คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Ep.05 - Skyfall
UNagain.05 - Skyfall
เกลนั่งเงียบอยู่กับพื้น ตายอีกแล้วงั้นเหรอ? ครั้งนี้ก็นับว่าเป็นหนที่สามแล้วสินะ? ชายหนุ่มขบคิดอยู่กับตนเอง กลุ่มที่มากับเกลล้วนอยู่ในสภาพสิ้นหวัง,คาดว่าพวกเขาคงประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน
เกลกระจ่างแล้วว่าเหตุใดคนที่นี่จึงมีท่าทีเช่นนั้น
พวกคนส่วนใหญ่ก็คงเพราะหมดแรงตอนวิ่งจึงถูกเทือกเขาอัดจนตัวแตก
แถมพอตายปุ๊บก็กลับมาเกิดใหม่ที่เดิม————ต่อให้วิ่งต่อไปหรือวิ่งสะสมไว้ก่อนยังไงๆก็ไปไม่ถึงสุดทางเสียที
จังหวะนั้นในกลุ่มหน้าใหม่ของเกลจึงมีหญิงสาวตะโกนลั่น “เฮ้ย! พวกนายน่ะเคยมีใครออกไปจากที่นี่ได้ไหม?” ผู้พูดเป็นสตรีสาวผมดำ
เรือนร่างของเธอไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด,นับว่าเป็นของกระตุ้นอารมณ์เหล่าบุรุษได้ดีเลิศ
ทว่าสถานภาพบวกกับสภาพแวดล้อมจึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่กลายเป็นด้านชาแทน
ขณะนั้นชายฉกรรจ์หนึ่งก็ถอนหายใจว่า “ไม่เคยมีหรอก” สาวผมดำขมวดคิ้วถามกลับ “ถ้างั้นพวกนายจะมัวมาวิ่งอยู่ทำไมล่ะ? ไม่คิดลองหาทางอื่นดูหน่อยเหรอ?”
แทบจะพร้อมเพรียงพวกมันจึงระเบิดเสียงหัวร่อออกมา————แล้วว่า
“ทิศทางที่พวกเราขยับได้ก็มีเพียงแค่ทางตรงเท่านั้นล่ะ
ส่วนที่วิ่งน่ะก็เพื่อหาทางออกที่อาจจะอยู่สุดปลายทางข้างหน้าก็ได้ยังไงล่ะ” ชายคนเดิมว่าแล้วชี้ไปยังบางคนที่เริ่มลุกขึ้นไปวิ่งก่อนที่คลื่นระลอกสองจะเกิดขึ้น
“....”
ทางออกนั่นมันจะมีจริงๆเหรอ? เกลครุ่นคิด
“เหอะ! คิดว่าสุดทางนั่นจะมีทางออกอยู่รึไง?” เธอว่า,กระนั้นเขากลับเมิน————ชี้ไปยังคนอีกกลุ่มที่นอนแหมะกับพื้นด้วยท่าทีว่างเปล่า “ถ้าคิดว่าไม่มี,เธอก็ลงไปนอนแบบพวกนั้นเถอะ
บางทีพอตายไปซักล้านครั้งแล้วเธออาจชดใช้กรรมจนหมดแล้วก็ได้”
“ว่าไงนะ!?”
เหมือนจะมีเรื่อง,ทว่าพอฝ่ายชายจ้องตาตอบ
หญิงสาวก็ชะงักกึกรับรู้ได้ว่าไม่ควรสร้างปัญหา เธอสบถคำหนึ่งก่อนจะโพล่งขึ้นว่า “คนที่นี่มีอยู่ตั้งหลักหมื่น,ไม่มีใครคิดจะลุกขึ้นสู้กับพวกมีเขานั่นบ้างรึไง!?”
จากนั้นทุกคนจึงเงียบกริบ ชายฉกรรจ์คนเดิมตอบ “มนุษย์อย่างเราไม่สามารถต่อกร【นิรยบาล】ได้หรอก
ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คือพวกมันไม่ได้มีดีแค่ถือสามง่ามอย่างที่พวกเธอคิดหรอกนะ”
“จะบอกว่าต่อให้เรามีเป็นหมื่นก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้รึไง?”
“ใช่”
“....” กลุ่มของเกลเงียบค้างไม่เข้าใจคำดังกล่าว ไม่สามารถเอาชนะได้? คำพูดนี้ฟังยังไงก็ดูเกินจริงเสียจนเชื่อได้ยาก เกลข้องใจเล็กน้อย
จากนั้นหญิงสาวจึงว่า “ก็ได้! ถ้าไม่มีใครไปงั้นชั้นจะไปเอง” จบคำเธอจึงย่ำเท้ากลับเข้าช่องแคบอย่างขุ่นเคือง
พวกหน้าใหม่ล้วนมองเธออย่างลังเล————จากนั้นเกลจึงก้าวตามหลังไป
ยังไงก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว....ตายอีกซักครั้งจะเป็นไรไป?
เกลเชื่ออย่างนั้น
การกระทำของหนึ่งชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาวเรียกความสนใจจากทุกคนได้ไม่มากก็น้อย
ในกลุ่มพวกหน้าใหม่ทำท่าราวกับตัดสินใจ
จากนั้นแปดคนที่เหลือจึงมีอีกสี่คนก้าวตามหลังเกลไปด้วยท่าทีมุ่งมั่น
พอลับตา,พวกเขาทั้งหกจึงมารวมกันอยู่ในตรอกแคบของหุบเขา
มีชายสองและหญิงสี่อยู่ในกลุ่ม,ทุกคนเริ่มแนะนำตัวกันตามมารยาท
จึงสรุปได้ว่าฝั่งชายมี เกล กับ เอก และฝั่งหญิงก็เป็น เบย์,น้ำผึ้ง,ฟ้า และไลม์————หญิงสาวคนเมื่อครู่คือเบย์
เธอหยุดฝีเท้าลงก่อนจะว่า
“ข้างหน้านี้มีพวกผิวแดงอยู่ประมาณ
50 คน ถึงไม่อยากจะพูด,แต่ที่แน่ๆเลยคือต้องมีคนตาย” เธอเว้นเสียงแล้วกวาดตามองทุกคน “เพราะงั้นเราจะใช้ตัวล่อ....ต้องมีหนึ่งคนที่เสียสละ”
เบย์ว่าแล้วเพ่งสายตามายังเกลและเอกซึ่งเป็นชายฉกรรจ์
หญิงสาวทั้งสี่ราวกับนัดแนะพร้อมใจกันกดดันมาที่พวกเขาราวกับสั่งให้ตัดสินใจเลือก
เกลและเอกถึงกับเหงื่อแตกพลั่กเห็นว่าผิดท่า————มิตรภาพที่เพิ่งพบเจอกันไม่ถึงนาทีกำลังจะพังทลายลงเอาดื้อๆซะอย่างนั้น
แล้วเบย์จึงแนะ “ถ้าพวกนายยังเลือกไม่ได้...งั้นชั้นเลือกเอง” นิ้วเรียวสวยชี้มาทางเกลอย่างไม่ลังเล “นาย,ต้องไปเป็นตัวล่อเพื่อเปิดโอกาสหนีให้พวกเรา”
“หา!? อย่ามาล้อเล่นนะ! ทำไมถึงต้องเป็นชั้นล่ะ?”
“เพราะนายดูอ่อนแอสุด
ในกรณีนี้เพราะพวกเราเป็นผู้หญิง,ยังไงก็ต้องการผู้ชายที่ดูพึ่งพาได้มาช่วยคุ้มกันให้อยู่แล้ว...จริงไหม?”————เบย์เอ่ยเสร็จจึงเดินเข้าไปคล้องแขนเอกอย่างสนิทสนม
หากให้เทียบระหว่างเกลกับเอก,ก็คงจะจริงว่าทางนั้นดูมีประโยชน์มากกว่าเขา
ทั้งร่างกายกำยำและตัวสูงใหญ่ ยังไงๆเกลซึ่งเป็นเพียงชายร่างผอมบางก็ไม่อา
จเข้าไปเทียบรัศมีได้
“ไม่ต้องห่วง หากพวกเรารอดไปได้,จะกลับมาช่วยนายแน่นอน” ไลม์หญิงสาวอีกคนหนึ่งว่าสำทับพลางส่งยิ้มให้
ทุกคนๆเอง,ในขณะนี้ก็กำลังยิ้มขึ้นมุมปากอย่างยินดี
กระทั่งเอกซึ่งเฉียดกลายเป็นผู้รับเคราะห์ก็ดันส่งยิ้มให้เขาอย่างน่ารังเกียจ
คิดผิดจริงๆที่มากับเจ้าพวกนี้————ไอ้เวรเอ๊ย!
“กรอด...เออ,ยังไงชั้นก็ตายได้เรื่อยๆอยู่แล้วนี่หว่า”
เกลสบถ,แล้วเดินตัดหน้าคนทั้งห้าเลยออกไปจากหุบเขา
ชายหนุ่มเลือกทำตามคำของคนเห็นแก่ตัวพวกนี้ ไม่สิ,แท้จริงควรว่านี่เป็นเจตจำนงของเขาเองเสียซะมากกว่า
กล่าวคือเกลอยากรู้————ถึงความน่ากลัวของ【นิรยบาล】
คำพูดของคนพวกนั้นฟังยังไงก็เชื่อได้ยาก
ดังนั้นเขาจึงคิดจะพิสูจน์ด้วยตาตนเอง และถึงแม้จะตายก็ยังคงฟื้นใหม่ได้
ฉะนั้นเกลจึงหายห่วงเรื่องออกไปตายเปล่า
ถึงจะต้องเจ็บตัวไม่ใช่น้อย,แต่ก็เอาเถอะ
หากคิดดูให้ดี ต่อให้เขาเป็นเหยื่อล่อพวกนิรยบาลจริง
ก็ใช่ว่าพวกเบย์จะสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จซะเมื่อไหร่? คนหกคนโดยมีตัวล่อหนึ่งจะสามารถยื้อเวลาได้ซักแค่ไหนกันเชียว?
ระหว่างขบคิดในหัว,เกลจึงก้าวออกช่องแคบมาโผล่อยู่หน้าทางเข้าของนรกสถานีที่สาม【แซมกาด้า】ด้านข้างของเขามีป้ายเหล็กขนาดใหญ่เขียนไว้อย่างนั้น
แทบจะพร้อมเพรียง,สุดสายตาจึงมองเห็นร่างของนิรยบาลปรากฏตัวขึ้นนายหนึ่ง————ที่ด้านหลังของมันมีพรรคพวกอออยู่ราว 50 คนดังคาด
“มนุษย์,จงกลับไปทางเดิมเสีย”
เริ่มด้วยการเจรจางั้นเรอะ? นึกว่ามาถึงจะเอาหอกไล่แทงซะอีก...เกลรำพึงในใจ
จากนั้นจึงเหลือบมองพวกมันที่เหลือซึ่งมีท่าทีเฉยชาราวกับมองเขาเป็นเพียงอากาศธาตุอย่างไร้แก่นสาร
จะเอายังไงดีนะ?————ผ่านไปราวสิบวิ,นิรยบาลตรงหน้าจึงว่า “หากเจ้ายังดื้อดึง,เช่นนั้นข้า––” ไม่ทันจบคำ,เกลพลันถีบตัวออกซัดหมัดสุดแรงเข้ากลางท้องอีกฝ่ายโดยไม่ให้ทันตั้งตัว
พลั่ก!
นี่เป็นแผนการของเกล
ชายหนุ่มคิดประเดิมด้วยการจู่โจมทีเผลอจากนั้นพออีกฝ่ายเผยช่องโหว่จังหวะนี้จึงเป็นโอกาสให้ตนได้หนีออกไป
หลังจากที่ซัดหมัดเข้าเต็มรัก,แผนการขั้นแรกจึงนับว่าเสร็จสิ้น
เกลเตรียมผละตัวออกเพื่อหลบหนี ทว่าก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะก้าวได้ไกลมากกว่านี้,จู่ๆแขนขวาก็ถูกบางสิ่งรั้งไว้
เป็นมือของนิรยบาล,อุ้งมือสีแดงเข้มบีบแขนเกลโดยแรงจนเขาร้องลั่น
ขณะเดียวกันนิรยบาลผู้นี้ก็เผยเจตนาฆ่าฟันจดจ้องมายังเกลอย่างถมึงทึงแล้วคำรามกดเสียงต่ำ
“ตาย!!”
۞۞۞
ความคิดเห็น