ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNagain ขอเกิดใหม่,พระเจ้า(ไม่)ให้

    ลำดับตอนที่ #9 : Ep.09 - Seraph

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.9K
      214
      2 ม.ค. 60

    UNagain.09 – Seraph

    ฮู่มมมมมมมม~~!!”

    เกลตื่นตัวด้วยสัญชาตญาณ แม้ยังหวาดกลัว,ทว่าจากการตายมาร่วม 3 ครั้ง เกลก็รับรู้ได้ว่าหากไม่หลบตนคงเละเป็นจุลแน่————เกลฝืนรั้งสติ,ดีดตัวหลบไปด้านข้าง ส่งให้ <อสุรกายจู่โจมพลาดเป้าปะทะต่อหนามแหลมเข้าอย่างจัง

    พอเห็นเช่นนั้น เกลจึงโล่งอกคาดว่าอีกฝ่ายคงดับอนาถไปทั้งอย่างนั้น

    ซึ่งเขาคิดผิด————อสุรกายตัวนี้แม้จะถูกหนามนรกทิ่มแทงเข้าอย่างจัง ทว่ามันกลับสั่นระริกแล้วสะบัดตัวอย่างคลุ้มคลั่งหมายให้ร่างหลุดออกจากดงหนาม เกลถึงกับสั่นสะท้านผิดคาด เมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังคงมีชีวิตอยู่แม้หนามแหลมจะทิ่มเข้ากลางศีรษะหรือลำตัวจนเผยธารโลหิตไหลนองอยู่ตามพื้น

    ขืนเป็นอย่างนี้,ไม่ช้าเร็วมันต้องหลุดจากดงหนามได้แน่

    เกลไม่ลังเล,สมองแล่นวาบด้วยความคิด วิ่งออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มีไปเบื้องหน้าให้ไกลสุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะกล่าวว่าสุดแรง กระนั้นยามนี้เขากลับอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า เรี่ยวแรงจึงถดถอยลงไปอักโข พอวิ่งไปได้เพียง 30 ก้าว เกลก็พลันหอบหายใจยันมือกับพื้นปวดร้าวไปทั่วตัว

    ...เราต้อง...รีบหนี

    นึกอย่างนั้นพลางหันกลับไปมอง————แล้วเกลจึงเบิกตาค้างอีกครั้ง เมื่อพบว่ามันหลุดออกจากดงหนามได้สำเร็จ อสุรกายยักษ์จ้องเกลอย่างถมึงทึง ร่างของมันแม้จะปรากฏรูพรุนและควันร้อนออกมา ทว่าสองเท้าหนักกลับก้าวอาดเข้าหาเกลอย่างไม่รู้สึกรู้สา

    ประกอบกับร่างสูงใหญ่นี้ชโลมไปด้วยเลือดจึงทำให้เกลถึงกับหวาดกลัวแผดร้องออกมาดังลั่น ทุกอณูส่วนยามนี้ล้วนชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อกาฬ

    ชายหนุ่มกระเสือกกระสนคลานถอยหลังลาดติดกับพื้น ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ย่างก้าวเข้ากดดัน

    ชั่วพริบตา,อสุรกายนี้ก็พลันถีบตัวออกกระโจนเข้าใส่เกลดั่งสุนัขคลั่ง

    ว๊ากกกกกกกกกกกก~~~!”

    สวบ!

    .

    .

    ณ ศูนย์กลางของฝุ่นควันกลับปรากฏร่างของอสุรกายยักษ์ยืนทื่อต่อหน้าชายหนุ่ม เขี้ยวยาวของมันจรดปลายจมูกเกลเกือบต้องสัมผัส ลมหายใจร้อนส่งกลิ่นอับฉุนแผ่ซ่านออกมาจนเขาแทบสำรอก

    เกลถึงกับหยุดหายใจมองอีกฝ่ายที่เบิกตากว้างแทบถลนออกมาอย่างหวาดหวั่น กระทั่งเริ่มตั้งสติได้ เกลจึงสูดหายใจลึกเหลือบมองมือขวาตนซึ่งกำหอกไว้แน่นโดยยันด้ามจับค้ำไว้กับพื้นดิน

    เหนือสุดของปลายหอก,ยามนี้กลับแทงทะลุเข้ากลางอกของอสุรกาย

    ตำแหน่งลิ้นปี่ถึงกับกลวงโบ๋กลางเป็นรูขนาดใหญ่

    ติ๋ง..ติ๋ง..

    กี๊ซซซ...ซซ...

    มันหรี่ตาลง————ขณะเดียวกันก็พ่นโลหิตออกมาเป็นฟูมฝอยชโลมทั่วศีรษะของชายหนุ่มจนสะดุ้งเฮือก เกลไม่กล้าขยับไปไหน,กระทั่งนิ้วก็ยังไม่อาจกระดิกได้เลยด้วยซ้ำ เขาได้แต่ปล่อยให้อสุรกายนี้สำรอกเลือดสีชาดรดร่างกายไปทั่วสรรพางค์พร้อมกับสั่นระริกไปด้วยความกลัวอันเปี่ยมล้นภายในใจ

    กระทั่งถึงจุดหนึ่ง ร่างใหญ่นี้จึงแน่นิ่งไม่ไหวติงอีก เกลหอบหายใจหนักอย่างถี่ยิบมองอีกฝ่ายที่ตัวแข็งทื่อยืนคร่อมตน————ทั้งสองค้างตัวในสภาพนี้เป็นเวลากว่า 10 วิ

    ทว่าอาการปากสั่นฟันกระทบของเกลกลับไม่เลือนหายไป ซ้ำร้ายเหมือนจะยิ่งบานปลายหนักข้อขึ้นจนรูม่านตาถึงกับหรี่เล็กกลายเป็นจุดสีดำ ที่ไรฟันเองก็เผยหยาดเลือดไหลรินออกจากมุมปากเป็นพักๆ

    ————ตอนนั้น,เกลก็พลันแผดร้องขึ้น

    “~~~~~~~~~~~~!!!”

    เป็นเสียงร้องที่คล้ายคลึงกับสัตว์ป่าซึ่งแฝงอารมณ์อันหลากหลายไว้ภายใน เป็นเสียงหวีดคล้ายกับลิงผสมนก ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สติดีทั่วไปพึงกระทำ จากนั้นชายหนุ่มก็เหมือนองค์ลงยันเท้าสุดแรงเข้ากลางอกของอสุรกายจนมันล้มตึงไปอีกด้าน พร้อมเพรียงกันก็กระชากหอกออกลิ้นปี่จนเลือดคั่งภายในกระเซ็นเปรอะไปรอบบริเวณ เกลแผดร้องขึ้นอีกครั้ง

    ตายยยยยยยยยยยยยยย~~!!”

    สวบ!

    ตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะตายซะ!”

    สวบ!..สวบ!..สวบ!..

    .

    .

    เสียสติไปแล้ว

    ความกลัวและความเครียด..เป็นนิยามสั้นๆที่พอจะอธิบายได้อย่างเด่นชัด เกลในตอนนี้กำลังถูกความกลัวเข้าครอบงำจนสติแตก ร่างกายกับสมองในยามนี้ก็เหมือนแยกออกจากกันไร้ซึ่งการควบคุม

    ที่เห็นอยู่นี้เป็นเพียงแค่สัญชาตญาณดิบ

    อยากมีชีวิต,ไม่อยากตาย,อยากพัก,ไม่อยากเจ็บ จะอย่างไหนเกลก็ไม่อาจกระทำได้สำเร็จ ดังนั้นปัญหาในใจนี้จึงกดดันความรู้สึกของเขามาตั้งแต่ต้น ดังนั้นที่แล้วมามันก็เป็นเหมือนดั่งระเบิดเวลาที่พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ————กระทั่งความกลัวจับจิตมาผสานเข้ากับความเครียดสุดหยั่ง

    จึงทำให้เกลมีสภาพดังที่เห็น

    แม้จะเหนื่อยแทบสิ้นสติ,ทว่า <ความบ้าคลั่งนี้กลับทลายสิ่งที่เรียกว่าขีดจำกัดของมนุษย์ ชายหนุ่มร่ำไห้ออกจากหางตาเป็นทางยาวชโลมไปทั่วใบหน้า เฉกเดียวกับหยาดโลหิตที่เปื้อนกระเซ็นตามตัวจนถูกย้อมกลายเป็นสีแดงฉาน เกลหยุดหอกลงพลางหอบหายใจปนเปกับร้องไห้ออกมาอย่างสับสน

    ฮึก....ฮือ....ฮือ.....

    ทันใดนั้น ณ เบื้องหน้าเกลก็พลันปรากฏ <คลื่นที่บีบตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เขาสูงทั้งสองลูกเริ่มเคลื่อนขนาบกัน ห่างออกไปเพียง 50 เมตร,หนามแหลมทั้งสองด้านก็คงเข้าบดขยี้ร่างของเกลอย่างไม่ต้องสงสัย

    กระนั้น,ในห้วงเวลาเป็นตายนี้เกลกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง ความคิดอ่านในหัวกำลังหมุนวนอลหม่านยากคาดเดา เกลพึมพำว่า “ทั้งตกงาน..ทั้งแฟนทิ้ง..หรือกระทั่งฆ่าพ่อแม่ไปโดยไม่รู้ตัว ไอ้เรื่องแบบนี้น่ะ————”

    กึด!

    หายไปซะให้หมด!!”

    เกลคำรามลั่นแล้วเหวี่ยงหอกออกเป็นวงกว้างเข้าปะทะต่อเขาสูงทั้งสองลูก ความแค้นต่อโชคชะตาได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลัง ที่คมหอกของสามง่ามพลันบังเกิดละอองแสงสีดำแดงขึ้นย่อมหนึ่ง แล้วพริบตาก็พลันขยายตัวขึ้นเป็นมวลแสงขนาดใหญ่พุ่งโผออกไปราวกับกระสุนปืนจากวัตถุดาวเทียม

    มันพุ่งเข้าปะทะหว่างกลางของหนามแหลมทั้งสอง จนบังเกิดเสียงสะท้านไปทั่วสถานีที่สามแห่งนี้

    เปรี้ยงงงงงงง!

    ลำแสงสีดำแดงกลับเหนือล้ำกว่าปราการเหล็ก มันทะลวงหนามแหลมจนเลือนหายไปเป็นทางยาวราวกับถูกคว้านออกไปส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันพอส่วนหนามถูกทำลายเนื้อในของเทือกเขาก็เหมือนกับถูกลำแสงดำแดงนี้ต้านเอาไว้ จึงทำให้เขาสูงที่กำลังบีบตัวเข้าหากันอยู่ถึงกับชะงักกึกยื้อแย่งพลัดกันดัน

    เป็นเช่นนี้อยู่ราว 2 นาที,แล้วตอนนั้นเขาสูงทั้งสองลูกจึงชะลอตัวลงค้างอยู่กับที่ เช่นเดียวกับลำแสงดำแดงที่อ่อนแรงลงแล้วจึงเลือนหายไปราวกับอากาศอย่างไร้แก่นสาร

    แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...

    เกลสมองเบลอจนยากรับรู้สิ่งใดอีก ความเหนื่อยล้าอันหนักอึ้งทำให้เขาไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้มากนัก

    แล้วเกลจึงล้มตึงกับพื้นสิ้นสติไปทั้งอย่างนั้น

    ۞۞۞

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×