ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะเลใจ....ที่ปลายฟ้า

    ลำดับตอนที่ #1 : หนึ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 978
      1
      7 ม.ค. 48

                                                                                            1

        “โอ๊ยตาย สายแล้ว พี่อิงนะพี่อิง จะปลุกเราสักคำก็ไม่มี ” อักษรา    วีรชา สาวน้อยร่างอรชร รีบพาตัวเองในชุดทำงานสุดเปรี้ยว รีบร้อนวิ่งลงบันไดกระวีกระวาด



                    “เอ้า ช้าๆก็ได้จ๊ะยัยษรา เดี๋ยวก็ได้ตกบันไดก่อนไปทำงานหรอก” อิฎฐี  วีรชา พี่สาวคนโตมองน้องสาวฝาแฝดผู้พี่และมีอิษรีผู้เป็นน้องเล็กแห่งบ้านวีรชา  อักษรากำลังเร่งร้อนกับเสื้อผ้าของตน หญิงสาวยังคงแต่งกายตามสบายๆในแบบของหล่อน เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดตัวโปรด ขณะที่มือซ้ายเกี่ยวเสื้อนอกยีนส์ตัวโปรดอีกเช่นเคย ผมยาวหยักโศกออกจะยุ่งๆเพราะเจ้าตัวไม่ทันได้หวีและรวบให้เรียบร้อย



                     “จะรีบไปไหนนะเราน่ะ ที่ทำงานก็ไม่ไกลเท่าไหร่นี่นา ยังมีเวลาอีกตั้งชั่วโมงแน่ะ มาๆทานอาหารเช้าก่อนสิจ๊ะ” อิฏฐีบอกน้องสาวแกมสายตาเอ็นดู



                     “ษราขอกาแฟถ้วยเดียวแล้วกันค่ะพิ่อิง” สาวน้อยปริญญาหมาดๆวัย 22 เอ่ยเสียงใส ใบหน้าเรียวสวยนั้นไม่มีร่องรอยเมคอัฟเลยสักนิด มีเพียงกลิ่นหอมนุ่มของแป้งฝุ่นเด็ก ริมฝีปากอิ่มเล็กเคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูอมส้มใสบางๆ



                     “นี่ยัยอีฟยังไม่ตื่นอีกเหรอค่ะพี่อิง”อักษราถามถึงฝาแฝดคนน้องของตนหลังจากวางของที่หอบมาลงบนโต๊ะ



                     “รายนั้นน่ะจะตื่นได้ยังไง เนี่ยก็คงเพิ่งเข้านอนอีกล่ะสิท่า เห็นเมื่อคืนนมเพียงบอกว่ากลับบ้านราวๆตีสาม เมาแอ๋มาเชียว”อิฎฐีตอบเจือความกังวลพลางวางถ้วยกาแฟลงให้น้องสาวซึ่งรับถ้วยไปพลางพยักหน้าแววตาครุ่นคิด



                     “ษรา! ษรา!” อิฎฐีเรียกน้องสาวเสียงดังขึ้นเมื่อไม่ได้รับเสียงตอบ



                     “ค่ะ อุ๋ย สายแล้วษราไปนะค่ะพี่อิงเย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวนะค่ะ ษราจะพาไปทานข้าวนอกบ้าน บอกยัยอีฟด้วยนะค่ะ ว่าอย่าพึ่งไปไหนรอษรากลับมาก่อน”อักษราพูดพลางรีบเก็บของหอบเต็มแขนแล้วพาร่างบอบบางไปขึ้นรถสปอร์ตคันเล็กกะทัดรัด ไม่นานนักรถสปอรท์คันเล็กสีดำสนิทก็วิ่งออกจากบริเวณบ้านอย่างรวดเร็ว



                      “เป็นไงจ๊ะแม่ครีเอทีฟสาวมาดเซอร์  โรยมาเชียว โปรเจคใหม่ทำพิษล่ะสิ”แพรวา เอ่ยขึ้นแสดงความห่วงใยแกมหยิกเล็กๆให้กับเพื่อนสนิท



        “แหมยัยแพรก็ งานนี้คุณพัทเขาขอร้องเราเองหรอกนะเนี่ย เราก็เลยต้องทุ่มแบบสุดๆสิจ๊ะแพรวาคนสวย”อักษราส่งสายตาเหย้าแหย่แพรวา เนื่องจากแพรวากับคุณพัทหรือนันทพัท เจ้านายของหล่อนนั้นเป็นว่าที่สามีของแพรวาคนนี้ แพรวาส่งค้อนวงใหญ่ให้เพื่อนสาวก่อนพูดแก้เก้อ



        “คุณพัทนี่ล่ะก็ ใช้งานเพื่อนแพรซะอานเชียว คอยดูนะจะแจกลูกหยิกซักทีสองที”แพรวาทำท่าทางขึงขัง



        “เอ๋ ไม่ทราบว่ามีใครแถวนี้เอ่ยถึงผมบ้างรึเปล่านะ ผมจามหลายทีแล้วน๊า”นันทพัททำท่าจะจามใส่แพรวา ส่วนอักษราได้แต่นักหัวเราะกิ๊ก อวดฟันเป็นระเบียบซี่เล็กพ่วงด้วยลักยิ้มที่มุมปากเสริมใบหน้าให้ดูเก๋ยิ่งขึ้น   แพรวาได้แต่ส่งสายตาค้อนคู่หมั้นหนุ่มที่กำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้านี้



        “บ้า คุณพัทก็ ยัยษราด้วย เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว ”แพรวาทำท่างอน นันทพัทรีบเดินตามไปง้อแฟนสาว



        “โอ๋..ผมล้อเล่นนะ แพรจ๋า.. ผมตั้งใจจะมาชวนแพรกับคุณษราไปทานข้าวเที่ยงแค่นั้นเองนะ  นะ”นันทพัทใช้ลูกง้อส่งสายตาอ่อนหวานให้แพรวา จนทำให้คนถูกมองเกิดอาการเขิน



        “ก็ได้ค่ะ เห็นแก่หน้าพัทหรอกนะเนี่ย”คนถูกง้อพูดแก้เขิน



        “ษราเห็นทีจะขอตัวหรอกนะคะคุณพัท เพราะว่าษรามีธุระกับลูกค้าตอนเที่ยงค่ะ อีกอย่างก็ไม่อยากไปเป็นก้าง..ด้วย”อักษรารีบออกตัว แพรวาจึงอดหมั่นไส่เพื่อนรักไม่ได้



        “แหมษราก็เห็นงานสำคัญกว่าเพื่อนนะ ระวังจะกลายเป็นแม่แก่”อักษราหัวเราะเบิกบานกับคำค้อนของเพื่อนพลางเก็บของเตรียมตัวที่จะไป



        “น่า ..แพรก็รีบแต่งงานแล้วมีหลานมาให้ษราอุ้มสิ จะได้เป็นแม่แก่เต็มตัวอย่างที่แพรว่าไง”อักษราพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  แพรวาจึงแจกค้อนวงโตให้กับอักษรากับนันทพัทที่ยิ้มไม่หุบคนละที



        “จริงของษรานะ”



        “พัทน่ะ..บ้า”แพรวาตีเพี๊ยะที่แขน ให้แฟนหนุ่มทำท่าลูบแขนนัยตาปรอย



        แพรวากับอักษราเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่อยู่มัธยมปลายทั้งสองจึงรักกันมาก พ่อของแพรวามีหุ้นอยู่ในบริษัทนี้เกือบครึ่ง จึงทำให้เธอทั้งสองได้เข้ามาทำงานที่นี่  แม้ว่าแพรวาอาจจะเกรงใจบิดาของแพรวาอยู่บ้าง แต่เนื่องจากบิดาของแพรวาก็เป็นเพื่อนสนิทของพ่อของเธอ เธอจึงยอมมาทำงานกับแพรวา  ในตอนแรกๆบางคนอาจมองว่าทั้งสองสาวใช้เส้นสายแต่พอเวลาผ่านไปอักษราและแพรวาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า  เธอทั้งสองนั้นมีฝีมือเยี่ยมจริงๆอีกคนหนึ่ง และได้รับการยอมรับจากทุกคนภายในเวลาไม่นาน จนกระทั่งมีงานล้นมือไม่ขาดสาย อักษราคิดอย่างร่าเริงอมยิ้มคนเดียว ขณะขับรถออกไปตามนัดกับลูกค้า



                                                              ---------------------------------------------

        “ไงวะ ไอ้เพื่อนรัก กันไม่เจอหน้าเจอตาห้าปีแล้วนะเว้ยที่แกกับชั้นนะไม่ได้เจอกัน วันนี้ไม่เมา….ไม่สว่าง….ไม่กลับเว้ย”นันทพัททักทายจอมนราเพื่อนเก่าที่เคยเรียนด้วยกันที่อังกฤษขณะที่เขาทำปริญญาโทแล้วกลับมารับกิจการต่อจากคุณปู่ที่เมืองไทย ส่วนที่จอมนราเรียนต่อปริญญาเอกและพึ่งเดินทางกลับมาไม่นาน



        “เฮ้ยแกยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยน๊าไอ้คุณพัท แล้วคุณแพรเค้าจะไม่มาตีกบาลกัน

    เหรอวะฐานที่พาแกไปเมาเนี่ย”จอมนราพูดหยอกเพื่อนรักของตน



        “ฝีมือระดับนันทพัทไม่มีพลาด”



        “ไม่พลาดอะไร..ไม่พลาดรายงานพร้อมขออณุญาติน่ะเหรอ”



        “แกนี่มัน…รู้ใจกันจริงๆเล้ย..เอ้าดื่มฉลองให้กับแกหน่อยไอ้ด็อก…เตอร์โว๊ย”นันทพัทหัวเราะอย่างเริงร่าและยิ้มกับจอมนราพลางชนแก้วน้ำสีอำพันในมือ



        “ใช่ฉลองให้กับกันที่กำลังจะทำการแก้แค้นผู้หญิงเลวๆคนหนึ่งที่กำลังจะสำเร็จในไม่ช้า”จอมนราพึมพำเบาๆให้กับตนเองแววตารื่นเริงเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง เย็นชา ในพริบตาซึ่งถ้าใครเห็นก็ต้องอดใจหายไม่ได้แน่ในเมื่อมันช่างเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ที่แสนจะกระด้างบาดลึกเข้าไปในใจ..



        “นายว่าอะไรว่ะไอ้จอม กันได้ยินไม่ถนัด”



        “เปล่านี่ นายอย่าใส่ใจเลยกันพึมพำไปงั้น”



        “เออ..ว่ะ วันนี้เราไม่คิดเรื่องอื่น เรามาดื่มเพื่อฉลองให้กับแกอย่างเดียวโว๊ย..  มามา ชนแก้ว…”นันทพัทยกแก้วมาชนกับแก้วของจอมนรา เสียงกริ๊งเบาๆแต่กังวาลบาดลึกเข้าไปในใจของจอมนรา ลึกลงไปใครจะหยั่งรู้ว่าภายนอกที่เย็นเยียบเป็นน้ำแข็งภายในจะเต็มไปด้วยไฟแค้นแน่นอกที่อัดสุมอยู่ในใจของเขา..ผู้กลับมา…เพียงเพื่อที่จะแก้แค้น..



        “ยัยอีฟนี่เราจะไปไหนน่ะ  วันนี้ยัยษราเค้าจะพาเราไปทานข้าวนอกบ้านนะ ไม่ไปสักวันไม่ได้เหรอ”อิฎฐีเอ่ยกับน้องสาวคนเล็กเมื่อเห็นเจ้าหล่อนแต่งชุดรัดรูปสีสำเข้มผ่าข้างยาวขึ้นมาเกือบถึงสะโพกโชว์เรียวขาขาว ชุดราตรีสีดำตัดกับสีผิวขาวจัดอมชมพู ใบหน้าสวยคล้ายคลึงกับอักษราจนแทบแยกไม่ออก ใบหน้าสวยแต่งเข้มจัด ฉูดฉาดดูแตกต่างกับแฝดผู้พี่อย่างสิ้นเชิงทั้งเรื่องรสนิยมการแต่งตัว และนิสัยใจคออิษรีเบ้ปากอย่างไม่พอใจ  ไม่สนใจพลางใส่รองเท้าคัทชูส้นแหลมปรี๊ดทันสมัย ก่อนหยิบกระเป๋าหนังสีเข้ากัน



                    “นี่อีฟไม่ได้ยินที่พี่พูดหรือไม่สนใจ”อิฎฐีพูดอย่างเริ่มมีน้ำโหเมื่อน้องเล็กของเธอทำท่าไม่สนใจ อิษรีถอนใจพลางหันใบหน้ากลับมามองพี่สาวคนโต



                     “เฮ้อ..พี่อิงจะบ่นอะไรหนักหนานะ  อีฟแค่ออกไปหาความสุขใส่ตัว ใครจะทนอยู่บ้านเงียบๆนี่ได้ตลอดเวลาล่ะ อีฟไม่ใช่พี่อิงสักหน่อย อีกอย่างอีฟเพิ่งเรียนจบมา ขอให้อีฟเที่ยวสักพักก่อนได้ไหมค่ะ พี่อิงไม่ต้องมาใส่ใจน้องคนนี้ของพี่ให้มากนักหรอกค่ะ ”อิษรีสะบัดหน้าพร้อมรีบเดินไปขึ้นรถเก๋งรุ่นล่าสุดราคาแพงลิบลิ่ว พร้อมขับออกไปอย่างสวีดสวาด ทุกคำพูดที่อิษรีพูดนั้นอิฎฐีเก็บมาคิดเหมือนกับว่าภายในแฝงอะไรไว้ลึกๆ เพราะตั้งแต่อิษรีกลับมาจากอังกฤษหลังเรียนจบ ก็ดูแปลกไปจากเมื่อก่อนที่อิษรีเป็นเด็กเรียบร้อยเชื่อฟังผู้ใหญ่เสมอมา อิฎฐีคิดจนไม่ได้ยินเสียงรถขออักษราที่ขับเข้ามาจอดอย่างเงียบๆ





                    “พี่อิงค่ะ พี่อิง”อักษราเรียกพี่สาวที่ยืนกอดอกเหม่อลอยอยู่หน้าบ้าน



                    “อ้าวษรามาแล้วเหรอ พี่กำลังจะไปแต่งตัวพอดี”



                    “ยัยอีฟล่ะค่ะ”อักษราถามถึงน้องสาวฝาแฝดของตน



                    “เค้าออกไปแล้วล่ะ เมื่อกี้นี่เอง”อิฏฐีกล่าวเสียงหมองลงนิดหน่อย



                    “ช่างเขาเถอะค่ะ พี่อิงรีบไปอาบน้ำเร็วเข้าสิค่ะ แต่งตัวสวยๆด้วยนะค่ะ เดี๋ยวเราออกไปทานข้าวฉลองที่ษราทำโปรเจคชิ้นโบว์แดงเรียบร้อยไปแล้วค่ะ”อักษรารีบเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน เพราะรู้ว่าพี่สาวตนคิดมากเรื่องการเปลี่ยนแปลงของอิษรี ซึ่งอักษราคอยจับสังเกตมาตั้งแต่อิษรีกลับมาได้ 3 เดือนกว่าแล้ว



        สองพี่น้องแต่งชุดง่ายๆอิฎฐีเลือกเสื้อแขนกุดประดับลูกไม้สีขาวกับประโปรงสีครีมอ่อนๆดูสง่างาม ส่วนอักษราใส่เสื้อเชิ้ตสีเทาเข้ม กางเกงเข้ารูปสีเข้มขับผิวทับด้วยเสื้อกึ่งสูทสีเดียวกัน คาดทับด้วยเข็มขัดสีดำเส้นโต สวย ทันสมัย  ใครที่เห็นต่างก็อดชมการแต่งตัวที่ไม่ถึงกับนำแฟชั่น แต่ก็เก๋ ไม่ตกยุคของสองสาวไม่ได้



        “พี่ไม่ค่อยสบายใจเรื่องยัยอีฟเลยนะษรา”อิฎฐีเปรยกับน้องสาวหลังจากสั่งอาหารกับ

    บริกรเรียบร้อยแล้ว



        “คงไม่มีอะไรมั้งค่ะพี่อิง อย่าคิดมากเลย ยัยอิงคงกำลังเห่อเพื่อนอยู่มั้งค่ะ เดี๋ยวก็หายเองแหละค่ะ”อักษราพูดปลอบใจพี่สาววัยไล่เลี่ยกันและปลอบตนเองในใจ



        “โธ่ษรา แต่ยัยอีฟไม่เคยเป็นแบบนี้ พี่ไม่ค่อยสบายใจเลย”หางเสียงอิฎฐีปนความกลัดกลุ้มใจ



        “เอาเถอะค่ะ พี่อิง แล้วษราจะพยายามพูดกับยัยอีฟให้นะค่ะ “อักษราพูดตัดบทพอดี

    กับบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×