ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #12 : Ep.12 - Seraph

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.18K
      202
      29 ธ.ค. 59

    UNagain.12 – Seraph

     “ฮ่า....

    กว้างสุดลูกหูลูกตา————กระนั้น,ก็ต่างไปจากเดิมที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ให้เห็นอยู่ข้างทาง พื้นดินเองก็ไม่ใช่สีดำหยาบแต่เป็นน้ำตาลแก่ดูอุดมสมบูรณ์ รวมถึงสภาพอากาศด้านบนนี้ก็นับว่าดีกว่าในช่องหุบเขาที่ร้อนอบอ้าว ณ ช่วงเวลานี้เกลจึงได้แต่ปล่อยตัวให้ไหลไปตามกระแสอย่างสงบนิ่ง

    สัมผัสของคลื่นลมที่ปะทะต่อร่างกายนั้นทำให้เกลยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

    เอาล่ะ จากนี้ไป...จะเอายังไงต่อดีนะ?”

    เกลรำพึงกับตนเอง พลางยกมือหนึ่งขึ้นลูบคางราวกับใช้ความคิด ที่นี่ดูกว้างขวางจนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากจุดไหนก่อน ทั้งนี้ก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าหลบหนีออกจากนรกขุมที่สามแซมกาด้าได้สำเร็จ เพราะพื้นที่ๆเกลเหยียบสัมผัสอยู่นี้ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของนรกขุมนี้ด้วยเช่นกัน

    แต่เรื่องที่เขาหลุดออกจาก <สถานทรมานนั้นนับว่าเป็นความจริง

    หลังจากนี้ก็คงไม่เจอ <คลื่นอีกแล้วล่ะนะ

    ถึงจะยังรู้สึกสับสนและปนเปไปด้วยอารมณ์หลาก ทว่าเกลก็เลือกก้าวเดินต่อไป ทางเดินอันไร้ที่สิ้นสุดในหุบเขากับพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตานี้จะมีผลลัพธ์ที่ต่างกันออกไปรึเปล่านะ?————เกลได้แต่เก็บคำถามนั้นไว้ในใจแล้วย่างเท้าไปเบื้องหน้าอย่างไร้แก่นสาร

    รู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปนานโข————เกลไม่ทราบว่าตนเดินทางมานานเท่าไหร่และตอนนี้เวลาไหน แต่ที่แน่ๆจากความรู้สึกนั้นย่อมไม่ใช่เพียงแค่วันสองวัน

    อาการอ่อนล้าและหิวโหย,กำลังประโคมเข้าใส่เกลอีกครั้งหนึ่ง

    จะกลับไปกินศพของ <อสุรกายตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้วด้วย เพราะทิศทางที่เกลเดินห่างออกมาก็กลายเป็นไม่รู้แล้วว่าอยู่ส่วนใดกันแน่ เอาง่ายๆคือไม่รู้ว่าควรเดินกลับไปทางไหน

    เกลในยามนี้จึงรู้สึกคว้างโดยแท้จริง————เขาไม่รู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

    กระทั่งขาหมดแรงเกลจึงลงไปนอนกองกับพื้น

    ที่นี่..ในนรกแห่งนี้คงไม่มีสิ่งที่ว่าความหวังเหลืออยู่แล้วล่ะมั้งไม่ว่าที่ไหนทุกคนก็สามารถตายได้ทุกเมื่อ กระทั่งตัวเขาเองก็เช่นกัน————ไม่ช้าเร็วก็คงถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ตายไปอย่างโดดเดี่ยว

    ไม่มีแรงและหายใจไม่ค่อยออก..อีกซักพักเขาคงได้ช็อกเพราะขาดน้ำแน่ พอนึกเช่นนั้นเกลจึงพลิกตัวมองขึ้นฟ้าด้วยแววตาว่างเปล่า

    ท้องฟ้าสีแดง...งั้นเหรอ

    ถึงจะน่าขนลุกนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง ที่นี่มีแต่ท้องฟ้าสีแดงฉาน————ดังนั้นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืนจึงไม่มีให้เห็น รวมถึงดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ก็ด้วยเช่นกัน

    เหนื่อยจัง,อยากหลับไปซักงีบแล้วสิ————เกลนึกอย่างนั้น แม้จะรู้ว่าหากหลับไปแล้วอาจจะต้องไปเริ่มใหม่ที่เดิม กระนั้นร่างกายไปอาจทานทนได้อีก เปลือกตาทั้งสองเริ่มหลุบลงต่ำ จนมองเห็นทุกสิ้นเป็นเพียงภาพแค่รางราวกับจมอยู่ใต้น้ำ กระทั่งลมหายใจ,เกลก็ถึงกับหยุดยั้งไปโดยไม่รู้ตัว

    คงมาได้แค่นี้...

    ขณะที่สติใกล้หลุดลอยออกไป ชั่วพริบตานั้นไม่ทราบว่าเป็นภาพหลอนหรืออย่างไร ตรงหน้าเกลก็พลันปรากฏเค้าร่างของคนผู้หนึ่ง

    “~~~~~~~~~~~”

    เหมือนคนตรงหน้าจะพูดอะไรซักอย่าง ทว่าสมองเกลกลับไม่อาจรับรู้ได้ สติอันเลือนรางเฉกเดียวกับลมหายใจอันริบหรี่ ทำให้การสื่อสารของเขาแทบกลายเป็นศูนย์

    จากนั้นจึงสิ้นสติหลับตาลงโดยไม่รับรู้อะไรอีก

    .

    .

    ฮ้าววว~”

    เสียงใสหนึ่งดังแว่วเข้าโสตประสาท เกลที่หลับอยู่จึงกระตุกคิ้ว ก่อนจะปรี่ตาขึ้นอย่างแช่มช้า แล้วเกลจึงมองเห็น————ว่าตนกำลังนอนอยู่บนเตียงขาวในห้องไม้สักดูสวยงาม

    ————ที่นี่..ที่ไหน?

    ขณะที่สติยังไม่เข้าที่เข้าทาง ตอนนั้น,ที่ข้างกายก็พลันปรากฏเสียงหนึ่งขึ้นว่า “อ๊ะตื่นแล้วเหรอคะ?” พอเกลหันมองไปตามเสียงจึงพบว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กสาววัย 15-16 เห็นจะได้

    เธอฉีกยิ้มให้เขาจากนั้นจึงลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินออกไปนอกห้องปล่อยให้เกลงุนงงอยู่อย่างนั้น————ใครกันเกลครุ่นคิด,ทว่าโดยรวมก็พอคาดเดาได้แล้ว เท่าที่จำได้ก็คือก่อนหน้านี้เขาหมดสติลงกลางทาง แล้วก็เหมือนจะมีคนมาเจอหรืออะไรทำนองนั้น

    ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริง,แสดงว่าเด็กสาวคนเมื่อครู่ก็คือคนที่ช่วยเขาไว้

    แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ————เพราะจุดที่ควรพูดถึงก็คือทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ต่างหาก ทำไมถึงมาเจอเกลได้ทั้งที่เขาอยู่บนเทือกเขาสูงเกือบตึกสิบชั้นแท้ๆ แล้วไหนจะห้องไม้และเฟอร์นิเจอร์พวกนี้อีก พอเป็นเช่นนี้,เกลจึงหวนนึกไปถึงโซ่ทั้งสี่เส้นบนยอดเสา หากตัดเขาไปหนึ่งก็จะเหลือสามคนที่เป็นเจ้าของโซ่เส้นที่เหลือ

    ....

    บางทีเธออาจเป็นหนึ่งในนั้น

    ระหว่างที่คิดอะไรไปพลางอยู่นี้ ทันใดนั้นเด็กสาวก็โผล่พรวดเปิดประตูเข้ามาจนเกลสะดุ้งเฮือก ในมือของเธอกำลังถือเสื้อแขนกุดกับกางเกงขาก๊วยไว้อย่างลวกๆแล้วว่า

    นี่ค่ะ

    จากนั้นจึงยื่นเสื้อผ้ามาให้ จนเกลได้แต่กระพริบตาปริบๆก่อนจะเอื้อมมือไปรับ “อ่า...ขอบใจ” ขณะเดียวกันก็ลอบสำรวจอีกฝ่ายที่สวมเสื้อแขนกุดกับกางเกงขาก๊วยสีดำ พลางหันมองสลับกับตนเองซึ่งเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่ม,แล้วถอนหายใจ

    โดนเห็นหมดแล้วสินะ?

    เอาเถอะ,ก่อนหน้านี้ที่ซอกหุบเขาก็โดนเห็นเหมือนกัน หลังๆมานี้การเดินเปลือยไปมาก็ชักจะเฉยๆซะแล้วสิ เกลนึกขำในใจ,จากนั้นจึงสังเกตเห็นสิ่งผิดแปลกไปอีกประการ ก็คือร่างกายซึ่งเดิมควรเปื้อนเลือดจนแห้งกรังนับไม่ถว้น ทว่ายามนี้กลับกลายเป็นสะอาดหมดจดไร้ซึ่งคราบเลอะ เด็กสาวเหมือนเข้าใจความคิดเธอเอียงเล็กน้อยแล้วว่า

    ชั้นล้างตัวคุณให้แล้วล่ะ ขอโทษนะคะ,ที่เสียมารยาท

    เปรี้ยงงงงงง!

    ปรากฎเสียงฟ้าผ่าลั่นลงกลางใจเกลจนเจ้าตัวตะลึงค้าง นอกจากจะถูกเห็นแล้วก็ยังถูกล้างตัวให้อีกนึกภาพไม่ออกเลยแฮะ,ว่า <ล้างตัวที่ว่ามันเป็นยังไง

    ฮะ..ฮะ..ไม่เป็นไรหรอก ทางนี้สิต้องขอบคุณที่ช่วยไว้” เกลตอบไปอย่างนั้น ก่อนจะสวมกางเกงอยู่ใต้ผ้าห่มและตามหลังด้วยเสื้อแขนกุด เสื้อผ้าชุดนี้ล้วนเป็นสีขาวสะอาดตาทั้งคู่

    ชั้นชื่อเกลเธอล่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ย,แล้วเด็กสาวจึงฉีกยิ้มตอบ

    เอแคร์ค่ะ

    เป็นชื่อที่น่ารักเหมาะกับหน้าตาซะจริง————

    จ๊อกกกกกก~!

    ทันใดนั้นลำไส้เจ้ากรรมพลันแผดร้องขึ้นอย่างน่าขัน จนชายหนุ่มนิ่งค้างไปก่อนจะเริ่มหน้าแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ทว่าเอแคร์กลับหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าแล้วกล่าว “ช่วยไม่ได้นะคะ” จบคำเธอจึงร่ายมือทั้งสองข้างเข้าหากันกลายเป็นท่าพนมมือ————จากนั้นจึงพึมพำเอ่ยคำไม่ออกเสียง กระทั่งถึงคำสุดท้ายเธอจึงสูดหายใจลึกแล้วว่า

    จงปรากฏต่อหน้าข้าจิวาลกาจอล์

    พริบตานั้นจึงบังเกิดผืนน้ำสายหนึ่งขึ้นตรงหน้า,แล้วโถมเข้าใส่เกลโดยไม่ทันให้ตั้งตัว ผืนน้ำดังกล่าวพอปะทะเข้ากับร่างกายก็พลันซึมหายเข้าสู่ร่างของชายหนุ่ม ขณะเดียวกันร่างกายซึ่งคงรอยแผลยิบย่อยกับอาการหิวโซไว้จึงค่อยเลือนหายไปอย่างน่าตกตะลึง————เกลในยามนี้ได้แต่ตะลึงงัน

    ....นี่เธอ..ทำได้ยังไงกัน?”

    ความลับค่ะ

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×