คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #64 : Ep.64 - Silly
UNagain.64 – Silly
“แต่เด็กคนนั้นยังสวมปลอกคออยู่! ยังไงก็ไม่กลาย—”
“แกมันจะไปรู้อะไร!?”
ชายตรงหน้าบันดาลโทสะกระชากคอเสื้อเกล แล้วตวาดลั่น
“เพราะพวกมันครอบครัวชั้นถึงต้องตาย! เพื่อนชั้นและคนในเมืองที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องมาตายเพราะไอ้สัตว์ประหลาดพวกนี้!”
“ใช่! ใช่! เราต้องกำจัดมันซะ!”
“อย่าให้มันมีที่ยืนอยู่ในเมืองนี้!”
เสียงสนับสนุนดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ เขาขบเขี้ยวฟันแน่น
“ใช้สติหน่อยสิโว้ย! นี่พวกแกเป็นบ้ากันไปแล้วรึไง!? ไอ้คนที่ฆ่าครอบครัวแกเพื่อนแกมันใช่ไอ้เด็กนี่เหรอ!”
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”
———แม่งเอ๊ย! คนพวกนี้เสียสติไปแล้ว! ถ้าฝืนคุยต่อก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา เกลนึกพลางหลั่งเหงื่อกาฬไปทั่วหน้า ขณะเดียวกันก็ลอบมองไปยังเด็กน้อยซึ่งกำลังหายใจรวยริน
จะทำยังไงดี..?
ถ้าเราช่วยเด็กคนนั้น บางทีคงได้แผลซักนิดหน่อย
———แต่ขืนทำแบบนั้นเราก็จะโดนหางเลขไปด้วย
จะถูกคนพวกนี้ตัดสินในฐานะศาลเตี้ย ต่อให้พวกมันรู้รึไม่ว่าเราเป็นอสุภะ
แต่ที่ยืนในเมืองนี้ก็จะต้องหายไปอยู่ดี
———บ้าเอ๊ย!
.
.
“ช-ช่วย...”
“.........”
“...ด้วย”
———ไม่สิ ไอ้ของแบบนั้นน่ะ
“ช่วย...ผม...ด้วย”
“ใครมันจะไปสนเล่าาา!”
ฟุ่บ!
นิ้วมือทั้งห้าพลันวาดออกไปในท่ามุทรา
“ถ้าอยากฆ่าสัตว์ประหลาดนัก!”
มุมปากเริ่มเอื้อนเอ่ยคำบริกรรม
“ก็มาฆ่าชั้นนี่..!”
———เกลกู่ร้องออกมาดังลั่น
“จงหายไป【อสุภะ】!”
ทันใดนั้นทั่วร่างของชายหนุ่มจึงถูกปกคลุมด้วยเส้นเอ็นและโลหิต ใบหน้าซึ่งมีคมเขี้ยวดั่งอสูรและดวงตาสีดำสนิท ทำให้ผู้พบถึงกับหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนไปชั่วขณะ หินในมือล้วนผล็อยตกลงสู่พื้น
เปรี้ยง!
คลื่นช็อคเวฟสีแดงดุจโลหิตสยายออกเป็นวงกว้างจนผู้คนล้มระเนระนาดไปร่วม 10 เมตร กระทั่งไอโลหิตจางลง จึงเผยให้เห็นใบหน้าของอสุภะกำลังจ้องเขม็งกับตัวพื้น เกลยกเท้าขึ้น
———แล้วใส่ท่าพลังจิตสุดแรง
ตูมมมมม!
พื้นที่แถบนั้นพลันเกิดแผ่นดินไหวขนาดย่อม แผ่นหินและพื้นดินล้วนแตกออกเป็นเสี่ยงๆกระจัดกระจายไปทั่วท้องถนน ขณะเดียวกันเชือกที่มัดเด็กชายไว้ก็คลายออก เกลมุ่งไปรับอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา พร้อมกันนั้นก็ร่ายอาคมรักษาให้พอเป็นพิธี
———จากนั้นจึงคำรามลั่น
“ฮู่มมมมมมมมมมมมมม..!”
ก่อนจะอุ้มเด็กหนุ่มทะยานหายไปทั้งอย่างนั้น
.....นั่นคือสิ่งที่เกลคิด
ในชีวิตจริง ณ เวลานี้ เด็กหนุ่มได้ตายลงอย่างน่าอนาถ ตาเหลือก กรามหลุด แขนขาด ไร้อวัยวะเพศ ไส้ทะลัก ทั้งหมดที่กล่าวมาคือสภาพของเด็กหนุ่มในตอนนี้
ทั้งอย่างนั้นแล้ว เขากลับเฉยเมยไม่คิดเข้าไปยุ่ง
———เด็กคนนี้มี【คาร์ม่า】15 จุด
เพราะอย่างนั้นเขาเลยถูกประชาทัณฑ์ด้วยกลุ่มศาลเตี้ย ในความคิดของเกลมีคำว่า <ไร้สาระ> กับ <ปัญญาอ่อน> แปะไว้บนหน้าผากของคนเหล่านี้ แม้ชายหนุ่มจะสงสาร แต่เขาก็ไม่โง่พอจะเอาตัวเองไปเสี่ยง ถ้าจะแค้นก็แค้นคนที่ปาหินใส่เถอะ เกลนึกอย่างนั้นแล้วมุ่งหน้าออกไปยังประตูทิศเหนือซึ่งนัดกับไอริส
“โอ๊ะ! มากันเร็วนี่”
พอมาถึง เขาก็พบกับทั้งสามอยู่ก่อนแล้ว ข้างๆกันก็มีทีมอื่นเกาะกลุ่มอยู่ หลินที่ยามนี้กลับสวมแว่นกอกเกิลทัก “นายไม่ใส่ชุดเกราะหรือเครื่องป้องกันเหรอ?” ทำให้ทางนี้ได้แต่ฉงนตอบกลับ
“อ้าว? แล้วปกติพวกเธอใส่กันเหรอ?”
“แหงสิฟะ ขืนไม่ใส่ป้องกันไว้ก็ตายพอดีสิ เล็บอสุภะน่ะผ่าเหล็กได้สบายเลยนะโว้ย! อย่าบอกนะว่าเรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้?” มาคัสซึ่งเป็นฝ่ายตอบแสดงสีหน้าดูแคลนออกมา
———แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันไม่ชอบเขา
เกลเอ่ยเสียงยียวนว่า “ไอ้รู้น่ะมันของตายอยู่แล้ว แต่ประเด็นที่พูดคือชั้นไม่จำเป็นต้องสวมเครื่องป้องกันอะไรทั้งนั้น ส่วนหนึ่งจะว่าเป็นเพราะแข็งแกร่งก็ได้ล่ะนะ”
“.....เหอะ!”
“เอาน่าๆ ทั้งสองคนก็อย่าทะเลาะกันสิ”
หลินเข้าปรามด้วยท่าสุมาเตอะ กระทั่งเห็นชายทั้งสองไม่ว่าอะไร เธอจึงว่า “ชื่อเกลสินะ ชั้นว่าอย่างน้อยนายก็ควรใส่เกราะอ่อนแบบไลท์อาร์มไม่ก็สนับแขนสนับขาเผื่อไว้ก่อนจะดีกว่านะ” หลินเบนสายตาให้มองไอริสซึ่งสวมเชนท์เมล์เกราะอ่อน ซึ่งหากสังเกตดีๆก็จะพบว่าทุกคนรวมถึงทีมอื่นล้วนมีเครื่องป้องกันและอาวุธพิเศษเป็นของตัวเองกันทั้งสิ้น ทั้งที่สองปีก่อนรุ่นพวกเขายังไม่มีของแบบนี้ให้ใช้เลยแท้ๆ
“ไม่จำเป็น”
เกลตอบห้วนๆ จากนั้นหน้าพวกเขาจึงปรากฏเอแคลร์ยืนถือโทรโข่งจ่อปาก มีเสียงนอยด์ดัง ซ่า! ซ่า! เล็กน้อย จากนั้นเธอจึงประกาศ
“จงฟัง..! วันนี้งานลาดตระเวนของพวกเรากองร้อย 03 เพราะงั้นจะขอชี้แจงสั้นๆ”
———เธอชูนิ้วขึ้น
“กฎมีเพียงข้อเดียว คือห้ามตาย! ถ้าเข้าใจแล้วก็แยกย้ายได้!”
ปรี๊ดดดดดดด!
เสียงไซเรนจากโทรโข่งดังขึ้นแทนสัญญาณ ราวกับตอบสนองต่อเสียงนั้น กลุ่มคนนับร้อยต่างทะยานออกไปทั่วทุกสารทิศโดยมีทีมตามหลัง แน่นอนว่าพวกเขาเองก็เช่นกัน ไอริสซึ่งถือแผนที่ไว้ชูมือขึ้น
“ตามมา!”
หล่อนเอ่ยเสร็จมาคัสและหลินต่างก็โผวิถีตามหลังไปโดยไม่สนใจเกลอีก ชายหนุ่มได้แต่เกาหัวแกรกๆก่อนเดินตามหลังไป ด้วยเหตุนี้รูปขบวนของทีมจึงเป็นทรงข้าวหลามตัดตามแบบมาตรฐาน
“นี่ ภารกิจลาดตระเวนเนี่ยต้องทำอะไรบ้าง?”
“นายไม่รู้เหรอ?” หลินขมวดคิ้วต่อคำถาม โดยมีเกลส่ายพั่บๆแทนคำตอบ เธอว่า
“ภารกิจของเราคือค้นหาตัวมนุษย์ ค้นหาทรัพยากร ถ้าเจออสุภะก็กำจัดซะ”
“อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าในรัศมี 1 กิโลฯนี้ไม่มีพวกอสุภะอยู่เลยซักตัว”
“ฮะฮะ ก็เพราะมันถูกหน่วยลาดตระเวนเก็บไปแล้วน่ะนะ” จากนั้นมาคัสซึ่งฟังบทสนทนาอยู่ก็แทรกขึ้น “ทั้งนี้คงต้องขอบคุณชั้นล่ะนะ ที่เป็นคนจัดการพวกอสุภะซะส่วนใหญ่” เกลเลิกคิ้วขึ้นว่า
“ใคร..?”
“หา? ก็ชั้นไงเล่า!”
“ใครถาม?”
“เฮ้ย! นี่แก..!?” พอได้ยินคำถามกวนเบื้องล่าง มาคัสก็ถึงกับชะงักกึกหันขวับมามองเขาอย่างเอาเรื่อง ทว่าก่อนที่ทั้งสองจะได้เริ่มเปิดฉากทะเลาะกันนั้น สาวหมวยอย่างหลินก็หัวเราะออกมาดังลั่น
“ฮะฮะฮะ ไม่มีอะไรหรอก แค่เห็นพวกนายทะเลาะกันแล้วมันตลกดีน่ะ อุ้บ! ฮะฮะฮะ”
“..........”
ชายหนุ่มทั้งสองได้แต่งงงวยไปชั่วขณะ จากนั้นมาคัสจึงเริ่มยีผมตัวเองปริปากออกมาว่า “เฮ้อ~ ช่างมันแล้วกัน” ก่อนจะก้าวตามหลังไอริสไป ปล่อยให้เกลและหลินรั้งท้ายแถวเอาไว้
———งงแฮะ แต่ถ้าให้เดาดูเหมือนว่ามาคัสจะใจเย็นลงเพราะเห็นหลินหัวเราะสินะ?
เกลลอบขบคิด กระทั่งพวกเขาเดินทางมาไกลร่วม 5 กิโลเมตร ไอริสจึงหยุดพักพลางมองเข็มทิศกับนาฬิกาในมือ จากนั้นจึงหันซ้ายแลขวาอย่างใจเย็น
“ดูเหมือนแถวนี้จะปลอดภัยนะ ทุกคน! พักได้!”
เธอว่าเช่นนั้น ก่อนจะเรียก【พานี • เบนนี】ออกมา หยดน้ำบริสุทธิ์พลันก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือ ไอริสป้องช้าๆก่อนจะยกดื่มรวดเดียวหมด มาคัสและหลินเองก็ทำตามด้วยเช่นกัน ดูเหมือนการเดินทางไกลโดยสวมเกราะหนักจะเป็นเรื่องยากไม่ใช่เล่น เกลซึ่งไม่สวมเกราะซ้ำมีร่างเป็นกึ่งอสุภะจึงได้แต่มองเผินอย่างสบายใจ
———ช...ช่วย...ด้วย
“......!?”
“หืม? พลทหารเกล,มีอะไรงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มไม่ตอบกลับ กลับกันเขาเอาแต่นิ่งงันพร้อมหันซ้ายแลขวาเป็นพัก เกลได้ยินเสียง เสียงของใครซักคนซึ่งห่างออกไปราวๆ 50 เมตร ด้วยหูกึ่งอสุภะนี้ทำให้เขารับรู้ได้ถึงตัวตนนั้น
———อยู่ไหน?
ช่วย...ด้วย
———อยู่ที่ไหนกัน!?
“ช่วยข้า...ด้วย”
“ตรงนั้น!”
เกลเบิกตาโพลงทะยานร่างไปยังต้นตอของสัมผัสเสียงด้วยสัญชาตญาณ “ฮ-เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนสิ! พลทหารเกล!” ไอริสร้องเรียกพร้อมกับวิ่งตามหลังไป
———จากนั้นหล่อนจึงพบกับถ้ำเล็กๆแห่งหนึ่ง
ในนั้นมีชายวัยกลางคนกำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ เกลไม่รอช้า พุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมร่าย【จิวาล • กา • จอลล์】เพื่อรักษาแผลทันที พอเข้ามาใกล้ถึงได้สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นขาขาดไปข้างหนึ่ง
“อ-อ้ากกกกก..!”
“แข็งใจไว้นะลุง!”
เขาว่าเสร็จ ข้างกายก็เผยให้เห็นไอริสเข้าช่วยเกลอีกแรงหนึ่ง จากนั้นมาคัสและหลินจึงเข้ามาสมทบ เป็นนี้อยู่ราวๆ 10 นาที แผลของชายตรงหน้าจึงปิดสนิทลง
ฟู่ว!
น่าเสียดายที่เขาไม่พบขาส่วนที่เหลือ ดังนั้นชายตรงหน้าจึงต้องพิกาลไปชั่วชีวิต กระนั้นการเสียขาข้างหนึ่งก็ดีกว่าเสียชีวิตทั้งๆอย่างนี้ เกลตระหนักเช่นนั้นพลางปาดเหงื่อบนหน้า เขาทัก
“เป็นไงบ้าง?”
“.....อืม อาการเจ็บข้าเริ่มทุเลาแล้วล่ะ ต้องขอบคุณเจ้าจริง”
“ข้า? นี่ลุงเป็นคนยุคไหนเนี่ย?” มาคัศโพล่งถาม ส่งผลให้ไอริสและหลินเขม่นมองกลับไปจนเจ้าตัวได้แต่ถอยห่างออกไป ตอนนั้นเกลก็แทรกขึ้น
“พักก่อนเถอะ ลุง––”
“ข้ามีนามว่า【ทองดี】เช่นนั้นก็เลิกเรียกลุงๆได้แล้ว”
“อย่าพูดเยอะน่า แผลยังไม่หาย...เดี๋ยวนะ––กี้ลุงบอกว่าชื่อ?”
“ทองดีอย่างไรเล่า? ทำไมเรอะ?”
“.........”
———คงไม่ใช่สินะ?
۞۞۞
ความคิดเห็น