้หน้าผมหันไปตามแรงเหวี่ยง รสชาติเฝื่อนๆและความรู้สึกแสบๆที่มุมปากทำให้รู้ว่าผมได้เลือดเข้าแล้ว

                “หึ..” ผมหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะกลือนเลือดลงคอไป หันหน้าไปมองชานยอลอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่าคนคนนี้จะเอายังไงกันแน่

     

                “ต่อยฉันทำไมวะ หรือว่าหวงลู่หานอีกคน .. ดีกันแล้วไม่ใช่กับแบคฮยอนน่ะ อย่ามาทำอย่างนี้เลยว่ะ”

                “อย่าให้กูต้องต่อยมึงอีกทีนะไอ้ฮุน ไอ้โง่เอ้ย ! ทำไมมึงไม่เข้าใจอะไรง่ายๆวะ รุ้หน่อยเถอะว่าลู่หานเค้ารักมึง เคมึงเท่านั้นแหละ ที่เค้ามายุ่งกับกูแค่อยากให้มึงหึง ไม่รู้อย่างมึงจะมีความรู้สึกแบบนั้นบ้างหรือเปล่า มาเจอแบบนี้กูรู้สึกเสียแรงเสียเวลาจริงๆว่ะ กลับเหอะแบค ชานว่ามันคิดอะไรไม่ได้หรอกเนี่ย” ที่ไอ้ยอลพูดมาทั้งหมดทำให้ผมหน้าชาไปทั้งแถบยิ่งกว่าตอนที่โดนมันต่อย ผมเกือบจะทำร้ายลู่หานไปทั้งที่เข้าใจผิด ผิด.. ผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ..  ลู่หานคงเกลียดผมไปแล้ว.. ผมเกือบจะทำเรื่องไม่ดีกับลู่หานไป  ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของลู่หาน..

     

     

                ยิ่งคิด ผมยิ่งรู้สึกผิด.. แล้วผมจะกล้าไปสุ้หน้าลู่หานได้ยังไงกันในตอนนี้

     

                “ชานพอก่อน ให้แบคคุยกับเซฮุนเองนะ” แบคฮยอนที่ยืนนิ่งอยู่เมื่อครู่เข้ามาห้ามไม่ให้ไอ้ยอลมันทำร้ายผมมากไปกว่านี้

                “นี่เซฮุน ฉันไม่รู้อะไรมากหรอกเกี่ยวกับเรื่องของแกกับลู่หาน  ฉันไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างจนทำให้แกต้องหนีลู่หานมาจากจีน แต่ฉันอยากให้แกมองข้ามทุกอย่างที่กั้นระหว่างแกกับลู่หานเอาไว้   ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้แกอึกอัดและแกแบกรับมันไว้จนมันบดบังความรู้สึกดีดี แค่อยากให้แกปล่อยมันไป.. ปล่อยมันไปแล้วคิดนะ ว่าแกรักลู่หานเค้าอยู่หรือเปล่า เพราะลู่หานไม่เคยลืมแก..” แบคฮยอนบีบมือผมเบาๆ “คิดได้แล้ว..ก็รีบไปตามลู่หานกลับมานะไอ้ฮุน ฉันเป็นกำลังใจให้แกอยู่ ฉันรู้ว่าแกต้องคิดได้”

     

                ผมนั่งนิ่งฟังสิ่งที่แบคฮยอนพูดและคิดเกี่ยวกับมัน..รวมทั้งคำพูดของพี่คริสที่ทิ้งไว้ หรือผมควรที่จำมองข้ามความรู้สึกผิดต่อพี่คริส.. มองข้ามทุกความรู้สึกที่ใช้ขังตัวเองเอาไว้แบบนี้..ทำลายกำแพงสูงที่กั้นระหว่างผมกับคนที่ผมรักเอาไว้

                ถึงเวลาแล้วจริงๆใช่ไหมที่ผมจะต้องเดินก้าวข้ามความรู้สึกผิดพวกนี้ออกไปเจอกับความสวยงามของคำว่ารัก..

     

                ผมมองมือที่กำแน่นของตัวเองเอาไว้ก่อนจะยกมันขึ้นมาปาดน้ำไร้สีที่กำลังไหลออกมาจากตาของผมหยดแล้วหยดเล่า ผมคลายมือออกมีกระดาษยับยู่ยี่แผ่นหนึ่งอยู่ในนั้น

     

     

                พี่จะพาลู่หานไปที่นั่น..ถ้านายคิดได้แล้วก็มานะ มันยังไม่สายไปหรอกถ้านายจะรีบคิดหน่อย

               

    พี่คริสให้ผมไว้ก่อนไป ผมมองสถานที่และเวลาก็พบว่าตัวเองมีเวลาอีกไม่มาก ผมไม่สนใจสิ่งรอบข้างหรืออะไร ตอนนี้ที่ผมสนใจสิ่งเดียวคือเสี่ยวลู่หาน.. แค่นั้นจริงๆ

    ถ้าเค้าจะยังไม่เกลียดผมไปก่อนน่ะนะ..

     

     

    ★★★★

     

     

    ทุกๆ ครั้งที่เริ่มวันใหม่

    ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย ฉันควรทำยังไงดี

     

    แม้แต่พูดฉันยังทำไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้เธอจากไป

     

    ขอโทษ เสียใจ เธอได้ยินฉันมั้ย?

     

     

    คำสารภาพที่สายไปของฉัน เธอได้ยินรึเปล่า?

     

     

     

     

    ……ฉันรักเธอ

     

               

    ★★★★

     

                ผมจอดรถแล้ววิ่งกระหืบกระหอบเข้ามาที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับสนามบิน ไม่รู้ว่าตัวเองขับรถเร็วเท่าไหร่..แหกไฟแดงไปกี่แยก กลับไปบ้านคงมีใบสั่งตามมาเป็นพรวน แต่ต่อให้มันจะมากสักเท่าหร่ถ้าแลกกลับการได้ลู่หานกลับคืนมาผมยอม.. ในตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าสิ่งที่ผมควรทำมาตั้งแต่แรกคืออะไร

     

     

     

                ไม่ใช่การฝังตัวเองอยู่ในความรู้สึกผิด

                แต่คือการใส่ใจความรู้สึกของคนที่ผมรักและเค้าเองก็รักผม

               

     

     

     

                ผมเดินตามหาสถานที่ที่พี่คริสว่าจนเจอ ม้านั่งสีขาวใต้ต้นเมเปิ้ลขนาดใหญ่ที่กำลังผลิใบใหม่ ผมมองเวลาก็พบว่าพึ่งเลยเวลาที่พี่คริสนัดเอาไว้แค่หวังว่าคงจะทัน..

                แต่พอเดินมาถึงกลับไม่มี..

     

                ไม่มีใครอยู่เลย ผมได้แต่มองไปรอบๆ มองไป..มีความหวังลึกๆว่าจะเจอ ลู่หาน

     

                นายไปแล้วหรอ

     

                “ลู่หาน!!!!!!!!!! นายยังไม่ได้ไปใช่ไหม!!! ลู่หาน!” ผมทรุดลงกับพื้นอย่างรู้สึกหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาดื้อๆ

     

                “อาลู่!!! เสี่ยวลู่!!! กลับมาก่อน .. กลับมาฟังคำขอโทษของฉันก่อน!!!!!!” ผมยังคงตะโกน แม้ว่าลู่หานจะไม่ได้ยิน..

     

                อยากให้ลู่หานมาได้ยินคำที่ผมตั้งใจจะมาบอก

     

     

                “ฉันรักนายนะ เสี่ยวลู่!!!” ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ไม่ทันแล้วสินะ.. ผมคิดช้าไปจริงๆ หรือที่เค้าไม่รอผม อาจจะเป็นเพราะเค้าเอง..คงเกลียดผมไปแล้ว

     

     

     

                คนอย่างผม สมควรแล้วล่ะที่จะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวแบบนี้ ..

                ในเมื่อเค้าเลือกที่จะไป.. ผมก็จะไม่ยื้อหรือไปฉุดให้เค้ากลับมา

     

     

     

     

                 ลาก่อนเสี่ยวลู่ที่รัก..







     

    TBC

    ★★★★



    :) Shalunla

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×