คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Ep.12 - Seraph
UNagain.12 – Seraph
“ฮ่า....”
กว้างสุดลูกหูลูกตา————กระนั้น,ก็ต่างไปจากเดิมที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ให้เห็นอยู่ข้างทาง
พื้นดินเองก็ไม่ใช่สีดำหยาบแต่เป็นน้ำตาลแก่ดูอุดมสมบูรณ์
รวมถึงสภาพอากาศด้านบนนี้ก็นับว่าดีกว่าในช่องหุบเขาที่ร้อนอบอ้าว ณ
ช่วงเวลานี้เกลจึงได้แต่ปล่อยตัวให้ไหลไปตามกระแสอย่างสงบนิ่ง
สัมผัสของคลื่นลมที่ปะทะต่อร่างกายนั้นทำให้เกลยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“เอาล่ะ
จากนี้ไป...จะเอายังไงต่อดีนะ?”
เกลรำพึงกับตนเอง
พลางยกมือหนึ่งขึ้นลูบคางราวกับใช้ความคิด
ที่นี่ดูกว้างขวางจนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากจุดไหนก่อน
ทั้งนี้ก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าหลบหนีออกจากนรกขุมที่สาม【แซมกาด้า】ได้สำเร็จ
เพราะพื้นที่ๆเกลเหยียบสัมผัสอยู่นี้ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของนรกขุมนี้ด้วยเช่นกัน
แต่เรื่องที่เขาหลุดออกจาก <สถานทรมาน> นั้นนับว่าเป็นความจริง
หลังจากนี้ก็คงไม่เจอ <คลื่น> อีกแล้วล่ะนะ
ถึงจะยังรู้สึกสับสนและปนเปไปด้วยอารมณ์หลาก
ทว่าเกลก็เลือกก้าวเดินต่อไป
ทางเดินอันไร้ที่สิ้นสุดในหุบเขากับพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตานี้จะมีผลลัพธ์ที่ต่างกันออกไปรึเปล่านะ?————เกลได้แต่เก็บคำถามนั้นไว้ในใจแล้วย่างเท้าไปเบื้องหน้าอย่างไร้แก่นสาร
รู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปนานโข————เกลไม่ทราบว่าตนเดินทางมานานเท่าไหร่และตอนนี้เวลาไหน
แต่ที่แน่ๆจากความรู้สึกนั้นย่อมไม่ใช่เพียงแค่วันสองวัน
อาการอ่อนล้าและหิวโหย,กำลังประโคมเข้าใส่เกลอีกครั้งหนึ่ง
จะกลับไปกินศพของ <อสุรกาย> ตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้วด้วย เพราะทิศทางที่เกลเดินห่างออกมาก็กลายเป็นไม่รู้แล้วว่าอยู่ส่วนใดกันแน่
เอาง่ายๆคือไม่รู้ว่าควรเดินกลับไปทางไหน
เกลในยามนี้จึงรู้สึกคว้างโดยแท้จริง————เขาไม่รู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
กระทั่งขาหมดแรงเกลจึงลงไปนอนกองกับพื้น
ที่นี่..ในนรกแห่งนี้คงไม่มีสิ่งที่ว่าความหวังเหลืออยู่แล้วล่ะมั้ง? ไม่ว่าที่ไหนทุกคนก็สามารถตายได้ทุกเมื่อ
กระทั่งตัวเขาเองก็เช่นกัน————ไม่ช้าเร็วก็คงถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ตายไปอย่างโดดเดี่ยว
ไม่มีแรงและหายใจไม่ค่อยออก..อีกซักพักเขาคงได้ช็อกเพราะขาดน้ำแน่
พอนึกเช่นนั้นเกลจึงพลิกตัวมองขึ้นฟ้าด้วยแววตาว่างเปล่า
“ท้องฟ้าสีแดง...งั้นเหรอ”
ถึงจะน่าขนลุกนิดหน่อย
แต่โดยรวมก็ถือว่าสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง ที่นี่มีแต่ท้องฟ้าสีแดงฉาน————ดังนั้นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืนจึงไม่มีให้เห็น
รวมถึงดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ก็ด้วยเช่นกัน
เหนื่อยจัง,อยากหลับไปซักงีบแล้วสิ————เกลนึกอย่างนั้น แม้จะรู้ว่าหากหลับไปแล้วอาจจะต้องไปเริ่มใหม่ที่เดิม
กระนั้นร่างกายไปอาจทานทนได้อีก เปลือกตาทั้งสองเริ่มหลุบลงต่ำ
จนมองเห็นทุกสิ้นเป็นเพียงภาพแค่รางราวกับจมอยู่ใต้น้ำ กระทั่งลมหายใจ,เกลก็ถึงกับหยุดยั้งไปโดยไม่รู้ตัว
คงมาได้แค่นี้...
ขณะที่สติใกล้หลุดลอยออกไป
ชั่วพริบตานั้นไม่ทราบว่าเป็นภาพหลอนหรืออย่างไร
ตรงหน้าเกลก็พลันปรากฏเค้าร่างของคนผู้หนึ่ง
“~~~~~~~~~~~”
เหมือนคนตรงหน้าจะพูดอะไรซักอย่าง
ทว่าสมองเกลกลับไม่อาจรับรู้ได้ สติอันเลือนรางเฉกเดียวกับลมหายใจอันริบหรี่ ทำให้การสื่อสารของเขาแทบกลายเป็นศูนย์
จากนั้นจึงสิ้นสติหลับตาลงโดยไม่รับรู้อะไรอีก
.
.
“ฮ้าววว~”
เสียงใสหนึ่งดังแว่วเข้าโสตประสาท
เกลที่หลับอยู่จึงกระตุกคิ้ว ก่อนจะปรี่ตาขึ้นอย่างแช่มช้า แล้วเกลจึงมองเห็น————ว่าตนกำลังนอนอยู่บนเตียงขาวในห้องไม้สักดูสวยงาม
————ที่นี่..ที่ไหน?
ขณะที่สติยังไม่เข้าที่เข้าทาง ตอนนั้น,ที่ข้างกายก็พลันปรากฏเสียงหนึ่งขึ้นว่า “อ๊ะ! ตื่นแล้วเหรอคะ?” พอเกลหันมองไปตามเสียงจึงพบว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กสาววัย 15-16 เห็นจะได้
เธอฉีกยิ้มให้เขาจากนั้นจึงลุกจากเก้าอี้
แล้วเดินออกไปนอกห้องปล่อยให้เกลงุนงงอยู่อย่างนั้น————ใครกัน? เกลครุ่นคิด,ทว่าโดยรวมก็พอคาดเดาได้แล้ว
เท่าที่จำได้ก็คือก่อนหน้านี้เขาหมดสติลงกลางทาง
แล้วก็เหมือนจะมีคนมาเจอหรืออะไรทำนองนั้น
ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริง,แสดงว่าเด็กสาวคนเมื่อครู่ก็คือคนที่ช่วยเขาไว้
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ————เพราะจุดที่ควรพูดถึงก็คือทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ต่างหาก
ทำไมถึงมาเจอเกลได้ทั้งที่เขาอยู่บนเทือกเขาสูงเกือบตึกสิบชั้นแท้ๆ
แล้วไหนจะห้องไม้และเฟอร์นิเจอร์พวกนี้อีก พอเป็นเช่นนี้,เกลจึงหวนนึกไปถึงโซ่ทั้งสี่เส้นบนยอดเสา
หากตัดเขาไปหนึ่งก็จะเหลือสามคนที่เป็นเจ้าของโซ่เส้นที่เหลือ
“....”
บางทีเธออาจเป็นหนึ่งในนั้น
ระหว่างที่คิดอะไรไปพลางอยู่นี้
ทันใดนั้นเด็กสาวก็โผล่พรวดเปิดประตูเข้ามาจนเกลสะดุ้งเฮือก
ในมือของเธอกำลังถือเสื้อแขนกุดกับกางเกงขาก๊วยไว้อย่างลวกๆแล้วว่า
“นี่ค่ะ”
จากนั้นจึงยื่นเสื้อผ้ามาให้
จนเกลได้แต่กระพริบตาปริบๆก่อนจะเอื้อมมือไปรับ “อ่า...ขอบใจ” ขณะเดียวกันก็ลอบสำรวจอีกฝ่ายที่สวมเสื้อแขนกุดกับกางเกงขาก๊วยสีดำ
พลางหันมองสลับกับตนเองซึ่งเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่ม,แล้วถอนหายใจ
โดนเห็นหมดแล้วสินะ?
เอาเถอะ,ก่อนหน้านี้ที่ซอกหุบเขาก็โดนเห็นเหมือนกัน
หลังๆมานี้การเดินเปลือยไปมาก็ชักจะเฉยๆซะแล้วสิ เกลนึกขำในใจ,จากนั้นจึงสังเกตเห็นสิ่งผิดแปลกไปอีกประการ
ก็คือร่างกายซึ่งเดิมควรเปื้อนเลือดจนแห้งกรังนับไม่ถว้น
ทว่ายามนี้กลับกลายเป็นสะอาดหมดจดไร้ซึ่งคราบเลอะ เด็กสาวเหมือนเข้าใจความคิดเธอเอียงเล็กน้อยแล้วว่า
“ชั้นล้างตัวคุณให้แล้วล่ะ
ขอโทษนะคะ,ที่เสียมารยาท”
เปรี้ยงงงงงง!
ปรากฎเสียงฟ้าผ่าลั่นลงกลางใจเกลจนเจ้าตัวตะลึงค้าง
นอกจากจะถูกเห็นแล้วก็ยังถูกล้างตัวให้อีก? นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ,ว่า <ล้างตัว> ที่ว่ามันเป็นยังไง
“ฮะ..ฮะ..ไม่เป็นไรหรอก
ทางนี้สิต้องขอบคุณที่ช่วยไว้” เกลตอบไปอย่างนั้น
ก่อนจะสวมกางเกงอยู่ใต้ผ้าห่มและตามหลังด้วยเสื้อแขนกุด
เสื้อผ้าชุดนี้ล้วนเป็นสีขาวสะอาดตาทั้งคู่
“ชั้นชื่อ【เกล】เธอล่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ย,แล้วเด็กสาวจึงฉีกยิ้มตอบ
“【เอแคร์】ค่ะ”
เป็นชื่อที่น่ารักเหมาะกับหน้าตาซะจริง————
จ๊อกกกกกก~!
ทันใดนั้นลำไส้เจ้ากรรมพลันแผดร้องขึ้นอย่างน่าขัน
จนชายหนุ่มนิ่งค้างไปก่อนจะเริ่มหน้าแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
ทว่าเอแคร์กลับหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าแล้วกล่าว “ช่วยไม่ได้นะคะ” จบคำเธอจึงร่ายมือทั้งสองข้างเข้าหากันกลายเป็นท่าพนมมือ————จากนั้นจึงพึมพำเอ่ยคำไม่ออกเสียง
กระทั่งถึงคำสุดท้ายเธอจึงสูดหายใจลึกแล้วว่า
“จงปรากฏต่อหน้าข้า【จิวาล•กา•จอล์】”
พริบตานั้นจึงบังเกิดผืนน้ำสายหนึ่งขึ้นตรงหน้า,แล้วโถมเข้าใส่เกลโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
ผืนน้ำดังกล่าวพอปะทะเข้ากับร่างกายก็พลันซึมหายเข้าสู่ร่างของชายหนุ่ม
ขณะเดียวกันร่างกายซึ่งคงรอยแผลยิบย่อยกับอาการหิวโซไว้จึงค่อยเลือนหายไปอย่างน่าตกตะลึง————เกลในยามนี้ได้แต่ตะลึงงัน
“....นี่เธอ..ทำได้ยังไงกัน?”
“ความลับค่ะ”
۞۞۞
ความคิดเห็น