ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #5 : Ep.05 - Skyfall

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.01K
      230
      29 ธ.ค. 59

    UNagain.05 - Skyfall

    เกลนั่งเงียบอยู่กับพื้น ตายอีกแล้วงั้นเหรอครั้งนี้ก็นับว่าเป็นหนที่สามแล้วสินะชายหนุ่มขบคิดอยู่กับตนเอง กลุ่มที่มากับเกลล้วนอยู่ในสภาพสิ้นหวัง,คาดว่าพวกเขาคงประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน

    เกลกระจ่างแล้วว่าเหตุใดคนที่นี่จึงมีท่าทีเช่นนั้น

    พวกคนส่วนใหญ่ก็คงเพราะหมดแรงตอนวิ่งจึงถูกเทือกเขาอัดจนตัวแตก แถมพอตายปุ๊บก็กลับมาเกิดใหม่ที่เดิม————ต่อให้วิ่งต่อไปหรือวิ่งสะสมไว้ก่อนยังไงๆก็ไปไม่ถึงสุดทางเสียที

    จังหวะนั้นในกลุ่มหน้าใหม่ของเกลจึงมีหญิงสาวตะโกนลั่น “เฮ้ยพวกนายน่ะเคยมีใครออกไปจากที่นี่ได้ไหม?” ผู้พูดเป็นสตรีสาวผมดำ เรือนร่างของเธอไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด,นับว่าเป็นของกระตุ้นอารมณ์เหล่าบุรุษได้ดีเลิศ ทว่าสถานภาพบวกกับสภาพแวดล้อมจึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่กลายเป็นด้านชาแทน

    ขณะนั้นชายฉกรรจ์หนึ่งก็ถอนหายใจว่า “ไม่เคยมีหรอก” สาวผมดำขมวดคิ้วถามกลับ “ถ้างั้นพวกนายจะมัวมาวิ่งอยู่ทำไมล่ะไม่คิดลองหาทางอื่นดูหน่อยเหรอ?”

    แทบจะพร้อมเพรียงพวกมันจึงระเบิดเสียงหัวร่อออกมา————แล้วว่า

    ทิศทางที่พวกเราขยับได้ก็มีเพียงแค่ทางตรงเท่านั้นล่ะ ส่วนที่วิ่งน่ะก็เพื่อหาทางออกที่อาจจะอยู่สุดปลายทางข้างหน้าก็ได้ยังไงล่ะ” ชายคนเดิมว่าแล้วชี้ไปยังบางคนที่เริ่มลุกขึ้นไปวิ่งก่อนที่คลื่นระลอกสองจะเกิดขึ้น

    ....

    ทางออกนั่นมันจะมีจริงๆเหรอเกลครุ่นคิด

    เหอะคิดว่าสุดทางนั่นจะมีทางออกอยู่รึไง?” เธอว่า,กระนั้นเขากลับเมิน————ชี้ไปยังคนอีกกลุ่มที่นอนแหมะกับพื้นด้วยท่าทีว่างเปล่า “ถ้าคิดว่าไม่มี,เธอก็ลงไปนอนแบบพวกนั้นเถอะ บางทีพอตายไปซักล้านครั้งแล้วเธออาจชดใช้กรรมจนหมดแล้วก็ได้

    ว่าไงนะ!?”

    เหมือนจะมีเรื่อง,ทว่าพอฝ่ายชายจ้องตาตอบ หญิงสาวก็ชะงักกึกรับรู้ได้ว่าไม่ควรสร้างปัญหา เธอสบถคำหนึ่งก่อนจะโพล่งขึ้นว่า “คนที่นี่มีอยู่ตั้งหลักหมื่น,ไม่มีใครคิดจะลุกขึ้นสู้กับพวกมีเขานั่นบ้างรึไง!?”

    จากนั้นทุกคนจึงเงียบกริบ ชายฉกรรจ์คนเดิมตอบ “มนุษย์อย่างเราไม่สามารถต่อกรนิรยบาลได้หรอก ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คือพวกมันไม่ได้มีดีแค่ถือสามง่ามอย่างที่พวกเธอคิดหรอกนะ

    จะบอกว่าต่อให้เรามีเป็นหมื่นก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้รึไง?”

    ใช่

    ....” กลุ่มของเกลเงียบค้างไม่เข้าใจคำดังกล่าว ไม่สามารถเอาชนะได้คำพูดนี้ฟังยังไงก็ดูเกินจริงเสียจนเชื่อได้ยาก เกลข้องใจเล็กน้อย จากนั้นหญิงสาวจึงว่า “ก็ได้ถ้าไม่มีใครไปงั้นชั้นจะไปเอง” จบคำเธอจึงย่ำเท้ากลับเข้าช่องแคบอย่างขุ่นเคือง พวกหน้าใหม่ล้วนมองเธออย่างลังเล————จากนั้นเกลจึงก้าวตามหลังไป

    ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว....ตายอีกซักครั้งจะเป็นไรไป?

    เกลเชื่ออย่างนั้น

    การกระทำของหนึ่งชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาวเรียกความสนใจจากทุกคนได้ไม่มากก็น้อย ในกลุ่มพวกหน้าใหม่ทำท่าราวกับตัดสินใจ จากนั้นแปดคนที่เหลือจึงมีอีกสี่คนก้าวตามหลังเกลไปด้วยท่าทีมุ่งมั่น

    พอลับตา,พวกเขาทั้งหกจึงมารวมกันอยู่ในตรอกแคบของหุบเขา มีชายสองและหญิงสี่อยู่ในกลุ่ม,ทุกคนเริ่มแนะนำตัวกันตามมารยาท จึงสรุปได้ว่าฝั่งชายมี เกล กับ เอก และฝั่งหญิงก็เป็น เบย์,น้ำผึ้ง,ฟ้า และไลม์————หญิงสาวคนเมื่อครู่คือเบย์ เธอหยุดฝีเท้าลงก่อนจะว่า

    ข้างหน้านี้มีพวกผิวแดงอยู่ประมาณ 50 คน ถึงไม่อยากจะพูด,แต่ที่แน่ๆเลยคือต้องมีคนตาย” เธอเว้นเสียงแล้วกวาดตามองทุกคน “เพราะงั้นเราจะใช้ตัวล่อ....ต้องมีหนึ่งคนที่เสียสละ

    เบย์ว่าแล้วเพ่งสายตามายังเกลและเอกซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ หญิงสาวทั้งสี่ราวกับนัดแนะพร้อมใจกันกดดันมาที่พวกเขาราวกับสั่งให้ตัดสินใจเลือก เกลและเอกถึงกับเหงื่อแตกพลั่กเห็นว่าผิดท่า————มิตรภาพที่เพิ่งพบเจอกันไม่ถึงนาทีกำลังจะพังทลายลงเอาดื้อๆซะอย่างนั้น

    แล้วเบย์จึงแนะ “ถ้าพวกนายยังเลือกไม่ได้...งั้นชั้นเลือกเอง” นิ้วเรียวสวยชี้มาทางเกลอย่างไม่ลังเล “นาย,ต้องไปเป็นตัวล่อเพื่อเปิดโอกาสหนีให้พวกเรา

    หา!? อย่ามาล้อเล่นนะทำไมถึงต้องเป็นชั้นล่ะ?”

    เพราะนายดูอ่อนแอสุด ในกรณีนี้เพราะพวกเราเป็นผู้หญิง,ยังไงก็ต้องการผู้ชายที่ดูพึ่งพาได้มาช่วยคุ้มกันให้อยู่แล้ว...จริงไหม?”————เบย์เอ่ยเสร็จจึงเดินเข้าไปคล้องแขนเอกอย่างสนิทสนม หากให้เทียบระหว่างเกลกับเอก,ก็คงจะจริงว่าทางนั้นดูมีประโยชน์มากกว่าเขา ทั้งร่างกายกำยำและตัวสูงใหญ่ ยังไงๆเกลซึ่งเป็นเพียงชายร่างผอมบางก็ไม่อา จเข้าไปเทียบรัศมีได้

    ไม่ต้องห่วง หากพวกเรารอดไปได้,จะกลับมาช่วยนายแน่นอน” ไลม์หญิงสาวอีกคนหนึ่งว่าสำทับพลางส่งยิ้มให้ ทุกคนๆเอง,ในขณะนี้ก็กำลังยิ้มขึ้นมุมปากอย่างยินดี กระทั่งเอกซึ่งเฉียดกลายเป็นผู้รับเคราะห์ก็ดันส่งยิ้มให้เขาอย่างน่ารังเกียจ

    คิดผิดจริงๆที่มากับเจ้าพวกนี้————ไอ้เวรเอ๊ย!

    กรอด...เออ,ยังไงชั้นก็ตายได้เรื่อยๆอยู่แล้วนี่หว่า

    เกลสบถ,แล้วเดินตัดหน้าคนทั้งห้าเลยออกไปจากหุบเขา ชายหนุ่มเลือกทำตามคำของคนเห็นแก่ตัวพวกนี้ ไม่สิ,แท้จริงควรว่านี่เป็นเจตจำนงของเขาเองเสียซะมากกว่า

    กล่าวคือเกลอยากรู้————ถึงความน่ากลัวของนิรยบาล

    คำพูดของคนพวกนั้นฟังยังไงก็เชื่อได้ยาก ดังนั้นเขาจึงคิดจะพิสูจน์ด้วยตาตนเอง และถึงแม้จะตายก็ยังคงฟื้นใหม่ได้ ฉะนั้นเกลจึงหายห่วงเรื่องออกไปตายเปล่า

    ถึงจะต้องเจ็บตัวไม่ใช่น้อย,แต่ก็เอาเถอะ

    หากคิดดูให้ดี ต่อให้เขาเป็นเหยื่อล่อพวกนิรยบาลจริง ก็ใช่ว่าพวกเบย์จะสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จซะเมื่อไหร่คนหกคนโดยมีตัวล่อหนึ่งจะสามารถยื้อเวลาได้ซักแค่ไหนกันเชียว?

    ระหว่างขบคิดในหัว,เกลจึงก้าวออกช่องแคบมาโผล่อยู่หน้าทางเข้าของนรกสถานีที่สามแซมกาด้าด้านข้างของเขามีป้ายเหล็กขนาดใหญ่เขียนไว้อย่างนั้น แทบจะพร้อมเพรียง,สุดสายตาจึงมองเห็นร่างของนิรยบาลปรากฏตัวขึ้นนายหนึ่ง————ที่ด้านหลังของมันมีพรรคพวกอออยู่ราว 50 คนดังคาด

    มนุษย์,จงกลับไปทางเดิมเสีย

    เริ่มด้วยการเจรจางั้นเรอะนึกว่ามาถึงจะเอาหอกไล่แทงซะอีก...เกลรำพึงในใจ จากนั้นจึงเหลือบมองพวกมันที่เหลือซึ่งมีท่าทีเฉยชาราวกับมองเขาเป็นเพียงอากาศธาตุอย่างไร้แก่นสาร

    จะเอายังไงดีนะ?————ผ่านไปราวสิบวิ,นิรยบาลตรงหน้าจึงว่า “หากเจ้ายังดื้อดึง,เช่นนั้นข้า––” ไม่ทันจบคำ,เกลพลันถีบตัวออกซัดหมัดสุดแรงเข้ากลางท้องอีกฝ่ายโดยไม่ให้ทันตั้งตัว

    พลั่ก!

    นี่เป็นแผนการของเกล ชายหนุ่มคิดประเดิมด้วยการจู่โจมทีเผลอจากนั้นพออีกฝ่ายเผยช่องโหว่จังหวะนี้จึงเป็นโอกาสให้ตนได้หนีออกไป หลังจากที่ซัดหมัดเข้าเต็มรัก,แผนการขั้นแรกจึงนับว่าเสร็จสิ้น เกลเตรียมผละตัวออกเพื่อหลบหนี ทว่าก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะก้าวได้ไกลมากกว่านี้,จู่ๆแขนขวาก็ถูกบางสิ่งรั้งไว้

    เป็นมือของนิรยบาล,อุ้งมือสีแดงเข้มบีบแขนเกลโดยแรงจนเขาร้องลั่น ขณะเดียวกันนิรยบาลผู้นี้ก็เผยเจตนาฆ่าฟันจดจ้องมายังเกลอย่างถมึงทึงแล้วคำรามกดเสียงต่ำ

    ตาย!!”

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×