คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #91 : Ep.09 - Arthur
UNagain.09 – Arthur
“ตายอีกแล้วสินะ?”
ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกได้อย่างนั้น ข้างๆกันก็เผยให้เห็นกริชกำลังนั่งซึมอยู่
พวกเขาทั้งสองล้วนไร้อาภรณ์สวมใส่ ดังนั้นจึงเป็นที่แน่ชัดว่าเสื้อผ้านั้นคงถูกท่าพลังจิตบดขยี้เป็นเศษซากไปแล้ว
“ขอโทษด้วย”
ชายหนุ่มเปรยขึ้นเบาๆ จนเธอได้สติ หญิงสาวส่ายหน้าตอบ
แล้วเอ่ยกลับอย่างนุ่มนวล
“อย่าคิดมากน่า ยังไงเราก็ยังสามารถฟื้นขึ้นมาใหม่ได้––”
“โกหก”
“เอ๋?”
ทันใดนั้นน้ำเสียงอันหยาบกระด้างก็เข้าแทนที่
ใบหน้าของกริชพลันละลายออกอย่างช้าๆโลหิตปนน้ำเหลืองชวนสะอิดสะเอียนล้วนไหลนองอยู่กับพื้น
ใบหน้านั้นกลับกลายเป็นรูโหว่เผยให้เห็นเนื้อกะโหลกอยู่ภายใน ดวงตาอันมือบอดนั้นกำลังจับจ้องมาที่เธออยู่
“พวกเราไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อีก เจ้าก็รู้”
“.......!?”
รูปลักษณ์และน้ำเสียงพลันแปรเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น ตรงหน้าของแพทหลงเหลือเพียงเศษเนื้อละลายกองอยู่กับพื้น
และโครงกระดูกซึ่งกำลังพูดออกมาราวกับนี่เป็นเรื่องปกติ
“น-นายเป็นใคร? ไม่สิ...นายเป็นตัวอะไรกันแน่!?”
“เจ้ารู้จักข้า”
รู้จักงั้นเหรอ? เจ้าโครงกระดูกนี่พูดอะไร!? แล้วกริชล่ะ..? แพทตี้ขบคิดอย่างสับสน
ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นก่อนจะก้าวเข้ามาอย่างแช่มช้า หญิงสาวพลันเหงื่อแตกพลั่ก
ขณะเดียวกันก็เผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสะดุดล้มกับบางสิ่ง จนก้นจ้ำเบ้ากับพื้น——
สิ่งนั้นก็คือศีรษะของมนุษย์ เป็นศีรษะของเด็กชายคนหนึ่ง
“ท่านแม่.....”
เฮือก!
ร่างกายของเธอพลันสั่นสะท้านจนขนลุกซู่ นี่มันอะไรกัน? ความรู้สึกเศร้าปนหวาดกลัวนี่..!?
เธอจ้องมองไปยังศีรษะเด็กซึ่งเอื้อนเอ่ยคำพูดสลับกับชิ้นส่วนโครงกระดูกซึ่งกำลังย่างเข้ามาทีละน้อย
เธอรู้สึกผิด รู้สึกกลัว รู้สึกหดหู่
อยากตาย! เราอยากตายให้มันพ้นๆไปซะ..!
.
.
“ท่านทำแบบนั้นไม่ได้หรอกท่านแม่”
“ใช่แล้ว เจ้านั้นมันบาปเกินไป
ความตายไม่อาจช่วยเจ้าได้”
“พอได้แล้ว..!”
———แพทตี้ตะโกนออกไป
“พวกนายเป็นใคร! พวกนายต้องการอะไรกันแน่..!?”
“ข้าคือบุตรของท่าน ข้าต้องการไออุ่น”
“ข้าคือสหายของเจ้า ข้าต้องการสันติสุข”
ทันทีที่เอ่ยจบ โครงกระดูกไร้ร่างจึงทะยานเข้าประชิดพลางแทงมือเข้ากลางอกของหล่อนจนเผยหยาดโลหิตพวยพุ่งออกมา
“อ่อก..!?”
แพทตาเหลือกค้าง ขณะเดียวกันสติก็เริ่มสั่นคลอน
อากาศรอบตัวพลันหนาวเหน็บขึ้นในชั่วเสี้ยววิ เลือดไหลออกมุมปากจนยากแก่การพูดคุย
เลือดไหลออกจมูกจนยากหายใจ
“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร? ปรารถนาสิ่งใดอยู่?”
โครงกระดูกเอ่ยเสร็จจึงกระชากมือออก
เผยหัวใจของเธอเต้นตุบอยู่ในอุ้งมือของมัน ร่างบางไร้เรี่ยวแรงจะเสวนาต่อ
แพทถึงกับทิ้งดิ่งลงกับพื้นดังสนั่น จากนั้นจึงภาพตรงหน้าจึงดับวูบ
———หลงเหลือไว้เพียงเสียงแหบพร่าของอีกฝ่าย
“เรียกข้าออกไปสิ”
.
.
.
เปรี้ยง!
ทันทีที่ศรเพลิงระเบิดออก
หมู่ควันจำนวนมากจึงพวยพุ่งออกมาอย่างคับคั่ง นิรยบาลฉีกยิ้ม
คาดว่าหญิงสาวตรงหน้าต้องตกตายไปแล้วอย่างแน่นอน
ดังนั้นมันจึงเบนสายตาไปทางกริชซึ่งกำลังนอนทรมานไร้แขนอยู่กับพื้น “ถึงตาเจ้า” นิรยบาลเปล่งคำพูดอำมหิต
ก่อนจะเหยียดเท้าข้างหนึ่งหมายทะยานออกไป
“เจ้าคิดสังหารข้างั้นเหรอ?”
กึก!
ร่างของผู้คุมชะงัก เสียงใสแต่เปลี่ยนสรรพนามนั้นก้องออกมาจากหมู่ควันด้านหน้า
มันยังไม่ตาย!? ความคิดนี้พลันแล่นเข้าโสดประสาททันที
นิรยบาลเมื่อรับรู้เช่นนั้นจึงเล็งคันธนูไปยังทิศทางตรงหน้า
“ก็แล้วเป็นเช่นไร!? ยังไงเจ้ามันก็แค่คนบาปผู้หนึ่ง”
ป่งงงง!
ศรเพลิงทะยานออกไปดั่งใจคิด
แรงเสียดทานในอากาศนี้ส่งผลให้หมู่ควันกระจายออกไป ขณะเดียวกันเมื่อมันสัมฤทธิ์ผลปะทะต่อเป้าหมายตรงหน้า
เสียงกัมปนาทก็ดังขึ้นสะท้านไปทั่ว
เปรี้ยง!
ตอนนั้นม่านหมอกจึงเลือนหายไปเผยให้เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง
———ยืนตั้งดาบใหญ่สูงสองเมตรขนานกับพื้น
“อาคมชั้นสูง..!?” นิรยบาลถึงกับตระหนก
เพราะดาบสองคมเบื้องหน้านั้นสามารถรับท่าพลังจิตได้ปกติสามัญ การจะป้องกันท่าพลังจิตจำต้องใช้ท่าพลังจิตด้วยกันต้านทาน
แต่การกระทำตรงหน้านั้นกลับเป็นเพียงแค่การหยิบดาบมาตั้งไว้ หากเป็นเช่นนี้ย่อมแสดงว่าอาคมของอีกฝ่ายต้องแข็งแกร่งกว่าแน่นอน
ไม่ได้การแล้ว!
มันลอบสบถนึกย่ำแยอยู่ในใจ
ก่อนจะถอยออกมาเตรียมร่ายอาคมที่แข็งแกร่งกว่าเก่า ทว่าตอนนั้น เพียงชั่วพริบตาที่มันตบเท้าออกไป
สตรีผมขาวก็พลันเลือนหายไปด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นเสียงกระซิบก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง
“ความตายนั้นน่ากลัวนัก หากเป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากสังหารเจ้า”
“อะไร..!?”
คว้าก!
เสียงฉีกขาดดังขึ้น คมดาบซึ่งวาดออกไปส่งผลให้ร่างของนิรยบาลถึงกับขาดครึ่งเป็นท่อนบนและล่าง
ไส้สีชมพูไหลทะลักออกมา ขณะเดียวกันมันก็เหมือนนกไร้ปีก
ร่างกายที่เสียสมดุลนี้ทำให้อีกฝ่ายล้มตึงกับพื้นอยู่ในสภาพปางตาย นิรยบาลนอนหายใจรวยรินจ้องมองฟ้าสีแดงฉานอย่างฉงน
นี่มันเรื่องอะไรกัน? จากปลอกคอนั่นย่อมแสดงว่าพวกมันเป็นหน้าใหม่ที่เพิ่งลงมายังขุมนรก
———แล้วทำไมมันถึงใช้อาคมชั้นสูงได้เล่า..!?
“ค่อก..! อ-อ้ากกกกกกก!”
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่ว
นิรยบาลซึ่งตัวขาดครึ่งแต่ยังมีลมหายใจอยู่จำต้องดิ้นทุรนทุรายเพื่อบรรเทาอาการเจ็บตามสัญชาตญาณ
มันฝืนมองไปยังศัตรูตรงหน้าแล้วคำรามอย่างยากลำบาก
“ฝีมือเช่นนี้ย่อมผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก! จงบอกมาเจ้าเป็นใครกันแน่!?”
“ถ้าหากนั้นเป็นการกระทำเพื่อสันติ
ข้าก็จักบอกนามนั้นให้”
ดวงตาซึ่งเดิมเป็นสีฟ้าเปอร์เซีย
ยามนี้กลับกลายเป็นสีแดงฉานวาวโรจน์ดุจทับทิม
“นามข้าคือ【อาเธอร์ • เพนดราก้อน】”
“.........!”
เมื่อได้ยินก็ถึงกับถ่างตาค้าง ขณะเดียวกันพอเพ่งมองไปยังมือซ้ายซึ่งสลักตราศาสนาและเมอร์ริธไว้
มันจึงตื่นตะลึงงัน ตราสัญลักษณ์ซึ่งสมควรว่างเปล่า กลับถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์กางเขน
เช่นเดียวกับเมอร์ริธของเธอซึ่งสมควรเป็นศูนย์เอง ยามนี้ก็กลับเพิ่มพูนเป็นหลักสิบ
และมันก็ไม่ใช่แค่หลักสิบขั้นต้น
เมื่อนับเรื่อยๆใบหน้าของนิรยบาลก็ยิ่งซีดเผือด
สิบ..ยี่สิบ..สามสิบ..สี่สิบ..ห้าสิบ
.
.
.
หกสิบจุด!
“บ-บ้าน่า!? แฮ่ก!...เมอร์ริธขนาดนั้น! แฮ่ก!...นี่เจ้าอยู่ในนรกมานานแค่ไหนกัน!?”
“ข้าหลงลืมไปนานแล้ว ว่าแต่เจ้าเถอะ”
หญิงสาวควงดาบขึ้นเหนือศีรษะหนหนึ่ง ก่อนจะฟันมันลงกลางตัวอีกฝ่ายในชั่วอึดใจ
โผล๊ะ!
“จะอยู่ในนรกอีกนานแค่ไหนกัน?”
۞۞۞
ความคิดเห็น